เขาเอื้อมมือไปหยิบกลองเล็ก ๆ จากหน้าอก แล้วพลันตีมันเบา ๆ ทันทีตึ่ง ๆ… เสียงกลองแผ่วและกร่อยจนแทบไม่ได้ยินหากไม่ใส่ใจขณะที่ชิวเฮ่ากำลังตีก็พลันรู้สึกปวดหัวกะทันหัน ทว่าเขามิสนใจและตีมันต่อไป“องครักษ์จ้าว จับเขาไว้!”ตามเสียงคำสั่งของหลิงอวี๋ จ้วนซวนกับลู่หนานกระโจนเข้าไปอย่างเร็วรี่ พลันกดชิวเฮ่าไว้กับพื้นทันที“ท่านอ๋อง กระหม่อมถูกใส่ความพ่ะย่ะค่ะ! ท่านทำเช่นนี้กับกระหม่อมมิได้!”ชิวเฮ่าเอ่ยเรียกร้อนใจ “โปรดทรงฟังวาจาของกระหม่อมเถิด สังหารจ้าวซวน ลู่หนาน… และหลิงอวี๋…”ฝูงชนเริ่มรู้สึกประหลาดใจหลิงอวี๋พุ่งเข้ามาพลางกล่าวว่า “ลู่หนาน ล้วงเอาสิ่งของในอกชิวเฮ่าออกมาเสีย!”ลู่หนานเอื้อมมือไปคว้ามือของชิวเฮ่าออกจากอกอย่างหยาบคาย ครั้นแล้วก็มีกลองจิ๋วอันแปลกประหลาดติดมาด้วยกลองจิ๋วหล่นสู่พื้นกลิ้งหลุน ๆ ไปสองตลบ เมื่อชิวเหวินซวงเห็นจึงโผลงไปคว้าแย่งเก็บกลองจิ๋วต่อหน้าหลิงอวี๋ทันใด“เหวินซวง ตีต่อไป!”ชิวเฮ่าเรียกขึ้นในขณะที่ชิวเหวินซวงใช้นิ้วมือตีกลองจิ๋วเป็นจังหวะแต่ชิวเฮ่ากลับรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนเขาจะฝืนเอ่ยเรียก“เซียวหลินเทียน เจ้าถูกข้าควบคุมไว้ได้แล้ว ร
“ชิวเหวินซวง เจ้าช่างเก่งวาทศิลป์จริง ๆ! ทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้ว เจ้ายังปากแข็งอีก!”เซียวหลินเทียนเดือดดาลพลางตะโกน “ท่านลุงชิวตายได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าข้ามิรู้งั้นรึ?”“เขาตกลงมาขณะซ่อมห้องครัวคือความจริง แต่เจ้ากลัวเขามิตายจึงใช้กำลังภายในหักซี่โครงเขาซ้ำ! ตัวข้าแอบให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพตรวจร่างแล้ว!”“ส่วนพ่อบ้านฟั่น…”หลิงอวี๋กล่าวเสริมว่า “ช่วงสองวันมานี้ข้าก็ได้พบกับแม่ทัพเฉิน และขุดหลุมฝังศพของพ่อบ้านฟั่นแล้ว”“พิษในตัวพ่อบ้านฟั่นกับในตัวองครักษ์สองคนนั้นของเกิ่งเสี่ยวหาวที่จับตาดูหลิงผิงคือชนิดเดียวกัน...เป็นยาพิษฤทธิ์รุนแรงทำให้หยุดหายใจเฉียบพลัน!”“เรายังพบเข็มเงินอาบยาพิษในคอของพ่อบ้านฟั่นด้วย! ครานั้นทุกคนคิดว่าพ่อบ้านฟั่นล้มป่วยกะทันหันจึงสิ้นใจ ทว่าในความจริงเขาถูกพิษตายต่างหาก!”หลิงอวี๋ยิ้มหยันกล่าว “ตาข่ายสวรรค์ห่างแต่ไม่รั่ว(1) ชิวเหวินซวง เจ้าคิดว่าหากเจ้ามิพูด เจ้าก็ปกปิดพวกเราได้ตลอดชีวิตงั้นรึ?”ชิวเหวินซวงสั่นเทิ้มทั้งร่าง โดยไม่รู้เช่นกันว่าจะกลัวหรือโกรธดีนางคิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจะขุดหลักฐานได้มากขนาดนี้ นางคิดว่าตัวเองกระทำอย่างไร้ท
“เหวินซวง…”ชิวเฮ่าหมายยันตัวลุกขึ้นไปตรวจดูนาง แต่ทันทีที่เขาจะขยับจ้าวซวนพลันตัดเส้นเอ็นมือและเท้าของเขาอย่างไวว่องจ้าวซวนกลัวชิวเฮ่าจะปลิดชีพตนเองเหมือนชิวเหวินซวงจึงบีบกรามของเขา และหยิบเม็ดยาพิษออกจากปากเขาเสียชิวเฮ่าจ้องจ้าวซวนเขม็ง แล้วหัวร่อหึ ๆ ขึ้น“แม้พวกเจ้ากระจ่างทุกสิ่งแล้วจะอย่างไรเล่า? เราจะไม่แพ้… เหวินซวงพูดถูก จะมีคนล้างแค้นให้เรา!”“ฮ่า ๆ… เซียวหลินเทียน เจ้าคงอยากรู้นักหนาว่าที่สองขาเจ้าพิการเป็นข้าทำหรือไม่? มิผิด เป็นข้าเอง…”“เจตนาเดิมของข้าคืออยากฆ่าเจ้า ทำให้ฉินตะวันตกของพวกเจ้าสูญเสียแม่ทัพใหญ่ ผู้ใดจักไปรู้ว่าเจ้าจะดวงดีขนาดนี้ เพียงตกขาหักแค่นั้นเอง…”“ตอนข้าพบเจ้า เดิมทีหมายซ้ำเจ้าสักสองสามดาบ แต่เจ้ากลับฟื้นน่ะสิ… พวกจ้าวซวนก็รุดมาถึงซะแล้ว ข้าจึงไร่โอกาสลงมือ!”ชิวเฮ่าหัวเราะบ้าคลั่งพลางเอ่ยว่า “แม้มิได้ฆ่าเจ้า แต่ก็ทำเจ้าพิกลพิการได้ก็นับว่าสำเร็จแล้วเหมือนกัน!”“หากมิใช่เพราะหญิงชั่วจอมยุ่มย่ามนี่ละก็…”ชิวเฮ่ามองทางหลิงอวี๋พลางด่าอย่างโมโห “คราแรกข้าน่าจะฆ่าเจ้าให้ตายไปเสีย!”ชิวเฮ่าระเบิดหัวเราะบ้าคลั่ง “พวกเจ้าจักมิชนะ…ฮ่า ๆ พวกเจ้าน่าจ
นางรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวเสียงเครือว่า “ขอรายงานพระชายาเจ้าค่ะ หลิงหลานมิได้กลับมาสองวันแล้วเจ้าค่ะ! พี่เหวินซวงบอกให้นางไปไถ่ถอนตัวเอง… แต่บ่าวรู้สึกว่ามีบางอย่างวมิชอบมาพากลเจ้าค่ะ!”“อ้อ มิชอบมาพากลเช่นไร?” หลิงอวี๋ถามนางรับใช้คนนั้นก้มศีรษะเอ่ยเสียงแผ่ว “ก่อนที่หลิงหลานออกไปข้างนอกกับบ่าว นางใช้เงินห้าตำลึงซื้อสร้อยข้อมือ หากนางจักไถ่ตัวคงมิทิ้งสร้อยข้อมือมีราคาแบบนี้ไว้หรอกเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยทันควัน “พาข้าไปดูห้องหลิงหลานที!”นางรับใช้คนนั้นรีบพาหลิงอวี๋เข้าประตูไปทันที เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าหลิงหลานมีเสื้อผ้าสภาพดีหลายชิ้น และเป็นของใหม่ร้อยละแปดสิบที่ไม่ได้เอาไปด้วย“ผู้ใดพบหลิงหลานเป็นคนสุดท้าย?”หลิงอวี๋ถามนางรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวเสียงต่ำ “น่าจะเป็นบ่าวเจ้าค่ะ! เมื่อคืนหลิงหลานไปห้องพี่เหวินซวง ต่อมาก็ไม่เห็นกลับมาอีกเลยเจ้าค่ะ!”เมื่อได้ยินวาจานี้ เฉาอี้พร้อมทั้งองครักษ์และหลิงอวี๋พลันรุดไปห้องชิวเหวินซวงทันทีหลังเหล่าองครักษ์ค้นหาไปเที่ยวหนึ่ง ในที่สุดก็พบว่าหลิงหลานถูกมัดห่ออยู่ใต้เตียงของชิวเหวินซวงหลิงหลานสิ้นใจไปแล้ว โดยมีรอยฟกช้ำที่คอหลายจุดที่น่าจะถูกคนบีบ
“หม่อมฉันมิไปเพคะ! ท่านพี่ หม่อมฉันมาดูแลท่านตามคำสั่งของพระสนมหรงจะให้หม่อมฉันไป ท่านต้องคุยกับท่านป้าก่อนค่อยว่ากัน!”เสิ่นจวนโน้มเข้าใกล้กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านพี่ ให้หม่อมฉันช่วยท่านดูแลตำหนักอ๋องอี้เถิด! หม่อมฉันทำได้ดีกว่าชิวเหวินซวงแน่นอนเพคะ!”เซียวหลินเทียนยังไม่ทันเอื้อนเอ่ย ท่านจินต้าพลันยกยิ้มกล่าวคำ “คุณหนูขอรับ ท่านเป็นแขก มันมีหลักการที่ไหนให้แขกมาช่วยดูแลเรือนขอรับ!”“ยิ่งไปกว่านั้นตำหนักของเรายังมีพระชายาอยู่ขอรับ!”เสิ่นจวนโมโหฉับพลัน ตะโกนว่า “ไม่เจียมตัว เจ้ามันตัวอันใด? ข้าคุยกับท่านพี่ มันมีหลักการที่ใดให้ขี้ข้าอย่างเจ้ามาสอดปาก!”“เดิมทีหลิงอวี๋นางมิได้ดูแลตำหนักอ๋องอี้ด้วยซ้ำ ท่านพี่…”“เสิ่นจวน ท่านจินต้ามิใช่ขี้ข้า!”เซียวหลินเทียนคะตอกเคืองขุ่น “ท่านจินต้าพูดถูก ตัวข้ายังมีพระชายาอยู่ มันจะถึงคราวของเจ้าได้เช่นไร!”“หากเจ้ายังเสียมารยาทกับคนของตำหนักอ๋องอี้อีก ตัวข้าจักส่งเจ้ากลับวันนี้ทันที!”“ทหาร! ส่งคุณหนูกลับจวนเสิ่นเสีย!”เมื่อเสิ่นจวนเห็นเซียวหลินเทียนบันดาลโทสะก็รีบส่งยิ้มกล่าวว่า“ท่านพี่เพคะ เป็นเสิ่นเอ๋อร์พูดผิดไป เสิ่นเอ๋อร์รู้ผิดแล้วยังม
ทั้งสองโกรธขึ้งอย่างเงียบงัน ต่างขบคิดว่าควรหาโอกาสร่วมมือกันกำจัดเซียวหลินเทียนก่อนดีหรือไม่อันเจ๋อส่งคนแต่ละตำหนักไปจำแนกร่างศพจารชน แต่จักรพรรดิอู่อันกังวลว่าอันเจ๋อเพิ่งได้เข้าดำรงตำแหน่งอาจถูกขุนนางขั้นสูงของเหล่าองค์ชายละเลยเอาได้ณ ท้องพระโรง องค์จักรพรรดิอู่อันกล่าวโดยตรงว่า“ฉีตะวันออกสอดแทรกจารชนจำนวนมากในเขตฉินตะวันตก แม้ทุกคนมิรู้ ข้าก็มิโทษพวกเจ้า หากแต่ถ้ามิไปจำแนกร่างศพ และข้าตรวจพบก็ต้องได้รับโทษเยี่ยงพวกขายแคว้น!”ด้วยวาจานี้ขององค์จักรพรรดิอู่อัน บรรดาขุนนางที่ไม่อยากข้องเกี่ยวคดีจารชนจึงทำได้เพียงไปจำแนกร่างศพเท่านั้นสิ่งที่ทำองค์จักรพรรดิพะวงก็คือ จารชนพวกนี้ที่ออกตำหนักหลักในแต่ละแห่ง รวมทั้งบนตำหนักองค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยก็ล้วนมีองค์จักรพรรดิอู่อันตะลึงฉับพลันครั้นอ่านใบรายชื่อ โชคดีที่จารชนเหล่านี้ถูกอันเจ๋อกับเซียวหลินเทียนจับกุมได้ทันกาลหากพวกเขาได้อยู่พัฒนาต่อ เช่นนั้นฉินตะวันตกจะยังมีความหวังหรือไม่?เพียงหวั่นหากเกิดสงครามขึ้น เหล่าจารชนทั้งนอกและในจะร่วมมือกันขายฉินตะวันตกให้ฉีตะวันออกน่ะสิ“ตรวจสอบ… คนรับใช้ของตนในทุกตำหนักและจำต้องให้ไวที่สุ
ช่วงนี้หลิงอวี๋วุ่นจนมีเวลาอยู่กับหลิงเยวี่ยน้อยนัก นางอยากใช้โอกาสนี้อยู่กับหลิงเยวี่ยบ้างหลิงเยวี่ยมากับเฮยจื่ออย่างไวว่องวันนี้เฮยจื่อไม่ต้องไปหออักษร เมื่อได้ยินว่าจะออกไปข้างนอกเขาก็ตามหลิงเยวี่ยมาทันทีระยะนี้หลิงอวี๋สังเกตเฮยจื่อพบว่าเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่วางท่าสั่งดังเช่นเมื่อก่อนอีก และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างจริงใจเช่นกันหลิงอวี๋จะไม่จับผิดเด็กและไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา นางพลันพาทั้งคู่ไปข้างนอกด้วยกันกลุ่มแรกไปถึงเรือนหยกอำไพก่อน หลิงอวี๋เห็นอาภรณ์ของเฮยจื่อค่อนข้างเก่า จึงพาเขาไปซื้อตัวใหม่หลายชุดวันนี้เรือนหยกอำไพคนมากหลายนัก หลิงอวี๋ส่งเฮยจื่อกับหลิงเยวี่ยให้ช่างปักไปวัดอาภรณ์ ส่วนตนกับหลิงซวนก็เลือกผ้าให้พวกเขาขณะเลือกอยู่ จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามากอดหลิงอวี๋จากข้างหลังพลางเอ่ยเรียก“เสี่ยวอวี้ ไม่เจอหลายวัน เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่!”หลิงอวี๋รู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ รดลำคอตัวเอง และเสียงพูดก็คือบุรุษ นางจึงพยายามดิ้นให้หลุดตามสัญชาตญาณแต่ชายหนุ่มกลับกอดนางไว้แน่น หลิงอวี๋แทงเข็มบนมือเขาอย่างขึ้งโกรธหลิงซวนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดึงชายหนุ่มออกพลางตะโกนว่า “ไอ้บ้าตัณหา เจ้าจักท
คุณชายหลายคนที่ร่วมฟังในเหตุการณ์ต่างเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง และคุณชายยินผู้มีสติปัญญาไม่อยากวอนหาเรื่อง จึงหาข้ออ้างจากไปก่อนเหล่าคุณชายที่เหลือฟังจ้าวซิงคุยโม้ต่อ แม้จะเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง แต่หากไม่ฟังข่าวอื้อฉาวเช่นนี้ก็น่าเสียดายนักสุดท้าย จ้าวซิงก็ตบหน้าอกด้วยความภาคภูมิใจแล้วพูดว่า “เสี่ยวอวี้ยังส่งอาภรณ์รัดรูปให้ข้าเป็นสิ่งยืนยันด้วย หากพวกเจ้ามิเชื่อ วันหลังข้าจักเอามาให้พวกเจ้าได้เห็น…”“อาภรณ์นั่นหอมนัก…”จ้าวซิงทำเป็นเคลิบเคลิ้ม หลาย ๆ คนเลยเริ่มเชื่อกว่าครึ่งแล้วคุณชายคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “มีอาภรณ์รัดรูปถือเป็นสิ่งปกติยิ่ง! หากเจ้าเก่งจริง วันหลังตอนเจ้าเริงรักกับนางก็ให้เราไปแอบฟังที่มุมกำแพงสิ แล้วเราจะเชื่อวาจาเจ้าว่าคือความจริง!”จ้าวซิงกลอกตาพลางกล่าวเสียงแผ่ว“ได้สิ อีกไม่กี่วันก็ถึงงานบุปผาชีซีเจี๋ย ลือว่าท่านอ๋องอี้ก็ไปด้วย ข้าจักให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาความมีเสน่ห์ของข้า!”จ้าวซิงชะงักไป ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้พวกเจ้าต้องเก็บเป็นความลับ ผู้ใดก็ห้ามแพร่งพราย! จักได้มิเสียเรื่อง!”เหล่าคุณชายตกปากรับคำ พวกเขาจะได้ชมละครเด็ดดวงแบบ