องค์หญิงหกเซียวทงมิได้ถือว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่อันตราย!จุดประสงค์ของนางนั้นง่ายมาก มีเพียงสองประการเท่านั้นประการแรก ใช้การเดินทางนี้เพื่อบ่มเพาะความรู้สึกกับฉินซานประการที่สอง เพิ่มปัญหาให้กับหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเซียวทงถูกท่านอ๋องเฉิงเฆี่ยนตีไปแล้วห้าครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงถึงชีวิต แต่เจ็บปวดมากจนนางต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวันกว่าจะลุกจากเตียงได้นางไม่เคยถูกทุบตีแบบนี้เลยทั้งชีวิต สิ่งที่ทำให้นางยิ่งโกรธก็คือการถูกทุบตีเยี่ยงนี้… มันขายหน้าไปถึงบ้านท่านยายด้วย!หากแค้นนี้มิได้ล้างแค้น เซียวทงจะกล้ำกลืนฝืนทนได้เยี่ยงไร!ดังนั้น เมื่อรู้ว่าฉินชานจะพาเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ไปที่ชายแดน เซียวทงจึงรู้สึกประทับใจนางไม่สามารถฆ่าหลิงอวี๋ในเมืองหลวงได้ ก็ตามไปก่อกวน ทำให้หลิงอวี๋รักษาผู้ป่วยดี ๆ ไม่ได้ แล้วทำงานที่เสด็จพ่อมอบหมายให้ไม่สำเร็จถึงเวลานั้น ตนเองไม่ต้องลงมือเอง เสด็จพ่อก็จะต้องฆ่านางเป็นแน่!เซียวทงคิดแล้วไปอ้อนขอเสด็จพ่อให้ตนเองตามเซียวหลินเทียนไป หลังจากพูดจาหว่านล้อมอยู่เป็นเวลานานในที่สุดก็ได้รับความยินยอมจากเสด็จพ่อแล้วเซียวทงพา
หลี่ว์จงเจ๋อเดินทางด้วยครั้งนี้ในฐานะผู้ช่วยของฉินซาน!ตำแหน่งนี้หลี่ว์จงเจ๋อไปทำการขอให้หลี่ว์เซียงช่วยให้ตนได้มาแรกเริ่มหลี่ว์เซียงไม่เห็นด้วย จึงเอ่ยตรง ๆ “ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ตอนนี้ชายแดนอันตรายมาก หากเจ้าไป ก็อาจจะไม่มีชีวิตกลับมาได้อีก!”“หากเจ้ามีภัยร้ายใด ๆ จะให้ข้าไปอธิบายให้ท่านแม่กับท่านยายของเจ้าฟังเยี่ยงไรเล่า?”หลี่ว์จงเจ๋อเอ่ยอย่างจริงใจ “ท่านพ่อ ข้าเดินตามเส้นทางของขุนนางฝ่ายบู๊ ตอนแรกท่านพ่อกับท่านยายต่างก็เห็นด้วยกันหมด! ในเมื่อเป็นขุนนางฝ่ายบู๊แล้ว เช่นนั้นก็จะต้องมีกระทบกระทั่งในสนามรบอย่างหลีกเลี่ยงมิได้อยู่แล้วสิขอรับ!”“ท่านพ่อ ท่านดูเถิดว่า ในราชสำนักยามนี้ขาดแคลนขุนนางฝ่ายบู๊ โรคระบาดครั้งนี้องค์จักรพรรดิยังต้องให้ท่านอ๋องอี้ที่ขาทั้งสองข้างไม่คล่องตัวออกไปรับผิดชอบหน้าที่นี้เลย!”“ลูกมิกล้าเอ่ยว่าราชสำนักอยู่มิได้หากไม่มีลูก แต่หากทุกคนคิดถึงแต่ความปลอดภัยของตนเอง แล้วใครจะปกป้องบ้านเมืองของเราเล่าขอรับ!”“บอกตามตรง การเดินทางในครั้งนี้ก็เป็นโอกาสของข้าด้วย… หลังจากเสร็จภารกิจกลับมาข้าก็จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นอีกได้… ท่านพ่อ ท่านคงมิอยากให้ลูกเป็นแม่ท
เซียวทงมิเห็นด้วยกับคำสั่งการนั้น เร่งความเร็วเต็มที่ไปแล้วรถม้าจะนั่งได้สบายหรือ?นางเอ่ยกับเซินไห่อย่างเกียจคร้าน “ไปบอกแม่ทัพฉิน เหตุใดต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้น ให้คนไปแจ้งพี่สี่ของข้าก่อนสิ พี่สี่ของข้าจะรอเราอยู่ที่จุดพักอย่างแน่นอน!”เซินไห่ก้มหน้าลงพลางเอ่ยตรง ๆ “แม่ทัพฉินบอกว่า เวลามันล่าช้าไปแล้วเราจำเป็นต้องตามกลุ่มของท่านอ๋องอี้ไปให้ทันในช่วงเวลาอาหารกลางวันพ่ะย่ะค่ะ!”“แม่ทัพฉินบอกว่า หากองค์หญิงรู้สึกว่าทนความยากลำบากมิไหว ก็สามารถส่งองค์หญิงกลับได้ในตอนที่ยังมิได้ออกจากเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวทงได้ยินก็ขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ย “ผู้ใดบอกว่าข้าทนความยากลำบากมิได้? จะเร่งความเร็วเต็มที่ก็ทำเลยสิ!”เซินไห่ยิ้มอย่างเย็นชา พลางตะโกนเสียงดัง “เดินหน้าเต็มความเร็ว!”พวกเขาเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ เซียวทงถูกแรงกระแทกของรถม้าทำให้เซไปเซมาทันที ฉินรั่วซือกับนางกำนัลทั้งสองรีบจับนางเอาไว้ จากนั้นพวกนางก็เกาะกลุ่มเข้าด้วยกันเพื่อไม่ให้ถูกกระแทกจนบวมช้ำหลังจากที่ต้องนั่งรถม้าโคลงเคลงกระแทกไปมาเป็นเวลาหลายชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็ตามทันกลุ่มของเซียวหลิ
เมื่อองค์หญิงหกเซียวทงเห็นว่าอู่เวยพูดเช่นนี้ ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนทำอะไรตนมิได้จึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็พักสักหน่อย!”นางให้นางกำนัลพยุงตนลงไปหาสถานที่เงียบสงบพักผ่อนสักหน่อย แล้วก็กินขนมที่นางกำนัลเตรียมมาอย่างสบาย ๆ เสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วยามกว่านางจะกลับขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อทางกลุ่มของฉินซานติดตามเซียวหลินเทียนไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าเซียวทงจะตามมาก็เลยมิได้ใส่ใจอะไรภารกิจการเดินทางในวันที่สองนั้นหนักหนากว่าเดิม เซียวหลินเทียนวางแผนที่จะไปให้ถึงจุดพักอาศัยให้กลุ่มของพวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ดังนั้นกลุ่มใหญ่จึงไม่พักผ่อนในช่วงเวลาอาหารเย็น แล้วเร่งไปให้ถึงจุดพักอาศัยก่อนมืดเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงจุดพักอาศัยแล้ว ฉินชานจึงหันหลังไปมองอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นกลุ่มของเซียวทงเส้นทางนี้เต็มไปด้วยถนนบนภูเขา ไม่มีการอยู่อาศัยของผู้คนอยู่เลยฉินชานเห็นว่ากลุ่มของเซียวทงยังตามไม่ทันก็ทั้งกังวลทั้งโกรธเขากังวลว่าหากไม่รอเซียวทงแล้วมีอะไรเกิดขึ้นจะทำให้ท่านอ๋องอี้ลำบากจนถูกองค์จักรพรรดิตำหนิเอาได้ในขณะที่กำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลี่ว์จงเจ๋อก็เร่งม้ามาข้างหน้
หัวหน้าโจรทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็แยกกันไปดำเนินการหัวหน้าคนหนึ่งพาคนไปดักจากด้านหน้า ส่วนอีกคนไปดักพวกเขาระหว่างทางขณะที่รถม้าของเซียวทงกำลังเคลื่อนไปอยู่นั้น ก็ได้ยินคนขับรถม้าที่อยู่ด้านหน้าตะโกน“หัวหน้าองครักษ์ มาดูทางนี้เร็ว มีต้นไม้โค่นข้างหน้า ขวางทางเราอยู่!”อู่เวยเกือบจะหลับอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงตะโกนเรียกก็เลยต้องขี่ม้าไปดูข้างหน้าในขณะนั้นเอง ก็มีโจรสิบกว่าคนวิ่งออกมาจากริมทางถนนบนภูเขาแล้วตะโกนเสียงดังบุกเข้ามาโจรคนหนึ่งเห็นว่ารถม้าขององค์หญิงหกเป็นรถที่หรูหราที่สุดในขบวนรถม้า จึงพาพวกพี่น้องบุกเข้าไป“เกิดอะไรขึ้น?”เซียวทงได้ยินเสียงตะโกนอันวุ่นวายก็ตะโกนอย่างรำคาญยังมิทันสิ้นเสียงก็รู้สึกได้ว่าตัวรถสั่น จากนั้นม่านรถก็ถูกเปิดออก ชายที่มีหนวดเครายาว สวมเสื้อผ้าสกปรกมีกลิ่นเหม็นปรากฏตัวที่ประตูรถม้าเขาถือมีดอยู่ พร้อมทั้งเลือดบนมีดที่ยังคงหยดอยู่ด้วย...“กรี๊ด…”ฉินรั่วซือกับพวกนางกำนัลหลายคนเห็นเข้าก็กรีดร้องทันที จากนั้นก็ถอยไปขดตัวอยู่ด้วยกันเซียวทงเองก็ตกใจเช่นกัน แล้วก็ได้ยินอู่เวยตะโกนจากข้างนอก “มีโจรปล้น รีบคุ้มกันองค์หญิงหกเร็วเข้า…”ทหาร
เสียงการต่อสู้ข้างนอกดังมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็สิ้นสุดลงกองทหารประจำของฉินซานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี สามารถจัดการกับโจรเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและราบรื่นเลยทีเดียวโจรสิบกว่าคนนั้น ไม่ถูกฆ่าทันทีก็ถูกทุบตีจนไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว!และองครักษ์ที่ฉินชานพามานั้นมีแต่คนฉลาดอยู่ไม่น้อย เกรงว่าหากจับเป็นพวกโจรเหล่านี้ ต่อไปก็จะต้องลำบากตนพาพวกเขากลับไปเมืองหลวงอีก ดังนั้นจึงลงมืออย่างไร้ความปรานีไปเลยกระทั่งการต่อสู้สิ้นสุดลง ก็มีโจรไม่กี่คนที่รอดชีวิตไปได้สิ่งของในรถม้าสองคันถูกพวกโจรพลิกคว่ำจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นฉินชานเห็นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เอาของมามากมายถึงเพียงนี้ มันลำบากมากจริง ๆ ในการที่จะเก็บข้าวของหากองค์หญิงหกผู้นี้ติดตามกองทัพใหญ่ไปติด ๆ เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร!“องค์หญิงหก ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ฉินชานให้องครักษ์ช่วยนางกำนัลจัดการรถม้า จากนั้นตนจึงเดินไปเอ่ยถามเมื่อเซียวทงเห็นว่าไม่มีอันตรายแล้ว ก็นึกถึงความกลัวเมื่อครู่แล้วตะโกนใส่ฉินชานอย่างเสียใจ“แม่ทัพฉิน เหตุใดท่านถึงเพิ่งมาเล่า! ท่านมิรู้อะไร เมื่อครู่ข้ากลัวแทบตาย…”
ฉินรั่วซือถูกหยิกจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเตือนของเซียวทง นางก็กัดริมฝีปากล่างไว้มิกล้าส่งเสียงออกไปในเวลานี้ ฉินรั่วซือรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด หากองค์หญิงหกผู้วางอำนาจและโหดร้ายแต่งงานกับพี่ชายของตน เช่นนั้นจะไม่ทำร้ายพี่ชายตนหรอกหรือ?ตอนนี้องค์หญิงหกยังมิได้แต่งงานเข้าตระกูลฉินก็กล้ารังแกตนเช่นนี้แล้ว ถึงตอนนั้นหากให้นางแต่งงานเข้าตระกูลฉินจริง ๆ เช่นนั้นทั้งครอบครัวของตนก็จะถูกนางรังแกกันหมด!ไม่ได้… นางต้องหาทางป้องกันมิให้เซียวทงแต่งงานเข้าตระกูลฉิน!รถม้ายังคงดำเนินต่อไปภายใต้การเร่งของฉินซาน แต่ในไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดลง การเดินทางก็ช้าลงไปด้วยพวกองครักษ์เหล่านั้นยังมีอาหารแห้งอยู่ แต่น้ำหมดไปแล้ว ความหิวและความเหนื่อยล้าจึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายมีองครักษ์สองคนที่ดูแลด้านหลังรถม้าเห็นว่าฉินซานอยู่ข้างหน้า มิได้ยินที่ตนเอ่ย จึงเริ่มก่นด่าขึ้นมาอย่างหยาบคาย“ลากการเดินทางไปมาเช่นนี้มันลำบากพวกเรามิใช่รึ! วันนี้แค่วันแรกก็เหนื่อยเช่นนี้แล้ว… ข้าว่าเราได้เหนื่อยเลยระหว่างทางก่อนถึงชายแดนแน่เลย!”“เฮ้อ ก็ใครให้นางเป็นองค์หญิงเล่า! แค่เอ่ย
“จะเปลี่ยนไปที่ใด? กลับวังหรือไม่เล่า?”เซียวหลินเทียนอดทนกับเซียวทงมาทั้งวันแล้ว เมื่อเห็นว่านางยังคงดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้ ก็ทนมิไหวพลางตะคอกด้วยความโกรธ“องค์จักรพรรดิสั่งให้ข้าไปที่ชายแดนกำจัดโรคระบาด! เซียวทง ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะติดตามพวกข้ามา เจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า!”“ข้าบอกไปแล้วในช่วงอาหารกลางวันว่ามิให้พักผ่อนและให้เดินหน้าเต็มกำลัง! แต่เจ้ากลับเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้าแล้วพักผ่อนตามใจตนเอง! ถ่วงเวลาการเดินทางของกองทัพใหญ่!”“เพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้าต้องส่งแม่ทัพฉินกลับไปหาเจ้า! วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดีมากแล้วที่แม่ทัพฉินกลับไปช่วยเจ้าได้ทันเวลา!”“หากเขามิกลับไป เจ้าก็คงจะตายด้วยน้ำมือของพวกโจรพวกนั้นไปแล้ว!”ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะเอ่ยจบ เซียวทงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ“ใครให้เขากลับไปเล่า! เขามันจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง! ต่อให้เขาไม่ไป องครักษ์ของหม่อมฉันก็ฆ่าพวกโจรเหล่านั้นได้!”“อวดดี!”เซียวหลินเทียนตะคอกเสียงแข็ง “แม่ทัพฉินช่วยเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับมิรู้สึกขอบคุณ! เจ้าคิดว่าไม่มีใครสามารถควบคุมเจ้าได้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”“เซียวทง เจ้าทำให้แม่ทัพฉินกับองคร
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต