คนชุดดำแทงดาบมาหาเขา ฉินซานก้าวช้าไปหนึ่งก้าว ดาบของคนชุดดำจึงฟันมาที่แขนของฉินซานฉินซานหดตัวอย่างรวดเร็ว รู้สึกได้ว่าดาบโดนที่แขนของตน เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนแทบจะจับดาบนิ่ง ๆ ไม่ได้...แต่เขามิใช่คนฝีมือธรรมดา แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็คว้าดาบไว้ได้ทันเวลา จากนั้นก็ย่อตัวลงแล้วเตะขาทั้งสองของคนชุดดำจากนั้นฉินซานก็พลิกตัวกลางอากาศ และเตะเข้าที่คางของคนชุดดำที่คางอย่างแรงคนชุดดำกระอักเลือดออกมา แล้วเลือดที่ผสมกับฝนก็หยดลงกลางอากาศพวกชุดดำหลายคนรีบวิ่งมาพร้อมดาบก่อนที่ฉินซานจะลงถึงพื้นฉินซานกลัวองค์หญิงจะบาดเจ็บจึงก้มลงและคว้าปกเสื้อขององค์หญิงหกแล้วลากนางเข้าไปในวิหารทรุดโทรมองค์หญิงหกตกใจมากจนขาของนางอ่อนแรง ครั้งที่แล้วที่โจรปล้น นางนั่งอยู่ในรถม้ามิได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาของนางเอง!ครั้งนี้เห็นการต่อสู้กับตาของตนอย่างแท้จริงแล้ว!เมื่อครู่มีแวบหนึ่งที่นางคิดว่าฉินซานจะตายด้วยดาบของคนชุดดำเสียแล้ว“เข้าไปก่อน!”ฉินซานผลักองค์หญิงหกแล้วหันกลับมาขวางทางคนชุดดำเอาไว้“ถอย!”ฉินซานตะคอก ทันทีที่เขาต่อสู้กับคนชุดดำก็พบว่าคนชุดดำมีพลังมากในวรยุทธ นี่มันมิใช่โจรธรรม
หัวหน้ากระโจนเข้ามา พลังของดาบอันแหลมคมชี้ไปที่คิ้วของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนเอนตัวไปด้านหลัง เขาหลบดาบนี้โดยใช้ประโยชน์จากการขยับรถเข็น แล้วใช้ดาบแทงออกมาจากหลังมือ แต่หัวหน้าก็หลบได้อย่างว่องไว เซียวหลินเทียนชักดาบอีกเล่มออกมา ทันทีที่ดาบกำลังจะแทงเข้าไปที่ท้องหัวหน้า เขาก็หลบได้อีกครั้ง “กล้าดีอย่างไรมาท้าทายตัวข้าผู้สูงส่งด้วยทักษะดาบเช่นนี้!” หัวหน้าถากถางและแทงเซียวเทียนหลินอีกครั้ง เซียวเทียนหลินนั่งอยู่บนรถเข็นจึงมิอาจหลบเลี่ยงได้ เขาทำได้เพียงใช้ดาบของเขาต่อสู้อย่างหนักเท่านั้น หลี่ว์จงเจ๋อต่อสู้กับศัตรูพร้อมกับมองทางเซียวเทียนหลินอย่างกังวล อ๋องอี้เสียเปรียบเพราะขาของเขาใช้การมิได้ หากว่าเขาสามารถลุกขึ้นยืนได้ เช่นนั้นคงจะมิเป็นฝ่ายถูกกระทำถึงเพียงนี้ช่วงเวลาสั้น ๆ เซียวหลินเทียนและหัวหน้าต่อสู้กันไปมามากกว่าสิบกระบวนท่า ทว่ายังมิปรากฏผู้ชนะ หัวหน้าอาศัยความจริงที่ว่าร่างที่นั่งอยู่บนรถเข็นของเซียวเทียนหลินไม่มีความยืดหยุ่นมากพอถึงยันไว้ได้นานขนาดนี้ เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ในเวลาเดียวกันก็แอบตกใจด้วยเช่นกัน คิดมิถึงเลยว่าวิทยายุทธของเซียวหลินเทียนจะร
เวลานี้เซียวหลินเทียนราวกับเทพเจ้า ร่างสูงใหญ่ของเขาชุ่มโชกกลางสายฝน ผมของเขาถูกสายฝนชะล้างลงมาจนลู่ติดหน้าผาก แต่เขามิได้ดูน่าอับอายเลยแม้แต่น้อย! รูปลักษณ์อันสง่างามนั้นทำให้ทุกคนแหงนหน้ามอง หลิงอวี๋รู้สึกว่าหัวใจของตนกลับมาเต้นอีกครั้งทันที ความรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อสักครู่หายไปในพริบตา! นางรู้สึกแค่ว่าเซียวหลินเทียนยืนขึ้นเช่นนี้แล้วหล่อมาก! “ข้ามิเป็นไร… ฆ่า…” เสียงร้องคำรามที่สั่นสะเทือนฟ้าดินของเซียวหลินเทียน แล้วยังมีเรื่องที่เขาลุกขึ้นยืนได้แล้วก็ช่วยยกระดับจิตใจของเหล่าองครักษ์ทันที เมื่อจ้าวซวนและลู่หนานเห็นเซียวหลินเทียนร้องคำรามด้วยความโกรธออกมาก็รู้เลยว่าเขาไม่เป็นไรจริง ๆ “ไปเร็ว…” จ้าวซวนเปลี่ยนความกังวลใจที่มีต่อเซียวหลินเทียนเมื่อกี้นี้เป็นแรงกระตุ้น เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งและแทงนักฆ่าทั้งซ้ายและขวา! ลู่หนานและคนอื่น ๆ รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ทำการรักษาขาของเซียวหลินเทียนแล้ว แต่เมื่อกี้กังวลใจมากไปจนลืมว่าเซียวหลินเทียนสามารถเดินได้แล้ว บัดนี้มองเห็นว่าเซียวหลินเทียนลุกขึ้นแล้ว พวกเขามีเพียงความคิดเดียว ในที่สุดท่านอ๋องของพวกเขาสามารถลุกขึ้นย
หลิงอวี๋และท่านจินต้าวิ่งเข้ามาประคองเซียวหลินเทียนทั้งซ้ายและขวากลับไปยังวิหารที่พังทลาย “หม่อมฉันจะตรวจดูให้ท่านเดี๋ยวนี้!” หลิงอวี๋แสร้งทำเป็นตรวจสอบขาของเซียวหลินเทียนอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “สิ่งนี้น่าจะเป็นผลงานของนักฆ่าเมื่อกี้นี้!” “เป็นอย่างไรบ้าง?” เซียวหลินเทียนมองไปทางหลิงอวี๋ เขาอยากได้ยินว่านางจะสร้างเหตุผลอะไรให้เขาฟัง “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันตรวจดูให้ท่าน พบว่าเส้นลมปราณที่ขาทั้งสองข้างของท่านถูกปิดกั้นอย่างแน่นหนาหม่อมฉันทั้งฝังเข็มและต้มยาให้ท่าน แต่ผลที่ได้กลับมิค่อยดีนัก!” “ตอนที่นักฆ่าต้องการสังหารท่านเมื่อกี้นี้ ท่านจะต้องกังวลใจมากเป็นแน่… ยามที่คนเราตกอยู่ในสภาวะวิกฤตก็จะกระตุ้นศักยภาพของตัวเองออกมา บางทีท่านอาจจะกังวลกับการหลบหลีกกระบวนยุทธของนักฆ่า ดังนั้นจึงกระตุ้นศักยภาพของตัวท่านออกมา!” ท่านจินต้ากล่าวอย่างเป็นที่รู้กันว่า “พระชายา ท่านพูดเช่นนี้ ก็คือเมื่อท่านอ๋องทรงกังวล เขาจึงใช้พลังและกำลังภายในเปิดเส้นลมปราณเริ่นและเส้นลมปราณตูทันที ดังนั้นเมื่อท่านอ๋องเปิดเส้นลมปราณจึงสามารถยืนขึ้นได้รึ?” “อืม เหตุนี้แล! ข้าหาได้รู้เรื่องวรยุทธไม่ ข้าทำ
เซียวทงไม่มีแรงจะโต้เถียงเซียวหลินเทียนอีกต่อไป นางจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่เหล่าองครักษ์ที่ง่วนอยู่กับการเก็บศพท่ามกลางสายฝน ศพเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่เคยมีชีวิตมาก่อน! นางมิเคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้เห็นศพมากมายขนาดนี้! ความตายใกล้เข้ามาแล้ว! จากนั้นนางจึงตระหนักได้ว่า ถึงแม้ว่าตนจะมีฐานเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่ภายใต้ดาบของนักฆ่าเหล่านั้นก็ไม่มีใครได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไปเพียงเพราะสถานะอันสูงส่ง“องค์หญิงหก… กระหม่อมหาท่านเจอแล้ว!” ไม่รู้ว่าอู่เวยเดินกะโผลกกะเผลกมาจากไหน บนตัวของเขาเปื้อนเลือดไม่น้อยซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นของคนอื่นหรือว่าของตัวเอง! แต่เซียวทงยังสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาแห้ง องครักษ์ที่อยู่ตรงนั้นรวมถึงหลิงอวี๋ ไม่ว่าใครต่างเปียกฝนจนชุ่มโชก! อู่เวยกลับไม่เปียกฝนเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า เขาเพิ่งจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่โดนฝน! หากเปลี่ยนเป็นก่อนนักฆ่าจะมา เซียวทงคงจะก่นด่าและสาปแช่งไปแล้ว แต่เวลานี้นางกลับไม่ด่า คนของเซียวหลิงเทียนมิต้อนรับนาง ซิ่งเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครว่างเลย! “องค์หญิงหก ท่า
ทางด้านเซียวเทียนหลิน จ้าวซวนนำมาคนทำความสะอาดสนามรบ นักฆ่าชุดดำส่วนใหญ่ถูกกำจัดออกไปแล้ว มีเพียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกเพื่อนทิ้งไว้ข้างหลังและหนีไม่ทัน เซียวหลินเทียนพาท่านจินต้าไปสอบปากคำนักฆ่าเหล่านี้ หลายคนยังคงต่อต้านอย่างดื้อรั้นและปิดปากเงียบ เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวกับจ้าวซวนว่า “ลงมือ!” จ้าวซวนก้าวมาข้างหน้า เหวี่ยงดาบตัดนิ้วนักฆ่าโดยไม่พูดอะไรสักคำ นักฆ่าผู้นั้นกรีดร้องออกมา เจ็บปวดจนแทบเป็นลมหมดสติ จ้าวซวนกล่าวอย่างไร้ความปรานี “หากมิสารภาพ ข้าจะสับนิ้วพวกเจ้าให้หมด!” นักฆ่าทั้งหลายต่างตกใจกลัวเมื่อเห็นว่าพฤติกรรมของเขานั้นมิได้ด้อยกว่าพวกเขาเลย ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่กับความโหดร้าย แต่เมื่อเห็นนิ้วของตนถูกตัดออกทีละนิ้ว เพียงแค่คิดก็ตัวสั่นแล้ว จึงรีบชิงสารภาพด้วยความหวาดกลัว นักฆ่าคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าเศร้าโศก “ท่านอ๋องอี้ พวกกระหม่อมเองก็ทำตามคำสั่งเช่นกัน เป็นหัวหน้าที่รับภารกิจมา ให้พวกกระหม่อมซุ่มโจมตีท่านอ๋อง!” เซียวหลินเทียนยิ้มหยันแล้วเอ่ยว่า “ไม่รู้งั้นรึ? พวกเจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายรึ? หากมิบอกข้อ
เซียวหลินเทียนและท่านจินต้ายังคงสอบสวนนักฆ่าต่อไป เนื่องจากภารกิจลอบสังหารของทูตซ้ายล้มเหลว หัวหน้าหอจึงส่งทูตขวามาทำภารกิจต่อ พวกเขาจะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อนจึงจะสามารถรับมือได้ดี! เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็คิดว่า ขาของตนสามารถยืนขึ้นได้แล้ว เรื่องนี้แพร่ออกไป องค์ชายคังและองค์ชายเว่ยก็จะกำจัดเขาอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น! เมื่อคิดว่าพี่ชายทั้งสองหานักฆ่ามาลอบสังหารตนจริง ๆ โดยมิสนใจความเป็นพี่เป็นน้องโดยสิ้นเชิง หยดเลือดและความรักในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็ได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ตำแหน่งองค์รัชทายาทสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ถึงกับทำให้พวกเขาลงมือกับตนอย่างเหี้ยมโหดครั้งแล้วครั้งเล่า! เซียวหลินเทียนแอบสาบานว่า ยิ่งพวกเขาต้องการตำแหน่งนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมิยอมให้พวกนั้นสมปรารถนา! เมื่อก่อนเขาไม่อยากต่อสู้กับพวกเขาเพื่อตำแหน่งนี้ บัดนี้ขาของเขายืนขึ้นได้แล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้… และจะต้องสำเร็จด้วย! หลังจากวุ่นวายตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสาง หลิงอวี๋ยังมิได้พักผ่อน นางพาแม่นมมาต้มโจ๊กให้ทุกคน หลังจากกินเสร็จ เซียวหลินเทียนก็จัดกลุ่มทหารองค
ฝนหยุดตกแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของเซียวหลินเทียน ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าดอกไม้ที่อยู่ริมทางบานสะพรั่งในพริบตา…เดิมชุดเกราะสีดำวาวของเซียวหลินเทียนเรืองแสงเย็นเยียบอันน่าสะพรึงกลัว แต่รอยยิ้มของเขาช่วยบรรเทาความกดดันอันท่วมท้นนี้ได้! หลิงอวี๋ยิ้มตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน….ถึงแม้ภายภาคหน้าจะเต็มไปด้วยอันตรายที่มิอาจรู้ แต่นางคิดว่ามีกลุ่มเพื่อนฝูงพี่น้องที่คอยอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอย่างจริงใจเยี่ยงนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว! ฉินซานที่คอยดูแลกองทหารอยู่ด้านข้างไม่เห็นรอยยิ้มของหลิวอวี๋ เขาเห็นเพียงเซียวหลินเทียนที่ยิ้มไปยังทิศทางของรถม้าเท่านั้น เขารู้ดีแก่ใจว่า ผู้ที่จะทำให้เซียวหลินเทียนยิ้มได้นั้น นอกเสียจากหลิงอวี๋แล้วจะเป็นใครได้อีก! เขามองไปที่ม้ากีบขาวของเซียวหลินเทียน ภายในใจก็เลือกละทิ้งความรู้สึกไม่พอใจที่หลิงอวี๋เลือกเซียวหลินเทียนไปโดยสิ้นเชิง ตราบใดที่เซียวหลินเทียนปฏิบัติต่อหลิงอวี๋เป็นอย่างดี เขาก็จะสนับสนุนเซียวหลินเทียนชั่วชีวิต! จากนี้ไปหลิงวี๋คือน้องสาวของเขา เขาได้แต่อวยพรให้นางมีความสุขเท่านั้น! เนื่องจากฝนตกหนักการเดินทางจึงล่าช้า ในอีกสอ
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล
หน้ากากผิวหนังมนุษย์นั้นเมื่อตรวจสอบก็เปิดเผยออกมาทันที เมื่อแม่นมหน้าเหมือนม้าผู้นั้นฉีกหน้ากากออกจากใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็เผยให้เห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากมีด“เหอะ ๆ รีบไปบอกนายใหญ่เสียว่า ข้าเจอคนที่เขาตามหาแล้ว!”แม่นมหน้าเหมือนม้าส่งหน้ากากผิวหนังมนุษย์ให้แม่นมอีกคนอย่างพึงพอใจ จากนั้นแม่นมผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปแจ้งข่าวหลิงซินถูกแม่นมคนหนึ่งกดอยู่ที่พื้นจนมิสามารถเคลื่อนไหวได้ และนางก็มองคุณหนูที่ตนเพิ่งจะรู้จักมิถึงสองวันดีกลายเป็นอีกคนไปอย่างตกตะลึงหลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว ทางด้านแม่นมหน้าเหมือนม้าก็มิได้ทำให้นางต้องลำบากอีก จึงให้พวกแม่นมปล่อยหลิงอวี๋พวกนางเพียงแค่ต้องเฝ้าหลิงอวี๋เอาไว้ มิให้นางหนีไปได้ก็พอแล้วเมื่อหลิงอวี๋ถูกพยุงขึ้นมา หัวใจที่ว้าวุ่นของนางก็ค่อย ๆ สงบลงหวงฝู่หลินไม่มีทางให้ตนตายไปก่อนที่เขาจะได้ตำรับยาห้ามเลือดไปหรอก!บางทีตนอาจจะยังสามารถพึ่งพายันต์ช่วยชีวิตนี้ทำให้หวงฝู่หลินปล่อยตนไปได้อยู่เรื่องการขโมยนั้นมีคำสารภาพของหัวหน้าเสิ่นอยู่ ก็น่าจะสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความมั่นใจ จึงนั่งลงไป
เผยอวี้ก็เคยเห็นคนที่ผ่านอุปสรรคมามายมากเช่นกัน หางตาของเขาเห็นพวกป้าวเฉิงมองตนกับหลิงอวี๋อย่างแปลกประหลาดก็มิกล้าพูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิยอมรับ เผยอวี้ก็เอ่ยออกไป “เจ้าชื่อเจียงเสี่ยวยาหรือ เช่นนั้นข้าก็คงจำคนผิดแล้ว แผ่นหลังของเจ้ากับของสหายข้าดูค่อนข้างคล้ายกัน เมื่อครู่ข้าคิดว่าเจ้าคือนาง!”“ขอโทษด้วย ข้าบุ่มบ่ามไปหน่อย!”เผยอวี้ประสานมือควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตนเอาไว้ แล้วเดินออกไปใบหน้าสามารถปลอมแปลงกันได้ แต่เสียงของหลิงอวี๋กับแผ่นหลังของนางทำให้เผยอวี้มั่นใจว่าคนตรงหน้าก็คือหลิงอวี๋มิรู้ว่าฮองเฮาไปตกอยู่ในมือของป้าวเฉิงได้อย่างไร?คนที่เขาพามาด้วยตอนนี้มีมิมากนัก แม้ว่าจะพยายามพาตัวฮองเฮาไป ก็คงจะหนีมิพ้นมือของป้าวเฉิงตอนนี้เขามิอาจแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาคนมาช่วยหลิงอวี๋ดีกว่าอีกทั้งยังต้องคิดวิธีส่งจดหมายไปให้เซียวหลินเทียนให้เขารีบกลับมาอีกหลิงอวี๋เห็นว่าเผยอวี้มิได้ซักถามอะไรอีก ก็แอบถอนหายใจโล่งอก แล้วหันหลังตามพวกเถ้าแก่เจียงไปแต่หลิงอวี๋กับเผยอวี้ไม่มีทางคาดคิดเลยว่า เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้กลับอยู่ในสายตาของป้าวเฉิงป้าวเฉิงมิใช่ค
เถ้าแก่ป้าวรู้จักเผยอวี้ก็เพราะเรื่องที่เซียวหลินเทียนซื้อทาสหญิงเกวียนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้มิได้พบบ่อย ๆ ดังนั้นเถ้าแก่ป้าวจึงไปสืบมาเล็กน้อยและได้รู้ที่มาของเซียวหลินเทียนอย่างชัดเจนแม้ว่าเถ้าแก่ป้าวจะมิได้ทำงานให้เซียนหลินเทียน แต่ว่าถิ่นที่เขาอยู่นั้นเป็นของเยวี่ยใต้และมู่หรงเหยียนซงกษัตริย์ของเยวี่ยใต้ก็สนิทกับเซียวหลินเทียนราวกับพี่น้องกัน หากมิถึงขั้นจำเป็นจริง ๆ เถ้าแก่ป้าวก็มิอยากจะเป็นศัตรูกับราชสำนัก ดังนั้นจึงมีความเกรงใจต่อพวกของเซียวหลินเทียนอยู่พอเป็นพิธี“แม่ทัพเผย ท่านมาได้อย่างไร? หรือว่าท่านเองก็สนใจคนที่ถูกสังหารนี้?”ป้าวเฉิงหัวเราะเหอะ ๆ“ผู้ว่าการอำเภอหยางของพวกเจ้าได้ยินว่ามีคนถูกสังหารจึงมาดู ส่วนข้าก็มิได้มีธุระอะไรจึงตามมาดูเรื่องสนุก!”คนที่อยู่ข้าง ๆ เผยอวี้ก็คือผู้ว่าการอำเถอในแถบนี้ แม้ว่าจะมีป้าวเฉิงอยู่และตำแหน่งของเขานั้นก็แทบจะไม่มีความหมาย แต่สิ่งที่เขาควรจะแสดงตัวก็ต้องแสดงตัวเสียหน่อย“ท่านป้าว ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ?”ผู้ว่าการอำเภอหยางเอ่ยถาม“มิรู้จัก ก็แค่ลูกน้องของข้ามาพบว่ามีคนถูกสังหาร ข้าเองก็มาดูเรื่องสนุกเช
หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ ใจก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปลูบหน้าของตนโดยมิรู้ตัวคนที่ป้าวเฉิงช่วยตระกูลหวงฝู่ตามหาก็คือตน!แล้วคนที่เขาบอกว่าถูกสังหารไปแล้วนั่นคือใครกัน?หรือว่าจะเป็นหัวหน้าเสิ่นกับเสี่ยวเจียง?หลิงอวี๋เหงื่อตก หากเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกสังหารไปจริง ๆ แล้วคนที่สังหารพวกเขาคือใคร?หากมือสังหารพบว่าหัวหน้าเสิ่นมิได้สังหารตน จะกำลังตามหาตนอยู่หรือไม่?เถ้าแก่เจียงที่อยู่ด้านหน้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของป้าวเฉิงกับตระกูลหวงฝู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “คนตายไปแล้วก็ส่งศพไปให้เจ้าวังก็จบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ป้าวต้องไปตรวจสอบด้วยตนเองเล่า!”“เจ้ามิเข้าใจ คนที่เจ้าวังต้องการคือสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าวังมาก เจ้าวังบอกมาว่าขอเพียงข้าตามหานางพบและยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะให้สมบัติก้อนโตกับข้า!”ป้าวเฉิงเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้ก็คือ คนที่ถูกสังหารจะเป็นสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็มิสามารถไปอธิบายกับเจ้าวังได้แล้ว!”“จริงสิ บอกเรื่องของเจ้ามาก่อนเถิด เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เถ้าแก่เจียงจึงหันไปเรียก “น้องหญิง มานี่!”
มิต้องให้เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อพวกของใช้ประจำวัน เพราะเมื่อฮูหยินเจียงรู้ว่าเถ้าแก่เจียงให้ผู้มีพระคุณมาอาศัยอยู่ที่เรือนเล็กที่ว่างอยู่ของตระกูล นางก็รีบให้แม่นมข้างกายเอาผ้าห่มและเหล่าของใช้ประจำวันบางส่วนไปให้ด้วยตนเอง หลิงอวี๋เลือกให้ห้องทางทิศตะวันออกเป็นห้องนอน หลิงซินเองก็มีห้องนอนของตนเช่นกันหลิงอวี๋อยู่คนเดียว หลิงซินแค่ต้องรับใช้งานก็พอแล้วหลิงซินรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋ จึงเช็ดหน้าต่างห้องนอนทั้งสองห้องอย่างขยันขันแข็งจนสะอาดดึกมากแล้วนางก็ยังคงทำงานยุ่งอยู่“หลิงซิน ไปพักผ่อนเถิด แล้วก็นำยาไปทาหน้าเจ้าเสีย!”หลิงอวี๋นำยาทาบาดแผลที่เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อมาส่งให้หลิงซินพลางเอ่ย “เจ้าทาหน้าแล้วพักผ่อน วันพรุ่งยังต้องไปพบนายใหญ่ป้าวกับข้าอีก!”“หลิงซิน ข้าเพิ่งมาที่นี่ มิได้เข้าใจและคุ้นเคยกับคนที่นี่นัก หากมีอะไรที่ข้าทำมิถูกต้องเจ้าก็อย่าลืมเตือนข้าด้วย!”“เจ้าค่ะคุณหนู!”หลิงซินรับยาทาบาดแผลมาอย่างขอบคุณ เดิมทีอยากจะรับใช้จนหลิงอวี๋หลับก่อนค่อยไป แต่ก็ถูกหลิงอวี๋ไล่ออกมาเสียก่อน“ข้ามิได้อ่อนแอบอบบางถึงเพียงนั้น เจ้ามิต้องมารับใช้ข้า ประเดี๋ยวเจ้าค่อย ๆ คุ้นเคย
ทันทีที่เถ้าแก่เจียงได้ยินก็มิสนใจแล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูเจียงคงจะมากับครอบครัวใช่หรือไม่? แล้ววางแผนว่าจะอยู่ที่นี่กี่วันหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ย “ข้ามากับน้องสาวข้า แต่ผลก็คือแยกจากกันไปแล้ว! ข้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะตามหาน้องสาวข้าเจอ!”วันนี้เสี่ยวซานเอ๋อร์พบกับหลิงอวี๋ได้เงินมาหลายสิบตำลึง หากทำงานต่อไปก็จะมีตำแหน่งแล้ว เขาจึงรีบช่วย“พี่ใหญ่เจียง เดิมทีคุณหนูเจียงคิดว่าจะขายกำไลหยกแล้วไปหานายใหญ่ป้าวให้ช่วยตามหาน้องสาว ท่านกับนายใหญ่ป้าวมีมิตรไมตรีต่อกัน ท่านช่วยคุณหนูเจียงพูดหน่อยเถิด!”“เรื่องนี้จะไปยากอะไร วันพรุ่งข้าจะพาเจ้าไปพบกับพี่ใหญ่ป้าว!”เถ้าแก่เจียงเอ่ยขึ้นมาอีก “ข้ายังมีเรือนว่างอยู่ หากคุณหนูมิรังเกียจก็อย่าไปพักที่โรงเตี๊ยมเลย ย้ายมาอยู่ในเรือนข้าเถิด!”เดิมทีหลิงอวี๋คิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดว่ามิรู้ว่าเมื่อใดจึงจะหาเสี่ยวอวี้พบ ตนก็มีเงินอยู่มิมาก จะให้พักโรงเตี๊ยมตลอดก็คงมิใช่เรื่องนางจึงเอ่ย “เรือนนั้นของเถ้าแก่เจียงให้ข้าเช่าอยู่ชั่วคราวเถิด ข้าจะจ่ายค่าเช่า!”เถ้าแก่เจียงหน้านิ่งไป แล้วเอ่ยอย่างมิพอใจ “คุณหนูเจียงพูดอะไรกัน เจ้าช่วยลู
ทั้งสามคนเข้าไปนั่ง จากนั้นเถ้าแก่เจียงก็พูดออกมาตามตรง “มิทราบว่าผู้มีพระคุณมาหาเจียงโหม่วด้วยเรื่องใดหรือ? ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตหย่งเอ๋อร์ไว้ มิว่าจะเป็นเรื่องอะไรเจียงโหม่วก็จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่!”หลิงอวี๋นำกำไลหยกออกมา แล้วยิ้มจาง ๆ “ข้าขาดเงินค่าเดินทาง จึงมาขายเครื่องประดับ เถ้าแก่เจียงลองดูว่าจะได้เงินสักเท่าไร หากเหมาะสมข้าก็จะขายให้เถ้าแก่เจียง!”เถ้าแก่เจียงรับกำไลหยกมาดู กำไลหยกนี้คุณภาพพอได้ ตามปกติแล้วเขาให้ราคาหนึ่งพันตำลึงก็ถือว่าสูงมากแล้ว!แต่นี่เป็นกำไลหยกของผู้มีพระคุณ เถ้าแก่เจียงหรือจะกล้ากดราคา“สามพันตำลึง!”เถ้าแก่เจียงตอบออกไปหลิงอวี๋ตะลึง หัวหน้าเสิ่นบอกว่ากำไลหยกนี้ได้ราคาเพียงสองพันตำลึงเถ้าแก่เจียงให้ตนสามพัน เห็นได้ชัดว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจหลิงอวี๋หรือจะเอาเปรียบเล็ก ๆ เช่นนี้ เมื่อครู่ที่ช่วยเหลือเจียงหย่งก็มิได้ใช้เครื่องยาสมุนไพรใด ๆ เป็นการช่วยเหลือง่าย ๆ เท่านั้น“สองพัน เถ้าแก่เจียงเอาเงินมาเถิด! กำไลหยกนี้เป็นของท่านแล้ว!”เสี่ยวซานเอ๋อร์อยู่ด้านข้างก็ขยิบตาให้หลิงอวี๋มิหยุด คุณหนูใหญ่ผู้นี้โง่หรือไม่ มีแต่คนต่อรองราคาให้มากขึ้น มีที
เถ้าแก่เจียงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นก็กำลังคิดจะด่า หลิงอวี๋ก็อุ้มเจียงหย่งมาและหันหลังให้ตนแล้วสองมือของนางกอดรัดอยู่ตรงช่วงท้องของเจียงหย่ง มือหนึ่งกำหมัดแล้ววางด้านหัวแม่มือของกำปั้นนั้นอยู่ที่ตรงอกและตรงท้องของเจียงหย่งส่วนมืออีกข้างของหลิงอวี๋ก็จับมือที่กำหมัดไว้แล้วรีบกระทุ้งที่ช่วงท้องของเจียงหย่งอย่างแรงการกระทำนี้ทำเอาเถ้าแก่เจียงโกรธจนกำหมัดไปทุบที่หัวของหลิงอวี๋“ให้ตายสิ นี่เป็นการช่วยเหลือหรือทำร้ายกันแน่ วางลูกชายข้าลงเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”หลิงอวี๋อุ้มเจียงหย่งหลบมา พลางตะคอกใส่เถ้าแก่เจียง “ข้ากำลังช่วยลูกท่านอยู่ ท่านมิเห็นหรือว่าเขากำลังจะตายแล้ว?”“ท่านอย่ามารบกวนข้า หากข้ารักษาเขาตาย ข้าจะชดใช้เขาด้วยชีวิต!”แม้ว่าฮูหยินเจียงจะดูมิเข้าใจวิธีการช่วยเหลือของหลิงอวี๋ แต่ลูกชายใกล้จะตายแล้วจริง ๆ ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อยนางก็จะไม่มีทางยอมแพ้นางดึงเถ้าแก่เจียงไว้หลิงอวี๋ก็ใช้วิธีเดิมกระทุ้งเข้าที่ช่วงท้องของเจียงหย่งต่อไปหลังจากทำเช่นนี้ไปสามครั้ง เจียงหย่งก็ไอแค่ก ๆ แล้วถั่วลิสงเม็ดหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็หลุดออกมาจากปากเขาและกระเด็นลงส