“ท่านพี่ แล้วเสี่ยวเยี่ยนจื่อจะทำเช่นไรต่อไป…”หลิงหว่านเอ่ยถามเบา ๆสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า? หรือว่าสถานการกุศล?หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าในฉินตะวันตกเรียกว่าอะไร จึงมองไปทางเซียวหลินเทียน“ราชสำนักมีสถานการกุศลสำหรับรับเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยเฉพาะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วง“ท่านอ๋อง สถานการกุศลมีเด็ก ๆ มากมายถึงเพียงนั้น จะดูแลเด็กที่อายุน้อยเช่นเสี่ยวเยี่ยนจื่อได้ดีหรือเพคะ?” หลิงหว่านเอ่ยถามอย่างกังวลเซียวหลินเทียนพูดไม่ออก มีแม่นมเฒ่าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่มีที่ไปแล้วมาอยู่ที่สถานการกุศลเพื่อดูแลพวกเขาพวกนางต้องดูแลเด็กจำนวนมาก จะดูแลเด็กคนเดียวเป็นพิเศษได้เยี่ยงไร!หลิงหว่านเข้าใจความเงียบของเซียวหลินเทียน นางจึงเหลือบมองเสี่ยวเยี่ยนจื่ออย่างสับสน แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา“ท่านอ๋อง ในเมื่อเสี่ยวเยี่ยนจื่อไม่มีครอบครัวอีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันจะรับเลี้ยงเองเพคะ!”“การที่หม่อมฉันได้เจอนางท่ามกลางผู้ลี้ภัยมากมายนี้ แล้วนางเรียกหม่อมฉันว่าพี่สาว ก็หมายความว่านางมีชะตาต้องกันกับหม่อมฉัน! หม่อมฉันจะรับเลี้ยงนางเอง… หม่อมฉันจำเป็นต้องทำขั้นตอนใด ๆ หรือไม่เพคะ?”
เซียวหลินเทียนไม่แปลกใจกับคำพูดของหลิงอวี๋เลยแม้แต่น้อย แล้วเลิกคิ้วพลางเอ่ย “เจ้าเองก็สังเกตเห็นเช่นกันหรือ?”เผยอวี้ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งกับการสนทนาระหว่างทั้งสองคน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกตัวพลางเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ“หรือว่าภายในจะมีคนอื่นทำอะไรอีกหรือ?”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะ “ข้าให้จ้าวซวนไปตรวจสอบแล้ว หมั่นโถวนั่นบูดจริง ๆ! และยังมีกรวดจำนวนมากผสมอยู่ในโจ๊กด้วย!”“ในเมื่อองค์ชายคังอยากจะสร้างชื่อเสียงเอาชนะใจผู้คน เขาไม่มีทางทำให้คนอื่นพูดเช่นนี้ได้แน่!”หลิงอวี๋พยักหน้าเห็นด้วย “จ้าวเจินเจินไม่ใช่คนโง่เง่า หมั่นโถวแป้งขาวไม่กี่ตะกร้าก็ไม่ได้แพงมากนัก นางไม่มีทางทำลายชื่อเสียงของนางด้วยเรื่องเช่นนี้แน่!”“อีกอย่าง จ้าวซวนก็ไปหาชายกำยำที่พูดว่าหมั่นโถวแป้งขาวนั้นบูดที่สร้างความโกลาหลก่อนที่ศาลาโจ๊กจะพังอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบคนผู้นี้เลย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างดูถูก “องค์ชายคังอยากสร้างชื่อเสียง แต่มีคนไม่อยากให้เขาทำสำเร็จ! องค์ชายคังสามารถจัดให้คนไปปะปนในหมู่ผู้ลี้ภัยเพื่อสรรเสริญเขาได้ และคนอื่น ๆ เองก็สามารถให้คนไปปะปนกับผู้ลี้ภัยเพื่อสร้างค
โรงเก็บของนี้เชื่อมต่อกับศาลาฟางหลายหลัง หากถูกไฟไหม้ขณะที่นอนหลับในตอนกลางคืน เช่นนั้นผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในศาลาฟางข้าง ๆ ก็จะไม่สามารถหลบหนีไปได้ไม่ใช่หรือ?ทันทีที่หลิงอวี๋เห็นก็โกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นมา!พระชายาเว่ยอยากแก้แค้นจ้าวเจินเจิน นั่นมันเป็นความแค้นระหว่างพวกนางทั้งสองคน แต่เรื่องเลวร้ายเช่นการที่จะเผาผู้ลี้ภัยแล้วใช้ความตายของพวกเขามาใส่ร้ายเซียวหลินเทียนนั้นนางทนไม่ได้!เมื่อนึกถึงผู้ลี้ภัยเหล่านี้ที่ต้องตายไปอย่างอยุติธรรมในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ยิ่งโกรธแค้นทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่!เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน หากจะไปกล่าวหาพระชายาเว่ยเช่นนี้ หลิงอวี๋ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้แล้วว่ามันเปล่าประโยชน์!ได้ ในเมื่อข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ เช่นนั้นเจ้าก็ใช้เงินมาชดเชยความผิดพลาดที่เจ้าทำเสียเถิด!หลิงอวี๋นึกถึงที่ช่วงนี้ท่านหญิงจ่างหนิงของครอบครัวพระชายาเว่ยนอนหลับไม่สบายเพราะมีอาการปวดหัวอยู่ตลอด ก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วก็มีแผนในใจอยู่แล้วคราวนี้หากพระชายาเว่ยไม่ควักเงินก้อนจำนวนมากออกมาช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ก็อย่ามาเรียกนางว่าสกุลหลิงเลย!กระทั่งตรวจสอบอย่างละเอียดจนไม่พบว่ามีอั
หลิงอวี๋รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกสิ่งที่ทำกับองค์ชายคังไว้เมื่อครั้งที่แล้ว จึงไม่ได้บอกเซียวหลินเทียนในเวลานี้เมื่อเห็นใบหน้าสับสนของเซียวหลินเทียน จึงอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็หน้าแดงหูแดง แล้วก็รู้แล้วว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงมั่นใจถึงเพียงนั้นว่าจ้าวเจินเจินมิได้ตั้งครรภ์!“หม่อมฉันเลวร้ายมากใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋พูดเรื่องนี้ออกไปแล้วก็ยังคงกังวลอยู่ในใจเล็กน้อยความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวหลินเทียนผ่อนคลายลงแล้ว นางไม่อยากให้ทั้งสองต้องเหินห่างกันอีกเพราะเรื่องนี้!เซียวหลินเทียนพยักหน้า พลางเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “อืม ค่อนข้างเลวร้ายทีเดียว!”หัวใจของหลิงอวี๋จึงมืดมนลงเป็นดังที่คาด เซียวหลินเทียนก็ไม่ต่างจากบุรุษทั่วไปที่ล้วนชอบสตรีหน้าซื่อใจคดอย่างจ้าวเจินเจิน!“แต่ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือ? ว่าข้าชอบสตรีเลวร้าย!”เซียวหลินเทียนเพิ่มประโยคหลังมาอย่างช้า ๆหลิงอวี๋จ้องเขาทันที บุรุษผู้นี้ไม่ได้แก่เสียหน่อย จะพูดจะจาต้องหยุดพักหายใจด้วยหรือ?พูดให้มันจบรวดเดียวจะตายหรือไร?เซียวหลินเทียนมองสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปอย่างขำขัน และท
“ช่างเถิด!”หลิงอวี๋ส่ายหัว ตอนนี้นางรู้สึกรังเกียจการหลอกกันไปมาของราชวงศ์มาก“พระชายาเว่ยกล้าทำเรื่องเช่นนี้โดยไม่ถูกท่านอ๋องจับได้ เหตุใดจึงต้องเสียเวลาของท่านอ๋องเฉิงเล่าเพคะ!”“เรามาใช้วิธีของเราเองทวงความยุติธรรมให้กับผู้ลี้ภัยกันเถิด! พระชายาเว่ยกับพระชายาคังร่ำรวยมากมิใช่หรือ? เช่นนั้นก็มาคุยกันเรื่องเงินดีกว่า! หม่อมฉันอยากรู้ว่าพวกนางมีเงินเท่าใดถึงได้ผ่านความยากลำบากมาได้!”เซียวหลินเทียนเงียบไปสักพักแล้วหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “เจ้าพูดถูก เงินคือความมั่นใจของพวกเขา! หากไม่มีเงิน พวกเขาคงมิกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้!”“รอข้าส่งคนไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของพวกเขาเสียก่อน ข้าจะตัดเส้นทางเงินแล้วกำจัดความเย่อหยิ่งของพวกเขาให้หมดสิ้น!”“หม่อมฉันสนับสนุนท่านอ๋องเพคะ!”หลิงอวี่ยิ้มพลางเอ่ย “หากหม่อมฉันช่วยได้ก็บอกหม่อมฉันได้เสมอ!”“เอาเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ท่านไปพักผ่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันก็จะกลับไปพักผ่อนแล้ว!”หลิงอวี๋หาวแล้วเดินออกไปข้างนอก“หลิงอวี๋...”เซียวหลินเทียนเรียกทันที“มีอะไรอีกหรือเพคะ?” หลิงอวี๋หันกลับมาเซียวหลินเทียนอ้าปากแล้วโบกมือ “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถอ
ดังที่หลิงอวี๋บอก คนทำโจ๊กหนึ่งวันไม่ถือว่าเป็นคนดี แต่คนที่ยืนหยัดได้เป็นเวลาเกือบเดือนต่างหากถึงจะนับว่าเป็นคนดีอย่างแท้จริงแม้ว่าพระชายาผิงหนานและเพื่อน ๆ จะไม่ได้ออกไปแจกโจ๊กด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็จัดให้คนรับใช้ออกไปแจกโจ๊กทุกวันและยืนหยัดทำเช่นเดิมเสมอด้วยความช่วยเหลือจากคนดี ๆ อย่างเช่นเซียวหลินเทียนกับพระชายาผิงหนานที่ห่วงใยผู้ลี้ภัยอย่างแท้จริง ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นจึงได้ตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างดีหลิงอวี๋ไปเปลี่ยนยาให้ผู้ลี้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บทุกวัน การกระทำเช่นนี้ก็ได้รับคำชมจากผู้ลี้ภัยจำนวนมากเช่นกันแม้ว่าจ้าวเจินเจินจะอยู่ตำหนักเพื่อ “รักษาการตั้งครรภ์” แต่ก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับภายนอกนางเกลียดคำชมที่หลิงอวี๋ได้รับแต่ตนเองเพิ่งก่อหายนะครั้งใหญ่ไป จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแม้ว่าองค์ชายคังจะรอดพ้นจากการถูกลงโทษ แต่ชื่อเสียงของเขาก็เสียหายไปแล้ว จึงยิ่งรังเกียจจ้าวเจินเจินมากขึ้นไปอีก ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาจึงอยู่ในจุดเย็นชาต่อกันความคิดในการแกล้งทำเป็นตั้งครรภ์ในครั้งนี้มาจากคำแนะนำของพระชายาเส้า แต่เพราะเหตุนี้พระชายาเส้าจึงส่งคนมาตำหนิเช่นกันแม่นมคนสนิทที่พระชาย
ข่าวลือร้อนฉ่าดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วสารทิศในทันทีบรรดาญาติของหมอเหล่านั้นต่างก็รีบรุดไปหาผู้ว่าราชการมณฑล ร้องไห้อ้อนวอนขอให้แม่ทัพเฉินช่วยคืนความยุติธรรมให้หลังจากเกิดความโกลาหลขึ้น ไม่เพียงแต่คนทั่วไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่ขุนนางหลายคนก็รู้เรื่องนี้ด้วยทุกคนจึงมององค์ชายคังด้วยสายตาที่แปลกไปองค์ชายคังมิได้แตะต้องพระชายาคัง แต่พระชายากลับตั้งครรภ์ แสดงว่าเด็กคนนี้เป็นลูกนอกสมรสน่ะสิ?องค์ชายคังเป็นคนสุดท้ายที่ทราบข่าวลือเหล่านี้ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ แค่เรื่องก่อนหน้าพระชายาเส้าก็ไม่พอใจมากอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าจ้าวเจินเจินมิได้ตั้งครรภ์ ทว่าท่านแม่สั่งให้นางแกล้งทำเป็นตั้งครรภ์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษแต่ตอนนี้ดันมีข่าวลือเช่นนี้แพร่ออกไปอีก แล้วจะกู้หน้ากลับมาได้อย่างไร!ฮองเฮาเว่ยแค้นใจมานานแล้วที่จ้าวเจินเจินวางแผนเรื่องอุบัติเหตุรถม้า ทำให้จ่างหนิงหลานสาวสุดที่รักของนางได้รับบาดเจ็บตอนแรกคิดว่า เหตุซาลาเปาในครั้งนี้จะทำให้จ้าวเจินเจินและองค์ชายคังได้รับบทลงโทษ แต่คาดมิถึงว่าจ้าวเจินเจินจะใช้ข้ออ้างที่ตนตั้งครรภ์จนรอดพ้นจากการถูกลงโทษไปได้!ช่วงนี้นาง
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเกิ่งเสี่ยวหาวกำลังมา นางก็ทิ้งเซียวหลินเทียนไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวที่เรือนบุหงาเซียวหลินเทียนรู้สึกมิพอใจเล็กน้อยที่จนถึงทุกวันนี้เจ้าน้องชายหลิงอวี๋มักจะเมินเขาเขามาถึงตำหนักอ๋องอี้แต่กลับมิได้มาพบเจ้าของตำหนักเช่นเขา ทว่าขอพบเพียงหลิงอวี๋ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะมา นางก็มิสนใจเขาและรีบวิ่งไปทั้งอย่างนั้นผลก็คือหลิงอวี๋กลับมาอย่างมีความสุขหลังจากหายไปนานกว่าครึ่งชั่วยาม“เซียวหลินเทียน นี่คือตั๋วเงินของท่าน! หม่อมฉันคืนให้เพคะ! หม่อมฉันให้ดอกเบี้ยพิเศษท่านเพิ่มอีกห้าหมื่นด้วยเพคะ!”หลิงอวี๋ยื่นตั๋วเงินหลายใบให้กับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?“ก็ครั้งก่อนตอนวันเกิดของหม่อมฉันท่านให้ตั๋วเงินมาสองแสน ตอนนี้หม่อมฉันก็นำมาคืนให้กับเจ้าของเดิมแล้ว! เซียวหลินเทียน ขอบพระทัยสำหรับความช่วยเหลือของท่านเพคะ!”หลิงอวี๋ยัดตั๋วเงินใส่มือของเซียวหลินเทียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“วันนี้หม่อมฉันอารมณ์ดี ครั้งก่อนเสี่ยวห่าวชวนพวกท่านไปทานอาหารที่ภัตตาคารจี๋เสียง หม่อมฉันขอให้เขาเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว!”“อีก
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป
ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทีละก้าว หลิงอวี๋ก็มองพิจารณาฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวไปอย่างเงียบ ๆฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียวเป็นเสาหลักของตระกูลเฉียว เฉียวต้าลูกชายของนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเฉียวตายไปแล้ว และเฉียวเค่อหลานชายที่เป็นที่รักมาโดยตลอดก็ตายไปแล้วเช่นกันฮูหยินผู้เฒ่าที่อายุหกสิบกว่าผู้นี้แก่ตัวลงมากภายในชั่วข้ามคืน และในช่วงนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายตายไปนางแต่งตัวเรียบหรูสุภาพเช่นเดียวกับฮูหยินเฉียว และเนื่องจากนางกินโอสถชะลอวัยมาหลายปี ดังนั้นแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวจะอายุหกสิบแล้ว แต่บนใบหน้าของนางก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ดูแล้วคล้ายกับเป็นพี่น้องกับฮูหยินเฉียวเลยทีเดียวผมของนางก็เป็นสีดำสนิททั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะอาการป่วย จึงทำให้สีผิวดูขาวซีดไปเล็กน้อยรูปร่างของฮูหยินเฉียวสูงใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นางสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร กระดูกก็ใหญ่เช่นกัน ดูมีความสามารถมาก และระหว่างคิ้วกับตาของนางนั้นก็ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียว ฮูหยินเฉียว...”จงเจิ้งเฟยพาเหลยเหวินกั
น่าสนใจ!เซียวหลินเทียนเห็นกระบวนการทั้งหมดนั้น แล้วก็รู้สึกว่าการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่น่าเบื่อในวันนี้ ก็มิได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้นแล้วเขาหันไปหาเถาจื่อแล้วเอ่ยออกไป “ศิษย์พี่หญิงของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก เจ้าจงเข้าใกล้นางเข้าไว้!”เถาจื่อดูท่าทีสับสน “นายท่านอู่ ท่านแน่ใจว่านางมิใช่คุณหนูมิใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงต้องเสียเวลาไปกับนางด้วยเจ้าคะ?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ไม่ ข้ามิอาจแน่ใจได้หรอก! คุณหนูของพวกเจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น หากนางตั้งใจจะซ่อนตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็มีวิธีมากมายนัก!”“ข่าวล่าสุดที่สือหรงส่งมาก็คือ คุณหนูของพวกเจ้าติดตามฮูหยินเว่ยมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ขอเพียงนางอยู่ในสังคมเมืองหลวงแดนเทพนี้ นางจะต้องมาศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงอย่างแน่นอน!”“สิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญก็คือสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้ เราจะต้องตรวจสอบพวกนางทีละคน จนกว่าจะพบคุณหนูของเจ้า!”เซียวหลินเทียนเชื่อว่า ด้วยความฉลาดของหลิงอวี๋แล้ว นางไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน ขอเพียงคอยจับตามองสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้เข้าไว้ เขาจะต้องหาหลิงอวี๋พบได้อย่างแน่นอน“ฉินซาน เจ้ากลับไปบอกให้สือหรงสืบประวัติของส
หลิวซานและเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พากันตำหนิหลิงอวี๋หลิวซานเป็นผู้นำดุด่าขึ้นมา “ใช่แล้ว ตนเองสร้างปัญหาไปทั่ว เมื่อถูกคนมาทำลายบ้านยังจะมาใส่ร้ายศิษย์พี่ของพวกเราอีก คงมิใช่ว่าเจ้ายากจนไม่มีเงิน จึงคิดจะขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่งไปสร้างบ้านใหม่ใช่หรือไม่!”บัณฑิตคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างดูถูกเช่นกัน “ดูจากอาภรณ์ที่นางใส่แล้ว ก็คงมิได้อยู่อาศัยในที่ที่ดีนักหรอก คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าจึงถูกทุบน่ะสิ!”“ใช่แล้ว ที่อยู่ของพวกเรามีความปลอดภัยดี ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”“สิงอวี๋ เจ้าช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เมื่อครู่ศิษย์พี่ของเราล้อเล่นจึงพูดเช่นนั้นออกไป คาดมิถึงเลยว่าจะถูกเจ้าใส่ร้าย! เช่นนั้นหากเป็นข้าที่พูดเช่นนั้นออกไป เจ้าก็จะบอกว่าข้าทำลายบ้านเจ้าใช่หรือไม่?”จงเจิ้งเฟยกับเหลยเหวินจึงดึงหลิงอวี๋ไปถามด้วยความเป็นห่วง “บ้านของเจ้าถูกทุบจริงหรือ?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านที่เห็นท่ามกลางสายฝนเมื่อวานนี้ แล้วพยักหน้าอย่างแน่วแน่นางมองเหมียวหยางอย่างเย็นชา เขายังคงหัวเราะอย่างมิกลัวเกรง พร้อมกับทำท่าทางท้าทายราวกับว่า ‘เจ้าทำอะไรข้ามิไ
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ