เซียวหลินเทียนหลับตาลง เขารู้สึกละอายใจกับตนเองที่เมื่อครู่คิดว่าเซียวทงเปลี่ยนไปแล้ว!คุณหนูใหญ่ที่มีนิสัยเกเรเอาแต่ใจเยี่ยงนี้ เขาคิดไปได้เยี่ยงไรว่านางลำบากแล้วจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไปได้!“หลิงอวี๋ใส่ร้ายหม่อมฉัน! พี่สี่ ได้ยินหม่อมฉันหรือไม่!”เซียวทงเห็นพวกฉินซานมองตนด้วยสายตาไม่เชื่อ จึงตะโกนอย่างกังวล“จะเป็นการใส่ร้ายหรือไม่ ลองดูก็รู้แล้ว! ใครก็ได้ ตักน้ำแกงมาสองชาม!”เซียวหลินเทียนออกคำสั่ง จากนั้นองครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวไปตักน้ำแกงสองชามออกมา“เซียวทง กินสิ… กินแล้วข้าจะเชื่อเจ้า!” เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา“หม่อมฉันมิกินหรอก! หลิงอวี๋ใส่ยาระบายลงไปในนี้ หม่อมฉันเห็นมากับตา ท่านพี่อย่าให้หม่อมฉันดื่มเลย!”เซียวทงมีหรือจะกล้ากิน จึงโยนความผิดไปให้หลิงอวี๋“ท่านอ๋อง กระหม่อมก็เห็นเช่นกัน พระชายาใส่ยาลงในน้ำแกงพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่อู่เวยเห็นเข้าก็รีบเอ่ยช่วยเซียวทง“ห่อยายังคงอยู่กับองค์หญิงหกอยู่เลยเพคะ!” หลิงอวี๋เตือนอย่างเย็นชาเซียวหลินเทียนหันไปหาเซียวทง “เจ้าจะเอามันออกมาเองหรือจะให้ข้าสั่งให้องครักษ์ค้นตัวเจ้า?”“พี่สี่ หม่อมฉันบอกแล้วว่ามิใช่หม่อมฉัน! เหตุใดเ
องค์หญิงของราชวงศ์คนหนึ่งที่ก่อนเกิดเหตุใหญ่ในแคว้น สิ่งที่คิดมิใช่ว่าจะช่วยเหลือราษฎรเยี่ยงไร แต่กลับวางแผนกำจัดคนของตนด้วยความปรารถนาอันเห็นแก่ตัว!แต่เซียวยังคงโต้แย้ง เมื่อเห็นว่าพบผงยามากมายถึงเพียงนี้ การจะโยนความผิดไปให้หลิงอวี๋คงเป็นไปมิได้แล้ว!เซียวทงกลอกตาพลางตะโกนออกมา “ฉินรั่วซือ เหตุใดเจ้าถึงร้ายกาจถึงเพียงนี้! ข้าพาเจ้าออกมาด้วยจะได้มีประสบการณ์ แต่เจ้ากลับเอายาที่ร้ายกาจพวกนี้มา!”“เจ้าคิดจะทำร้ายผู้ใดกัน?”ฉินรั่วซือตกใจจนคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง พลางตะโกนอย่างกังวล“องค์หญิงหก ท่านจะตรัสส่งเดชมิได้นะเพคะ! ยาเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นขององค์หญิง… หม่อมฉันมิรู้เลยว่ามียามากมายถึงเพียงนี้ซ่อนอยู่ในรถม้า!”“ท่านพี่ ท่านเชื่อข้านะ ข้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่!”ฉินรั่วซือมองไปทางฉินซานอย่างขอร้องตอนนี้นางกลัวจริง ๆ อันตรายเหล่านี้ หากโทษมาตกอยู่ที่นาง เช่นนั้นนางคงถูกตัดหัวแน่!“ท่านพี่ ข้าถูกองค์หญิงหกบีบบังคับให้มา! ข้ามาโดยที่มิได้เก็บกระทั่งอาภรณ์และกระเป๋าเดินทางด้วยซ้ำ… ยาพวกนั้นไม่ใช่ของข้าจริง ๆ!”ฉินซานเหลือบมองฉินรั่วซืออย่างเงียบ ๆ เขารู้จักน้องสาวของต
ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เซียวทงรู้สึกเขินอายที่จะเอื้อมมือไปเกา!อดทนไว้ อดทนอีกหน่อยแล้วมันจะผ่านพ้นไป… ตราบใดที่นางสามารถอดทนได้นานกว่าฉินรั่วซือ นางก็พ้นจากอันตรายแล้ว!แต่ยิ่งอดทนก็ยิ่งทรมาน!เซียวทงอดมิได้ที่จะตะโกนออกไป “หลิงอวี๋ เอายาแก้พิษมาให้ข้า… หากพวกเจ้ามิให้ข้า ข้าจะบอกเสด็จพ่อว่าพวกเจ้าจงใจทำให้ข้าลำบากเพื่อขับไล่ข้ากลับป…”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนต่างก็มองนางอย่างเย็นชา ไม่สะทกสะท้านใด ๆเซียวทงโวยวายอยู่เป็นเวลานาน จนทนความเจ็บปวดมิได้ก็พุ่งเข้าไปเตะฉินรั่วซืออย่างบ้าคลั่ง“นางสารเลว รีบสารภาพเร็วเข้า! หากเจ้าทำให้ข้าตายไปแล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด?”ฉินซานก้าวไปขวางตรงหน้าของฉินรั่วซือด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ยิ่งทำให้เซียวทงโกรธขึ้นอีกไฉนทุกคนจึงมองตนด้วยสายตารังเกียจเล่า!“หลิงอวี๋ พี่สี่ ข้าจะบอกพวกท่าน ครั้งสุดท้ายที่ให้ข้าใส่ร้ายเจ้าว่าขโมยของในงานเลี้ยงชมบุปผานั่นเป็นความคิดของฉินรั่วซือ...”เซียวทงจ้องฉินรั่วซืออย่างทั้งกังวลทั้งเกลียดชัง จากนั้นก็บอกทุกอย่างออกไป“ฉินรั่วซือเป็นคนช่วยเสิ่นจวนกระจายข่าว และนางก็เป็นคนรายงานข่าวให้จ้าวซิงด้วย… มิเช่นนั้นข้า
หากเซียวทงมิสารภาพ ฉินรั่วซือก็มิรู้ว่าตนจะอดทนต่อไปได้หรือไม่!“เซียวทง ลงชื่อเสีย แล้วข้าจะให้ยาแก้พิษแก่เจ้า!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนโบกมือ ท่านจินต้าก็ส่งคำสารภาพเป็นลายลักษณ์อักษรให้เซียวหลินเทียนนี่เป็นความเคยชินของเขาที่ปลูกฝังหลังจากติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี คำพูดไม่มีน้ำหนัก มีเพียงหลักฐานเท่านั้นที่ทำให้เซียวทงหยุดปฏิเสธได้เซียวทงรู้สึกคันจนทรมาน แต่เมื่อพิจารณาว่าตนก็มิได้ทำผิดพลาดใหญ่โตอะไร เซียวหลินเทียนคงมิกล้าจัดการตนหรอก!หลังจากนี้นางสามารถใช้เรื่องที่เซียวหลินเทียนทรมานนางบีบเอาคำสารภาพมาช่วยให้หลุดพ้นได้เซียวทงลงนามอย่างสบายใจ แล้วขอยาแก้พิษจากเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนขยิบตาให้ลู่หนาน ลู่หนานจึงจงใจเอายาแก้พิษและน้ำแกงยาระบายที่ทหารองครักษ์ตักออกมาเมื่อครู่ พร้อมเพิ่มยาระบายให้กับองค์หญิงหกเซียวทงแค่อยากจะกำจัดความทรมานจากผงคันจึงมิสนใจ พลันรับยาแก้พิษมาแล้วดื่มน้ำแกงจนหมดเกลี้ยงสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงหก ดูเหมือนว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลี่ว์จงเจ๋อแล้ว จะไม่มีสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของลู่หนานเลยหลี่ว์จงเจ๋อตะลึง ทั้งยังสงสัยว่าลู่ห
กองทัพขนาดใหญ่ออกเดินทางกันแล้ว แต่ยังมิทันที่จะลงจากภูเขา เม็ดฝนก็เริ่มตกลงมาแล้วบนภูเขาไม่มีที่กำบังฝน องครักษ์ที่เซียวหลินเทียนส่งไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้านี้กลับมารายงานว่ามีวิหารที่ทรุดโทรมอยู่ข้างหน้าไปสิบลี้ที่เป็นที่หลบฝนชั่วคราวให้ได้ ทุกคนจึงเร่งความเร็วไปที่นั่นกันเซียวทงมิได้กินอะไรเลยทั้งวัน ดังนั้นน้ำแกงจึงเข้าสู่กระเพาะอย่างรวดเร็วนางเพียงรู้สึกว่าท้องของนางบิดและปวดขึ้นมา แล้วความอยากขับถ่ายก็เข้ามาหานางอย่างแรงเวลานี้เซียวทงยังมิได้สติว่าตนได้ดื่มน้ำแกงนั้นไป ยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่ไม่ได้ขับถ่ายในตอนเช้านางคิดว่าข้างนอกฝนตกอยู่ จึงอดทนรอจนถึงวิหารทรุดโทรมก่อนแล้วค่อยขับถ่ายไหนเลยจะคิดว่าทนไปได้มิเท่าไหร่ ท้องก็คำรามขึ้นมาอีก ความอยากขับถ่ายอันแรงกล้าก็พุ่งไปที่ทวารหนักอย่างรวดเร็ว"จอด ข้าอยากขับถ่าย!"เซียวทงตะโกนอย่างกังวลแต่องครักษ์ข้างนอกต่างเร่งรีบที่จะออกเดินทาง ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่ม ใครจะยอมหยุดกันเล่า!ประกอบกับที่มีคำสั่งจากท่านอ๋องอี้ด้วย หากเขามิอนุญาตก็ไม่มีใครกล้าหยุดรถทั้งน
เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “แม่ทัพฉิน ข้ามิใช่คนไร้เหตุผล ข้าให้โอกาสนางได้ แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ในเมื่อฉินรั่วซือเป็นน้องสาวของเจ้า ก็ให้เจ้ารับผิดชอบแล้วกัน!”“อ้อ งานเบ็ดเตล็ดอาจมิเหมาะกับนาง… เจ้าไปดูทางพระชายาว่ามีสิ่งใดที่เหมาะกับนางหรือไม่!”“ ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซานมีความสุขมาก เขาคุกเข่าลงขอบคุณเซียวหลินเทียน เขารู้ว่าที่เซียวหลินเทียนพูดเช่นนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นหนทางให้ฉินรั่วซือมีชีวิตรอดภารกิจหลักของพวกเขาในการออกเดินทางมาครั้งนี้คือการกำจัดโรคระบาด ทางด้านหลิงอวี๋ยังต้องการกำลังคนอยู่ ขอเพียงเขาขอให้หลิงอวี๋ให้โอกาสฉินรั่วซือได้ช่วย น้องสาวของเขาก็จะมีโอกาสสร้างความดีความชอบฉินซานออกมาตามหาหลิงอวี๋ จากนั้นก็อธิบายเจตนาของตนออกไป หลิงอวี๋จึงเอ่ย“นี่มิใช่งานยากอะไร ให้นางมาช่วยข้าเถิด! ข้าต้องการกำลังคนอยู่พอดี!”ฉินซานหน้าแดงทันที ไม่คิดเลยว่าฉินรั่วซือทำเรื่องเช่นนั้นไปแล้ว หลิงอวี๋ก็ยังเต็มใจที่จะให้โอกาสนางอีกก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าจะขอร้องหลิงอวี๋ทุกวิถีทาง ไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋จะตอบตกลงโดยที่มิต้องให้ตนขอร้องด้วยซ้ำ“พระชายาอ๋องอี้ ข้
ฉินรั่วซือลุกขึ้นยืน ยังคงมิสบายใจเล็กน้อย หลิงอวี๋จะปล่อยนางไปเช่นนี้หรือ?เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนไม่จริงเล่า?“รั่วซือ ไฉนจึงยืนตะลึงอยู่เล่า? รีบไปช่วยแม่นมหลี่อบอาภรณ์เร็วเข้า! ข้าต้องทำงานแล้ว”ฉินซานเหลือบมองฉินรั่วซือ แล้วรีบเดินไปฉินรั่วซือรีบรับอาภรณ์ที่แม่นมหลี่ส่งให้แล้วเอาไปผิงไฟนางแอบเหลือบมองหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยความรังเกียจบนใบหน้าของหลิงอวี๋ จึงค่อย ๆ รู้สึกโล่งใจอีกด้านหนึ่ง ด้านในรถม้าของเซียวทงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น นางเพิ่งจะรู้สึกว่าท้องของนางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จึงสั่งให้นางกำนัลเก็บข้าวของอีกคันหนึ่งให้ตนเองพักผ่อนรถม้าคันนี้มีกลิ่นเหม็นมากจนนางไม่อยากอยู่ที่นี่!แต่ฝนตกหนักมาก บนรถม้าก็เต็มไปด้วยสิ่งของ เป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บมันออกไปได้อีกสักพักเลยซิ่งเอ๋อร์กระซิบ “องค์หญิงเพคะ เข้าไปหลบฝนก่อนเถิดเพคะ! เมื่อฝนซาลงบ่าวจะเก็บของให้ทันที!”เซียวทงตบหน้านางอย่างแรงพลางตะคอก“ตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้ เจ้าจะข้าให้ลงจากรถได้เยี่ยงไรเล่า? จะให้ข้าลงไปให้ทุกคนเห็นเรื่องน่าขำของข้ารึ?”“รีบไปเก็บข้าวของเสีย หากยังชักช้าอีก ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย!”ซิ่ง
หลิงอวี๋ลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว นางทำน้ำขิงและเอาอาหารแห้งกับต้นหมาซือเสียนมาทำโจ๊กให้ทุกคน กระทั่งถึงเวลาที่นางทำงานเสร็จก็ดึกแล้วนางพาเถาจื่อ หลิงซวนและฉินรั่วซือไปแอบในรถม้าของเซียวหลินเทียนเพื่อนอนหลับทุกคนวิ่งวุ่นกันสองวันแล้ว พอนอนลงได้ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเลยฉินซานจัดองครักษ์เฝ้ายามในเวลากลางคืน เขาอยู่ในกะแรกและพาองครักษ์ไปตรวจรอบ ๆเมื่อหันกลับไป ก็เห็นนางกำนัลขององค์หญิงหกยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่เลย ฉินซานเหลือบมองอย่างรังเกียจ แล้วก็เห็นว่าองครักษ์ที่อู่เวยพามาต่างกำลังเอนกายหลับกันอยู่ใต้ชายคาฉินซานส่ายหัวแล้วนำคนของเขาลาดตระเวนให้กว้างขึ้นฉินซานเพิ่งจะไป กลุ่มคนชุดดำสวมหน้ากากก็ย่องเข้ามาจากด้านหลังวิหารทรุดโทรมภายใต้ฝนที่ตกอย่างหนักนางกำนัลคนหนึ่งขององค์หญิงหกทนกลิ่นในรถม้าไม่ได้ จึงแอบไปอาเจียนอยู่หลังกำแพง กระทั่งนางออกมา ก็เผชิญหน้ากับคนชุดดำเหล่านี้เข้าแต่ยังไม่ทันที่นางจะกรีดร้องออกมา นางเห็นมีดแวววาวแวบผ่านมา แล้วหัวของนางก็ขาดออกไปทันที...หัวหน้าของกลุ่มคนชุดดำเตะหัวนางกำนัลเข้าไปในพงหญ้า จากนั้นก็กวาดสายตาแล้วทำสัญญาณมือ ส่วนคนที่เขาพามาก็แบ่งออกเป