องค์หญิงของราชวงศ์คนหนึ่งที่ก่อนเกิดเหตุใหญ่ในแคว้น สิ่งที่คิดมิใช่ว่าจะช่วยเหลือราษฎรเยี่ยงไร แต่กลับวางแผนกำจัดคนของตนด้วยความปรารถนาอันเห็นแก่ตัว!แต่เซียวยังคงโต้แย้ง เมื่อเห็นว่าพบผงยามากมายถึงเพียงนี้ การจะโยนความผิดไปให้หลิงอวี๋คงเป็นไปมิได้แล้ว!เซียวทงกลอกตาพลางตะโกนออกมา “ฉินรั่วซือ เหตุใดเจ้าถึงร้ายกาจถึงเพียงนี้! ข้าพาเจ้าออกมาด้วยจะได้มีประสบการณ์ แต่เจ้ากลับเอายาที่ร้ายกาจพวกนี้มา!”“เจ้าคิดจะทำร้ายผู้ใดกัน?”ฉินรั่วซือตกใจจนคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง พลางตะโกนอย่างกังวล“องค์หญิงหก ท่านจะตรัสส่งเดชมิได้นะเพคะ! ยาเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นขององค์หญิง… หม่อมฉันมิรู้เลยว่ามียามากมายถึงเพียงนี้ซ่อนอยู่ในรถม้า!”“ท่านพี่ ท่านเชื่อข้านะ ข้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่!”ฉินรั่วซือมองไปทางฉินซานอย่างขอร้องตอนนี้นางกลัวจริง ๆ อันตรายเหล่านี้ หากโทษมาตกอยู่ที่นาง เช่นนั้นนางคงถูกตัดหัวแน่!“ท่านพี่ ข้าถูกองค์หญิงหกบีบบังคับให้มา! ข้ามาโดยที่มิได้เก็บกระทั่งอาภรณ์และกระเป๋าเดินทางด้วยซ้ำ… ยาพวกนั้นไม่ใช่ของข้าจริง ๆ!”ฉินซานเหลือบมองฉินรั่วซืออย่างเงียบ ๆ เขารู้จักน้องสาวของต
ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เซียวทงรู้สึกเขินอายที่จะเอื้อมมือไปเกา!อดทนไว้ อดทนอีกหน่อยแล้วมันจะผ่านพ้นไป… ตราบใดที่นางสามารถอดทนได้นานกว่าฉินรั่วซือ นางก็พ้นจากอันตรายแล้ว!แต่ยิ่งอดทนก็ยิ่งทรมาน!เซียวทงอดมิได้ที่จะตะโกนออกไป “หลิงอวี๋ เอายาแก้พิษมาให้ข้า… หากพวกเจ้ามิให้ข้า ข้าจะบอกเสด็จพ่อว่าพวกเจ้าจงใจทำให้ข้าลำบากเพื่อขับไล่ข้ากลับป…”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนต่างก็มองนางอย่างเย็นชา ไม่สะทกสะท้านใด ๆเซียวทงโวยวายอยู่เป็นเวลานาน จนทนความเจ็บปวดมิได้ก็พุ่งเข้าไปเตะฉินรั่วซืออย่างบ้าคลั่ง“นางสารเลว รีบสารภาพเร็วเข้า! หากเจ้าทำให้ข้าตายไปแล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด?”ฉินซานก้าวไปขวางตรงหน้าของฉินรั่วซือด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ยิ่งทำให้เซียวทงโกรธขึ้นอีกไฉนทุกคนจึงมองตนด้วยสายตารังเกียจเล่า!“หลิงอวี๋ พี่สี่ ข้าจะบอกพวกท่าน ครั้งสุดท้ายที่ให้ข้าใส่ร้ายเจ้าว่าขโมยของในงานเลี้ยงชมบุปผานั่นเป็นความคิดของฉินรั่วซือ...”เซียวทงจ้องฉินรั่วซืออย่างทั้งกังวลทั้งเกลียดชัง จากนั้นก็บอกทุกอย่างออกไป“ฉินรั่วซือเป็นคนช่วยเสิ่นจวนกระจายข่าว และนางก็เป็นคนรายงานข่าวให้จ้าวซิงด้วย… มิเช่นนั้นข้า
หากเซียวทงมิสารภาพ ฉินรั่วซือก็มิรู้ว่าตนจะอดทนต่อไปได้หรือไม่!“เซียวทง ลงชื่อเสีย แล้วข้าจะให้ยาแก้พิษแก่เจ้า!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนโบกมือ ท่านจินต้าก็ส่งคำสารภาพเป็นลายลักษณ์อักษรให้เซียวหลินเทียนนี่เป็นความเคยชินของเขาที่ปลูกฝังหลังจากติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี คำพูดไม่มีน้ำหนัก มีเพียงหลักฐานเท่านั้นที่ทำให้เซียวทงหยุดปฏิเสธได้เซียวทงรู้สึกคันจนทรมาน แต่เมื่อพิจารณาว่าตนก็มิได้ทำผิดพลาดใหญ่โตอะไร เซียวหลินเทียนคงมิกล้าจัดการตนหรอก!หลังจากนี้นางสามารถใช้เรื่องที่เซียวหลินเทียนทรมานนางบีบเอาคำสารภาพมาช่วยให้หลุดพ้นได้เซียวทงลงนามอย่างสบายใจ แล้วขอยาแก้พิษจากเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนขยิบตาให้ลู่หนาน ลู่หนานจึงจงใจเอายาแก้พิษและน้ำแกงยาระบายที่ทหารองครักษ์ตักออกมาเมื่อครู่ พร้อมเพิ่มยาระบายให้กับองค์หญิงหกเซียวทงแค่อยากจะกำจัดความทรมานจากผงคันจึงมิสนใจ พลันรับยาแก้พิษมาแล้วดื่มน้ำแกงจนหมดเกลี้ยงสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงหก ดูเหมือนว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลี่ว์จงเจ๋อแล้ว จะไม่มีสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของลู่หนานเลยหลี่ว์จงเจ๋อตะลึง ทั้งยังสงสัยว่าลู่ห
กองทัพขนาดใหญ่ออกเดินทางกันแล้ว แต่ยังมิทันที่จะลงจากภูเขา เม็ดฝนก็เริ่มตกลงมาแล้วบนภูเขาไม่มีที่กำบังฝน องครักษ์ที่เซียวหลินเทียนส่งไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้านี้กลับมารายงานว่ามีวิหารที่ทรุดโทรมอยู่ข้างหน้าไปสิบลี้ที่เป็นที่หลบฝนชั่วคราวให้ได้ ทุกคนจึงเร่งความเร็วไปที่นั่นกันเซียวทงมิได้กินอะไรเลยทั้งวัน ดังนั้นน้ำแกงจึงเข้าสู่กระเพาะอย่างรวดเร็วนางเพียงรู้สึกว่าท้องของนางบิดและปวดขึ้นมา แล้วความอยากขับถ่ายก็เข้ามาหานางอย่างแรงเวลานี้เซียวทงยังมิได้สติว่าตนได้ดื่มน้ำแกงนั้นไป ยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่ไม่ได้ขับถ่ายในตอนเช้านางคิดว่าข้างนอกฝนตกอยู่ จึงอดทนรอจนถึงวิหารทรุดโทรมก่อนแล้วค่อยขับถ่ายไหนเลยจะคิดว่าทนไปได้มิเท่าไหร่ ท้องก็คำรามขึ้นมาอีก ความอยากขับถ่ายอันแรงกล้าก็พุ่งไปที่ทวารหนักอย่างรวดเร็ว"จอด ข้าอยากขับถ่าย!"เซียวทงตะโกนอย่างกังวลแต่องครักษ์ข้างนอกต่างเร่งรีบที่จะออกเดินทาง ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่ม ใครจะยอมหยุดกันเล่า!ประกอบกับที่มีคำสั่งจากท่านอ๋องอี้ด้วย หากเขามิอนุญาตก็ไม่มีใครกล้าหยุดรถทั้งน
เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “แม่ทัพฉิน ข้ามิใช่คนไร้เหตุผล ข้าให้โอกาสนางได้ แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ในเมื่อฉินรั่วซือเป็นน้องสาวของเจ้า ก็ให้เจ้ารับผิดชอบแล้วกัน!”“อ้อ งานเบ็ดเตล็ดอาจมิเหมาะกับนาง… เจ้าไปดูทางพระชายาว่ามีสิ่งใดที่เหมาะกับนางหรือไม่!”“ ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซานมีความสุขมาก เขาคุกเข่าลงขอบคุณเซียวหลินเทียน เขารู้ว่าที่เซียวหลินเทียนพูดเช่นนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นหนทางให้ฉินรั่วซือมีชีวิตรอดภารกิจหลักของพวกเขาในการออกเดินทางมาครั้งนี้คือการกำจัดโรคระบาด ทางด้านหลิงอวี๋ยังต้องการกำลังคนอยู่ ขอเพียงเขาขอให้หลิงอวี๋ให้โอกาสฉินรั่วซือได้ช่วย น้องสาวของเขาก็จะมีโอกาสสร้างความดีความชอบฉินซานออกมาตามหาหลิงอวี๋ จากนั้นก็อธิบายเจตนาของตนออกไป หลิงอวี๋จึงเอ่ย“นี่มิใช่งานยากอะไร ให้นางมาช่วยข้าเถิด! ข้าต้องการกำลังคนอยู่พอดี!”ฉินซานหน้าแดงทันที ไม่คิดเลยว่าฉินรั่วซือทำเรื่องเช่นนั้นไปแล้ว หลิงอวี๋ก็ยังเต็มใจที่จะให้โอกาสนางอีกก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าจะขอร้องหลิงอวี๋ทุกวิถีทาง ไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋จะตอบตกลงโดยที่มิต้องให้ตนขอร้องด้วยซ้ำ“พระชายาอ๋องอี้ ข้
ฉินรั่วซือลุกขึ้นยืน ยังคงมิสบายใจเล็กน้อย หลิงอวี๋จะปล่อยนางไปเช่นนี้หรือ?เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนไม่จริงเล่า?“รั่วซือ ไฉนจึงยืนตะลึงอยู่เล่า? รีบไปช่วยแม่นมหลี่อบอาภรณ์เร็วเข้า! ข้าต้องทำงานแล้ว”ฉินซานเหลือบมองฉินรั่วซือ แล้วรีบเดินไปฉินรั่วซือรีบรับอาภรณ์ที่แม่นมหลี่ส่งให้แล้วเอาไปผิงไฟนางแอบเหลือบมองหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยความรังเกียจบนใบหน้าของหลิงอวี๋ จึงค่อย ๆ รู้สึกโล่งใจอีกด้านหนึ่ง ด้านในรถม้าของเซียวทงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น นางเพิ่งจะรู้สึกว่าท้องของนางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จึงสั่งให้นางกำนัลเก็บข้าวของอีกคันหนึ่งให้ตนเองพักผ่อนรถม้าคันนี้มีกลิ่นเหม็นมากจนนางไม่อยากอยู่ที่นี่!แต่ฝนตกหนักมาก บนรถม้าก็เต็มไปด้วยสิ่งของ เป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บมันออกไปได้อีกสักพักเลยซิ่งเอ๋อร์กระซิบ “องค์หญิงเพคะ เข้าไปหลบฝนก่อนเถิดเพคะ! เมื่อฝนซาลงบ่าวจะเก็บของให้ทันที!”เซียวทงตบหน้านางอย่างแรงพลางตะคอก“ตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้ เจ้าจะข้าให้ลงจากรถได้เยี่ยงไรเล่า? จะให้ข้าลงไปให้ทุกคนเห็นเรื่องน่าขำของข้ารึ?”“รีบไปเก็บข้าวของเสีย หากยังชักช้าอีก ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย!”ซิ่ง
หลิงอวี๋ลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว นางทำน้ำขิงและเอาอาหารแห้งกับต้นหมาซือเสียนมาทำโจ๊กให้ทุกคน กระทั่งถึงเวลาที่นางทำงานเสร็จก็ดึกแล้วนางพาเถาจื่อ หลิงซวนและฉินรั่วซือไปแอบในรถม้าของเซียวหลินเทียนเพื่อนอนหลับทุกคนวิ่งวุ่นกันสองวันแล้ว พอนอนลงได้ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเลยฉินซานจัดองครักษ์เฝ้ายามในเวลากลางคืน เขาอยู่ในกะแรกและพาองครักษ์ไปตรวจรอบ ๆเมื่อหันกลับไป ก็เห็นนางกำนัลขององค์หญิงหกยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่เลย ฉินซานเหลือบมองอย่างรังเกียจ แล้วก็เห็นว่าองครักษ์ที่อู่เวยพามาต่างกำลังเอนกายหลับกันอยู่ใต้ชายคาฉินซานส่ายหัวแล้วนำคนของเขาลาดตระเวนให้กว้างขึ้นฉินซานเพิ่งจะไป กลุ่มคนชุดดำสวมหน้ากากก็ย่องเข้ามาจากด้านหลังวิหารทรุดโทรมภายใต้ฝนที่ตกอย่างหนักนางกำนัลคนหนึ่งขององค์หญิงหกทนกลิ่นในรถม้าไม่ได้ จึงแอบไปอาเจียนอยู่หลังกำแพง กระทั่งนางออกมา ก็เผชิญหน้ากับคนชุดดำเหล่านี้เข้าแต่ยังไม่ทันที่นางจะกรีดร้องออกมา นางเห็นมีดแวววาวแวบผ่านมา แล้วหัวของนางก็ขาดออกไปทันที...หัวหน้าของกลุ่มคนชุดดำเตะหัวนางกำนัลเข้าไปในพงหญ้า จากนั้นก็กวาดสายตาแล้วทำสัญญาณมือ ส่วนคนที่เขาพามาก็แบ่งออกเป
คนชุดดำแทงดาบมาหาเขา ฉินซานก้าวช้าไปหนึ่งก้าว ดาบของคนชุดดำจึงฟันมาที่แขนของฉินซานฉินซานหดตัวอย่างรวดเร็ว รู้สึกได้ว่าดาบโดนที่แขนของตน เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนแทบจะจับดาบนิ่ง ๆ ไม่ได้...แต่เขามิใช่คนฝีมือธรรมดา แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็คว้าดาบไว้ได้ทันเวลา จากนั้นก็ย่อตัวลงแล้วเตะขาทั้งสองของคนชุดดำจากนั้นฉินซานก็พลิกตัวกลางอากาศ และเตะเข้าที่คางของคนชุดดำที่คางอย่างแรงคนชุดดำกระอักเลือดออกมา แล้วเลือดที่ผสมกับฝนก็หยดลงกลางอากาศพวกชุดดำหลายคนรีบวิ่งมาพร้อมดาบก่อนที่ฉินซานจะลงถึงพื้นฉินซานกลัวองค์หญิงจะบาดเจ็บจึงก้มลงและคว้าปกเสื้อขององค์หญิงหกแล้วลากนางเข้าไปในวิหารทรุดโทรมองค์หญิงหกตกใจมากจนขาของนางอ่อนแรง ครั้งที่แล้วที่โจรปล้น นางนั่งอยู่ในรถม้ามิได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาของนางเอง!ครั้งนี้เห็นการต่อสู้กับตาของตนอย่างแท้จริงแล้ว!เมื่อครู่มีแวบหนึ่งที่นางคิดว่าฉินซานจะตายด้วยดาบของคนชุดดำเสียแล้ว“เข้าไปก่อน!”ฉินซานผลักองค์หญิงหกแล้วหันกลับมาขวางทางคนชุดดำเอาไว้“ถอย!”ฉินซานตะคอก ทันทีที่เขาต่อสู้กับคนชุดดำก็พบว่าคนชุดดำมีพลังมากในวรยุทธ นี่มันมิใช่โจรธรรม
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต