“ชิวเหวินซวง เจ้าช่างเก่งวาทศิลป์จริง ๆ! ทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้ว เจ้ายังปากแข็งอีก!”เซียวหลินเทียนเดือดดาลพลางตะโกน “ท่านลุงชิวตายได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าข้ามิรู้งั้นรึ?”“เขาตกลงมาขณะซ่อมห้องครัวคือความจริง แต่เจ้ากลัวเขามิตายจึงใช้กำลังภายในหักซี่โครงเขาซ้ำ! ตัวข้าแอบให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพตรวจร่างแล้ว!”“ส่วนพ่อบ้านฟั่น…”หลิงอวี๋กล่าวเสริมว่า “ช่วงสองวันมานี้ข้าก็ได้พบกับแม่ทัพเฉิน และขุดหลุมฝังศพของพ่อบ้านฟั่นแล้ว”“พิษในตัวพ่อบ้านฟั่นกับในตัวองครักษ์สองคนนั้นของเกิ่งเสี่ยวหาวที่จับตาดูหลิงผิงคือชนิดเดียวกัน...เป็นยาพิษฤทธิ์รุนแรงทำให้หยุดหายใจเฉียบพลัน!”“เรายังพบเข็มเงินอาบยาพิษในคอของพ่อบ้านฟั่นด้วย! ครานั้นทุกคนคิดว่าพ่อบ้านฟั่นล้มป่วยกะทันหันจึงสิ้นใจ ทว่าในความจริงเขาถูกพิษตายต่างหาก!”หลิงอวี๋ยิ้มหยันกล่าว “ตาข่ายสวรรค์ห่างแต่ไม่รั่ว(1) ชิวเหวินซวง เจ้าคิดว่าหากเจ้ามิพูด เจ้าก็ปกปิดพวกเราได้ตลอดชีวิตงั้นรึ?”ชิวเหวินซวงสั่นเทิ้มทั้งร่าง โดยไม่รู้เช่นกันว่าจะกลัวหรือโกรธดีนางคิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจะขุดหลักฐานได้มากขนาดนี้ นางคิดว่าตัวเองกระทำอย่างไร้ท
“เหวินซวง…”ชิวเฮ่าหมายยันตัวลุกขึ้นไปตรวจดูนาง แต่ทันทีที่เขาจะขยับจ้าวซวนพลันตัดเส้นเอ็นมือและเท้าของเขาอย่างไวว่องจ้าวซวนกลัวชิวเฮ่าจะปลิดชีพตนเองเหมือนชิวเหวินซวงจึงบีบกรามของเขา และหยิบเม็ดยาพิษออกจากปากเขาเสียชิวเฮ่าจ้องจ้าวซวนเขม็ง แล้วหัวร่อหึ ๆ ขึ้น“แม้พวกเจ้ากระจ่างทุกสิ่งแล้วจะอย่างไรเล่า? เราจะไม่แพ้… เหวินซวงพูดถูก จะมีคนล้างแค้นให้เรา!”“ฮ่า ๆ… เซียวหลินเทียน เจ้าคงอยากรู้นักหนาว่าที่สองขาเจ้าพิการเป็นข้าทำหรือไม่? มิผิด เป็นข้าเอง…”“เจตนาเดิมของข้าคืออยากฆ่าเจ้า ทำให้ฉินตะวันตกของพวกเจ้าสูญเสียแม่ทัพใหญ่ ผู้ใดจักไปรู้ว่าเจ้าจะดวงดีขนาดนี้ เพียงตกขาหักแค่นั้นเอง…”“ตอนข้าพบเจ้า เดิมทีหมายซ้ำเจ้าสักสองสามดาบ แต่เจ้ากลับฟื้นน่ะสิ… พวกจ้าวซวนก็รุดมาถึงซะแล้ว ข้าจึงไร่โอกาสลงมือ!”ชิวเฮ่าหัวเราะบ้าคลั่งพลางเอ่ยว่า “แม้มิได้ฆ่าเจ้า แต่ก็ทำเจ้าพิกลพิการได้ก็นับว่าสำเร็จแล้วเหมือนกัน!”“หากมิใช่เพราะหญิงชั่วจอมยุ่มย่ามนี่ละก็…”ชิวเฮ่ามองทางหลิงอวี๋พลางด่าอย่างโมโห “คราแรกข้าน่าจะฆ่าเจ้าให้ตายไปเสีย!”ชิวเฮ่าระเบิดหัวเราะบ้าคลั่ง “พวกเจ้าจักมิชนะ…ฮ่า ๆ พวกเจ้าน่าจ
นางรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวเสียงเครือว่า “ขอรายงานพระชายาเจ้าค่ะ หลิงหลานมิได้กลับมาสองวันแล้วเจ้าค่ะ! พี่เหวินซวงบอกให้นางไปไถ่ถอนตัวเอง… แต่บ่าวรู้สึกว่ามีบางอย่างวมิชอบมาพากลเจ้าค่ะ!”“อ้อ มิชอบมาพากลเช่นไร?” หลิงอวี๋ถามนางรับใช้คนนั้นก้มศีรษะเอ่ยเสียงแผ่ว “ก่อนที่หลิงหลานออกไปข้างนอกกับบ่าว นางใช้เงินห้าตำลึงซื้อสร้อยข้อมือ หากนางจักไถ่ตัวคงมิทิ้งสร้อยข้อมือมีราคาแบบนี้ไว้หรอกเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยทันควัน “พาข้าไปดูห้องหลิงหลานที!”นางรับใช้คนนั้นรีบพาหลิงอวี๋เข้าประตูไปทันที เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าหลิงหลานมีเสื้อผ้าสภาพดีหลายชิ้น และเป็นของใหม่ร้อยละแปดสิบที่ไม่ได้เอาไปด้วย“ผู้ใดพบหลิงหลานเป็นคนสุดท้าย?”หลิงอวี๋ถามนางรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวเสียงต่ำ “น่าจะเป็นบ่าวเจ้าค่ะ! เมื่อคืนหลิงหลานไปห้องพี่เหวินซวง ต่อมาก็ไม่เห็นกลับมาอีกเลยเจ้าค่ะ!”เมื่อได้ยินวาจานี้ เฉาอี้พร้อมทั้งองครักษ์และหลิงอวี๋พลันรุดไปห้องชิวเหวินซวงทันทีหลังเหล่าองครักษ์ค้นหาไปเที่ยวหนึ่ง ในที่สุดก็พบว่าหลิงหลานถูกมัดห่ออยู่ใต้เตียงของชิวเหวินซวงหลิงหลานสิ้นใจไปแล้ว โดยมีรอยฟกช้ำที่คอหลายจุดที่น่าจะถูกคนบีบ
“หม่อมฉันมิไปเพคะ! ท่านพี่ หม่อมฉันมาดูแลท่านตามคำสั่งของพระสนมหรงจะให้หม่อมฉันไป ท่านต้องคุยกับท่านป้าก่อนค่อยว่ากัน!”เสิ่นจวนโน้มเข้าใกล้กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านพี่ ให้หม่อมฉันช่วยท่านดูแลตำหนักอ๋องอี้เถิด! หม่อมฉันทำได้ดีกว่าชิวเหวินซวงแน่นอนเพคะ!”เซียวหลินเทียนยังไม่ทันเอื้อนเอ่ย ท่านจินต้าพลันยกยิ้มกล่าวคำ “คุณหนูขอรับ ท่านเป็นแขก มันมีหลักการที่ไหนให้แขกมาช่วยดูแลเรือนขอรับ!”“ยิ่งไปกว่านั้นตำหนักของเรายังมีพระชายาอยู่ขอรับ!”เสิ่นจวนโมโหฉับพลัน ตะโกนว่า “ไม่เจียมตัว เจ้ามันตัวอันใด? ข้าคุยกับท่านพี่ มันมีหลักการที่ใดให้ขี้ข้าอย่างเจ้ามาสอดปาก!”“เดิมทีหลิงอวี๋นางมิได้ดูแลตำหนักอ๋องอี้ด้วยซ้ำ ท่านพี่…”“เสิ่นจวน ท่านจินต้ามิใช่ขี้ข้า!”เซียวหลินเทียนคะตอกเคืองขุ่น “ท่านจินต้าพูดถูก ตัวข้ายังมีพระชายาอยู่ มันจะถึงคราวของเจ้าได้เช่นไร!”“หากเจ้ายังเสียมารยาทกับคนของตำหนักอ๋องอี้อีก ตัวข้าจักส่งเจ้ากลับวันนี้ทันที!”“ทหาร! ส่งคุณหนูกลับจวนเสิ่นเสีย!”เมื่อเสิ่นจวนเห็นเซียวหลินเทียนบันดาลโทสะก็รีบส่งยิ้มกล่าวว่า“ท่านพี่เพคะ เป็นเสิ่นเอ๋อร์พูดผิดไป เสิ่นเอ๋อร์รู้ผิดแล้วยังม
ทั้งสองโกรธขึ้งอย่างเงียบงัน ต่างขบคิดว่าควรหาโอกาสร่วมมือกันกำจัดเซียวหลินเทียนก่อนดีหรือไม่อันเจ๋อส่งคนแต่ละตำหนักไปจำแนกร่างศพจารชน แต่จักรพรรดิอู่อันกังวลว่าอันเจ๋อเพิ่งได้เข้าดำรงตำแหน่งอาจถูกขุนนางขั้นสูงของเหล่าองค์ชายละเลยเอาได้ณ ท้องพระโรง องค์จักรพรรดิอู่อันกล่าวโดยตรงว่า“ฉีตะวันออกสอดแทรกจารชนจำนวนมากในเขตฉินตะวันตก แม้ทุกคนมิรู้ ข้าก็มิโทษพวกเจ้า หากแต่ถ้ามิไปจำแนกร่างศพ และข้าตรวจพบก็ต้องได้รับโทษเยี่ยงพวกขายแคว้น!”ด้วยวาจานี้ขององค์จักรพรรดิอู่อัน บรรดาขุนนางที่ไม่อยากข้องเกี่ยวคดีจารชนจึงทำได้เพียงไปจำแนกร่างศพเท่านั้นสิ่งที่ทำองค์จักรพรรดิพะวงก็คือ จารชนพวกนี้ที่ออกตำหนักหลักในแต่ละแห่ง รวมทั้งบนตำหนักองค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยก็ล้วนมีองค์จักรพรรดิอู่อันตะลึงฉับพลันครั้นอ่านใบรายชื่อ โชคดีที่จารชนเหล่านี้ถูกอันเจ๋อกับเซียวหลินเทียนจับกุมได้ทันกาลหากพวกเขาได้อยู่พัฒนาต่อ เช่นนั้นฉินตะวันตกจะยังมีความหวังหรือไม่?เพียงหวั่นหากเกิดสงครามขึ้น เหล่าจารชนทั้งนอกและในจะร่วมมือกันขายฉินตะวันตกให้ฉีตะวันออกน่ะสิ“ตรวจสอบ… คนรับใช้ของตนในทุกตำหนักและจำต้องให้ไวที่สุ
ช่วงนี้หลิงอวี๋วุ่นจนมีเวลาอยู่กับหลิงเยวี่ยน้อยนัก นางอยากใช้โอกาสนี้อยู่กับหลิงเยวี่ยบ้างหลิงเยวี่ยมากับเฮยจื่ออย่างไวว่องวันนี้เฮยจื่อไม่ต้องไปหออักษร เมื่อได้ยินว่าจะออกไปข้างนอกเขาก็ตามหลิงเยวี่ยมาทันทีระยะนี้หลิงอวี๋สังเกตเฮยจื่อพบว่าเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่วางท่าสั่งดังเช่นเมื่อก่อนอีก และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างจริงใจเช่นกันหลิงอวี๋จะไม่จับผิดเด็กและไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา นางพลันพาทั้งคู่ไปข้างนอกด้วยกันกลุ่มแรกไปถึงเรือนหยกอำไพก่อน หลิงอวี๋เห็นอาภรณ์ของเฮยจื่อค่อนข้างเก่า จึงพาเขาไปซื้อตัวใหม่หลายชุดวันนี้เรือนหยกอำไพคนมากหลายนัก หลิงอวี๋ส่งเฮยจื่อกับหลิงเยวี่ยให้ช่างปักไปวัดอาภรณ์ ส่วนตนกับหลิงซวนก็เลือกผ้าให้พวกเขาขณะเลือกอยู่ จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามากอดหลิงอวี๋จากข้างหลังพลางเอ่ยเรียก“เสี่ยวอวี้ ไม่เจอหลายวัน เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่!”หลิงอวี๋รู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ รดลำคอตัวเอง และเสียงพูดก็คือบุรุษ นางจึงพยายามดิ้นให้หลุดตามสัญชาตญาณแต่ชายหนุ่มกลับกอดนางไว้แน่น หลิงอวี๋แทงเข็มบนมือเขาอย่างขึ้งโกรธหลิงซวนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดึงชายหนุ่มออกพลางตะโกนว่า “ไอ้บ้าตัณหา เจ้าจักท
คุณชายหลายคนที่ร่วมฟังในเหตุการณ์ต่างเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง และคุณชายยินผู้มีสติปัญญาไม่อยากวอนหาเรื่อง จึงหาข้ออ้างจากไปก่อนเหล่าคุณชายที่เหลือฟังจ้าวซิงคุยโม้ต่อ แม้จะเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง แต่หากไม่ฟังข่าวอื้อฉาวเช่นนี้ก็น่าเสียดายนักสุดท้าย จ้าวซิงก็ตบหน้าอกด้วยความภาคภูมิใจแล้วพูดว่า “เสี่ยวอวี้ยังส่งอาภรณ์รัดรูปให้ข้าเป็นสิ่งยืนยันด้วย หากพวกเจ้ามิเชื่อ วันหลังข้าจักเอามาให้พวกเจ้าได้เห็น…”“อาภรณ์นั่นหอมนัก…”จ้าวซิงทำเป็นเคลิบเคลิ้ม หลาย ๆ คนเลยเริ่มเชื่อกว่าครึ่งแล้วคุณชายคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “มีอาภรณ์รัดรูปถือเป็นสิ่งปกติยิ่ง! หากเจ้าเก่งจริง วันหลังตอนเจ้าเริงรักกับนางก็ให้เราไปแอบฟังที่มุมกำแพงสิ แล้วเราจะเชื่อวาจาเจ้าว่าคือความจริง!”จ้าวซิงกลอกตาพลางกล่าวเสียงแผ่ว“ได้สิ อีกไม่กี่วันก็ถึงงานบุปผาชีซีเจี๋ย ลือว่าท่านอ๋องอี้ก็ไปด้วย ข้าจักให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาความมีเสน่ห์ของข้า!”จ้าวซิงชะงักไป ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้พวกเจ้าต้องเก็บเป็นความลับ ผู้ใดก็ห้ามแพร่งพราย! จักได้มิเสียเรื่อง!”เหล่าคุณชายตกปากรับคำ พวกเขาจะได้ชมละครเด็ดดวงแบบ
เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็ตอบทันควัน “นี่มิใช่เรื่องยาก ตราบใดที่ลูกเจ้ามิได้ป่วยเป็นโรคร้ายหมดทางรักษา ข้าก็รับปากเจ้าได้ทั้งนั้น!”“เช่นนั้นขอเชิญพระชายาไปลองตรวจที่เรือนข้าก่อนเถิด หากท่านรักษามิได้ ข้าก็มิอาจตกปากรับคำท่านได้เจ้าค่ะ!”หมิ่นกูพูดตรงไปตรงมาว่า “พระชายาเจ้าคะ มิใช่ว่าข้ามิรู้จักดีชั่ว แต่ข้าต้องดูแลลูกข้า… ท่านก็เป็นแม่คน หวังว่าท่านจักเข้าใจนะเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ผงกศีรษะ นางชอบความตรงไปตรงมาของหมิ่นกูนัก ครั้นแล้วนางก็ให้เถาจื่อส่งพวกหลิงเยวี่ยกลับตำหนักไปก่อน ส่วนตนพาหลิงซวนตามหมิ่นกูไปเรือนของนางระหว่างทางก็พลางพูดคุยกับหมิ่นกูไปด้วย หลิงอวี๋รู้ดีว่าหลังเกิดเพลิงไหม้ย่านการค้า แม้หมิ่นกูจะได้รับเงินช่วยเหลือจากราชสำนัก แต่ก็เพียงพอแค่ชดเชยค่าหนี้สินค้นเท่านั้นหลังจากเหรินจื้อลูกชายของหมิ่นกูถูกไฟคลอก หมิ่นกูก็นำเงินเก็บทั้งหมดมารักษาเหรินจื้อ ทว่ากลับเสียเงินเปล่า แถมยังติดหนี้ต่างถิ่นไปมิน้อย“พระชายาอ๋องอี้ การลงทะเบียนตรวจกับท่านช่างยากนัก ข้าไปหลายครั้งแล้วในที่สุดจึงลงสำเร็จ ทว่าวันนัดดันเป็นครึ่งเดือนให้หลังเจ้าค่ะ!”หมิ่นกูกล่าวทั้งยิ้มขมขื่น “ข้ามิรู้เลยว่
พวกคนรับใช้หลายคนจึงพุ่งเข้าไปหาหมอเถากันอย่างดุร้าย หลิงอวี๋จึงรีบดึงหมอเถาไปไว้ด้านหลังของนาง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ“พ่อบ้านผิง อย่าได้รังแกกันมากเกินไปนักเลย! หมอเถาครุ่นคิดเรื่องอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหนักหนา หากเขามีสูตรลับจริง ๆ เขาจะมินำออกมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าหรือ?”“ลูกชายของเขาก็ยังอยู่ในกำมือของพวกท่าน ท่านลองคิดอย่างใจเขาใจเราดูเถิดว่า เขาจะคิดว่าสูตรลับสำคัญกว่าลูกชายของตนเองได้หรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหลวงเก๋อยังกำหนดเวลากับหมอเถาไว้สิบวัน ซึ่งตอนนี้ยังมิถึงเวลา เหตุใดเขาจะหาคนมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เล่า!”พ่อบ้านผิงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างโหดร้าย แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “สตรีเช่นเจ้าช่างคารมคมคายและหยิ่งยโสนัก จะมีความสามารถใดมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้กันเชียว!”“ไสหัวไปเสีย อย่ามาถ่วงเวลาพวกเราอยู่ที่นี่!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างมิรีบมิร้อน “พ่อบ้านผิง ข้าจะรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือไม่นั้น ท่านยังมิได้ตรวจสอบก็ปฏิเสธข้าเสียแล้ว หรือว่าใจจริงแล้วท่านมิอยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าหาย จึงได้ขัดขวางทุกวิถีทางเช่นนี้?”สีหน้าของพ่อบ้านผิงเปลี่ยนไปทันที และเขาก็กำลั
ป้าวซวนตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุยกันของคนสองคน เมื่อนางเห็นว่าหลิงอวี๋เริ่มทำอะไรแล้วนางก็รู้สึกเกรงใจที่จะนอนต่อและรีบลุกขึ้นมาช่วยเฉียวไป๋มองทั้งสองคนกำลังยุ่งกันอยู่ แล้วตนก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยความทะเยอทะยานในอดีตของเขาดับสลายหายสิ้น ในหัวของเขามืดแปดด้านไปหมด ต่อไปตนควรจะทำอย่างไรดี!“น้องหญิง เราทำความสะอาดห้องข้าง ๆ แล้วให้เฉียวไป๋ไปอยู่ห้องนั้นกันเถิด!”หลิงอวี๋คิดว่าถึงอย่างไรเฉียวไป๋ก็เป็นบุรุษ และตนกับป้าวซวนต่างก็เป็นสตรี อีกทั้งป้าวซวนก็ยังมิได้แต่งงาน หากอยู่ห้องเดียวกันแล้ววันข้างหน้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็จะถูกคนติฉินนินทาเอาได้ป้าวซวนเองก็มิรู้ว่าจะต้องอาศัยอยู่ที่วัดเก่านี้ไปอีกนานแค่ไหน จึงไปทำความสะอาดห้องกับหลิงอวี๋กระทั่งทำความสะอาดเสร็จแล้ว หลิงอวี๋ก็รีบกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว นางจะต้องไปที่โรงฮุ่ยเฉ่าเพื่อจะไปบ้านตระกูลเก๋อกับหมอเถาอีกหลิงอวี๋ก็มิแน่ใจว่าตนจะสามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้จริงหรือไม่ ดังนั้นก่อนไปจากจึงให้เงินสามตำลึงที่เหลือไว้กับป้าวซวน“น้องหญิง หากข้ามิกลับมาก่อนฟ้ามืด เจ้าก็มิต้องรอข้าแล้ว เพราะว่าอาจจะเกิดเรื่อง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวไป๋ก็ซ่อนตัวจากท่านอาเฉียว และมิสนใจอาการบาดเจ็บของตนเลยแม้แต่น้อยเขารู้สึกโกรธเคืองตนเอง และคิดเพียงว่าตายไปเช่นนี้ก็จบแล้วต่อมาเขาได้พบกับคนของตระกูลจงเจิ้ง เฉียวไป๋อยากตายจึงไปยั่วยุพวกเขา ผลก็คือถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนมีบาดแผลทั่วทั้งตัวและในขณะที่เฉียวไป๋กำลังถูกดูถูกจนถึงขีดสุดนั้น เฉียวไป๋ก็ถูกกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดขึ้นมา เขาจึงใช้แรงที่เหลืออยู่ของตนเปิดใช้งานลูกแก้ววิญญาณ เขาจึงถูกส่งกลับมายังแดนเทพอีกทั้งช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาตกลงไปในแม่น้ำ และถูกสายน้ำพัดมาถึงแถว ๆ วัดเก่า จึงได้โชคดีพบกับหลิงอวี๋เข้า“ข้ามิได้สังหารท่านพ่อ! ท่านอาโกหกข้า! ท่านมิใช่พ่อของข้า... ท่านมิใช่!”การเพ้อกับฝันร้ายของเฉียวไป๋ทำให้หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกงุนงง แต่นางจะมิถือว่าการเพ้อของคนที่เป็นไข้เป็นเรื่องจริงหรอกเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสองชั่วยามแล้วและอุณหภูมิของเฉียวไป๋ยังมิลดลง หลิงอวี๋จึงให้ยาเขาไปอีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็ป้อนยาทุก ๆ สองชั่วโมง จนกระทั่งรุ่งสาง ในที่สุดอุณหภูมิของเฉียวไป๋ก็ลดลงแล้วหลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอกแล้วยื่นมือไปเช็ดเ
“ท่านอา...”“ท่านพ่อ…”บุรุษผู้นั้นมีไข้สูงและพูดเพ้อออกมา หลิงอวี๋เห็นว่าใบหน้ารูปงามของเขาขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางเจ็บปวด ราวกับว่าในฝันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อหลิงอวี๋เห็นเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผากของเขา นางก็ฉีกอาภรณ์ขาด ๆ ของเขามาทำเป็นผ้าเช็ดเหงื่อให้เขา“อย่า… อย่าทำเช่นนี้กับข้า!”บุรุษผู้ที่มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกายผู้นั้นก็คือ เฉียวไป๋ที่ถูกท่านอาเฉียวพาลงมาจากภูเขาหิมะนั่นเองบนร่างกายของเฉียวไป๋มีบาดแผลอยู่หลายแห่ง ในตอนนั้นเขากำลังรู้สึกสับสน แต่หลังจากที่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา เฉียวไป๋ก็จำช่วงเวลาที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลได้เขานึกขึ้นได้ว่าตนกับท่านพ่อต่างก็สู้กัน ทั้งยังจำได้ด้วยว่าตนแทงเข้าไปที่ท้องของท่านพ่อเฉียวไป๋กังวลใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็คว้าตัวท่านอาเฉียวไว้แล้วตะโกนออกมา “ท่านอา ข้า... ข้า... ข้าสังหารท่านพ่อใช่หรือไม่?”นี่มันเป็นการปิตุฆาต!เฉียวมองท่านอาเฉียวตาปริบ ๆ หวังว่าท่านอาเฉียวจะตอบปฏิเสธในคำถามของตนแต่ไหนเลยจะรู้ว่าท่านอาเฉียวจะมองเขา แล้วผ่านไปสักพักเขาก็พยักหน้าหัวใจของเฉียวไป๋จมดิ่งลงไปทันที เขาถอยหลังไปสองสามก้าว
ท้องใหญ่เท่ากลองเลยหรือ?เมื่อหลิงอวี๋ฟังหมอเถาเล่าถึงอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเสร็จแล้ว ในหัวของนางก็มีวิธีรักษาเกี่ยวกับโรคประเภทนี้หลายวิธีผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงแต่หากมิได้พบผู้ป่วย ก็มิสามารถยืนยันได้ว่าควรใช้วิธีไหนดี“หมอเถา วันพรุ่งท่านจะไปที่จวนข้าหลวงเก๋อเมื่อใดหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกมา“ก่อนยามเหม่า[footnoteRef:0]!” [0: ยามเหม่า คือ ช่วง 05.00 - 07.00 น.] หมอเถามองหลิงอวี๋อตาปริบ ๆ “แม่นาง เจ้ามีวิธีรักษาโรคประหลาดเช่นนี้นี้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “ก็มีวิธีอยู่ ทว่าหากยังมิพบผู้ป่วยก็มิอาจตัดสินได้ว่าใช้ได้จริงหรือไม่! หมอเถา วันพรุ่งตอนยามอู่[footnoteRef:1]ข้าจะมาหาท่าน แล้วไปที่ตระกูลเก๋อพร้อมกับท่าน!” [1: ยามอู่ คือ ช่วง 11.00 - 13.00 น.] เมื่อหมอเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจว่า วัยรุ่นเช่นหลิงอวี๋นี้สามารถรักษาโรคของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้หรือไม่ แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ลองดูสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย“แม่นาง เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ามิอาจรักษาได้ ต่อให้ข้าต้องทุ่มทั้งชีวิต ข้าก็จ
หมอเถาถอนหายใจออกมา แล้วโบกมือ “มิต้องพูดแล้ว ไปเถิด ๆ! หากข้าผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ในภายหน้าโรงฮุ่ยเฉ่าก็คงจะได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะกลับมาก็ค่อยกลับมากันเถิด!”หลังจากนั้นมินาน ลูกจ้างหนุ่มหลายคนก็เดินหอบห่อผ้าเข้าไปกล่าวลาหมอเถาทีละคนทั้งน้ำตาและเดินออกมาหลิงอวี๋รีบเดินเข้าไป จากนั้นเสี่ยวซิ่งลูกจ้างหนุ่มที่ยังมิไปก็เห็นนางเข้าจึงเอ่ย “ฮูหยิน ร้านเราปิดแล้ว หากท่านอยากจะตรวจรักษาก็ไปที่ร้านอื่นเถิด!”“ข้าต้องการยา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่เสี่ยวซิ่งกำลังจะพูดออกมา หมอเถาก็เอ่ย “เจ้าดูว่านางต้องการเครื่องยาสมุนไพรอันใด แล้วมอบให้นางไปเสียเถิด โรงฮุ่ยเฉ่าปิดแล้ว นางเป็นลูกค้ารายสุดท้าย ก็ถือได้ว่านางมีโชคชะตากับข้า!”เสี่ยวซิ่งจึงยื่นมือออกไป “ใบเทียบยาเล่า?”“ข้าไม่มีใบเทียบยา ข้าจะบอกให้เอง เจ้าแค่ใส่มาตามปริมาณที่ข้าบอกก็พอ!”หลิงอวี๋รีบบอกเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการออกไป แล้วเสี่ยวซิ่งก็วางห่อผ้าลง จากนั้นก็ไปเปิดกล่องและตู้เพื่อช่วยหยิบยาให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นว่าเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นเหลืออยู่มิมาก และบางอันก็ถูกห่อเอาไว้แล้
“น้องหญิง มีคนกำลังมา!”หลิงอวี๋รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ป้าวซวนก็มิได้หลับเช่นกันจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “พี่หญิงเจียง จะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาตามหาเราหรือไม่?”สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดคือการตกไปอยู่ในมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“น่าจะมิใช่!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงเบาอย่างปลอบใจ จากนั้นนางก็ย่องไปที่ข้างหน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์มองไป ก็เห็นร่างหนึ่งเดินโซเซเข้ามาในลานคนผู้นี้ดูเหมือนจะใช้แรงจนหมด จึงล้มลงกับพื้นอย่างเสียงดังโครม“พี่หญิงเจียง นั่นคือใครกัน?”ป้าวซวนก็ขยับเข้ามาข้าง ๆ หลิงอวี๋เช่นกัน แล้วนางก็มองออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็น“อย่าพูด...”หลิงอวี๋เงียบลง จากนั้นทั้งสองคนก็โน้มตัวมองไปตรงหน้าต่างอย่างเงียบ ๆแล้วก็เห็นเพียงว่าคนที่อยู่ตรงพื้นนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆหลิงอวี๋รออยู่อีกสักพักก็มิเห็นใครตามมา นางจึงพาป้าวซวนเดินออกมา“น้องหญิง เจ้าออกไปดูนอกวัดว่ามีคนอื่นหรือไม่ ส่วนข้าจะตรวจคนผู้นี้เสียหน่อย!”หลิงอวี๋สั่งออกไปแม้ว่าป้าวซวนจะกลัว แต่นางก็ยังคงฟังคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วเดินย่องออกไปหลิงอวี๋วิ่งเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ตรงพื้น จากนั้นก็อาศัยแสงจั
หม่าเปียวตอบตกลงทันที กระทั่งกินบะหมี่เสร็จแล้วเขาก็พาคนของตนกับกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางไปหลิงอวี๋กับป้าวซวนเห็นว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาผู้คุ้มกันทั้งสองออกไปตามหาพวกตนอีกครั้งแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงกินอาหารเช้าจนเสร็จอย่างใจเย็นแล้วเดินออกมา“น้องหญิง เราหาที่พักกันก่อนสักสองวันเถิด เช่นนี้แล้วข้าจะได้จัดเตรียมยาแก้พิษให้เจ้าได้ และอีกอย่างคือข้าจะได้ซ่อนตัวจากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ด้วย!”“หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิพบ นางก็คงจะไปที่เมืองหลวงแดนเทพ แล้วพวกเราค่อยออกเดินทางล่าช้าไปสักสองสามวัน ก็คงจะมิพบนางอีก!”หลิงอวี๋จับเศษเงินใต้แขนเสื้อ ของมีค่าทั้งหมดที่นางพกติดตัวมา ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแย่งชิงไปจนหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงเศษเงินมิกี่ตำลึงเท่านั้น นางยังต้องทำงานหาเงินอีก เมื่อเก็บรวบรวมค่าเดินทางได้แล้ว จึงจะสามารถเดินทางได้ป้าวซวนไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมาเลย และหากทั้งสองจะเดินทาง เมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีทางไปถึงเมืองหลวงแดนเทพได้แน่ตอนนี้ป้าวซวนทำได้เพียงติดตามหลิงอวี๋ไปเท่านั้น หลิงอวี๋ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นทั้งสองแสดงเป็นพี่น้องที่หนีภัยกันมาแล้วไปหาที่พักอาศัยแต่เมืองจงกวนนั้นใหญ่นัก
“เจ้ามิรู้หรือว่าที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?”หลิงอวี๋ยิ้มปลอบใจแล้วเอ่ยออกมา “เรากลับไปที่โรงเตี๊ยม ก็จะดูได้ด้วยว่าเมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิเจอแล้วนางจะทำอย่างไรต่อ! เจ้ามิต้องกังวล มากับข้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”ภายใต้การชักชวนของหลิงอวี๋ ป้าวซวนจึงเดินตามหลิงอวี๋กลับไปอย่างจนใจทั้งสองคนเดินเข้าไปทางประตูหลัก แสร้งทำเป็นจะรีบเดินทางแล้วมากินอาหารเช้า และนั่งลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่เรือนด้านหลังพบแล้วว่าหลิงอวี๋กับป้าวซวนหายไป นางก็โกรธมากจนอยากจะทุบโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทิ้งไปเสียแต่นางยังคงข่มความโกรธไว้ และขอความช่วยเหลือจากสำนักคุ้มภัยและกลุ่มพ่อค้าอย่างน่าสงสาร ให้พวกเขาช่วยตนตามหาจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสร้งทำเป็นจิตใจดีต่อหน้าคนเหล่านี้ นางร้องไห้และบอกว่านางรับใช้ทั้งสองของตนนั้น จะต้องถูกคนร้ายลักพาตัวไปอย่างแน่นอนพวกพ่อค้าและคนจากสำนักคุ้มภัยล้วนได้รับตำรับยาแก้ท้องเสียนั้นไปแล้ว ดังนั้นเพื่อตอบแทนกันและกัน พวกเขาจึงระดมทุกคนให้ช่วยกันตามหา และบางคนก็บอกว่าจะไปรายงานทางการ และขอให้ทางการส่งคนมาช่วยตามหาด้วยหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็