หลิงอวี๋รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกสิ่งที่ทำกับองค์ชายคังไว้เมื่อครั้งที่แล้ว จึงไม่ได้บอกเซียวหลินเทียนในเวลานี้เมื่อเห็นใบหน้าสับสนของเซียวหลินเทียน จึงอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็หน้าแดงหูแดง แล้วก็รู้แล้วว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงมั่นใจถึงเพียงนั้นว่าจ้าวเจินเจินมิได้ตั้งครรภ์!“หม่อมฉันเลวร้ายมากใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋พูดเรื่องนี้ออกไปแล้วก็ยังคงกังวลอยู่ในใจเล็กน้อยความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวหลินเทียนผ่อนคลายลงแล้ว นางไม่อยากให้ทั้งสองต้องเหินห่างกันอีกเพราะเรื่องนี้!เซียวหลินเทียนพยักหน้า พลางเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “อืม ค่อนข้างเลวร้ายทีเดียว!”หัวใจของหลิงอวี๋จึงมืดมนลงเป็นดังที่คาด เซียวหลินเทียนก็ไม่ต่างจากบุรุษทั่วไปที่ล้วนชอบสตรีหน้าซื่อใจคดอย่างจ้าวเจินเจิน!“แต่ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือ? ว่าข้าชอบสตรีเลวร้าย!”เซียวหลินเทียนเพิ่มประโยคหลังมาอย่างช้า ๆหลิงอวี๋จ้องเขาทันที บุรุษผู้นี้ไม่ได้แก่เสียหน่อย จะพูดจะจาต้องหยุดพักหายใจด้วยหรือ?พูดให้มันจบรวดเดียวจะตายหรือไร?เซียวหลินเทียนมองสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปอย่างขำขัน และท
“ช่างเถิด!”หลิงอวี๋ส่ายหัว ตอนนี้นางรู้สึกรังเกียจการหลอกกันไปมาของราชวงศ์มาก“พระชายาเว่ยกล้าทำเรื่องเช่นนี้โดยไม่ถูกท่านอ๋องจับได้ เหตุใดจึงต้องเสียเวลาของท่านอ๋องเฉิงเล่าเพคะ!”“เรามาใช้วิธีของเราเองทวงความยุติธรรมให้กับผู้ลี้ภัยกันเถิด! พระชายาเว่ยกับพระชายาคังร่ำรวยมากมิใช่หรือ? เช่นนั้นก็มาคุยกันเรื่องเงินดีกว่า! หม่อมฉันอยากรู้ว่าพวกนางมีเงินเท่าใดถึงได้ผ่านความยากลำบากมาได้!”เซียวหลินเทียนเงียบไปสักพักแล้วหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “เจ้าพูดถูก เงินคือความมั่นใจของพวกเขา! หากไม่มีเงิน พวกเขาคงมิกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้!”“รอข้าส่งคนไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของพวกเขาเสียก่อน ข้าจะตัดเส้นทางเงินแล้วกำจัดความเย่อหยิ่งของพวกเขาให้หมดสิ้น!”“หม่อมฉันสนับสนุนท่านอ๋องเพคะ!”หลิงอวี่ยิ้มพลางเอ่ย “หากหม่อมฉันช่วยได้ก็บอกหม่อมฉันได้เสมอ!”“เอาเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ท่านไปพักผ่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันก็จะกลับไปพักผ่อนแล้ว!”หลิงอวี๋หาวแล้วเดินออกไปข้างนอก“หลิงอวี๋...”เซียวหลินเทียนเรียกทันที“มีอะไรอีกหรือเพคะ?” หลิงอวี๋หันกลับมาเซียวหลินเทียนอ้าปากแล้วโบกมือ “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถอ
ดังที่หลิงอวี๋บอก คนทำโจ๊กหนึ่งวันไม่ถือว่าเป็นคนดี แต่คนที่ยืนหยัดได้เป็นเวลาเกือบเดือนต่างหากถึงจะนับว่าเป็นคนดีอย่างแท้จริงแม้ว่าพระชายาผิงหนานและเพื่อน ๆ จะไม่ได้ออกไปแจกโจ๊กด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็จัดให้คนรับใช้ออกไปแจกโจ๊กทุกวันและยืนหยัดทำเช่นเดิมเสมอด้วยความช่วยเหลือจากคนดี ๆ อย่างเช่นเซียวหลินเทียนกับพระชายาผิงหนานที่ห่วงใยผู้ลี้ภัยอย่างแท้จริง ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นจึงได้ตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างดีหลิงอวี๋ไปเปลี่ยนยาให้ผู้ลี้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บทุกวัน การกระทำเช่นนี้ก็ได้รับคำชมจากผู้ลี้ภัยจำนวนมากเช่นกันแม้ว่าจ้าวเจินเจินจะอยู่ตำหนักเพื่อ “รักษาการตั้งครรภ์” แต่ก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับภายนอกนางเกลียดคำชมที่หลิงอวี๋ได้รับแต่ตนเองเพิ่งก่อหายนะครั้งใหญ่ไป จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแม้ว่าองค์ชายคังจะรอดพ้นจากการถูกลงโทษ แต่ชื่อเสียงของเขาก็เสียหายไปแล้ว จึงยิ่งรังเกียจจ้าวเจินเจินมากขึ้นไปอีก ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาจึงอยู่ในจุดเย็นชาต่อกันความคิดในการแกล้งทำเป็นตั้งครรภ์ในครั้งนี้มาจากคำแนะนำของพระชายาเส้า แต่เพราะเหตุนี้พระชายาเส้าจึงส่งคนมาตำหนิเช่นกันแม่นมคนสนิทที่พระชาย
ข่าวลือร้อนฉ่าดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วสารทิศในทันทีบรรดาญาติของหมอเหล่านั้นต่างก็รีบรุดไปหาผู้ว่าราชการมณฑล ร้องไห้อ้อนวอนขอให้แม่ทัพเฉินช่วยคืนความยุติธรรมให้หลังจากเกิดความโกลาหลขึ้น ไม่เพียงแต่คนทั่วไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่ขุนนางหลายคนก็รู้เรื่องนี้ด้วยทุกคนจึงมององค์ชายคังด้วยสายตาที่แปลกไปองค์ชายคังมิได้แตะต้องพระชายาคัง แต่พระชายากลับตั้งครรภ์ แสดงว่าเด็กคนนี้เป็นลูกนอกสมรสน่ะสิ?องค์ชายคังเป็นคนสุดท้ายที่ทราบข่าวลือเหล่านี้ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ แค่เรื่องก่อนหน้าพระชายาเส้าก็ไม่พอใจมากอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าจ้าวเจินเจินมิได้ตั้งครรภ์ ทว่าท่านแม่สั่งให้นางแกล้งทำเป็นตั้งครรภ์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษแต่ตอนนี้ดันมีข่าวลือเช่นนี้แพร่ออกไปอีก แล้วจะกู้หน้ากลับมาได้อย่างไร!ฮองเฮาเว่ยแค้นใจมานานแล้วที่จ้าวเจินเจินวางแผนเรื่องอุบัติเหตุรถม้า ทำให้จ่างหนิงหลานสาวสุดที่รักของนางได้รับบาดเจ็บตอนแรกคิดว่า เหตุซาลาเปาในครั้งนี้จะทำให้จ้าวเจินเจินและองค์ชายคังได้รับบทลงโทษ แต่คาดมิถึงว่าจ้าวเจินเจินจะใช้ข้ออ้างที่ตนตั้งครรภ์จนรอดพ้นจากการถูกลงโทษไปได้!ช่วงนี้นาง
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเกิ่งเสี่ยวหาวกำลังมา นางก็ทิ้งเซียวหลินเทียนไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวที่เรือนบุหงาเซียวหลินเทียนรู้สึกมิพอใจเล็กน้อยที่จนถึงทุกวันนี้เจ้าน้องชายหลิงอวี๋มักจะเมินเขาเขามาถึงตำหนักอ๋องอี้แต่กลับมิได้มาพบเจ้าของตำหนักเช่นเขา ทว่าขอพบเพียงหลิงอวี๋ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะมา นางก็มิสนใจเขาและรีบวิ่งไปทั้งอย่างนั้นผลก็คือหลิงอวี๋กลับมาอย่างมีความสุขหลังจากหายไปนานกว่าครึ่งชั่วยาม“เซียวหลินเทียน นี่คือตั๋วเงินของท่าน! หม่อมฉันคืนให้เพคะ! หม่อมฉันให้ดอกเบี้ยพิเศษท่านเพิ่มอีกห้าหมื่นด้วยเพคะ!”หลิงอวี๋ยื่นตั๋วเงินหลายใบให้กับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?“ก็ครั้งก่อนตอนวันเกิดของหม่อมฉันท่านให้ตั๋วเงินมาสองแสน ตอนนี้หม่อมฉันก็นำมาคืนให้กับเจ้าของเดิมแล้ว! เซียวหลินเทียน ขอบพระทัยสำหรับความช่วยเหลือของท่านเพคะ!”หลิงอวี๋ยัดตั๋วเงินใส่มือของเซียวหลินเทียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“วันนี้หม่อมฉันอารมณ์ดี ครั้งก่อนเสี่ยวห่าวชวนพวกท่านไปทานอาหารที่ภัตตาคารจี๋เสียง หม่อมฉันขอให้เขาเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว!”“อีก
เซียวหลินเทียนตั้งใจฟัง แผนดังกล่าวเป็นแผนที่ใหญ่มากจริง ๆ ทุกขั้นตอนจะต้องคำนวณตามความคิดของอีกฝ่ายและปฏิกิริยาที่คาดว่าพวกเขาจะแสดงออกมาเมื่อคิดว่าหลิงอวี๋สามารถชนะที่หนึ่งในการแข่งขันหมากรุกได้ เซียวหลินเทียนก็รู้ว่าหลิงอวี๋มิได้คิดแผนนี้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า“จากนั้น เศรษฐีเหล่านั้นก็ซื้อหยกราวกับว่าพวกเขาไม่รู้คุณค่าของสินค้า เพียงแค่ชอบอวด ตระกูลจ้าวเห็นว่าเศรษฐีเหล่านี้โง่เขลาและมีเงินมาก พวกเขาจึงต้องการจะโกงลูกค้า!”“ด้วยวิธีนี้ ตระกูลจ้าวจึงค่อย ๆ ตกสู่หลุมพราง ลูกค้าเศรษฐีพวกนั้นพักอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากสั่งหยกชุดหนึ่งมูลค่าเกือบสองล้าน พวกเขาต้องรีบกลับเนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินกะทันหันที่บ้าน”“จากนั้นพวกเขาก็อ้างว่าพวกเขามีเงินไม่เพียงพอ และระหว่างทางก็จะนำสินค้าจำนวนหนึ่งไป เนื่องจากไม่มีเงินทุน พวกเขาจึงนำหยกและบ้านทั้งหมดที่พวกเขาซื้อเป็นหลักประกันเพื่อยืมตั๋วเงินจำนวนแปดแสนนำเงินมาหมุนเวียน!”“ตระกูลจ้าวคิดว่าพวกเขาจะต้องกลับมารับหยกมูลค่าสองล้านที่สั่งไว้ อีกทั้งหยกที่พวกเขาซื้อก่อนหน้านี้มีมูลค่าหลายแสน พวกเขาไม่อยากให้การค้าขายครั้งใหญ่นี้หลุดมือไป สุดท้ายจึงให้ยืมเงิ
เมื่อหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนรีบไปที่วังหลวง ก็มีคนหลายคนอยู่ในห้องทรงอักษรแล้วหลี่ว์เซียง จ้าวหุย ท่านอ๋องเฉิง องค์ชายคังและองค์ชายเว่ย รวมถึงฉินซานและเผยอวี้ต่างก็มาด้วยหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนโค้งคำนับจักรพรรดิอู่อัน“โรคระบาดขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่ชายแดน ข้าอยากจะส่งคนไปช่วยหยุดยั้งโรคระบาด หลิงอวี๋ เจ้ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าพาหมอสักสองสามคนไปช่วยด้วยก็ดี!”เซียวหลินเทียนสะดุ้ง แม้เขาจะเดาได้ระหว่างทางมาที่นี่ว่า ที่เสด็จพ่อเรียกหลิงอวี๋เข้าวังเพราะโรคระบาด แต่เขาไม่คาดคิดว่าเสด็จพ่อจะส่งหลิงอวี๋ไปที่แนวหน้าโต้ง ๆ เช่นนี้หลิงอวี๋เติบโตขึ้นมาในเมืองหลวงตั้งแต่นางยังเป็นเด็กและไม่เคยเดินทางไกลเลย นางจะสามารถทนต่อความยากลำบากระหว่างทางได้หรือ?เซียวหลินเทียนกำลังจะออกตัวว่าเขาจะไปกับหลิงอวี๋เมื่อเห็นองค์ชายคังมองมาอย่างเย็นชา เซียวหลินเทียนก็รู้ได้ทันทีว่า นี่ต้องเป็นความคิดขององค์ชายคังแน่นอนเขาจึงใจเย็นลงเพื่อจะดูว่าองค์ชายคังจะเสนอความคิดที่ไม่เข้าท่าอะไรออกมาอีกแต่มิคาดว่าจะเป็นองค์ชายเว่ยที่เอ่ยขึ้นก่อน เขารายงานบางอย่างที่แปลก ๆ ออกมา“เสด็จพ่อ หากพระช
ก่อนที่จักรพรรดิจะได้ตรัสอะไร เซียวหลินเทียนก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“เสด็จพ่อ ลูกขอพระราชทานอนุญาตโปรดส่งลูกไปหยุดยั้งโรคระบาดและปกป้องชายแดนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ร่างกายของลูกจะไม่แข็งแรงนัก ขอเพียงเสด็จพ่อมิรังเกียจ ลูกก็ยินดีที่จะแบ่งเบาความกังวลเสด็จพ่อในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเข้าใจแล้วว่าคนเหล่านี้คาดหวังให้เขาตายยิ่งไปกว่านั้น เซียวหลินเทียนก็ไม่สบายใจหากหลิงอวี๋ถูกสั่งให้ไปคนเดียว!แทนที่จะถูกบังคับให้ไปสู้ออกตัวขอรับสั่งด้วยตัวเองเพื่อให้ได้ชื่อเสียงที่ดีจะดีกว่าเดิมเซียวหลินเทียนมิใช่คนที่ชอบพูดอะไรที่สวยหรู อันเจ๋อเคยพูดกับเขาหลายครั้งเพราะเรื่องนี้“เจ้าแค่ก้มหน้าตอบรับทำสิ่งต่าง ๆ แต่ทุกครั้งที่ทำอะไรไปเจ้าก็มักจะโดนขโมยความดีความชอบไปหมด!”“อาเทียน พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นคนซื่อตรง แต่บางครั้งเจ้าก็ทำตัวอวดดีบ้างก็ได้! เวลาที่เจ้าทำสิ่งดี ๆ ก็ควรจะให้ผู้อื่นรู้เสียบ้าง! อย่างน้อยเสด็จพ่อของเจ้าก็ควรรู้เรื่องนี้!”เดิมเซียวหลินเทียนเคยมิเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ช่วงนี้เขาเห็นจ้าวเจินเจินและองค์ชายคังประสบปัญหาร้ายแรงหลายครั้ง แต่กลับขอละเว้นโทษได้ด้วยเพราะความ