เซียวหลินเทียนตั้งใจฟัง แผนดังกล่าวเป็นแผนที่ใหญ่มากจริง ๆ ทุกขั้นตอนจะต้องคำนวณตามความคิดของอีกฝ่ายและปฏิกิริยาที่คาดว่าพวกเขาจะแสดงออกมาเมื่อคิดว่าหลิงอวี๋สามารถชนะที่หนึ่งในการแข่งขันหมากรุกได้ เซียวหลินเทียนก็รู้ว่าหลิงอวี๋มิได้คิดแผนนี้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า“จากนั้น เศรษฐีเหล่านั้นก็ซื้อหยกราวกับว่าพวกเขาไม่รู้คุณค่าของสินค้า เพียงแค่ชอบอวด ตระกูลจ้าวเห็นว่าเศรษฐีเหล่านี้โง่เขลาและมีเงินมาก พวกเขาจึงต้องการจะโกงลูกค้า!”“ด้วยวิธีนี้ ตระกูลจ้าวจึงค่อย ๆ ตกสู่หลุมพราง ลูกค้าเศรษฐีพวกนั้นพักอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากสั่งหยกชุดหนึ่งมูลค่าเกือบสองล้าน พวกเขาต้องรีบกลับเนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินกะทันหันที่บ้าน”“จากนั้นพวกเขาก็อ้างว่าพวกเขามีเงินไม่เพียงพอ และระหว่างทางก็จะนำสินค้าจำนวนหนึ่งไป เนื่องจากไม่มีเงินทุน พวกเขาจึงนำหยกและบ้านทั้งหมดที่พวกเขาซื้อเป็นหลักประกันเพื่อยืมตั๋วเงินจำนวนแปดแสนนำเงินมาหมุนเวียน!”“ตระกูลจ้าวคิดว่าพวกเขาจะต้องกลับมารับหยกมูลค่าสองล้านที่สั่งไว้ อีกทั้งหยกที่พวกเขาซื้อก่อนหน้านี้มีมูลค่าหลายแสน พวกเขาไม่อยากให้การค้าขายครั้งใหญ่นี้หลุดมือไป สุดท้ายจึงให้ยืมเงิ
เมื่อหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนรีบไปที่วังหลวง ก็มีคนหลายคนอยู่ในห้องทรงอักษรแล้วหลี่ว์เซียง จ้าวหุย ท่านอ๋องเฉิง องค์ชายคังและองค์ชายเว่ย รวมถึงฉินซานและเผยอวี้ต่างก็มาด้วยหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนโค้งคำนับจักรพรรดิอู่อัน“โรคระบาดขนาดใหญ่เกิดขึ้นที่ชายแดน ข้าอยากจะส่งคนไปช่วยหยุดยั้งโรคระบาด หลิงอวี๋ เจ้ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าพาหมอสักสองสามคนไปช่วยด้วยก็ดี!”เซียวหลินเทียนสะดุ้ง แม้เขาจะเดาได้ระหว่างทางมาที่นี่ว่า ที่เสด็จพ่อเรียกหลิงอวี๋เข้าวังเพราะโรคระบาด แต่เขาไม่คาดคิดว่าเสด็จพ่อจะส่งหลิงอวี๋ไปที่แนวหน้าโต้ง ๆ เช่นนี้หลิงอวี๋เติบโตขึ้นมาในเมืองหลวงตั้งแต่นางยังเป็นเด็กและไม่เคยเดินทางไกลเลย นางจะสามารถทนต่อความยากลำบากระหว่างทางได้หรือ?เซียวหลินเทียนกำลังจะออกตัวว่าเขาจะไปกับหลิงอวี๋เมื่อเห็นองค์ชายคังมองมาอย่างเย็นชา เซียวหลินเทียนก็รู้ได้ทันทีว่า นี่ต้องเป็นความคิดขององค์ชายคังแน่นอนเขาจึงใจเย็นลงเพื่อจะดูว่าองค์ชายคังจะเสนอความคิดที่ไม่เข้าท่าอะไรออกมาอีกแต่มิคาดว่าจะเป็นองค์ชายเว่ยที่เอ่ยขึ้นก่อน เขารายงานบางอย่างที่แปลก ๆ ออกมา“เสด็จพ่อ หากพระช
ก่อนที่จักรพรรดิจะได้ตรัสอะไร เซียวหลินเทียนก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“เสด็จพ่อ ลูกขอพระราชทานอนุญาตโปรดส่งลูกไปหยุดยั้งโรคระบาดและปกป้องชายแดนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ร่างกายของลูกจะไม่แข็งแรงนัก ขอเพียงเสด็จพ่อมิรังเกียจ ลูกก็ยินดีที่จะแบ่งเบาความกังวลเสด็จพ่อในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเข้าใจแล้วว่าคนเหล่านี้คาดหวังให้เขาตายยิ่งไปกว่านั้น เซียวหลินเทียนก็ไม่สบายใจหากหลิงอวี๋ถูกสั่งให้ไปคนเดียว!แทนที่จะถูกบังคับให้ไปสู้ออกตัวขอรับสั่งด้วยตัวเองเพื่อให้ได้ชื่อเสียงที่ดีจะดีกว่าเดิมเซียวหลินเทียนมิใช่คนที่ชอบพูดอะไรที่สวยหรู อันเจ๋อเคยพูดกับเขาหลายครั้งเพราะเรื่องนี้“เจ้าแค่ก้มหน้าตอบรับทำสิ่งต่าง ๆ แต่ทุกครั้งที่ทำอะไรไปเจ้าก็มักจะโดนขโมยความดีความชอบไปหมด!”“อาเทียน พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นคนซื่อตรง แต่บางครั้งเจ้าก็ทำตัวอวดดีบ้างก็ได้! เวลาที่เจ้าทำสิ่งดี ๆ ก็ควรจะให้ผู้อื่นรู้เสียบ้าง! อย่างน้อยเสด็จพ่อของเจ้าก็ควรรู้เรื่องนี้!”เดิมเซียวหลินเทียนเคยมิเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ช่วงนี้เขาเห็นจ้าวเจินเจินและองค์ชายคังประสบปัญหาร้ายแรงหลายครั้ง แต่กลับขอละเว้นโทษได้ด้วยเพราะความ
“ได้สิ!”หลิงอวี๋พยักหน้าและเห็นว่าเซียวหลินเทียนยังมีเรื่องต้องจัดการ เขาจึงพาหลิงซวนกลับไปก่อนระหว่างทาง หลิงอวี๋หันรถม้าไปยังภัตตาคารจี๋เสียง และไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวครั้งนี้ไม่รู้ว่าวัตถุดิบทางยาในสถาบันแพทย์หลวงจะเพียงพอหรือไม่ หลิงอวี๋เขียนใบเทียบยาและขอให้เกิ่งเสี่ยวหาวรวบรวมยาให้นางตามใบเทียบยาเกิ่งเสี่ยวหาวได้รับเงินที่เขาถูกโกงกลับมาและรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เมื่อได้ยินหลิงอวี๋ขอให้ช่วยเรื่องยา เขาก็ตบหน้าอกตนเองแล้วพูดว่า“ท่านพี่ หาได้ต้องกังวลไม่ ข้าจะไปหาซื้อตัวยาเหล่านี้มาให้ท่านโดยเร็วที่สุด! การเดินทางของท่านในครั้งนี้นับว่าอันตรายมาก เช่นนั้นโปรดรักษาตัวด้วย!”“ข้าจะพึงระวังไว้!”หลิงอวี๋มอบหมายทิศทางการผลิตของโรงงานยาให้กับเกิ่งเสี่ยวหาว และกล่าวว่า“ตระกูลจ้าวถูกฉ้อโกงเงินเป็นจำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดเจ้า แต่เจ้าต้องระวังมิให้พวกเขาแก้แค้นเจ้าทีหลังได้!”“เสี่ยวห่าว เจ้ายังมิได้ตกแต่งหอริมธาราเลยหรือ?”เกิ่งเสี่ยวหาวพูดด้วยความโกรธ “จ้าวเฉียงฮี๋วเสแสร้งได้ค่อนข้างดี แต่ข้ามิชอบคนแบบเขาเลยจริง ๆ!”หลิงอวี๋ใจสั่นและพูดว่า “เรากำลังจะไปชายแด
วันนี้เนื่องจากตำหนักอ๋องอี้ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเย็น เหล่าคนรับใช้ได้แต่คิดว่านี่เป็นความฝัน ในตอนที่พวกเขาเข้าไปในรถม้าที่เซียวหลินเทียนเตรียมไว้!ในชีวิตนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้านายคนใดเชิญคนรับใช้ไปร้านอาหารเพื่อทานอาหารเย็นมาก่อน!อีกทั้งภัตตาคารจี๋เสียงสุดหรูเป็นที่ที่พวกเขามิอาจฝันถึง!“การแต่งกายเช่นนี้ของพวกเรา จะไม่ทำให้พระชายาต้องอับอายแน่หรือ?!”นางรับใช้พูดอย่างไม่สบายใจหมิ่นกูกำลังนั่งอยู่ในรถม้ากับนาง เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงมองดูเสื้อผ้าของนางแล้วยิ้ม“ไม่มีอะไรให้ต้องอับอาย! เจ้าลืมคำพูดของพระชายาไปแล้วหรือ นางบอกว่าตราบใดที่เสื้อผ้าสะอาด ก็ไม่สำคัญว่าจะสูงต่ำเพียงใด!”“เจ้ามิเห็นหรือว่าพระชายายามอยู่ในตำหนักสมถะเพียงใด? บางครั้งนางก็สวมผ้าหยาบเหมือนเรา นางว่าเสื้อผ้าเหล่านี้ทนทานต่อสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี!”คนรับใช้ได้ยินเช่นนี้ก็โล่งใจเมื่อทุกคนมาถึงหอริมธาราและเห็นการตกแต่งที่หรูหราของร้านอาหาร พวกเขาก็มิกล้าที่จะเข้าไป“มัวยืนทำอะไรอยู่? เข้ามาเร็วเข้า! อาหารมาแล้ว ปล่อยให้เย็นจะชืดหมด!”หลิงอวี๋และหลิงซวนมาถึงก่อนเวลาและยืนอยู่ที่ประตูเพื่อทักทายแขก
เผยอวี้เงี่ยหูฟังต่อไป พยายามคาดการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของหลิงอวี๋ให้เซียวหลินเทียนได้เห็น“เหตุใดพระชายาจึงดุเจ้า?”คนบนโต๊ะถามอย่างสงสัยนางรับใช้ตัวน้อยพูดอย่างเมินเฉย “คราวที่แล้วข้ามิสบายแล้วมิได้ไปหาหมอ ข้าเกือบเป็นลมอยู่ในสวน... พระชายาจึงตีข้า ทั้งยังดุด่าข้าด้วย!”“นางบอกว่า เส้นผมและผิวหนังของร่างกายเป็นสมบัติของพ่อแม่ เมื่อเจ็บไข้ก็ควรไปหาหมอให้ทันเวลา หากยังชักช้า มีแต่จะทำให้อาการทรุดหนัก!”“นางดุที่ข้ามิดูแลตัวเอง นางว่าผู้ใดจะเสียใจที่สุดหากข้าทำร้ายตัวเองเช่นนั้น”นางรับใช้ตัวน้อยหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ข้าถูกนางดุจนร้องไห้... เดิมที่มีเพียงพ่อแม่ของข้าที่จะสนใจว่าข้าจะเป็นหรือตาย!”“ถึงแม้พระชายาจะดุด่าข้าอย่างรุนแรง แต่ข้ารู้ว่านางทำเพื่อตัวข้าเอง!”“ต่อมา พระชายาก็บอกให้ข้ากลับไปพัก อีกทั้งยังมอบใบเทียบยาให้แก่ข้าด้วย นางขอให้พี่หญิงสุ่ยหลิงจัดเตรียมยาและมอบให้ข้าอีก! นอกจากนี้ยังมิหักเบี้ยหวัดของข้าอีกด้วย!”“พระชายากล่าวว่า ตราบใดที่ทุกคนในตำหนักป่วยก็สามารถลาป่วยได้ และจะไม่มีการหักเงินรายเดือนเว้นแต่จะแกล้งป่วยเท่านั้น!”คน
เซียวหลินเทียนเป็นคนฉลาด และเขาก็เดาความตั้งใจของหลิงอวี๋ได้ในความคิดต่อมา เขาคิดอยู่พักหนึ่งว่าเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นคนดีในระหว่างเหตุการณ์ภัยพิบัตินี้ เกิ่งเสี่ยวหาวยังได้ส่งเกวียนข้าวและยารักษาโรคไปหลายเกวียนคนชอบธรรมเช่นนี้ดีกว่าพวกฝักใฝ่ผลประโยชน์อย่างตระกูลจ้าวมาก เขาจะปล่อยให้เกิ่งเสี่ยวหาวทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร!“เสี่ยวหาว เจ้าต้องใช้เงินในการตกแต่งที่นี่มากน้อยเพียงใด? ข้าจะให้เจ้ายืม!”เซียวหลินเทียนแสดงจุดยืนของเขาทันที “หากเจ้ากลัวว่าจะไม่มีเงินจ่าย ข้าจะเป็นผู้ถือหุ้นในภัตตาคารของเจ้าเอง!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ อันเจ๋อก็พูดว่า “หากเป็นเช่นนั้นก็นับข้าเข้าไปด้วยสิ! ข้าจะเป็นหุ้นส่วน! มาดูเถอะว่าภัตตาคารที่ข้ากับอ๋องอี้เป็นหุ้นส่วน ผู้ใดมันจะกล้าสร้างปัญหาให้เจ้าอีก?!”เผยอวี้เข้าใจในสิ่งที่เซียวหลินเทียนหมายความทันทีที่เขาได้ยินและพูดอย่างรวดเร็วว่า“เช่นนั้นข้าก็จะซื้อหุ้นด้วย! เกิ่งเสี่ยวหาว หุ้นของข้ามิต้องการเงินปันผล ต่อไปนี้เมื่อครอบครัวของข้ามากินข้าว เจ้าเพียงมิให้พวกเขาต้องจ่ายก็พอ!”“สุภาพบุรุษทั้งสาม… ขอบพระคุณมากขอรับ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เกิ่งเสี่ยวหาวก็ดีใ
เมื่อหลิงอวี๋บอกลาอดีตเสนาบดีและมาที่ลานจวนของป้าสะใภ้ใหญ่เพื่อบอกลา นางเห็นป้าสะใภ้ใหญ่กำลังเก็บข้าวของของตนกล่องเล็กใหญ่กองทั่วทั้งเรือนหลิงอวี๋ถามด้วยความแปลกใจ “ท่านป้า ท่านทำอันใดอยู่หรือ?”หลิงหว่านได้ยินเรื่องนี้ในจวน นางจึงออกมากระซิบ “ท่านพี่หลิงหลิง ท่านปู่อนุญาตให้เราย้ายออกแล้ว!”“ในตอนที่ข้าพาเสี่ยวเยี่ยนจื่อกลับมา หวางซือ แม่เลี้ยงของท่านเอาแต่ด่าทอข้า นางบอกว่าข้าไร้ยางอาย ทั้งยังดุด่าท่านแม่ข้าว่าตามใจข้าจนเสียคน!”“เมื่อเรื่องถึงหูท่านปู่ ท่านปู่จึงขอให้ท่านแม่พาข้าออกไป! ทั้งยังให้เงินแม่ข้าด้วย!”“มิต้องห่วงนะเจ้าคะ เรามิได้ย้ายไปไหนไกล เพียงแค่ย้ายไปที่ถนนด้านหลังจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเท่านั้น! เราสามารถกลับมาดูแลท่านปู่ได้ตลอดเวลา!”“เดิมทีท่านปู่ของข้าซื้อบ้านให้ท่านพี่ แต่เขาบอกว่าท่านพี่ยังมิต้องใช้ที่นั่น เช่นนั้นจึงให้เราไปอยู่ที่นั่นก่อน! แล้วจึงจะซื้อหลังใหม่ให้ท่านในภายหลัง!”หลิงอวี๋พยักหน้า เห็นว่าควรย้ายออกไปจะดีกว่า เพื่อที่ป้าสะใภ้ใหญ่ของนางและหลิงหว่านจะได้ไม่ถูกหวางซือโขกสับราวกับคนรับใช้หากเป็นขุนนางใต้เท้าก็ว่าไป แต่เสี่ยวเยี่ยนจื่อนั้นไร