ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เซียวทงรู้สึกเขินอายที่จะเอื้อมมือไปเกา!อดทนไว้ อดทนอีกหน่อยแล้วมันจะผ่านพ้นไป… ตราบใดที่นางสามารถอดทนได้นานกว่าฉินรั่วซือ นางก็พ้นจากอันตรายแล้ว!แต่ยิ่งอดทนก็ยิ่งทรมาน!เซียวทงอดมิได้ที่จะตะโกนออกไป “หลิงอวี๋ เอายาแก้พิษมาให้ข้า… หากพวกเจ้ามิให้ข้า ข้าจะบอกเสด็จพ่อว่าพวกเจ้าจงใจทำให้ข้าลำบากเพื่อขับไล่ข้ากลับป…”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนต่างก็มองนางอย่างเย็นชา ไม่สะทกสะท้านใด ๆเซียวทงโวยวายอยู่เป็นเวลานาน จนทนความเจ็บปวดมิได้ก็พุ่งเข้าไปเตะฉินรั่วซืออย่างบ้าคลั่ง“นางสารเลว รีบสารภาพเร็วเข้า! หากเจ้าทำให้ข้าตายไปแล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด?”ฉินซานก้าวไปขวางตรงหน้าของฉินรั่วซือด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ยิ่งทำให้เซียวทงโกรธขึ้นอีกไฉนทุกคนจึงมองตนด้วยสายตารังเกียจเล่า!“หลิงอวี๋ พี่สี่ ข้าจะบอกพวกท่าน ครั้งสุดท้ายที่ให้ข้าใส่ร้ายเจ้าว่าขโมยของในงานเลี้ยงชมบุปผานั่นเป็นความคิดของฉินรั่วซือ...”เซียวทงจ้องฉินรั่วซืออย่างทั้งกังวลทั้งเกลียดชัง จากนั้นก็บอกทุกอย่างออกไป“ฉินรั่วซือเป็นคนช่วยเสิ่นจวนกระจายข่าว และนางก็เป็นคนรายงานข่าวให้จ้าวซิงด้วย… มิเช่นนั้นข้า
หากเซียวทงมิสารภาพ ฉินรั่วซือก็มิรู้ว่าตนจะอดทนต่อไปได้หรือไม่!“เซียวทง ลงชื่อเสีย แล้วข้าจะให้ยาแก้พิษแก่เจ้า!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนโบกมือ ท่านจินต้าก็ส่งคำสารภาพเป็นลายลักษณ์อักษรให้เซียวหลินเทียนนี่เป็นความเคยชินของเขาที่ปลูกฝังหลังจากติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี คำพูดไม่มีน้ำหนัก มีเพียงหลักฐานเท่านั้นที่ทำให้เซียวทงหยุดปฏิเสธได้เซียวทงรู้สึกคันจนทรมาน แต่เมื่อพิจารณาว่าตนก็มิได้ทำผิดพลาดใหญ่โตอะไร เซียวหลินเทียนคงมิกล้าจัดการตนหรอก!หลังจากนี้นางสามารถใช้เรื่องที่เซียวหลินเทียนทรมานนางบีบเอาคำสารภาพมาช่วยให้หลุดพ้นได้เซียวทงลงนามอย่างสบายใจ แล้วขอยาแก้พิษจากเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนขยิบตาให้ลู่หนาน ลู่หนานจึงจงใจเอายาแก้พิษและน้ำแกงยาระบายที่ทหารองครักษ์ตักออกมาเมื่อครู่ พร้อมเพิ่มยาระบายให้กับองค์หญิงหกเซียวทงแค่อยากจะกำจัดความทรมานจากผงคันจึงมิสนใจ พลันรับยาแก้พิษมาแล้วดื่มน้ำแกงจนหมดเกลี้ยงสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงหก ดูเหมือนว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลี่ว์จงเจ๋อแล้ว จะไม่มีสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของลู่หนานเลยหลี่ว์จงเจ๋อตะลึง ทั้งยังสงสัยว่าลู่ห
กองทัพขนาดใหญ่ออกเดินทางกันแล้ว แต่ยังมิทันที่จะลงจากภูเขา เม็ดฝนก็เริ่มตกลงมาแล้วบนภูเขาไม่มีที่กำบังฝน องครักษ์ที่เซียวหลินเทียนส่งไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้านี้กลับมารายงานว่ามีวิหารที่ทรุดโทรมอยู่ข้างหน้าไปสิบลี้ที่เป็นที่หลบฝนชั่วคราวให้ได้ ทุกคนจึงเร่งความเร็วไปที่นั่นกันเซียวทงมิได้กินอะไรเลยทั้งวัน ดังนั้นน้ำแกงจึงเข้าสู่กระเพาะอย่างรวดเร็วนางเพียงรู้สึกว่าท้องของนางบิดและปวดขึ้นมา แล้วความอยากขับถ่ายก็เข้ามาหานางอย่างแรงเวลานี้เซียวทงยังมิได้สติว่าตนได้ดื่มน้ำแกงนั้นไป ยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่ไม่ได้ขับถ่ายในตอนเช้านางคิดว่าข้างนอกฝนตกอยู่ จึงอดทนรอจนถึงวิหารทรุดโทรมก่อนแล้วค่อยขับถ่ายไหนเลยจะคิดว่าทนไปได้มิเท่าไหร่ ท้องก็คำรามขึ้นมาอีก ความอยากขับถ่ายอันแรงกล้าก็พุ่งไปที่ทวารหนักอย่างรวดเร็ว"จอด ข้าอยากขับถ่าย!"เซียวทงตะโกนอย่างกังวลแต่องครักษ์ข้างนอกต่างเร่งรีบที่จะออกเดินทาง ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่ม ใครจะยอมหยุดกันเล่า!ประกอบกับที่มีคำสั่งจากท่านอ๋องอี้ด้วย หากเขามิอนุญาตก็ไม่มีใครกล้าหยุดรถทั้งน
เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “แม่ทัพฉิน ข้ามิใช่คนไร้เหตุผล ข้าให้โอกาสนางได้ แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ในเมื่อฉินรั่วซือเป็นน้องสาวของเจ้า ก็ให้เจ้ารับผิดชอบแล้วกัน!”“อ้อ งานเบ็ดเตล็ดอาจมิเหมาะกับนาง… เจ้าไปดูทางพระชายาว่ามีสิ่งใดที่เหมาะกับนางหรือไม่!”“ ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซานมีความสุขมาก เขาคุกเข่าลงขอบคุณเซียวหลินเทียน เขารู้ว่าที่เซียวหลินเทียนพูดเช่นนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นหนทางให้ฉินรั่วซือมีชีวิตรอดภารกิจหลักของพวกเขาในการออกเดินทางมาครั้งนี้คือการกำจัดโรคระบาด ทางด้านหลิงอวี๋ยังต้องการกำลังคนอยู่ ขอเพียงเขาขอให้หลิงอวี๋ให้โอกาสฉินรั่วซือได้ช่วย น้องสาวของเขาก็จะมีโอกาสสร้างความดีความชอบฉินซานออกมาตามหาหลิงอวี๋ จากนั้นก็อธิบายเจตนาของตนออกไป หลิงอวี๋จึงเอ่ย“นี่มิใช่งานยากอะไร ให้นางมาช่วยข้าเถิด! ข้าต้องการกำลังคนอยู่พอดี!”ฉินซานหน้าแดงทันที ไม่คิดเลยว่าฉินรั่วซือทำเรื่องเช่นนั้นไปแล้ว หลิงอวี๋ก็ยังเต็มใจที่จะให้โอกาสนางอีกก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าจะขอร้องหลิงอวี๋ทุกวิถีทาง ไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋จะตอบตกลงโดยที่มิต้องให้ตนขอร้องด้วยซ้ำ“พระชายาอ๋องอี้ ข้
ฉินรั่วซือลุกขึ้นยืน ยังคงมิสบายใจเล็กน้อย หลิงอวี๋จะปล่อยนางไปเช่นนี้หรือ?เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนไม่จริงเล่า?“รั่วซือ ไฉนจึงยืนตะลึงอยู่เล่า? รีบไปช่วยแม่นมหลี่อบอาภรณ์เร็วเข้า! ข้าต้องทำงานแล้ว”ฉินซานเหลือบมองฉินรั่วซือ แล้วรีบเดินไปฉินรั่วซือรีบรับอาภรณ์ที่แม่นมหลี่ส่งให้แล้วเอาไปผิงไฟนางแอบเหลือบมองหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยความรังเกียจบนใบหน้าของหลิงอวี๋ จึงค่อย ๆ รู้สึกโล่งใจอีกด้านหนึ่ง ด้านในรถม้าของเซียวทงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น นางเพิ่งจะรู้สึกว่าท้องของนางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จึงสั่งให้นางกำนัลเก็บข้าวของอีกคันหนึ่งให้ตนเองพักผ่อนรถม้าคันนี้มีกลิ่นเหม็นมากจนนางไม่อยากอยู่ที่นี่!แต่ฝนตกหนักมาก บนรถม้าก็เต็มไปด้วยสิ่งของ เป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บมันออกไปได้อีกสักพักเลยซิ่งเอ๋อร์กระซิบ “องค์หญิงเพคะ เข้าไปหลบฝนก่อนเถิดเพคะ! เมื่อฝนซาลงบ่าวจะเก็บของให้ทันที!”เซียวทงตบหน้านางอย่างแรงพลางตะคอก“ตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้ เจ้าจะข้าให้ลงจากรถได้เยี่ยงไรเล่า? จะให้ข้าลงไปให้ทุกคนเห็นเรื่องน่าขำของข้ารึ?”“รีบไปเก็บข้าวของเสีย หากยังชักช้าอีก ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย!”ซิ่ง
หลิงอวี๋ลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว นางทำน้ำขิงและเอาอาหารแห้งกับต้นหมาซือเสียนมาทำโจ๊กให้ทุกคน กระทั่งถึงเวลาที่นางทำงานเสร็จก็ดึกแล้วนางพาเถาจื่อ หลิงซวนและฉินรั่วซือไปแอบในรถม้าของเซียวหลินเทียนเพื่อนอนหลับทุกคนวิ่งวุ่นกันสองวันแล้ว พอนอนลงได้ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเลยฉินซานจัดองครักษ์เฝ้ายามในเวลากลางคืน เขาอยู่ในกะแรกและพาองครักษ์ไปตรวจรอบ ๆเมื่อหันกลับไป ก็เห็นนางกำนัลขององค์หญิงหกยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่เลย ฉินซานเหลือบมองอย่างรังเกียจ แล้วก็เห็นว่าองครักษ์ที่อู่เวยพามาต่างกำลังเอนกายหลับกันอยู่ใต้ชายคาฉินซานส่ายหัวแล้วนำคนของเขาลาดตระเวนให้กว้างขึ้นฉินซานเพิ่งจะไป กลุ่มคนชุดดำสวมหน้ากากก็ย่องเข้ามาจากด้านหลังวิหารทรุดโทรมภายใต้ฝนที่ตกอย่างหนักนางกำนัลคนหนึ่งขององค์หญิงหกทนกลิ่นในรถม้าไม่ได้ จึงแอบไปอาเจียนอยู่หลังกำแพง กระทั่งนางออกมา ก็เผชิญหน้ากับคนชุดดำเหล่านี้เข้าแต่ยังไม่ทันที่นางจะกรีดร้องออกมา นางเห็นมีดแวววาวแวบผ่านมา แล้วหัวของนางก็ขาดออกไปทันที...หัวหน้าของกลุ่มคนชุดดำเตะหัวนางกำนัลเข้าไปในพงหญ้า จากนั้นก็กวาดสายตาแล้วทำสัญญาณมือ ส่วนคนที่เขาพามาก็แบ่งออกเป
คนชุดดำแทงดาบมาหาเขา ฉินซานก้าวช้าไปหนึ่งก้าว ดาบของคนชุดดำจึงฟันมาที่แขนของฉินซานฉินซานหดตัวอย่างรวดเร็ว รู้สึกได้ว่าดาบโดนที่แขนของตน เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนแทบจะจับดาบนิ่ง ๆ ไม่ได้...แต่เขามิใช่คนฝีมือธรรมดา แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็คว้าดาบไว้ได้ทันเวลา จากนั้นก็ย่อตัวลงแล้วเตะขาทั้งสองของคนชุดดำจากนั้นฉินซานก็พลิกตัวกลางอากาศ และเตะเข้าที่คางของคนชุดดำที่คางอย่างแรงคนชุดดำกระอักเลือดออกมา แล้วเลือดที่ผสมกับฝนก็หยดลงกลางอากาศพวกชุดดำหลายคนรีบวิ่งมาพร้อมดาบก่อนที่ฉินซานจะลงถึงพื้นฉินซานกลัวองค์หญิงจะบาดเจ็บจึงก้มลงและคว้าปกเสื้อขององค์หญิงหกแล้วลากนางเข้าไปในวิหารทรุดโทรมองค์หญิงหกตกใจมากจนขาของนางอ่อนแรง ครั้งที่แล้วที่โจรปล้น นางนั่งอยู่ในรถม้ามิได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาของนางเอง!ครั้งนี้เห็นการต่อสู้กับตาของตนอย่างแท้จริงแล้ว!เมื่อครู่มีแวบหนึ่งที่นางคิดว่าฉินซานจะตายด้วยดาบของคนชุดดำเสียแล้ว“เข้าไปก่อน!”ฉินซานผลักองค์หญิงหกแล้วหันกลับมาขวางทางคนชุดดำเอาไว้“ถอย!”ฉินซานตะคอก ทันทีที่เขาต่อสู้กับคนชุดดำก็พบว่าคนชุดดำมีพลังมากในวรยุทธ นี่มันมิใช่โจรธรรม
หัวหน้ากระโจนเข้ามา พลังของดาบอันแหลมคมชี้ไปที่คิ้วของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนเอนตัวไปด้านหลัง เขาหลบดาบนี้โดยใช้ประโยชน์จากการขยับรถเข็น แล้วใช้ดาบแทงออกมาจากหลังมือ แต่หัวหน้าก็หลบได้อย่างว่องไว เซียวหลินเทียนชักดาบอีกเล่มออกมา ทันทีที่ดาบกำลังจะแทงเข้าไปที่ท้องหัวหน้า เขาก็หลบได้อีกครั้ง “กล้าดีอย่างไรมาท้าทายตัวข้าผู้สูงส่งด้วยทักษะดาบเช่นนี้!” หัวหน้าถากถางและแทงเซียวเทียนหลินอีกครั้ง เซียวเทียนหลินนั่งอยู่บนรถเข็นจึงมิอาจหลบเลี่ยงได้ เขาทำได้เพียงใช้ดาบของเขาต่อสู้อย่างหนักเท่านั้น หลี่ว์จงเจ๋อต่อสู้กับศัตรูพร้อมกับมองทางเซียวเทียนหลินอย่างกังวล อ๋องอี้เสียเปรียบเพราะขาของเขาใช้การมิได้ หากว่าเขาสามารถลุกขึ้นยืนได้ เช่นนั้นคงจะมิเป็นฝ่ายถูกกระทำถึงเพียงนี้ช่วงเวลาสั้น ๆ เซียวหลินเทียนและหัวหน้าต่อสู้กันไปมามากกว่าสิบกระบวนท่า ทว่ายังมิปรากฏผู้ชนะ หัวหน้าอาศัยความจริงที่ว่าร่างที่นั่งอยู่บนรถเข็นของเซียวเทียนหลินไม่มีความยืดหยุ่นมากพอถึงยันไว้ได้นานขนาดนี้ เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ในเวลาเดียวกันก็แอบตกใจด้วยเช่นกัน คิดมิถึงเลยว่าวิทยายุทธของเซียวหลินเทียนจะร