หลิงอวี๋ลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว นางทำน้ำขิงและเอาอาหารแห้งกับต้นหมาซือเสียนมาทำโจ๊กให้ทุกคน กระทั่งถึงเวลาที่นางทำงานเสร็จก็ดึกแล้วนางพาเถาจื่อ หลิงซวนและฉินรั่วซือไปแอบในรถม้าของเซียวหลินเทียนเพื่อนอนหลับทุกคนวิ่งวุ่นกันสองวันแล้ว พอนอนลงได้ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเลยฉินซานจัดองครักษ์เฝ้ายามในเวลากลางคืน เขาอยู่ในกะแรกและพาองครักษ์ไปตรวจรอบ ๆเมื่อหันกลับไป ก็เห็นนางกำนัลขององค์หญิงหกยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่เลย ฉินซานเหลือบมองอย่างรังเกียจ แล้วก็เห็นว่าองครักษ์ที่อู่เวยพามาต่างกำลังเอนกายหลับกันอยู่ใต้ชายคาฉินซานส่ายหัวแล้วนำคนของเขาลาดตระเวนให้กว้างขึ้นฉินซานเพิ่งจะไป กลุ่มคนชุดดำสวมหน้ากากก็ย่องเข้ามาจากด้านหลังวิหารทรุดโทรมภายใต้ฝนที่ตกอย่างหนักนางกำนัลคนหนึ่งขององค์หญิงหกทนกลิ่นในรถม้าไม่ได้ จึงแอบไปอาเจียนอยู่หลังกำแพง กระทั่งนางออกมา ก็เผชิญหน้ากับคนชุดดำเหล่านี้เข้าแต่ยังไม่ทันที่นางจะกรีดร้องออกมา นางเห็นมีดแวววาวแวบผ่านมา แล้วหัวของนางก็ขาดออกไปทันที...หัวหน้าของกลุ่มคนชุดดำเตะหัวนางกำนัลเข้าไปในพงหญ้า จากนั้นก็กวาดสายตาแล้วทำสัญญาณมือ ส่วนคนที่เขาพามาก็แบ่งออกเป
คนชุดดำแทงดาบมาหาเขา ฉินซานก้าวช้าไปหนึ่งก้าว ดาบของคนชุดดำจึงฟันมาที่แขนของฉินซานฉินซานหดตัวอย่างรวดเร็ว รู้สึกได้ว่าดาบโดนที่แขนของตน เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนแทบจะจับดาบนิ่ง ๆ ไม่ได้...แต่เขามิใช่คนฝีมือธรรมดา แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็คว้าดาบไว้ได้ทันเวลา จากนั้นก็ย่อตัวลงแล้วเตะขาทั้งสองของคนชุดดำจากนั้นฉินซานก็พลิกตัวกลางอากาศ และเตะเข้าที่คางของคนชุดดำที่คางอย่างแรงคนชุดดำกระอักเลือดออกมา แล้วเลือดที่ผสมกับฝนก็หยดลงกลางอากาศพวกชุดดำหลายคนรีบวิ่งมาพร้อมดาบก่อนที่ฉินซานจะลงถึงพื้นฉินซานกลัวองค์หญิงจะบาดเจ็บจึงก้มลงและคว้าปกเสื้อขององค์หญิงหกแล้วลากนางเข้าไปในวิหารทรุดโทรมองค์หญิงหกตกใจมากจนขาของนางอ่อนแรง ครั้งที่แล้วที่โจรปล้น นางนั่งอยู่ในรถม้ามิได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาของนางเอง!ครั้งนี้เห็นการต่อสู้กับตาของตนอย่างแท้จริงแล้ว!เมื่อครู่มีแวบหนึ่งที่นางคิดว่าฉินซานจะตายด้วยดาบของคนชุดดำเสียแล้ว“เข้าไปก่อน!”ฉินซานผลักองค์หญิงหกแล้วหันกลับมาขวางทางคนชุดดำเอาไว้“ถอย!”ฉินซานตะคอก ทันทีที่เขาต่อสู้กับคนชุดดำก็พบว่าคนชุดดำมีพลังมากในวรยุทธ นี่มันมิใช่โจรธรรม
หัวหน้ากระโจนเข้ามา พลังของดาบอันแหลมคมชี้ไปที่คิ้วของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนเอนตัวไปด้านหลัง เขาหลบดาบนี้โดยใช้ประโยชน์จากการขยับรถเข็น แล้วใช้ดาบแทงออกมาจากหลังมือ แต่หัวหน้าก็หลบได้อย่างว่องไว เซียวหลินเทียนชักดาบอีกเล่มออกมา ทันทีที่ดาบกำลังจะแทงเข้าไปที่ท้องหัวหน้า เขาก็หลบได้อีกครั้ง “กล้าดีอย่างไรมาท้าทายตัวข้าผู้สูงส่งด้วยทักษะดาบเช่นนี้!” หัวหน้าถากถางและแทงเซียวเทียนหลินอีกครั้ง เซียวเทียนหลินนั่งอยู่บนรถเข็นจึงมิอาจหลบเลี่ยงได้ เขาทำได้เพียงใช้ดาบของเขาต่อสู้อย่างหนักเท่านั้น หลี่ว์จงเจ๋อต่อสู้กับศัตรูพร้อมกับมองทางเซียวเทียนหลินอย่างกังวล อ๋องอี้เสียเปรียบเพราะขาของเขาใช้การมิได้ หากว่าเขาสามารถลุกขึ้นยืนได้ เช่นนั้นคงจะมิเป็นฝ่ายถูกกระทำถึงเพียงนี้ช่วงเวลาสั้น ๆ เซียวหลินเทียนและหัวหน้าต่อสู้กันไปมามากกว่าสิบกระบวนท่า ทว่ายังมิปรากฏผู้ชนะ หัวหน้าอาศัยความจริงที่ว่าร่างที่นั่งอยู่บนรถเข็นของเซียวเทียนหลินไม่มีความยืดหยุ่นมากพอถึงยันไว้ได้นานขนาดนี้ เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ในเวลาเดียวกันก็แอบตกใจด้วยเช่นกัน คิดมิถึงเลยว่าวิทยายุทธของเซียวหลินเทียนจะร
เวลานี้เซียวหลินเทียนราวกับเทพเจ้า ร่างสูงใหญ่ของเขาชุ่มโชกกลางสายฝน ผมของเขาถูกสายฝนชะล้างลงมาจนลู่ติดหน้าผาก แต่เขามิได้ดูน่าอับอายเลยแม้แต่น้อย! รูปลักษณ์อันสง่างามนั้นทำให้ทุกคนแหงนหน้ามอง หลิงอวี๋รู้สึกว่าหัวใจของตนกลับมาเต้นอีกครั้งทันที ความรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อสักครู่หายไปในพริบตา! นางรู้สึกแค่ว่าเซียวหลินเทียนยืนขึ้นเช่นนี้แล้วหล่อมาก! “ข้ามิเป็นไร… ฆ่า…” เสียงร้องคำรามที่สั่นสะเทือนฟ้าดินของเซียวหลินเทียน แล้วยังมีเรื่องที่เขาลุกขึ้นยืนได้แล้วก็ช่วยยกระดับจิตใจของเหล่าองครักษ์ทันที เมื่อจ้าวซวนและลู่หนานเห็นเซียวหลินเทียนร้องคำรามด้วยความโกรธออกมาก็รู้เลยว่าเขาไม่เป็นไรจริง ๆ “ไปเร็ว…” จ้าวซวนเปลี่ยนความกังวลใจที่มีต่อเซียวหลินเทียนเมื่อกี้นี้เป็นแรงกระตุ้น เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งและแทงนักฆ่าทั้งซ้ายและขวา! ลู่หนานและคนอื่น ๆ รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ทำการรักษาขาของเซียวหลินเทียนแล้ว แต่เมื่อกี้กังวลใจมากไปจนลืมว่าเซียวหลินเทียนสามารถเดินได้แล้ว บัดนี้มองเห็นว่าเซียวหลินเทียนลุกขึ้นแล้ว พวกเขามีเพียงความคิดเดียว ในที่สุดท่านอ๋องของพวกเขาสามารถลุกขึ้นย
หลิงอวี๋และท่านจินต้าวิ่งเข้ามาประคองเซียวหลินเทียนทั้งซ้ายและขวากลับไปยังวิหารที่พังทลาย “หม่อมฉันจะตรวจดูให้ท่านเดี๋ยวนี้!” หลิงอวี๋แสร้งทำเป็นตรวจสอบขาของเซียวหลินเทียนอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “สิ่งนี้น่าจะเป็นผลงานของนักฆ่าเมื่อกี้นี้!” “เป็นอย่างไรบ้าง?” เซียวหลินเทียนมองไปทางหลิงอวี๋ เขาอยากได้ยินว่านางจะสร้างเหตุผลอะไรให้เขาฟัง “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันตรวจดูให้ท่าน พบว่าเส้นลมปราณที่ขาทั้งสองข้างของท่านถูกปิดกั้นอย่างแน่นหนาหม่อมฉันทั้งฝังเข็มและต้มยาให้ท่าน แต่ผลที่ได้กลับมิค่อยดีนัก!” “ตอนที่นักฆ่าต้องการสังหารท่านเมื่อกี้นี้ ท่านจะต้องกังวลใจมากเป็นแน่… ยามที่คนเราตกอยู่ในสภาวะวิกฤตก็จะกระตุ้นศักยภาพของตัวเองออกมา บางทีท่านอาจจะกังวลกับการหลบหลีกกระบวนยุทธของนักฆ่า ดังนั้นจึงกระตุ้นศักยภาพของตัวท่านออกมา!” ท่านจินต้ากล่าวอย่างเป็นที่รู้กันว่า “พระชายา ท่านพูดเช่นนี้ ก็คือเมื่อท่านอ๋องทรงกังวล เขาจึงใช้พลังและกำลังภายในเปิดเส้นลมปราณเริ่นและเส้นลมปราณตูทันที ดังนั้นเมื่อท่านอ๋องเปิดเส้นลมปราณจึงสามารถยืนขึ้นได้รึ?” “อืม เหตุนี้แล! ข้าหาได้รู้เรื่องวรยุทธไม่ ข้าทำ
เซียวทงไม่มีแรงจะโต้เถียงเซียวหลินเทียนอีกต่อไป นางจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่เหล่าองครักษ์ที่ง่วนอยู่กับการเก็บศพท่ามกลางสายฝน ศพเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่เคยมีชีวิตมาก่อน! นางมิเคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นศพมากมายขนาดนี้! ความตายใกล้เข้ามาแล้ว! จากนั้นนางจึงตระหนักได้ว่า ถึงแม้ว่าตนจะมีฐานเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ภายใต้ดาบของนักฆ่าเหล่านั้นก็ไม่มีใครได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไปเพียงเพราะสถานะอันสูงส่ง“องค์หญิงหก… กระหม่อมหาท่านเจอแล้ว!” ไม่รู้ว่าอู่เวยเดินกะโผลกกะเผลกมาจากไหน บนตัวของเขาเปื้อนเลือดไม่น้อยซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นของคนอื่นหรือว่าของตัวเอง! แต่เซียวทงยังสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาแห้ง องครักษ์ที่อยู่ตรงนั้นรวมถึงหลิงอวี๋ ไม่ว่าใครต่างเปียกฝนจนชุ่มโชก! อู่เวยกลับไม่เปียกฝนเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า เขาเพิ่งจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่โดนฝน! หากเปลี่ยนเป็นก่อนนักฆ่าจะมา เซียวทงคงจะก่นด่าและสาปแช่งไปแล้ว แต่เวลานี้นางกลับไม่ด่า คนของเซียวหลิงเทียนมิต้อนรับนาง ซิ่งเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครว่างเลย! “องค์หญิงหก ท่า
ทางด้านเซียวเทียนหลิน จ้าวซวนนำมาคนทำความสะอาดสนามรบ นักฆ่าชุดดำส่วนใหญ่ถูกกำจัดออกไปแล้ว มีเพียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกเพื่อนทิ้งไว้ข้างหลังและหนีไม่ทัน เซียวหลินเทียนพาท่านจินต้าไปสอบปากคำนักฆ่าเหล่านี้ หลายคนยังคงต่อต้านอย่างดื้อรั้นและปิดปากเงียบ เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวกับจ้าวซวนว่า “ลงมือ!” จ้าวซวนก้าวมาข้างหน้า เหวี่ยงดาบตัดนิ้วนักฆ่าโดยไม่พูดอะไรสักคำ นักฆ่าผู้นั้นกรีดร้องออกมา เจ็บปวดจนแทบเป็นลมหมดสติ จ้าวซวนกล่าวอย่างไร้ความปรานี “หากมิสารภาพ ข้าจะสับนิ้วพวกเจ้าให้หมด!” นักฆ่าทั้งหลายต่างตกใจกลัวเมื่อเห็นว่าพฤติกรรมของเขานั้นมิได้ด้อยกว่าพวกเขาเลย ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่กับความโหดร้าย แต่เมื่อเห็นนิ้วของตนถูกตัดออกทีละนิ้ว เพียงแค่คิดก็ตัวสั่นแล้ว จึงรีบชิงสารภาพด้วยความหวาดกลัว นักฆ่าคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าเศร้าโศก “ท่านอ๋องอี้ พวกกระหม่อมเองก็ทำตามคำสั่งเช่นกัน เป็นหัวหน้าที่รับภารกิจมา ให้พวกกระหม่อมซุ่มโจมตีท่านอ๋อง!” เซียวหลินเทียนยิ้มหยันแล้วเอ่ยว่า “ไม่รู้งั้นรึ? พวกเจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายรึ? หากมิบอกข้อ
เซียวหลินเทียนและท่านจินต้ายังคงสอบสวนนักฆ่าต่อไป เนื่องจากภารกิจลอบสังหารของทูตซ้ายล้มเหลว หัวหน้าหอจึงส่งทูตขวามาทำภารกิจต่อ พวกเขาจะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อนจึงจะสามารถรับมือได้ดี! เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็คิดว่า ขาของตนสามารถยืนขึ้นได้แล้ว เรื่องนี้แพร่ออกไป องค์ชายคังและองค์ชายเว่ยก็จะกำจัดเขาอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น! เมื่อคิดว่าพี่ชายทั้งสองหานักฆ่ามาลอบสังหารตนจริง ๆ โดยมิสนใจความเป็นพี่เป็นน้องโดยสิ้นเชิง หยดเลือดและความรักในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็ได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ตำแหน่งองค์รัชทายาทสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ถึงกับทำให้พวกเขาลงมือกับตนอย่างเหี้ยมโหดครั้งแล้วครั้งเล่า! เซียวหลินเทียนแอบสาบานว่า ยิ่งพวกเขาต้องการตำแหน่งนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมิยอมให้พวกนั้นสมปรารถนา! เมื่อก่อนเขาไม่อยากต่อสู้กับพวกเขาเพื่อตำแหน่งนี้ บัดนี้ขาของเขายืนขึ้นได้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้… และจะต้องสำเร็จด้วย! หลังจากวุ่นวายตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสาง หลิงอวี๋ยังมิได้พักผ่อน นางพาแม่นมมาต้มโจ๊กให้ทุกคน หลังจากกินเสร็จ เซียวหลินเทียนก็จัดกลุ่มทหารองค