”ไร้สาระ!” เซียวหลินเทียนตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้ามิเห็นคำสั่งทางทหารอยู่ในสายตาใช่หรือไม่? พระชายาให้เจ้าสวม ย่อมต้องมีเหตุผลที่ให้พวกเจ้าสวมไว้!” “ถึงเจ้ามิหวงแหนชีวิตตน แต่เจ้ามิอาจเพิกเฉยชีวิตผู้อื่นได้… เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า หากเจ้าติดเชื้อโรคระบาด สหายของเจ้าจะเดือดร้อนเพราะเจ้าหรือไม่?” “ไม่ร้ายแรงถึงเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมร่างกายแข็งแรง ไม่มีทางจะ…” หลี่เฉียงยังคิดโต้แย้ง เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างหมดความอดทนว่า “เจ้าหลบไปยืนด้านข้างก่อน และมิได้รับอนุญาตให้ติดต่อผู้อื่น! หากยังกล้าฝ่าฝืนคำสั่งทหาร จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!” หลิงอวี๋เหลือบมองหลี่เฉียงอย่างหมดคำจะเอ่ย ไม่มีอารมณ์จะเสวนากับเขา นางหยิบถุงมือปลอดเชื้อออกมาจากกล่องยาแล้วเดินเข้าไปตรวจดูสอบศพ ศพนั้นเป็นศพของผู้ชาย เพิ่งจะอายุเพียงสิบสองหรือสิบสามปีเท่านั้น ตุ่มหนองที่ปรากฏมากมายบนแขนล้วนแต่เป็นรอยแผลเป็น หลิงอวี๋ยังเห็นร่องรอยเลือดออกใต้ผิวหนังของเขาด้วย ระยะเวลาที่เสียชีวิตมากกว่าสามวัน ศพตากแดดและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว หลิงอวี๋ไปตรวจสอบอีกศพ ศพนี้เป็นสตรี อายุสามสิบปี ดูเหมือนนางเพิ่งจะตายได้ห
เด็กหญิงมองไปทางชายชรา ครั้นเห็นชายชราไม่พูดอะไรจึงได้เอ่ยเสียงเบา “ข้าแซ่หยาง ชื่อต้ายา!” “ต้ายา เจ้านั่งลงก่อน พี่สาวตรวจชีพจรให้เจ้าดีหรือไม่? พี่สาวเป็นหมอ ข้าจะต้องรักษาเจ้าให้หายได้แน่นอน!” หลิงอวี๋เอ่ย หยางต้ายามองชายชราอีกครั้ง เมื่อปู่หยางเห็นว่าหลิงอวี๋และคนอื่น ๆ มีทัศนคติที่ดีมากมาโดยตลอด เขาก็พยักหน้าเงียบ ๆ หยางต้ายาเดินออกมาจากด้านหลังปู่หยางและนั่งลงบนพื้น แล้วยื่นแขนเล็ก ๆ ออกมาให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋เห็นว่าบนแขนที่ยื่นออกมาของนางมีตุ่มหนองเล็กน้อยก็เอื้อมมือไปจับชีพจรของนาง อุณหภูมิผิวหนังของหยางต้ายาสูงมาก หลิงอวี๋ให้หลิงซวนหยิบเอาที่วัดอุณหภูมิออกมาแล้วเกลี้ยกล่อมให้หยางต้ายาหนีบไว้ที่รักแร้ของนาง “ต้ายาบอกพี่สาวได้หรือไม่ ในหมู่บ้านมีคนป่วยเยอะหรือไม่? ใครเป็นคนป่วยก่อน?” หลิงอวี๋ถามพลางจับชีพจร หยางต้ายามองไปทางปู่หยางเพื่อขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าคำถามของหลิงอวี๋นั้นยากมาก นางไม่รู้จะตอบเช่นไร “คนขายเนื้อตรงทางเข้าหมู่บ้านป่วยเป็นคนแรก…” ในที่สุดปู่หยางก็เปิดปากพูดแล้ว ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยถามทันที “ปู่หยาง คนขายเนื้อป่วยตั้
เมื่อพวกเขาติดตามปู่หยางเข้าไปในหมู่บ้านก็เห็นเฉาอี้พาผู้นำหมู่บ้านมาแล้ว เฉาอี้สวมหน้ากากตามคำสั่งของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ไม่พูดอะไร “ท่านอ๋อง นี่คือหยางหรงผู้นำหมู่บ้าน เขาบอกว่าหมู่บ้านนี้ใหญ่ที่สุดในเว่ยโจว มีมากกว่าร้อยครัวเรือน!” “ผู้คนที่อาศัยอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านล้วนแต่เป็นคนยากจน สองปีก่อนเพราะมีปรมาจารย์ฮวงจุ้ยของหมู่บ้านบอกว่าฮวงจุ้ยไม่ดี ประตูหมู่บ้านจึงถูกย้ายไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน!” ผู้นำหมู่บ้านหยางหรงมองเซียวหลินเทียนก่อนจะพยักหน้าแล้วโค้งคำนับพร้อมกับยิ้ม “ท่านอ๋อง ชาวบ้านเหล่านี้งมงายยิ่งนัก กระหม่อมแจ้งให้พวกเขาทราบแล้วว่าพวกเขาป่วยต้องมารายงานอาการป่วย แต่ไม่มีใครมาเลย!”“กระหม่อมไม่รู้จริง ๆ ว่าจู่ ๆ พวกเขาจะหนีไปเลย!” “ที่หมู่บ้านทางทิศตะวันตกมีคนติดเชื้อหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม หยางหรงหัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูดว่า “ครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมไม่เหมือนชาวบ้านพวกนี้ที่กินมั่วซั่ว กระหม่อมยังมิได้ยินว่ามีใครป่วยเลย!” เมื่อหลิงอวี๋ได้ยิน หัวใจก็จมลงไปครึ่งหนึ่ง นางยังมีความกังวลว่ามีหลายครัวเรือนเช่นนี้ หากมีการแพร่เชื้อก็จะเป็นวงกว้างได้ยินว่าหมู่บ้านต
ร่มว่านหมินนี้ไม่ได้มาจากเส้นทางที่ชัดเจน แต่มาจากการหลอกลวง!หออักษรที่ตระกูลหยางสร้างขึ้นนี้ก็ไม่ได้สร้างขึ้นสำหรับเด็กยากไร้อย่างแท้จริง แต่เป็นสิ่งที่ตระกูลหยางทำเพื่อสร้างชื่อเสียงข้าหลวงหยางผู้นี้ยังเป็นคนขององค์ชายใหญ่เว่ยอีกด้วย!เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชา พลางเอ่ยกับหยางหรงตรง ๆ“ในเมื่อครอบครัวของข้าหลวงหยางสร้างขึ้นมา เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าไปแจ้งตระกูลหยางทีว่าข้าจะขอใช้หออักษร!”“ข้าหลวงหยางรักทุกคนเหมือนลูก ๆ คนในครอบครัวของเขาก็มีศีลธรรมสูงส่งเช่นกัน ข้าว่าพวกเขาจะร่วมมือกับข้าเพื่อที่จะดูแลผู้ป่วยเหล่านี้!”“ข้ามีอาหารมาด้วยไม่มากนัก ขอให้ตระกูลหยางบริจาคข้าวปลาอาหารและเวชภัณฑ์มาสนับสนุนข้าอีกสักหน่อยเถอะ! หลังจากที่ข้ากลับเมืองหลวงแล้ว ข้าจะส่งเรื่องถึงองค์จักรพรรดิให้เสด็จพ่อชมเชยข้าหลวงหยางอย่างแน่นอน!”เมื่อหยางหรงได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็กระตุก ภายใต้การจ้องมองอย่างบีบบังคับของเซียวหลินเทียน เขาทำได้เพียงต้องไปแจ้งให้ตระกูลหยางทราบเท่านั้น“เยี่ยมเลย! เซียวหลินเทียน! ไม่ต้องใช้ทหารแม้แต่คนเดียว ก็บีบบังคับให้เขาออกเงินกับอาหารเพื่อให้ความเคารพท่านอ๋องได้
หลี่ว์จงเจ๋อมิกล้าตัดสินใจ จึงไปขอคำแนะนำจากเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ได้ เจ้าพาคนไปส่งนางที่นั่นเถิด! นางอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรมิได้ อีกทั้งข้าจะต้องส่งคนไปดูแลนางอีก!”“หลังจากที่เจ้าไปถึงเว่ยโจวแล้วก็ไปพบข้าหลวงของเว่ยโจวก่อนเสีย ให้เขาส่งคนไปตรวจสอบดูทุกหมู่บ้าน หากพบพื้นที่ที่มีโรคระบาด ก็จะให้แยกผู้ป่วยออกตามคำสั่งของพระชายา! ห้ามมิให้มีการเคลื่อนย้ายเอง!”"พ่ะย่ะค่ะ!"หลี่ว์จงเจ๋อนับกองทหารของตนแล้วรีบพาเซียวทงไปยังเว่ยโจวในเวลานี้อู่เวยได้ละทิ้งคำสั่งของจ้าวเจินเจินไปแล้ว ทั้งเขาและเซียวทงต่างได้เห็นภาพอันน่ากลัวของผู้ป่วยโรคระบาดที่เสียชีวิตตามท้องถนนแล้ว!โรคระบาดร้ายแรงถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากอยู่ให้เสี่ยงหรอก!มีโอกาสมากมายที่จะฆ่าเซียวหลินเทียน เขามาเว่ยโจวแล้วค่อยหาโอกาสดำเนินการเอาก็ได้!กระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น ก็มีผู้ป่วยส่งมาที่หออักษรสิบกว่าคนแล้ว มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กคนในครอบครัวของผู้ป่วยบางส่วนก็ตามมาด้วย แต่ผู้คุมไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาจึงเริ่มโวยวายอยู่ที่หน้าประตูหลิงอวี๋กำลังทำการวิจัยโรคระบาดอยู่ในห้องรักษา คนเหล่านี้บ
ลู่หนานกับองครักษ์ทั้งสองเดินไปข้างกายชายผู้นั้นด้วยท่าทีดุร้าย พลางตะคอกเสียงแข็ง“ยังมิไปอีก จะให้พวกเราลงมือจริง ๆ ใช่หรือไม่?”ชายผู้นั้นมองท่าทีดุร้ายของลู่หนาน แล้วหันหลังเดินออกไปด้วยความโกรธวีรบุรุษจะรู้จักถอยเพื่อมิให้เสียเปรียบ เขาจะไปหาข้าหลวงมาตัดสินให้ตนเองเป็นแน่!“ใครจะก่อปัญหาอีก?”เซียวหลินเทียนเหลือบมองครอบครัวเหล่านั้นด้วยสายตาที่เฉียบคมรัศมีอันสง่างามของเขากับดาบบนตัวของพวกลู่หนานทำเอาครอบครัวเหล่านั้นหน้าซีด ใครจะกล้าก่อปัญหาอีกเล่า!พวกเขามองหน้ากัน แล้วจากไปอย่างสิ้นหวัง“เจ้ามิได้ถูกพวกเขาทำให้บาดเจ็บใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋มองผู้คุมอย่างกังวล ผู้คุมส่ายหัวพลางเอ่ยอย่างขอบคุณ “พระชายา ขอบคุณท่านขอรับ!”“ไม่เป็นไร! ข้าสิจะต้องขอบคุณเจ้าที่ยังคงรักษาจุดยืนไว้แม้ว่าจะเผชิญกับความยากลำบาก!”หลิงอวี๋รีบเอ่ย “อีกประเดี๋ยวยาสมุนไพรก็จะต้มเสร็จ เจ้ากินสักสองชามก่อน! ตอนนี้รีบไปอาบน้ำผลัดผ้าก่อนเถิด!”“จำไว้ว่าเจ้าต้องซักอาภรณ์แล้วส่งไปให้แม่นมหลี่ ให้นางช่วยเอาไปต้มในน้ำร้อนแล้วค่อยเอาไปตากให้แห้ง!”“ขอรับ! พระชายา ข้าจะทำตามคำสั่งของพระชายาขอรับ!”ผู้คุมเอ
ทางด้านหลิงอวี๋ตรวจเลือดของผู้ป่วยแต่ละราย และพบแหล่งที่มาของโรคระบาดสองประเภทประเภทแรกคือโรคระบาด ส่วนอีกประเภทคือไข้หวัดนกหยางต้ายากับปู่หยางป่วยเป็นไข้หวัดนกเชื้อนี้ติดต่อจากการที่สิ่งใด ๆ ปนเปื้อนอุจจาระกับสารคัดหลั่งของสัตว์ปีกที่ป่วย เช่น อาหาร น้ำดื่ม อากาศ ยานพาหนะ คน แมลง ฯลฯ นำพาเชื้อนี้มาแพร่ระบาดส่วนกาฬโรคคือการที่คนถูกหนูที่ติดเชื้อกัดแล้วแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการฆ่าสัตว์ที่ติดเชื้อแล้วเชื้อซึมเข้าบาดแผล หรือเกิดจากการสูดดมละอองของเชื้อเข้าไปก็ได้โรคทั้งสองสามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้ ซึ่งทำให้หลิงอวี๋ยิ่งกังวล เพราะกลุ่มคนที่ไม่สวมหน้ากากมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อมากขึ้นอีก!กระทั่งลู่หนานนำสัตว์ปีกกลับมา หลังจากการตรวจสอบหลิงอวี๋ก็พบเชื้อในสัตว์ปีกเหล่านั้นด้วย“เซียวหลินเทียน สัตว์ปีกและสัตว์ต่าง ๆ ในเจ่าจวงจะต้องถูกฆ่าและทำลายไปด้วยกันทั้งหมดให้ทันเวลา! อีกทั้งบ้านที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ก็ต้องส่งคนไปฆ่าเชื้อด้วย!”หลิงอวี๋รีบให้คนไปเรียกเซียวหลินเทียน แล้วบอกผลการวิจัยของตนเองให้เขาฟังเซียวหลินเทียนเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าวิจัยตำรับยาได้หรือยัง?”หลิงอวี๋ย
หลิงอวี๋จ้องมองหลิงหว่านอย่างดุ ๆ เวลานี้มิใช่เวลามาซักถาม ทำได้เพียงต้องไปคุยกับพวกหมอเรื่องโรคระบาดก่อนหมอเหล่านี้ล้วนมาจากโรงหมอหลายแห่งมีหมอเฝิงจากในวัง หมอเฉินจากโรงหุยชุน หมอหานจากโรงไป๋เฉ่า และอีกสามคนเป็นหมอจากโรงหมอต่าง ๆ ในเขตหลินหลิงอวี๋ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อโรงหุยชุนนัก แต่หมอเฉินดูมิน่ารังเกียจเหมือนหมอจางกับจางเจ๋อ หมอเฉินผู้นี้อยู่ในวัยสี่สิบต้น ๆ และดูเหมือนจะทำหน้าที่ได้ดีขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันเขาก็ไม่พูดแทรกมากนัก แสดงความคิดเห็นของตนในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งยังมีท่าทีสุภาพเรียบร้อยอีกด้วยชื่อของโรงไป๋เฉ่าก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ก็เคยได้ยินมาบ้างว่า ครั้นเมื่อร้านค้าถูกไฟไหม้โรงไป๋เฉ่าก็ส่งคนไปช่วยเหลือและบริจาคเงินด้วยโดยปกติแล้วก็ไม่เคยได้ยินใครว่าโรงไป๋เฉ่าสร้างภาพหลอกลวงผู้ป่วย ดังนั้นหลิงอวี๋จึงให้ความเคารพแพทย์ที่โรงไป๋เฉ่ามากหมอหานอายุประมาณห้าสิบปี ดูอารมณ์ดี และพูดจาก็สุภาพคนที่ค่อนข้างจะเย่อหยิ่งก็คือหมอเฝิงที่มาจากในวัง เขาก็อายุสี่สิบกว่าเช่นกัน รูปร่างปานกลางและมีหน้าอวบอิ่มเล็กน้อยเขาออกมาในครั้งนี้ด้วยความคิดที่ว่า ไม่ว่าอย่างไรตนก็จะ
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล
หน้ากากผิวหนังมนุษย์นั้นเมื่อตรวจสอบก็เปิดเผยออกมาทันที เมื่อแม่นมหน้าเหมือนม้าผู้นั้นฉีกหน้ากากออกจากใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็เผยให้เห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากมีด“เหอะ ๆ รีบไปบอกนายใหญ่เสียว่า ข้าเจอคนที่เขาตามหาแล้ว!”แม่นมหน้าเหมือนม้าส่งหน้ากากผิวหนังมนุษย์ให้แม่นมอีกคนอย่างพึงพอใจ จากนั้นแม่นมผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปแจ้งข่าวหลิงซินถูกแม่นมคนหนึ่งกดอยู่ที่พื้นจนมิสามารถเคลื่อนไหวได้ และนางก็มองคุณหนูที่ตนเพิ่งจะรู้จักมิถึงสองวันดีกลายเป็นอีกคนไปอย่างตกตะลึงหลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว ทางด้านแม่นมหน้าเหมือนม้าก็มิได้ทำให้นางต้องลำบากอีก จึงให้พวกแม่นมปล่อยหลิงอวี๋พวกนางเพียงแค่ต้องเฝ้าหลิงอวี๋เอาไว้ มิให้นางหนีไปได้ก็พอแล้วเมื่อหลิงอวี๋ถูกพยุงขึ้นมา หัวใจที่ว้าวุ่นของนางก็ค่อย ๆ สงบลงหวงฝู่หลินไม่มีทางให้ตนตายไปก่อนที่เขาจะได้ตำรับยาห้ามเลือดไปหรอก!บางทีตนอาจจะยังสามารถพึ่งพายันต์ช่วยชีวิตนี้ทำให้หวงฝู่หลินปล่อยตนไปได้อยู่เรื่องการขโมยนั้นมีคำสารภาพของหัวหน้าเสิ่นอยู่ ก็น่าจะสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความมั่นใจ จึงนั่งลงไป
เผยอวี้ก็เคยเห็นคนที่ผ่านอุปสรรคมามายมากเช่นกัน หางตาของเขาเห็นพวกป้าวเฉิงมองตนกับหลิงอวี๋อย่างแปลกประหลาดก็มิกล้าพูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิยอมรับ เผยอวี้ก็เอ่ยออกไป “เจ้าชื่อเจียงเสี่ยวยาหรือ เช่นนั้นข้าก็คงจำคนผิดแล้ว แผ่นหลังของเจ้ากับของสหายข้าดูค่อนข้างคล้ายกัน เมื่อครู่ข้าคิดว่าเจ้าคือนาง!”“ขอโทษด้วย ข้าบุ่มบ่ามไปหน่อย!”เผยอวี้ประสานมือควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นของตนเอาไว้ แล้วเดินออกไปใบหน้าสามารถปลอมแปลงกันได้ แต่เสียงของหลิงอวี๋กับแผ่นหลังของนางทำให้เผยอวี้มั่นใจว่าคนตรงหน้าก็คือหลิงอวี๋มิรู้ว่าฮองเฮาไปตกอยู่ในมือของป้าวเฉิงได้อย่างไร?คนที่เขาพามาด้วยตอนนี้มีมิมากนัก แม้ว่าจะพยายามพาตัวฮองเฮาไป ก็คงจะหนีมิพ้นมือของป้าวเฉิงตอนนี้เขามิอาจแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ รอกลับไปก่อนแล้วค่อยหาคนมาช่วยหลิงอวี๋ดีกว่าอีกทั้งยังต้องคิดวิธีส่งจดหมายไปให้เซียวหลินเทียนให้เขารีบกลับมาอีกหลิงอวี๋เห็นว่าเผยอวี้มิได้ซักถามอะไรอีก ก็แอบถอนหายใจโล่งอก แล้วหันหลังตามพวกเถ้าแก่เจียงไปแต่หลิงอวี๋กับเผยอวี้ไม่มีทางคาดคิดเลยว่า เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้กลับอยู่ในสายตาของป้าวเฉิงป้าวเฉิงมิใช่ค
เถ้าแก่ป้าวรู้จักเผยอวี้ก็เพราะเรื่องที่เซียวหลินเทียนซื้อทาสหญิงเกวียนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้มิได้พบบ่อย ๆ ดังนั้นเถ้าแก่ป้าวจึงไปสืบมาเล็กน้อยและได้รู้ที่มาของเซียวหลินเทียนอย่างชัดเจนแม้ว่าเถ้าแก่ป้าวจะมิได้ทำงานให้เซียนหลินเทียน แต่ว่าถิ่นที่เขาอยู่นั้นเป็นของเยวี่ยใต้และมู่หรงเหยียนซงกษัตริย์ของเยวี่ยใต้ก็สนิทกับเซียวหลินเทียนราวกับพี่น้องกัน หากมิถึงขั้นจำเป็นจริง ๆ เถ้าแก่ป้าวก็มิอยากจะเป็นศัตรูกับราชสำนัก ดังนั้นจึงมีความเกรงใจต่อพวกของเซียวหลินเทียนอยู่พอเป็นพิธี“แม่ทัพเผย ท่านมาได้อย่างไร? หรือว่าท่านเองก็สนใจคนที่ถูกสังหารนี้?”ป้าวเฉิงหัวเราะเหอะ ๆ“ผู้ว่าการอำเภอหยางของพวกเจ้าได้ยินว่ามีคนถูกสังหารจึงมาดู ส่วนข้าก็มิได้มีธุระอะไรจึงตามมาดูเรื่องสนุก!”คนที่อยู่ข้าง ๆ เผยอวี้ก็คือผู้ว่าการอำเถอในแถบนี้ แม้ว่าจะมีป้าวเฉิงอยู่และตำแหน่งของเขานั้นก็แทบจะไม่มีความหมาย แต่สิ่งที่เขาควรจะแสดงตัวก็ต้องแสดงตัวเสียหน่อย“ท่านป้าว ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ?”ผู้ว่าการอำเภอหยางเอ่ยถาม“มิรู้จัก ก็แค่ลูกน้องของข้ามาพบว่ามีคนถูกสังหาร ข้าเองก็มาดูเรื่องสนุกเช
หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ ใจก็กระตุกไปเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือไปลูบหน้าของตนโดยมิรู้ตัวคนที่ป้าวเฉิงช่วยตระกูลหวงฝู่ตามหาก็คือตน!แล้วคนที่เขาบอกว่าถูกสังหารไปแล้วนั่นคือใครกัน?หรือว่าจะเป็นหัวหน้าเสิ่นกับเสี่ยวเจียง?หลิงอวี๋เหงื่อตก หากเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกสังหารไปจริง ๆ แล้วคนที่สังหารพวกเขาคือใคร?หากมือสังหารพบว่าหัวหน้าเสิ่นมิได้สังหารตน จะกำลังตามหาตนอยู่หรือไม่?เถ้าแก่เจียงที่อยู่ด้านหน้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของป้าวเฉิงกับตระกูลหวงฝู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “คนตายไปแล้วก็ส่งศพไปให้เจ้าวังก็จบแล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ป้าวต้องไปตรวจสอบด้วยตนเองเล่า!”“เจ้ามิเข้าใจ คนที่เจ้าวังต้องการคือสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าวังมาก เจ้าวังบอกมาว่าขอเพียงข้าตามหานางพบและยังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะให้สมบัติก้อนโตกับข้า!”ป้าวเฉิงเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้ก็คือ คนที่ถูกสังหารจะเป็นสตรีผู้นั้น เช่นนั้นก็มิสามารถไปอธิบายกับเจ้าวังได้แล้ว!”“จริงสิ บอกเรื่องของเจ้ามาก่อนเถิด เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”เถ้าแก่เจียงจึงหันไปเรียก “น้องหญิง มานี่!”
มิต้องให้เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อพวกของใช้ประจำวัน เพราะเมื่อฮูหยินเจียงรู้ว่าเถ้าแก่เจียงให้ผู้มีพระคุณมาอาศัยอยู่ที่เรือนเล็กที่ว่างอยู่ของตระกูล นางก็รีบให้แม่นมข้างกายเอาผ้าห่มและเหล่าของใช้ประจำวันบางส่วนไปให้ด้วยตนเอง หลิงอวี๋เลือกให้ห้องทางทิศตะวันออกเป็นห้องนอน หลิงซินเองก็มีห้องนอนของตนเช่นกันหลิงอวี๋อยู่คนเดียว หลิงซินแค่ต้องรับใช้งานก็พอแล้วหลิงซินรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋ จึงเช็ดหน้าต่างห้องนอนทั้งสองห้องอย่างขยันขันแข็งจนสะอาดดึกมากแล้วนางก็ยังคงทำงานยุ่งอยู่“หลิงซิน ไปพักผ่อนเถิด แล้วก็นำยาไปทาหน้าเจ้าเสีย!”หลิงอวี๋นำยาทาบาดแผลที่เสี่ยวซานเอ๋อร์ออกไปซื้อมาส่งให้หลิงซินพลางเอ่ย “เจ้าทาหน้าแล้วพักผ่อน วันพรุ่งยังต้องไปพบนายใหญ่ป้าวกับข้าอีก!”“หลิงซิน ข้าเพิ่งมาที่นี่ มิได้เข้าใจและคุ้นเคยกับคนที่นี่นัก หากมีอะไรที่ข้าทำมิถูกต้องเจ้าก็อย่าลืมเตือนข้าด้วย!”“เจ้าค่ะคุณหนู!”หลิงซินรับยาทาบาดแผลมาอย่างขอบคุณ เดิมทีอยากจะรับใช้จนหลิงอวี๋หลับก่อนค่อยไป แต่ก็ถูกหลิงอวี๋ไล่ออกมาเสียก่อน“ข้ามิได้อ่อนแอบอบบางถึงเพียงนั้น เจ้ามิต้องมารับใช้ข้า ประเดี๋ยวเจ้าค่อย ๆ คุ้นเคย
ทันทีที่เถ้าแก่เจียงได้ยินก็มิสนใจแล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูเจียงคงจะมากับครอบครัวใช่หรือไม่? แล้ววางแผนว่าจะอยู่ที่นี่กี่วันหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ย “ข้ามากับน้องสาวข้า แต่ผลก็คือแยกจากกันไปแล้ว! ข้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะตามหาน้องสาวข้าเจอ!”วันนี้เสี่ยวซานเอ๋อร์พบกับหลิงอวี๋ได้เงินมาหลายสิบตำลึง หากทำงานต่อไปก็จะมีตำแหน่งแล้ว เขาจึงรีบช่วย“พี่ใหญ่เจียง เดิมทีคุณหนูเจียงคิดว่าจะขายกำไลหยกแล้วไปหานายใหญ่ป้าวให้ช่วยตามหาน้องสาว ท่านกับนายใหญ่ป้าวมีมิตรไมตรีต่อกัน ท่านช่วยคุณหนูเจียงพูดหน่อยเถิด!”“เรื่องนี้จะไปยากอะไร วันพรุ่งข้าจะพาเจ้าไปพบกับพี่ใหญ่ป้าว!”เถ้าแก่เจียงเอ่ยขึ้นมาอีก “ข้ายังมีเรือนว่างอยู่ หากคุณหนูมิรังเกียจก็อย่าไปพักที่โรงเตี๊ยมเลย ย้ายมาอยู่ในเรือนข้าเถิด!”เดิมทีหลิงอวี๋คิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดว่ามิรู้ว่าเมื่อใดจึงจะหาเสี่ยวอวี้พบ ตนก็มีเงินอยู่มิมาก จะให้พักโรงเตี๊ยมตลอดก็คงมิใช่เรื่องนางจึงเอ่ย “เรือนนั้นของเถ้าแก่เจียงให้ข้าเช่าอยู่ชั่วคราวเถิด ข้าจะจ่ายค่าเช่า!”เถ้าแก่เจียงหน้านิ่งไป แล้วเอ่ยอย่างมิพอใจ “คุณหนูเจียงพูดอะไรกัน เจ้าช่วยลู
ทั้งสามคนเข้าไปนั่ง จากนั้นเถ้าแก่เจียงก็พูดออกมาตามตรง “มิทราบว่าผู้มีพระคุณมาหาเจียงโหม่วด้วยเรื่องใดหรือ? ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตหย่งเอ๋อร์ไว้ มิว่าจะเป็นเรื่องอะไรเจียงโหม่วก็จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่!”หลิงอวี๋นำกำไลหยกออกมา แล้วยิ้มจาง ๆ “ข้าขาดเงินค่าเดินทาง จึงมาขายเครื่องประดับ เถ้าแก่เจียงลองดูว่าจะได้เงินสักเท่าไร หากเหมาะสมข้าก็จะขายให้เถ้าแก่เจียง!”เถ้าแก่เจียงรับกำไลหยกมาดู กำไลหยกนี้คุณภาพพอได้ ตามปกติแล้วเขาให้ราคาหนึ่งพันตำลึงก็ถือว่าสูงมากแล้ว!แต่นี่เป็นกำไลหยกของผู้มีพระคุณ เถ้าแก่เจียงหรือจะกล้ากดราคา“สามพันตำลึง!”เถ้าแก่เจียงตอบออกไปหลิงอวี๋ตะลึง หัวหน้าเสิ่นบอกว่ากำไลหยกนี้ได้ราคาเพียงสองพันตำลึงเถ้าแก่เจียงให้ตนสามพัน เห็นได้ชัดว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจหลิงอวี๋หรือจะเอาเปรียบเล็ก ๆ เช่นนี้ เมื่อครู่ที่ช่วยเหลือเจียงหย่งก็มิได้ใช้เครื่องยาสมุนไพรใด ๆ เป็นการช่วยเหลือง่าย ๆ เท่านั้น“สองพัน เถ้าแก่เจียงเอาเงินมาเถิด! กำไลหยกนี้เป็นของท่านแล้ว!”เสี่ยวซานเอ๋อร์อยู่ด้านข้างก็ขยิบตาให้หลิงอวี๋มิหยุด คุณหนูใหญ่ผู้นี้โง่หรือไม่ มีแต่คนต่อรองราคาให้มากขึ้น มีที
เถ้าแก่เจียงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นก็กำลังคิดจะด่า หลิงอวี๋ก็อุ้มเจียงหย่งมาและหันหลังให้ตนแล้วสองมือของนางกอดรัดอยู่ตรงช่วงท้องของเจียงหย่ง มือหนึ่งกำหมัดแล้ววางด้านหัวแม่มือของกำปั้นนั้นอยู่ที่ตรงอกและตรงท้องของเจียงหย่งส่วนมืออีกข้างของหลิงอวี๋ก็จับมือที่กำหมัดไว้แล้วรีบกระทุ้งที่ช่วงท้องของเจียงหย่งอย่างแรงการกระทำนี้ทำเอาเถ้าแก่เจียงโกรธจนกำหมัดไปทุบที่หัวของหลิงอวี๋“ให้ตายสิ นี่เป็นการช่วยเหลือหรือทำร้ายกันแน่ วางลูกชายข้าลงเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”หลิงอวี๋อุ้มเจียงหย่งหลบมา พลางตะคอกใส่เถ้าแก่เจียง “ข้ากำลังช่วยลูกท่านอยู่ ท่านมิเห็นหรือว่าเขากำลังจะตายแล้ว?”“ท่านอย่ามารบกวนข้า หากข้ารักษาเขาตาย ข้าจะชดใช้เขาด้วยชีวิต!”แม้ว่าฮูหยินเจียงจะดูมิเข้าใจวิธีการช่วยเหลือของหลิงอวี๋ แต่ลูกชายใกล้จะตายแล้วจริง ๆ ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อยนางก็จะไม่มีทางยอมแพ้นางดึงเถ้าแก่เจียงไว้หลิงอวี๋ก็ใช้วิธีเดิมกระทุ้งเข้าที่ช่วงท้องของเจียงหย่งต่อไปหลังจากทำเช่นนี้ไปสามครั้ง เจียงหย่งก็ไอแค่ก ๆ แล้วถั่วลิสงเม็ดหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็หลุดออกมาจากปากเขาและกระเด็นลงส