เซียวทงมิเห็นด้วยกับคำสั่งการนั้น เร่งความเร็วเต็มที่ไปแล้วรถม้าจะนั่งได้สบายหรือ?นางเอ่ยกับเซินไห่อย่างเกียจคร้าน “ไปบอกแม่ทัพฉิน เหตุใดต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้น ให้คนไปแจ้งพี่สี่ของข้าก่อนสิ พี่สี่ของข้าจะรอเราอยู่ที่จุดพักอย่างแน่นอน!”เซินไห่ก้มหน้าลงพลางเอ่ยตรง ๆ “แม่ทัพฉินบอกว่า เวลามันล่าช้าไปแล้วเราจำเป็นต้องตามกลุ่มของท่านอ๋องอี้ไปให้ทันในช่วงเวลาอาหารกลางวันพ่ะย่ะค่ะ!”“แม่ทัพฉินบอกว่า หากองค์หญิงรู้สึกว่าทนความยากลำบากมิไหว ก็สามารถส่งองค์หญิงกลับได้ในตอนที่ยังมิได้ออกจากเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวทงได้ยินก็ขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ย “ผู้ใดบอกว่าข้าทนความยากลำบากมิได้? จะเร่งความเร็วเต็มที่ก็ทำเลยสิ!”เซินไห่ยิ้มอย่างเย็นชา พลางตะโกนเสียงดัง “เดินหน้าเต็มความเร็ว!”พวกเขาเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ เซียวทงถูกแรงกระแทกของรถม้าทำให้เซไปเซมาทันที ฉินรั่วซือกับนางกำนัลทั้งสองรีบจับนางเอาไว้ จากนั้นพวกนางก็เกาะกลุ่มเข้าด้วยกันเพื่อไม่ให้ถูกกระแทกจนบวมช้ำหลังจากที่ต้องนั่งรถม้าโคลงเคลงกระแทกไปมาเป็นเวลาหลายชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็ตามทันกลุ่มของเซียวหลิ
เมื่อองค์หญิงหกเซียวทงเห็นว่าอู่เวยพูดเช่นนี้ ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนทำอะไรตนมิได้จึงพยักหน้า “เช่นนั้นก็พักสักหน่อย!”นางให้นางกำนัลพยุงตนลงไปหาสถานที่เงียบสงบพักผ่อนสักหน่อย แล้วก็กินขนมที่นางกำนัลเตรียมมาอย่างสบาย ๆ เสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วยามกว่านางจะกลับขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อทางกลุ่มของฉินซานติดตามเซียวหลินเทียนไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าเซียวทงจะตามมาก็เลยมิได้ใส่ใจอะไรภารกิจการเดินทางในวันที่สองนั้นหนักหนากว่าเดิม เซียวหลินเทียนวางแผนที่จะไปให้ถึงจุดพักอาศัยให้กลุ่มของพวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ดังนั้นกลุ่มใหญ่จึงไม่พักผ่อนในช่วงเวลาอาหารเย็น แล้วเร่งไปให้ถึงจุดพักอาศัยก่อนมืดเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงจุดพักอาศัยแล้ว ฉินชานจึงหันหลังไปมองอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นกลุ่มของเซียวทงเส้นทางนี้เต็มไปด้วยถนนบนภูเขา ไม่มีการอยู่อาศัยของผู้คนอยู่เลยฉินชานเห็นว่ากลุ่มของเซียวทงยังตามไม่ทันก็ทั้งกังวลทั้งโกรธเขากังวลว่าหากไม่รอเซียวทงแล้วมีอะไรเกิดขึ้นจะทำให้ท่านอ๋องอี้ลำบากจนถูกองค์จักรพรรดิตำหนิเอาได้ในขณะที่กำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลี่ว์จงเจ๋อก็เร่งม้ามาข้างหน้
หัวหน้าโจรทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็แยกกันไปดำเนินการหัวหน้าคนหนึ่งพาคนไปดักจากด้านหน้า ส่วนอีกคนไปดักพวกเขาระหว่างทางขณะที่รถม้าของเซียวทงกำลังเคลื่อนไปอยู่นั้น ก็ได้ยินคนขับรถม้าที่อยู่ด้านหน้าตะโกน“หัวหน้าองครักษ์ มาดูทางนี้เร็ว มีต้นไม้โค่นข้างหน้า ขวางทางเราอยู่!”อู่เวยเกือบจะหลับอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงตะโกนเรียกก็เลยต้องขี่ม้าไปดูข้างหน้าในขณะนั้นเอง ก็มีโจรสิบกว่าคนวิ่งออกมาจากริมทางถนนบนภูเขาแล้วตะโกนเสียงดังบุกเข้ามาโจรคนหนึ่งเห็นว่ารถม้าขององค์หญิงหกเป็นรถที่หรูหราที่สุดในขบวนรถม้า จึงพาพวกพี่น้องบุกเข้าไป“เกิดอะไรขึ้น?”เซียวทงได้ยินเสียงตะโกนอันวุ่นวายก็ตะโกนอย่างรำคาญยังมิทันสิ้นเสียงก็รู้สึกได้ว่าตัวรถสั่น จากนั้นม่านรถก็ถูกเปิดออก ชายที่มีหนวดเครายาว สวมเสื้อผ้าสกปรกมีกลิ่นเหม็นปรากฏตัวที่ประตูรถม้าเขาถือมีดอยู่ พร้อมทั้งเลือดบนมีดที่ยังคงหยดอยู่ด้วย...“กรี๊ด…”ฉินรั่วซือกับพวกนางกำนัลหลายคนเห็นเข้าก็กรีดร้องทันที จากนั้นก็ถอยไปขดตัวอยู่ด้วยกันเซียวทงเองก็ตกใจเช่นกัน แล้วก็ได้ยินอู่เวยตะโกนจากข้างนอก “มีโจรปล้น รีบคุ้มกันองค์หญิงหกเร็วเข้า…”ทหาร
เสียงการต่อสู้ข้างนอกดังมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็สิ้นสุดลงกองทหารประจำของฉินซานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี สามารถจัดการกับโจรเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและราบรื่นเลยทีเดียวโจรสิบกว่าคนนั้น ไม่ถูกฆ่าทันทีก็ถูกทุบตีจนไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว!และองครักษ์ที่ฉินชานพามานั้นมีแต่คนฉลาดอยู่ไม่น้อย เกรงว่าหากจับเป็นพวกโจรเหล่านี้ ต่อไปก็จะต้องลำบากตนพาพวกเขากลับไปเมืองหลวงอีก ดังนั้นจึงลงมืออย่างไร้ความปรานีไปเลยกระทั่งการต่อสู้สิ้นสุดลง ก็มีโจรไม่กี่คนที่รอดชีวิตไปได้สิ่งของในรถม้าสองคันถูกพวกโจรพลิกคว่ำจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นฉินชานเห็นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เอาของมามากมายถึงเพียงนี้ มันลำบากมากจริง ๆ ในการที่จะเก็บข้าวของหากองค์หญิงหกผู้นี้ติดตามกองทัพใหญ่ไปติด ๆ เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร!“องค์หญิงหก ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ฉินชานให้องครักษ์ช่วยนางกำนัลจัดการรถม้า จากนั้นตนจึงเดินไปเอ่ยถามเมื่อเซียวทงเห็นว่าไม่มีอันตรายแล้ว ก็นึกถึงความกลัวเมื่อครู่แล้วตะโกนใส่ฉินชานอย่างเสียใจ“แม่ทัพฉิน เหตุใดท่านถึงเพิ่งมาเล่า! ท่านมิรู้อะไร เมื่อครู่ข้ากลัวแทบตาย…”
ฉินรั่วซือถูกหยิกจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเตือนของเซียวทง นางก็กัดริมฝีปากล่างไว้มิกล้าส่งเสียงออกไปในเวลานี้ ฉินรั่วซือรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด หากองค์หญิงหกผู้วางอำนาจและโหดร้ายแต่งงานกับพี่ชายของตน เช่นนั้นจะไม่ทำร้ายพี่ชายตนหรอกหรือ?ตอนนี้องค์หญิงหกยังมิได้แต่งงานเข้าตระกูลฉินก็กล้ารังแกตนเช่นนี้แล้ว ถึงตอนนั้นหากให้นางแต่งงานเข้าตระกูลฉินจริง ๆ เช่นนั้นทั้งครอบครัวของตนก็จะถูกนางรังแกกันหมด!ไม่ได้… นางต้องหาทางป้องกันมิให้เซียวทงแต่งงานเข้าตระกูลฉิน!รถม้ายังคงดำเนินต่อไปภายใต้การเร่งของฉินซาน แต่ในไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดลง การเดินทางก็ช้าลงไปด้วยพวกองครักษ์เหล่านั้นยังมีอาหารแห้งอยู่ แต่น้ำหมดไปแล้ว ความหิวและความเหนื่อยล้าจึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายมีองครักษ์สองคนที่ดูแลด้านหลังรถม้าเห็นว่าฉินซานอยู่ข้างหน้า มิได้ยินที่ตนเอ่ย จึงเริ่มก่นด่าขึ้นมาอย่างหยาบคาย“ลากการเดินทางไปมาเช่นนี้มันลำบากพวกเรามิใช่รึ! วันนี้แค่วันแรกก็เหนื่อยเช่นนี้แล้ว… ข้าว่าเราได้เหนื่อยเลยระหว่างทางก่อนถึงชายแดนแน่เลย!”“เฮ้อ ก็ใครให้นางเป็นองค์หญิงเล่า! แค่เอ่ย
“จะเปลี่ยนไปที่ใด? กลับวังหรือไม่เล่า?”เซียวหลินเทียนอดทนกับเซียวทงมาทั้งวันแล้ว เมื่อเห็นว่านางยังคงดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนี้ ก็ทนมิไหวพลางตะคอกด้วยความโกรธ“องค์จักรพรรดิสั่งให้ข้าไปที่ชายแดนกำจัดโรคระบาด! เซียวทง ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะติดตามพวกข้ามา เจ้าก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า!”“ข้าบอกไปแล้วในช่วงอาหารกลางวันว่ามิให้พักผ่อนและให้เดินหน้าเต็มกำลัง! แต่เจ้ากลับเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้าแล้วพักผ่อนตามใจตนเอง! ถ่วงเวลาการเดินทางของกองทัพใหญ่!”“เพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้าต้องส่งแม่ทัพฉินกลับไปหาเจ้า! วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดีมากแล้วที่แม่ทัพฉินกลับไปช่วยเจ้าได้ทันเวลา!”“หากเขามิกลับไป เจ้าก็คงจะตายด้วยน้ำมือของพวกโจรพวกนั้นไปแล้ว!”ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะเอ่ยจบ เซียวทงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ“ใครให้เขากลับไปเล่า! เขามันจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง! ต่อให้เขาไม่ไป องครักษ์ของหม่อมฉันก็ฆ่าพวกโจรเหล่านั้นได้!”“อวดดี!”เซียวหลินเทียนตะคอกเสียงแข็ง “แม่ทัพฉินช่วยเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับมิรู้สึกขอบคุณ! เจ้าคิดว่าไม่มีใครสามารถควบคุมเจ้าได้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”“เซียวทง เจ้าทำให้แม่ทัพฉินกับองคร
“กลุ่มของข้ามิเลี้ยงคนไร้ประโยชน์ หากเจ้ามิทำการใด ก็อย่าคิดว่าจะได้กินอิ่มนอนหลับสบาย!”“ข้าจะให้คนจับตาดูเจ้าไว้! หากเจ้าอยู่มิไหวก็หนีไปเสีย อย่าหวังว่าข้าจะส่งทหารพาเจ้ากลับไปเมืองหลวงเลย!”“เซียวทง จำสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไว้ อย่าท้าทายความอดทนของข้า เพราะเจ้าทนรับผลที่ตามมาทนมิไหวแน่!”หลังจากที่เซียวหลินเทียนพูดจบก็พาคนออกไป เซียวทงมองแผ่นหลังของเขาแล้วบ่นเบา ๆองค์ชายพิการผู้นี้ แค่อยากจะอาศัยตนมาสร้างความน่าเกรงขามของตนเท่านั้น!นางมิเชื่อว่าเขาจะกล้าตีนางจริง ๆ หรอก!ดูสิ หากตอนนี้ตนยื่นบันไดให้เขา เขาก็ลงมิได้มิใช่หรือ?แม้ว่าเซียวทงจะคิดเช่นนี้ แต่ก็ยังคงเก็บคำพูดของเซียวหลินเทียนไว้ในใจนางเหนื่อยมากจึงเร่งให้พวกฉินรั่วซือเตรียมน้ำให้ตน อยากจะอาบน้ำคลายความเหนื่อยล้าเสียหน่อยแต่จะมีถังไม้สำหรับอาบน้ำในที่พักเรียบง่ายแห่งนี้ได้เยี่ยงไรกัน?นางถูกบังคับให้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอาบน้ำง่าย ๆ แล้วเข้านอนแต่รู้สึกเหมือนเพิ่งหลับตาไปได้ครู่หนึ่งก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงแตรเดินทัพแล้ว“องค์หญิงหก รีบตื่นบรรทมเร็วเพคะ เราจะออกเดินทางในอีกสิบห้านาทีเพคะ!”นางกำนัลวิ่งเ
หลิงอวี๋พยักหน้า นางแค่คิดว่าบางทีเซียวหลินเทียนอาจจะไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโรคระบาด จึงเอ่ยเตือนเสียหน่อยเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจวันนี้เซียวทงรู้สึกดีขึ้นมาก กลุ่มของนางติดตามกลุ่มของเซียวหลินเทียนได้อย่างใกล้ชิดกระทั่งไปถึงจุดพักผ่อน ฉินซานก็เข้ามากับบอกให้พวกเขาให้อาหารม้าเซียวทงสั่งให้อู่เวยพาคนไปให้อาหารม้า ขณะที่ตนนอนอย่างเกียจคร้านในรถม้าโดยไม่ขยับไปไหนฉินซานเองก็ไม่พูดอะไร เขามองนางแล้วเดินจากไปกระทั่งถึงเวลากินข้าว เซียวทงก็ยังคงรอให้นางกำนัลนำอาหารมาให้ตนเองกิน แต่หลังจากรอเป็นเวลานานแล้วนางกำนัลเพิ่งจะมา จากนั้นก็มอบอาหารแห้งให้นางอย่างเงียบ ๆ“สิ่งใดกัน? นี่มันของกินของคนรึ?”เซียวทงเคาะอาหารแห้งในมือของนางกำนัล พลางตะคอกด้วยความโกรธ“ข้านำขนมมาเยอะมากมิใช่รึ? หากพวกเขามิให้ข้ากิน เจ้าก็เอาขนมของข้ามาให้หน่อยมิได้หรือไร?”ใบหน้าของนางกำนัลกระตุก พลางกระซิบ “ขนมเหล่านั้นถูกคนของท่านอ๋องอี้มาค้นไปแล้วเพคะ!”“องค์หญิง ในรถม้าของเราตอนนี้ไม่มีอะไรให้กินแล้วเพคะ!”“ไม่เพียงเท่านั้น ท่านอ๋องยังสั่งให้รถม้าหลายคันที่บ