“กลุ่มของข้ามิเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ หากเจ้ามิทำการใด ก็อย่าคิดว่าจะได้กินอิ่มนอนหลับสบาย!”“ข้าจะให้คนจับตาดูเจ้าไว้! หากเจ้าอยู่มิไหวก็หนีไปเสีย อย่าหวังว่าข้าจะส่งทหารพาเจ้ากลับไปเมืองหลวงเลย!”“เซียวทง จำสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไว้ อย่าท้าทายความอดทนของข้า เพราะเจ้าทนรับผลที่ตามมาทนมิไหวแน่!”หลังจากที่เซียวหลินเทียนพูดจบก็พาคนออกไป เซียวทงมองแผ่นหลังของเขาแล้วบ่นเบา ๆองค์ชายพิการผู้นี้ แค่อยากจะอาศัยตนมาสร้างความน่าเกรงขามของตนเท่านั้น!นางมิเชื่อว่าเขาจะกล้าตีนางจริง ๆ หรอก!ดูสิ หากตอนนี้ตนยื่นบันไดให้เขา เขาก็ลงมิได้มิใช่หรือ?แม้ว่าเซียวทงจะคิดเช่นนี้ แต่ก็ยังคงเก็บคำพูดของเซียวหลินเทียนไว้ในใจนางเหนื่อยมากจึงเร่งให้พวกฉินรั่วซือเตรียมน้ำให้ตน อยากจะอาบน้ำคลายความเหนื่อยล้าเสียหน่อยแต่จะมีถังไม้สำหรับอาบน้ำในที่พักเรียบง่ายแห่งนี้ได้เยี่ยงไรกัน?นางถูกบังคับให้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอาบน้ำง่าย ๆ แล้วเข้านอนแต่รู้สึกเหมือนเพิ่งหลับตาไปได้ครู่หนึ่งก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงแตรเดินทัพแล้ว“องค์หญิงหก รีบตื่นบรรทมเร็วเพคะ เราจะออกเดินทางในอีกสิบห้านาทีเพคะ!”นางกำนัลวิ่งเ
หลิงอวี๋พยักหน้า นางแค่คิดว่าบางทีเซียวหลินเทียนอาจจะไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโรคระบาด จึงเอ่ยเตือนเสียหน่อยเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจวันนี้เซียวทงรู้สึกดีขึ้นมาก กลุ่มของนางติดตามกลุ่มของเซียวหลินเทียนได้อย่างใกล้ชิดกระทั่งไปถึงจุดพักผ่อน ฉินซานก็เข้ามากับบอกให้พวกเขาให้อาหารม้าเซียวทงสั่งให้อู่เวยพาคนไปให้อาหารม้า ขณะที่ตนนอนอย่างเกียจคร้านในรถม้าโดยไม่ขยับไปไหนฉินซานเองก็ไม่พูดอะไร เขามองนางแล้วเดินจากไปกระทั่งถึงเวลากินข้าว เซียวทงก็ยังคงรอให้นางกำนัลนำอาหารมาให้ตนเองกิน แต่หลังจากรอเป็นเวลานานแล้วนางกำนัลเพิ่งจะมา จากนั้นก็มอบอาหารแห้งให้นางอย่างเงียบ ๆ“สิ่งใดกัน? นี่มันของกินของคนรึ?”เซียวทงเคาะอาหารแห้งในมือของนางกำนัล พลางตะคอกด้วยความโกรธ“ข้านำขนมมาเยอะมากมิใช่รึ? หากพวกเขามิให้ข้ากิน เจ้าก็เอาขนมของข้ามาให้หน่อยมิได้หรือไร?”ใบหน้าของนางกำนัลกระตุก พลางกระซิบ “ขนมเหล่านั้นถูกคนของท่านอ๋องอี้มาค้นไปแล้วเพคะ!”“องค์หญิง ในรถม้าของเราตอนนี้ไม่มีอะไรให้กินแล้วเพคะ!”“ไม่เพียงเท่านั้น ท่านอ๋องยังสั่งให้รถม้าหลายคันที่บ
พวกเขายุ่งอยู่กับการเด็ดผัก แล้วเอาถุงใหญ่ไปหาที่ที่มีน้ำมาใส่ล้างแล้วเอากลับมาทางด้านเซียวทงกำลังทำน้ำแกงให้ทุกคนอยู่ พอหลิงอวี๋กับเถาจื่อเดินมาพร้อมกับผักป่าในอ้อมแขน นางกำนัลคนหนึ่งเห็นเข้าจึงตะโกนเสียงดัง “พระชายาอ๋องอี้ มาแล้วหรือเจ้าคะ?”หลิงอวี๋เอียงหัวเล็กน้อย รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เซียวทงก็อยู่ไม่ไกล นางกำนัลผู้นี้กลัวว่าเซียวทงจะไม่ได้ยินเลยตะโกนดังถึงเพียงนี้เลยหรือ?ทันทีที่เซียวทงได้ยินเสียงนี้ ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋เห็นนางซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในแขนเสื้ออย่างรวดเร็วหลิงอวี๋จึงระวังตัวทันที“พี่สะใภ้สี่ ท่าน… ท่านมาทำอะไรที่นี่?” เซียวทงเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก“ข้าเก็บผักป่ามา อยากจะเพิ่มลงในน้ำแกงเพื่อเป็นการเพิ่มอาหารให้ทุกคน!” หลิงอวี๋เอ่ย“อ๋อ พี่สะใภ้สี่ทำเถิด! ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว!”เซียวทงยิ้มแล้วจะเดินออกไป“เดี๋ยวก่อน เจ้ายุ่งมานาน คงจะเหนื่อยแล้ว อาหารของข้าจะสุกในอีกไม่ช้า จะให้เจ้าก่อนชามหนึ่ง!”หลิงอวี๋คว้าตัวเซียวทงไว้เซียวทงผละออกจากหลิงอวี๋ทันที “ข้าไม่หิว พวกท่านกินก่อนเลย ข้าจะไปอาบน้ำแล้วค่อยกิน!”หลิงอวี๋คว้าตัวนางไว้อีกครั้ง พลางตะโ
เซียวหลินเทียนหลับตาลง เขารู้สึกละอายใจกับตนเองที่เมื่อครู่คิดว่าเซียวทงเปลี่ยนไปแล้ว!คุณหนูใหญ่ที่มีนิสัยเกเรเอาแต่ใจเยี่ยงนี้ เขาคิดไปได้เยี่ยงไรว่านางลำบากแล้วจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไปได้!“หลิงอวี๋ใส่ร้ายหม่อมฉัน! พี่สี่ ได้ยินหม่อมฉันหรือไม่!”เซียวทงเห็นพวกฉินซานมองตนด้วยสายตาไม่เชื่อ จึงตะโกนอย่างกังวล“จะเป็นการใส่ร้ายหรือไม่ ลองดูก็รู้แล้ว! ใครก็ได้ ตักน้ำแกงมาสองชาม!”เซียวหลินเทียนออกคำสั่ง จากนั้นองครักษ์คนหนึ่งก็ก้าวไปตักน้ำแกงสองชามออกมา“เซียวทง กินสิ… กินแล้วข้าจะเชื่อเจ้า!” เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา“หม่อมฉันมิกินหรอก! หลิงอวี๋ใส่ยาระบายลงไปในนี้ หม่อมฉันเห็นมากับตา ท่านพี่อย่าให้หม่อมฉันดื่มเลย!”เซียวทงมีหรือจะกล้ากิน จึงโยนความผิดไปให้หลิงอวี๋“ท่านอ๋อง กระหม่อมก็เห็นเช่นกัน พระชายาใส่ยาลงในน้ำแกงพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่อู่เวยเห็นเข้าก็รีบเอ่ยช่วยเซียวทง“ห่อยายังคงอยู่กับองค์หญิงหกอยู่เลยเพคะ!” หลิงอวี๋เตือนอย่างเย็นชาเซียวหลินเทียนหันไปหาเซียวทง “เจ้าจะเอามันออกมาเองหรือจะให้ข้าสั่งให้องครักษ์ค้นตัวเจ้า?”“พี่สี่ หม่อมฉันบอกแล้วว่ามิใช่หม่อมฉัน! เหตุใดเ
องค์หญิงของราชวงศ์คนหนึ่งที่ก่อนเกิดเหตุใหญ่ในแคว้น สิ่งที่คิดมิใช่ว่าจะช่วยเหลือราษฎรเยี่ยงไร แต่กลับวางแผนกำจัดคนของตนด้วยความปรารถนาอันเห็นแก่ตัว!แต่เซียวยังคงโต้แย้ง เมื่อเห็นว่าพบผงยามากมายถึงเพียงนี้ การจะโยนความผิดไปให้หลิงอวี๋คงเป็นไปมิได้แล้ว!เซียวทงกลอกตาพลางตะโกนออกมา “ฉินรั่วซือ เหตุใดเจ้าถึงร้ายกาจถึงเพียงนี้! ข้าพาเจ้าออกมาด้วยจะได้มีประสบการณ์ แต่เจ้ากลับเอายาที่ร้ายกาจพวกนี้มา!”“เจ้าคิดจะทำร้ายผู้ใดกัน?”ฉินรั่วซือตกใจจนคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง พลางตะโกนอย่างกังวล“องค์หญิงหก ท่านจะตรัสส่งเดชมิได้นะเพคะ! ยาเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นขององค์หญิง… หม่อมฉันมิรู้เลยว่ามียามากมายถึงเพียงนี้ซ่อนอยู่ในรถม้า!”“ท่านพี่ ท่านเชื่อข้านะ ข้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่!”ฉินรั่วซือมองไปทางฉินซานอย่างขอร้องตอนนี้นางกลัวจริง ๆ อันตรายเหล่านี้ หากโทษมาตกอยู่ที่นาง เช่นนั้นนางคงถูกตัดหัวแน่!“ท่านพี่ ข้าถูกองค์หญิงหกบีบบังคับให้มา! ข้ามาโดยที่มิได้เก็บกระทั่งอาภรณ์และกระเป๋าเดินทางด้วยซ้ำ… ยาพวกนั้นไม่ใช่ของข้าจริง ๆ!”ฉินซานเหลือบมองฉินรั่วซืออย่างเงียบ ๆ เขารู้จักน้องสาวของต
ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ เซียวทงรู้สึกเขินอายที่จะเอื้อมมือไปเกา!อดทนไว้ อดทนอีกหน่อยแล้วมันจะผ่านพ้นไป… ตราบใดที่นางสามารถอดทนได้นานกว่าฉินรั่วซือ นางก็พ้นจากอันตรายแล้ว!แต่ยิ่งอดทนก็ยิ่งทรมาน!เซียวทงอดมิได้ที่จะตะโกนออกไป “หลิงอวี๋ เอายาแก้พิษมาให้ข้า… หากพวกเจ้ามิให้ข้า ข้าจะบอกเสด็จพ่อว่าพวกเจ้าจงใจทำให้ข้าลำบากเพื่อขับไล่ข้ากลับป…”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนต่างก็มองนางอย่างเย็นชา ไม่สะทกสะท้านใด ๆเซียวทงโวยวายอยู่เป็นเวลานาน จนทนความเจ็บปวดมิได้ก็พุ่งเข้าไปเตะฉินรั่วซืออย่างบ้าคลั่ง“นางสารเลว รีบสารภาพเร็วเข้า! หากเจ้าทำให้ข้าตายไปแล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด?”ฉินซานก้าวไปขวางตรงหน้าของฉินรั่วซือด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ยิ่งทำให้เซียวทงโกรธขึ้นอีกไฉนทุกคนจึงมองตนด้วยสายตารังเกียจเล่า!“หลิงอวี๋ พี่สี่ ข้าจะบอกพวกท่าน ครั้งสุดท้ายที่ให้ข้าใส่ร้ายเจ้าว่าขโมยของในงานเลี้ยงชมบุปผานั่นเป็นความคิดของฉินรั่วซือ...”เซียวทงจ้องฉินรั่วซืออย่างทั้งกังวลทั้งเกลียดชัง จากนั้นก็บอกทุกอย่างออกไป“ฉินรั่วซือเป็นคนช่วยเสิ่นจวนกระจายข่าว และนางก็เป็นคนรายงานข่าวให้จ้าวซิงด้วย… มิเช่นนั้นข้า
หากเซียวทงมิสารภาพ ฉินรั่วซือก็มิรู้ว่าตนจะอดทนต่อไปได้หรือไม่!“เซียวทง ลงชื่อเสีย แล้วข้าจะให้ยาแก้พิษแก่เจ้า!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนโบกมือ ท่านจินต้าก็ส่งคำสารภาพเป็นลายลักษณ์อักษรให้เซียวหลินเทียนนี่เป็นความเคยชินของเขาที่ปลูกฝังหลังจากติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี คำพูดไม่มีน้ำหนัก มีเพียงหลักฐานเท่านั้นที่ทำให้เซียวทงหยุดปฏิเสธได้เซียวทงรู้สึกคันจนทรมาน แต่เมื่อพิจารณาว่าตนก็มิได้ทำผิดพลาดใหญ่โตอะไร เซียวหลินเทียนคงมิกล้าจัดการตนหรอก!หลังจากนี้นางสามารถใช้เรื่องที่เซียวหลินเทียนทรมานนางบีบเอาคำสารภาพมาช่วยให้หลุดพ้นได้เซียวทงลงนามอย่างสบายใจ แล้วขอยาแก้พิษจากเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนขยิบตาให้ลู่หนาน ลู่หนานจึงจงใจเอายาแก้พิษและน้ำแกงยาระบายที่ทหารองครักษ์ตักออกมาเมื่อครู่ พร้อมเพิ่มยาระบายให้กับองค์หญิงหกเซียวทงแค่อยากจะกำจัดความทรมานจากผงคันจึงมิสนใจ พลันรับยาแก้พิษมาแล้วดื่มน้ำแกงจนหมดเกลี้ยงสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงหก ดูเหมือนว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลี่ว์จงเจ๋อแล้ว จะไม่มีสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของลู่หนานเลยหลี่ว์จงเจ๋อตะลึง ทั้งยังสงสัยว่าลู่ห
กองทัพขนาดใหญ่ออกเดินทางกันแล้ว แต่ยังมิทันที่จะลงจากภูเขา เม็ดฝนก็เริ่มตกลงมาแล้วบนภูเขาไม่มีที่กำบังฝน องครักษ์ที่เซียวหลินเทียนส่งไปสำรวจเส้นทางก่อนหน้านี้กลับมารายงานว่ามีวิหารที่ทรุดโทรมอยู่ข้างหน้าไปสิบลี้ที่เป็นที่หลบฝนชั่วคราวให้ได้ ทุกคนจึงเร่งความเร็วไปที่นั่นกันเซียวทงมิได้กินอะไรเลยทั้งวัน ดังนั้นน้ำแกงจึงเข้าสู่กระเพาะอย่างรวดเร็วนางเพียงรู้สึกว่าท้องของนางบิดและปวดขึ้นมา แล้วความอยากขับถ่ายก็เข้ามาหานางอย่างแรงเวลานี้เซียวทงยังมิได้สติว่าตนได้ดื่มน้ำแกงนั้นไป ยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่ไม่ได้ขับถ่ายในตอนเช้านางคิดว่าข้างนอกฝนตกอยู่ จึงอดทนรอจนถึงวิหารทรุดโทรมก่อนแล้วค่อยขับถ่ายไหนเลยจะคิดว่าทนไปได้มิเท่าไหร่ ท้องก็คำรามขึ้นมาอีก ความอยากขับถ่ายอันแรงกล้าก็พุ่งไปที่ทวารหนักอย่างรวดเร็ว"จอด ข้าอยากขับถ่าย!"เซียวทงตะโกนอย่างกังวลแต่องครักษ์ข้างนอกต่างเร่งรีบที่จะออกเดินทาง ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่ม ใครจะยอมหยุดกันเล่า!ประกอบกับที่มีคำสั่งจากท่านอ๋องอี้ด้วย หากเขามิอนุญาตก็ไม่มีใครกล้าหยุดรถทั้งน