ฝนหยุดตกแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของเซียวหลินเทียน ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าดอกไม้ที่อยู่ริมทางบานสะพรั่งในพริบตา…เดิมชุดเกราะสีดำวาวของเซียวหลินเทียนเรืองแสงเย็นเยียบอันน่าสะพรึงกลัว แต่รอยยิ้มของเขาช่วยบรรเทาความกดดันอันท่วมท้นนี้ได้! หลิงอวี๋ยิ้มตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน….ถึงแม้ภายภาคหน้าจะเต็มไปด้วยอันตรายที่มิอาจรู้ แต่นางคิดว่ามีกลุ่มเพื่อนฝูงพี่น้องที่คอยอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอย่างจริงใจเยี่ยงนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว! ฉินซานที่คอยดูแลกองทหารอยู่ด้านข้างไม่เห็นรอยยิ้มของหลิวอวี๋ เขาเห็นเพียงเซียวหลินเทียนที่ยิ้มไปยังทิศทางของรถม้าเท่านั้น เขารู้ดีแก่ใจว่า ผู้ที่จะทำให้เซียวหลินเทียนยิ้มได้นั้น นอกเสียจากหลิงอวี๋แล้วจะเป็นใครได้อีก! เขามองไปที่ม้ากีบขาวของเซียวหลินเทียน ภายในใจก็เลือกละทิ้งความรู้สึกไม่พอใจที่หลิงอวี๋เลือกเซียวหลินเทียนไปโดยสิ้นเชิง ตราบใดที่เซียวหลินเทียนปฏิบัติต่อหลิงอวี๋เป็นอย่างดี เขาก็จะสนับสนุนเซียวหลินเทียนชั่วชีวิต! จากนี้ไปหลิงวี๋คือน้องสาวของเขา เขาได้แต่อวยพรให้นางมีความสุขเท่านั้น! เนื่องจากฝนตกหนักการเดินทางจึงล่าช้า ในอีกสอ
”ไร้สาระ!” เซียวหลินเทียนตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้ามิเห็นคำสั่งทางทหารอยู่ในสายตาใช่หรือไม่? พระชายาให้เจ้าสวม ย่อมต้องมีเหตุผลที่ให้พวกเจ้าสวมไว้!” “ถึงเจ้ามิหวงแหนชีวิตตน แต่เจ้ามิอาจเพิกเฉยชีวิตผู้อื่นได้… เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า หากเจ้าติดเชื้อโรคระบาด สหายของเจ้าจะเดือดร้อนเพราะเจ้าหรือไม่?” “ไม่ร้ายแรงถึงเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมร่างกายแข็งแรง ไม่มีทางจะ…” หลี่เฉียงยังคิดโต้แย้ง เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างหมดความอดทนว่า “เจ้าหลบไปยืนด้านข้างก่อน และมิได้รับอนุญาตให้ติดต่อผู้อื่น! หากยังกล้าฝ่าฝืนคำสั่งทหาร จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!” หลิงอวี๋เหลือบมองหลี่เฉียงอย่างหมดคำจะเอ่ย ไม่มีอารมณ์จะเสวนากับเขา นางหยิบถุงมือปลอดเชื้อออกมาจากกล่องยาแล้วเดินเข้าไปตรวจดูสอบศพ ศพนั้นเป็นศพของผู้ชาย เพิ่งจะอายุเพียงสิบสองหรือสิบสามปีเท่านั้น ตุ่มหนองที่ปรากฏมากมายบนแขนล้วนแต่เป็นรอยแผลเป็น หลิงอวี๋ยังเห็นร่องรอยเลือดออกใต้ผิวหนังของเขาด้วย ระยะเวลาที่เสียชีวิตมากกว่าสามวัน ศพตากแดดและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว หลิงอวี๋ไปตรวจสอบอีกศพ ศพนี้เป็นสตรี อายุสามสิบปี ดูเหมือนนางเพิ่งจะตายได้ห
เด็กหญิงมองไปทางชายชรา ครั้นเห็นชายชราไม่พูดอะไรจึงได้เอ่ยเสียงเบา “ข้าแซ่หยาง ชื่อต้ายา!” “ต้ายา เจ้านั่งลงก่อน พี่สาวตรวจชีพจรให้เจ้าดีหรือไม่? พี่สาวเป็นหมอ ข้าจะต้องรักษาเจ้าให้หายได้แน่นอน!” หลิงอวี๋เอ่ย หยางต้ายามองชายชราอีกครั้ง เมื่อปู่หยางเห็นว่าหลิงอวี๋และคนอื่น ๆ มีทัศนคติที่ดีมากมาโดยตลอด เขาก็พยักหน้าเงียบ ๆ หยางต้ายาเดินออกมาจากด้านหลังปู่หยางและนั่งลงบนพื้น แล้วยื่นแขนเล็ก ๆ ออกมาให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋เห็นว่าบนแขนที่ยื่นออกมาของนางมีตุ่มหนองเล็กน้อยก็เอื้อมมือไปจับชีพจรของนาง อุณหภูมิผิวหนังของหยางต้ายาสูงมาก หลิงอวี๋ให้หลิงซวนหยิบเอาที่วัดอุณหภูมิออกมาแล้วเกลี้ยกล่อมให้หยางต้ายาหนีบไว้ที่รักแร้ของนาง “ต้ายาบอกพี่สาวได้หรือไม่ ในหมู่บ้านมีคนป่วยเยอะหรือไม่? ใครเป็นคนป่วยก่อน?” หลิงอวี๋ถามพลางจับชีพจร หยางต้ายามองไปทางปู่หยางเพื่อขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าคำถามของหลิงอวี๋นั้นยากมาก นางไม่รู้จะตอบเช่นไร “คนขายเนื้อตรงทางเข้าหมู่บ้านป่วยเป็นคนแรก…” ในที่สุดปู่หยางก็เปิดปากพูดแล้ว ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยถามทันที “ปู่หยาง คนขายเนื้อป่วยตั้
เมื่อพวกเขาติดตามปู่หยางเข้าไปในหมู่บ้านก็เห็นเฉาอี้พาผู้นำหมู่บ้านมาแล้ว เฉาอี้สวมหน้ากากตามคำสั่งของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ไม่พูดอะไร “ท่านอ๋อง นี่คือหยางหรงผู้นำหมู่บ้าน เขาบอกว่าหมู่บ้านนี้ใหญ่ที่สุดในเว่ยโจว มีมากกว่าร้อยครัวเรือน!” “ผู้คนที่อาศัยอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านล้วนแต่เป็นคนยากจน สองปีก่อนเพราะมีปรมาจารย์ฮวงจุ้ยของหมู่บ้านบอกว่าฮวงจุ้ยไม่ดี ประตูหมู่บ้านจึงถูกย้ายไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน!” ผู้นำหมู่บ้านหยางหรงมองเซียวหลินเทียนก่อนจะพยักหน้าแล้วโค้งคำนับพร้อมกับยิ้ม “ท่านอ๋อง ชาวบ้านเหล่านี้งมงายยิ่งนัก กระหม่อมแจ้งให้พวกเขาทราบแล้วว่าพวกเขาป่วยต้องมารายงานอาการป่วย แต่ไม่มีใครมาเลย!”“กระหม่อมไม่รู้จริง ๆ ว่าจู่ ๆ พวกเขาจะหนีไปเลย!” “ที่หมู่บ้านทางทิศตะวันตกมีคนติดเชื้อหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม หยางหรงหัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูดว่า “ครอบครัวที่ร่ำรวยย่อมไม่เหมือนชาวบ้านพวกนี้ที่กินมั่วซั่ว กระหม่อมยังมิได้ยินว่ามีใครป่วยเลย!” เมื่อหลิงอวี๋ได้ยิน หัวใจก็จมลงไปครึ่งหนึ่ง นางยังมีความกังวลว่ามีหลายครัวเรือนเช่นนี้ หากมีการแพร่เชื้อก็จะเป็นวงกว้างได้ยินว่าหมู่บ้านต
ร่มว่านหมินนี้ไม่ได้มาจากเส้นทางที่ชัดเจน แต่มาจากการหลอกลวง!หออักษรที่ตระกูลหยางสร้างขึ้นนี้ก็ไม่ได้สร้างขึ้นสำหรับเด็กยากไร้อย่างแท้จริง แต่เป็นสิ่งที่ตระกูลหยางทำเพื่อสร้างชื่อเสียงข้าหลวงหยางผู้นี้ยังเป็นคนขององค์ชายใหญ่เว่ยอีกด้วย!เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชา พลางเอ่ยกับหยางหรงตรง ๆ“ในเมื่อครอบครัวของข้าหลวงหยางสร้างขึ้นมา เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าไปแจ้งตระกูลหยางทีว่าข้าจะขอใช้หออักษร!”“ข้าหลวงหยางรักทุกคนเหมือนลูก ๆ คนในครอบครัวของเขาก็มีศีลธรรมสูงส่งเช่นกัน ข้าว่าพวกเขาจะร่วมมือกับข้าเพื่อที่จะดูแลผู้ป่วยเหล่านี้!”“ข้ามีอาหารมาด้วยไม่มากนัก ขอให้ตระกูลหยางบริจาคข้าวปลาอาหารและเวชภัณฑ์มาสนับสนุนข้าอีกสักหน่อยเถอะ! หลังจากที่ข้ากลับเมืองหลวงแล้ว ข้าจะส่งเรื่องถึงองค์จักรพรรดิให้เสด็จพ่อชมเชยข้าหลวงหยางอย่างแน่นอน!”เมื่อหยางหรงได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็กระตุก ภายใต้การจ้องมองอย่างบีบบังคับของเซียวหลินเทียน เขาทำได้เพียงต้องไปแจ้งให้ตระกูลหยางทราบเท่านั้น“เยี่ยมเลย! เซียวหลินเทียน! ไม่ต้องใช้ทหารแม้แต่คนเดียว ก็บีบบังคับให้เขาออกเงินกับอาหารเพื่อให้ความเคารพท่านอ๋องได้
หลี่ว์จงเจ๋อมิกล้าตัดสินใจ จึงไปขอคำแนะนำจากเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ได้ เจ้าพาคนไปส่งนางที่นั่นเถิด! นางอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรมิได้ อีกทั้งข้าจะต้องส่งคนไปดูแลนางอีก!”“หลังจากที่เจ้าไปถึงเว่ยโจวแล้วก็ไปพบข้าหลวงของเว่ยโจวก่อนเสีย ให้เขาส่งคนไปตรวจสอบดูทุกหมู่บ้าน หากพบพื้นที่ที่มีโรคระบาด ก็จะให้แยกผู้ป่วยออกตามคำสั่งของพระชายา! ห้ามมิให้มีการเคลื่อนย้ายเอง!”"พ่ะย่ะค่ะ!"หลี่ว์จงเจ๋อนับกองทหารของตนแล้วรีบพาเซียวทงไปยังเว่ยโจวในเวลานี้อู่เวยได้ละทิ้งคำสั่งของจ้าวเจินเจินไปแล้ว ทั้งเขาและเซียวทงต่างได้เห็นภาพอันน่ากลัวของผู้ป่วยโรคระบาดที่เสียชีวิตตามท้องถนนแล้ว!โรคระบาดร้ายแรงถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากอยู่ให้เสี่ยงหรอก!มีโอกาสมากมายที่จะฆ่าเซียวหลินเทียน เขามาเว่ยโจวแล้วค่อยหาโอกาสดำเนินการเอาก็ได้!กระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น ก็มีผู้ป่วยส่งมาที่หออักษรสิบกว่าคนแล้ว มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กคนในครอบครัวของผู้ป่วยบางส่วนก็ตามมาด้วย แต่ผู้คุมไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาจึงเริ่มโวยวายอยู่ที่หน้าประตูหลิงอวี๋กำลังทำการวิจัยโรคระบาดอยู่ในห้องรักษา คนเหล่านี้บ
ลู่หนานกับองครักษ์ทั้งสองเดินไปข้างกายชายผู้นั้นด้วยท่าทีดุร้าย พลางตะคอกเสียงแข็ง“ยังมิไปอีก จะให้พวกเราลงมือจริง ๆ ใช่หรือไม่?”ชายผู้นั้นมองท่าทีดุร้ายของลู่หนาน แล้วหันหลังเดินออกไปด้วยความโกรธวีรบุรุษจะรู้จักถอยเพื่อมิให้เสียเปรียบ เขาจะไปหาข้าหลวงมาตัดสินให้ตนเองเป็นแน่!“ใครจะก่อปัญหาอีก?”เซียวหลินเทียนเหลือบมองครอบครัวเหล่านั้นด้วยสายตาที่เฉียบคมรัศมีอันสง่างามของเขากับดาบบนตัวของพวกลู่หนานทำเอาครอบครัวเหล่านั้นหน้าซีด ใครจะกล้าก่อปัญหาอีกเล่า!พวกเขามองหน้ากัน แล้วจากไปอย่างสิ้นหวัง“เจ้ามิได้ถูกพวกเขาทำให้บาดเจ็บใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋มองผู้คุมอย่างกังวล ผู้คุมส่ายหัวพลางเอ่ยอย่างขอบคุณ “พระชายา ขอบคุณท่านขอรับ!”“ไม่เป็นไร! ข้าสิจะต้องขอบคุณเจ้าที่ยังคงรักษาจุดยืนไว้แม้ว่าจะเผชิญกับความยากลำบาก!”หลิงอวี๋รีบเอ่ย “อีกประเดี๋ยวยาสมุนไพรก็จะต้มเสร็จ เจ้ากินสักสองชามก่อน! ตอนนี้รีบไปอาบน้ำผลัดผ้าก่อนเถิด!”“จำไว้ว่าเจ้าต้องซักอาภรณ์แล้วส่งไปให้แม่นมหลี่ ให้นางช่วยเอาไปต้มในน้ำร้อนแล้วค่อยเอาไปตากให้แห้ง!”“ขอรับ! พระชายา ข้าจะทำตามคำสั่งของพระชายาขอรับ!”ผู้คุมเอ
ทางด้านหลิงอวี๋ตรวจเลือดของผู้ป่วยแต่ละราย และพบแหล่งที่มาของโรคระบาดสองประเภทประเภทแรกคือโรคระบาด ส่วนอีกประเภทคือไข้หวัดนกหยางต้ายากับปู่หยางป่วยเป็นไข้หวัดนกเชื้อนี้ติดต่อจากการที่สิ่งใด ๆ ปนเปื้อนอุจจาระกับสารคัดหลั่งของสัตว์ปีกที่ป่วย เช่น อาหาร น้ำดื่ม อากาศ ยานพาหนะ คน แมลง ฯลฯ นำพาเชื้อนี้มาแพร่ระบาดส่วนกาฬโรคคือการที่คนถูกหนูที่ติดเชื้อกัดแล้วแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการฆ่าสัตว์ที่ติดเชื้อแล้วเชื้อซึมเข้าบาดแผล หรือเกิดจากการสูดดมละอองของเชื้อเข้าไปก็ได้โรคทั้งสองสามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้ ซึ่งทำให้หลิงอวี๋ยิ่งกังวล เพราะกลุ่มคนที่ไม่สวมหน้ากากมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อมากขึ้นอีก!กระทั่งลู่หนานนำสัตว์ปีกกลับมา หลังจากการตรวจสอบหลิงอวี๋ก็พบเชื้อในสัตว์ปีกเหล่านั้นด้วย“เซียวหลินเทียน สัตว์ปีกและสัตว์ต่าง ๆ ในเจ่าจวงจะต้องถูกฆ่าและทำลายไปด้วยกันทั้งหมดให้ทันเวลา! อีกทั้งบ้านที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ก็ต้องส่งคนไปฆ่าเชื้อด้วย!”หลิงอวี๋รีบให้คนไปเรียกเซียวหลินเทียน แล้วบอกผลการวิจัยของตนเองให้เขาฟังเซียวหลินเทียนเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าวิจัยตำรับยาได้หรือยัง?”หลิงอวี๋ย
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต