ทั้งสองโกรธขึ้งอย่างเงียบงัน ต่างขบคิดว่าควรหาโอกาสร่วมมือกันกำจัดเซียวหลินเทียนก่อนดีหรือไม่อันเจ๋อส่งคนแต่ละตำหนักไปจำแนกร่างศพจารชน แต่จักรพรรดิอู่อันกังวลว่าอันเจ๋อเพิ่งได้เข้าดำรงตำแหน่งอาจถูกขุนนางขั้นสูงของเหล่าองค์ชายละเลยเอาได้ณ ท้องพระโรง องค์จักรพรรดิอู่อันกล่าวโดยตรงว่า“ฉีตะวันออกสอดแทรกจารชนจำนวนมากในเขตฉินตะวันตก แม้ทุกคนมิรู้ ข้าก็มิโทษพวกเจ้า หากแต่ถ้ามิไปจำแนกร่างศพ และข้าตรวจพบก็ต้องได้รับโทษเยี่ยงพวกขายแคว้น!”ด้วยวาจานี้ขององค์จักรพรรดิอู่อัน บรรดาขุนนางที่ไม่อยากข้องเกี่ยวคดีจารชนจึงทำได้เพียงไปจำแนกร่างศพเท่านั้นสิ่งที่ทำองค์จักรพรรดิพะวงก็คือ จารชนพวกนี้ที่ออกตำหนักหลักในแต่ละแห่ง รวมทั้งบนตำหนักองค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยก็ล้วนมีองค์จักรพรรดิอู่อันตะลึงฉับพลันครั้นอ่านใบรายชื่อ โชคดีที่จารชนเหล่านี้ถูกอันเจ๋อกับเซียวหลินเทียนจับกุมได้ทันกาลหากพวกเขาได้อยู่พัฒนาต่อ เช่นนั้นฉินตะวันตกจะยังมีความหวังหรือไม่?เพียงหวั่นหากเกิดสงครามขึ้น เหล่าจารชนทั้งนอกและในจะร่วมมือกันขายฉินตะวันตกให้ฉีตะวันออกน่ะสิ“ตรวจสอบ… คนรับใช้ของตนในทุกตำหนักและจำต้องให้ไวที่สุ
ช่วงนี้หลิงอวี๋วุ่นจนมีเวลาอยู่กับหลิงเยวี่ยน้อยนัก นางอยากใช้โอกาสนี้อยู่กับหลิงเยวี่ยบ้างหลิงเยวี่ยมากับเฮยจื่ออย่างไวว่องวันนี้เฮยจื่อไม่ต้องไปหออักษร เมื่อได้ยินว่าจะออกไปข้างนอกเขาก็ตามหลิงเยวี่ยมาทันทีระยะนี้หลิงอวี๋สังเกตเฮยจื่อพบว่าเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่วางท่าสั่งดังเช่นเมื่อก่อนอีก และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างจริงใจเช่นกันหลิงอวี๋จะไม่จับผิดเด็กและไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา นางพลันพาทั้งคู่ไปข้างนอกด้วยกันกลุ่มแรกไปถึงเรือนหยกอำไพก่อน หลิงอวี๋เห็นอาภรณ์ของเฮยจื่อค่อนข้างเก่า จึงพาเขาไปซื้อตัวใหม่หลายชุดวันนี้เรือนหยกอำไพคนมากหลายนัก หลิงอวี๋ส่งเฮยจื่อกับหลิงเยวี่ยให้ช่างปักไปวัดอาภรณ์ ส่วนตนกับหลิงซวนก็เลือกผ้าให้พวกเขาขณะเลือกอยู่ จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามากอดหลิงอวี๋จากข้างหลังพลางเอ่ยเรียก“เสี่ยวอวี้ ไม่เจอหลายวัน เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่!”หลิงอวี๋รู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ รดลำคอตัวเอง และเสียงพูดก็คือบุรุษ นางจึงพยายามดิ้นให้หลุดตามสัญชาตญาณแต่ชายหนุ่มกลับกอดนางไว้แน่น หลิงอวี๋แทงเข็มบนมือเขาอย่างขึ้งโกรธหลิงซวนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดึงชายหนุ่มออกพลางตะโกนว่า “ไอ้บ้าตัณหา เจ้าจักท
คุณชายหลายคนที่ร่วมฟังในเหตุการณ์ต่างเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง และคุณชายยินผู้มีสติปัญญาไม่อยากวอนหาเรื่อง จึงหาข้ออ้างจากไปก่อนเหล่าคุณชายที่เหลือฟังจ้าวซิงคุยโม้ต่อ แม้จะเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง แต่หากไม่ฟังข่าวอื้อฉาวเช่นนี้ก็น่าเสียดายนักสุดท้าย จ้าวซิงก็ตบหน้าอกด้วยความภาคภูมิใจแล้วพูดว่า “เสี่ยวอวี้ยังส่งอาภรณ์รัดรูปให้ข้าเป็นสิ่งยืนยันด้วย หากพวกเจ้ามิเชื่อ วันหลังข้าจักเอามาให้พวกเจ้าได้เห็น…”“อาภรณ์นั่นหอมนัก…”จ้าวซิงทำเป็นเคลิบเคลิ้ม หลาย ๆ คนเลยเริ่มเชื่อกว่าครึ่งแล้วคุณชายคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “มีอาภรณ์รัดรูปถือเป็นสิ่งปกติยิ่ง! หากเจ้าเก่งจริง วันหลังตอนเจ้าเริงรักกับนางก็ให้เราไปแอบฟังที่มุมกำแพงสิ แล้วเราจะเชื่อวาจาเจ้าว่าคือความจริง!”จ้าวซิงกลอกตาพลางกล่าวเสียงแผ่ว“ได้สิ อีกไม่กี่วันก็ถึงงานบุปผาชีซีเจี๋ย ลือว่าท่านอ๋องอี้ก็ไปด้วย ข้าจักให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาความมีเสน่ห์ของข้า!”จ้าวซิงชะงักไป ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้พวกเจ้าต้องเก็บเป็นความลับ ผู้ใดก็ห้ามแพร่งพราย! จักได้มิเสียเรื่อง!”เหล่าคุณชายตกปากรับคำ พวกเขาจะได้ชมละครเด็ดดวงแบบ
เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็ตอบทันควัน “นี่มิใช่เรื่องยาก ตราบใดที่ลูกเจ้ามิได้ป่วยเป็นโรคร้ายหมดทางรักษา ข้าก็รับปากเจ้าได้ทั้งนั้น!”“เช่นนั้นขอเชิญพระชายาไปลองตรวจที่เรือนข้าก่อนเถิด หากท่านรักษามิได้ ข้าก็มิอาจตกปากรับคำท่านได้เจ้าค่ะ!”หมิ่นกูพูดตรงไปตรงมาว่า “พระชายาเจ้าคะ มิใช่ว่าข้ามิรู้จักดีชั่ว แต่ข้าต้องดูแลลูกข้า… ท่านก็เป็นแม่คน หวังว่าท่านจักเข้าใจนะเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ผงกศีรษะ นางชอบความตรงไปตรงมาของหมิ่นกูนัก ครั้นแล้วนางก็ให้เถาจื่อส่งพวกหลิงเยวี่ยกลับตำหนักไปก่อน ส่วนตนพาหลิงซวนตามหมิ่นกูไปเรือนของนางระหว่างทางก็พลางพูดคุยกับหมิ่นกูไปด้วย หลิงอวี๋รู้ดีว่าหลังเกิดเพลิงไหม้ย่านการค้า แม้หมิ่นกูจะได้รับเงินช่วยเหลือจากราชสำนัก แต่ก็เพียงพอแค่ชดเชยค่าหนี้สินค้นเท่านั้นหลังจากเหรินจื้อลูกชายของหมิ่นกูถูกไฟคลอก หมิ่นกูก็นำเงินเก็บทั้งหมดมารักษาเหรินจื้อ ทว่ากลับเสียเงินเปล่า แถมยังติดหนี้ต่างถิ่นไปมิน้อย“พระชายาอ๋องอี้ การลงทะเบียนตรวจกับท่านช่างยากนัก ข้าไปหลายครั้งแล้วในที่สุดจึงลงสำเร็จ ทว่าวันนัดดันเป็นครึ่งเดือนให้หลังเจ้าค่ะ!”หมิ่นกูกล่าวทั้งยิ้มขมขื่น “ข้ามิรู้เลยว่
“พระชายาอ๋องอี้ จื้อเอ๋อร์เขายังมีทางรอดหรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อหมิ่นกูพบสีหน้าหลิงอวี๋ไม่สู้ดีนัก พลันถามวุ่นใจทันทีหลิงอวี๋ขบคิดแล้วกล่าวว่า “โรคของเหรินจื้อข้ารักษาได้ มืคร่าถึงชีวิตเขาแน่นอน! เพียงแค่การฟื้นตัวให้เป็นดังเดิม… อาจค่อนข้างยาก! ข้าพยายามได้แค่ทำให้รอยแผลของเขามือัปลักษณ์เกินงามได้เท่านั้น!”เมื่อหมิ่นกูได้ยินว่ามีทางรอดก็พลันคุกเข่ากับพื้นตุ้บ“ได้โปรดพระชายาช่วยจื้อเอ๋อร์ด้วยเจ้าค่ะ! ข้ามิขอสิ่งอื่นใด ขอเพียงรักษาชีวิตเขาได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีเป็นวัวเป็นม้าให้พระชายาไปชั่วชีวิตเลยเจ้าค่ะ!”“หมิ่นกูขอความกรุณาด้วยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พยุงหมิ่นกูลุกขึ้น พลางให้นางเก็บข้าวของพกติดตัวและพาเหรินจื้อตามตนกลับตำหนักหลิงซวนหารถม้ามาเรียบร้อย ทั้งสามแบกเหรินจื้อขึ้นรถม้ากลับตำหนักทันทีเมื่อมาถึงตำหนักอ๋องอี้ หลิงอวี๋ก็ไปอธิบายความคิดของตนกับท่านจินต้าเมื่อท่านจินต้าเห็นท่าทางหมิ่นกูคล่องแคล่วไม่เบาก็คิดเช่นกันว่าตำหนักอ๋องอี้ต้องการสตรีมากฝีมือมาช่วยจัดการเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ เขาจึงจัดเตรียมเรือนให้สองแม่ลูกหมิ่นกูทันใดหลิงอวี๋กับหลิงซวนกำลังช่วยกันทำความสะอาดบาดแผลขอ
เดิมทีท่านจินต้าอยากเลิกพูดโน้มน้าวแล้ว ทว่ากลับนึกบางอย่างได้กะทันหัน พลันกล่าวว่า“ท่านอ๋อง มิลองสืบอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ? ก่อนหน้าจ้าวซวนไปสืบครอบครัวชิวเฮ่าก็มิได้พบปัญหาใดเลย!”“บางทีจ้าวซวนอาจมีส่วนที่สะเพร่าไปพ่ะย่ะค่ะ?”“อีกอย่าง… ก่อนหน้าชิวเหวินซวงอยากออกเรือนกับท่าน ทั้งกระทำเรื่องยุให้รำ ตำให้รั่วหลายสิ่งระหว่างท่านกับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ!”“หวกชิวเหวินซวงข่มขู่หวางซือได้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะหาแม่นมมาใส่ร้ายพระชายาเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าเอ่ยอย่างจริงใจ “ท่านอ๋อง หากพิสูจน์ได้ว่าหลิงเยวี่ยมิใช่ลูกของท่านจริง อย่างมากที่สุดพวกเราก็แค่เหนื่อยเปล่าพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่หากเข้าใจไปผิด ๆ… ท่านอ๋อง ท่านอาจต้องสูญเสียลูกที่รู้ประสีประสาผู้หนึ่งไป และพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเคยสังเกตเจ้าเด็กเยวี่ยเยวี่ยผู้นั้น ช่างรู้ประสากตัญญู และฉลาดยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋อง หากท่านใส่ไคล้เขา ท่านจะเสียใจภายหลังไปชั่วชีวีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเริ่มใจโลเลเนื่องวาจาของท่านจินต้า หรือเขาจะใส่ความหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยจริง ๆ?เซียวหลินเทียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่งพลางกล่าว “ได้
แม้เซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าหลิงอวี๋แปลกไปหน่อย แต่ก็มิได้สนใจลู่หนานช่วยประคองเขาขึ้นรถม้าที่พวกเขานั่งคือรถม้าส่วนตัวของเซียวหลินเทียน ตัวรถกว้างขวางและจัดแต่งอย่างสะดวกสบายหลิงอวี๋ลองมองขาของเซียวหลินเทียนพลางถามเสียงแผ่ว “ท่านมิอยากลุกขึ้นเดินหรือเพคะ?”เซียวหลินเทียนสามารถยืนได้กว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันของเขาเซียวหลินเทียนกล่าวเสียงทุ้ม “มิอยากชั่วคราว! ช่วงนี้องค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยสิ้นอำนาจ จึงเพียงรอข้าทำพลาด!”“หากข้าหายยามนี้ ในสายตาพวกเขาเป็นภัยคุกคามร้ายแรง การแก้แค้นก็ยิ่งทวีความบ้าคลั่ง!”หลิงอวี๋พยักหน้าเหตุการณ์ที่เซียวหลินเทียนถูกลอบสังหารในคราก่อนยังคงค้างคา ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าองค์ชายใหญ่เว่ยคือคนทำ แต่พวกเขาก็ไร้หลักฐานสิ้นวิธีจับองค์ชายเว่ยอยู่ดี!เมื่อมาถึงสวนบึงบุษบง หลิงอวี๋จึงลงรถม้าเดินตามเซียวหลินเทียนเข้าไปองครักษ์ที่สวนบึงบุษบงคือองครักษ์กองทัพหลวงแห่งวังหลวง ผู้ที่ได้รับเชิญล้วนเป็นคุณหนูมั่งคั่งและคุณชายมั่งมีในแวดวงมีชื่อทั้งนั้นหลิงซวนเคยเล่าขั้นตอนงานชมบุปผาแล้วคร่าว ๆ ภายใต้สถานการณ์ปกติในงานเช
หลิงอวี๋ผงะไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงคราที่ไปจวนเสนาบดีในครั้งก่อน ฉากที่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่สวมเสื้อผ้าคนรับใช้กำลังทำความสะอาดผุดขึ้นมาครานั้นนางค่อนข้างสับสน ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ แล้วเหตุใดต้องทำงานเก็บกวาด?ทว่าครานั้นนางถูกหลิงเสียงเซิงเรียกไป จึงไม่ได้สนใจถาม“เกิดอะไรขึ้นกับท่านป้าสะใภ้ใหญ่? ขอโทษด้วย… ก่อนหน้านี้ข้าเลอะเลือน ข้ามิรู้จริง ๆ!”หลิงอวี๋หน้าแดงพลันรีบส่งยิ้มกล่าวคำ“หว่านเอ๋อร์… ข้าก็เสียใจต่อความเลอะเลือนในอดีต แต่ข้าเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าโปรดให้โอกาสข้าชดเชยสักครั้งเถิด!”หลิงหว่านสับสนไปชั่วขณะ โดยคิดว่าหลิงอวี๋คงมิรู้เรื่องอันใดจริง ๆ จึงกล่าวอย่างกลัดกลุ้ม“ท่านพ่อข้าร่วมออกศึกกับทหารเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาถูกซุ่มโจมตี! ขาพิการไปข้างหนึ่ง แต่หนีเอาชีวิตรอดจากความตายมาได้”จู่ ๆ หัวใจของหลิงอวี๋ก็กระตุก เกิดเรื่องใหญ่กับท่านลุงเข้าแล้ว และนางดันไม่รู้อะไรเลยนี่สิ!มิแปลกใจว่าทำไมหลิงหว่านถึงโกรธตน!“ท่านพ่อหนีกลับมาได้ แต่ทหารห้าพันคนที่เขานำทัพ มีเพียงหนึ่งพันกว่าคนกระจายกันหนีกลับมาได้เท่านั้นเอง”“เมื่อฝ่าบาทได้ยินก็ทรงกริ้วยิ่ง พระองค์ประ
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังคิดว่าจะไปทำอาหารเช้า แต่ไป๋อวี้ดันวิ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “แม่นางสิง มิต้องทำอาหารเช้าแล้ว ท่านหญิงบอกว่านางจะส่งอาหารเช้ามาให้!”เป็นดังที่คาด ไป๋อวี้ยังพูดมิทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วไป๋อวี้จึงวิ่งไปเปิดประตู และเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงไปมิเพียงแต่หลงเพ่ยเพ่ยเท่านั้นที่มา เหลยเหวิน จงเจิ้งเฟย อู่เถาและคนอื่น ๆ ล้วนมากันทั้งหมด“ศิษย์พี่หญิง พวกเรามากินอาหารเช้ากับเจ้า กินเสร็จแล้วเราก็ไปสำนักศึกษาชิงหลงด้วยกันเลยเถิด!”พวกเหลยเหวินพากันเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหารเรื่องการประลองพวกนางมิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ พวกนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบอกกับหลิงอวี๋ว่านางมิได้ตัวคนเดียวหลิงอวี๋เผยยิ้มเล็กน้อย นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักนางมิได้ตัวคนเดียว นางยังมีสหาย!“สิงอวี๋ ข้าซื้ออาหารเช้าจากภัตตาคารที่ดังที่สุดในเมืองหลวงแดนเทพมาให้เจ้าทั้งหมดเลย รับน้ำใจไว้เถิด กินให้มาก ๆ นะ!”หลงเพ่ยเพ่ยเองก็จัดเตรียมอาหารเช้าออกมาอย่างกระตือรือร้นไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประลอง แล้วก็แย่งกันส่งชามและตะเกียบให้หลิง
หา!เย่ซื่อฝานตกตะลึง ตกใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าเย่จนพูดมิออกหลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจกลับสงบลงทันทีเจ้าวังเทียนจีก็คืออาจารย์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิงและแม้กระทั่งเฉียวเค่อ จุดประสงค์ในการลงจากภูเขาของพวกเขามิแน่ว่าจะมาเพื่อช่วยไป่หลี่ไห่!พวกเขามาเพื่อหลิงอวี๋ต่างหาก!แต่หลิงอวี๋ก็คือตนเอง!สิ่งนี้ไป ๆ มา ๆ ก็ล้วนมาเพื่อจัดการกับตนกันทั้งนั้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้พวกเขายังมิรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจัดการนั้นคือคนคนเดียวกัน!ส่วนทางท่านผู้เฒ่าเย่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลงอิงและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนของวังเทียนจีมาเพื่อช่วยเหลือไป่หลี่ไห่“ใต้หล้านี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุใดจึงเต็มไปด้วยคนที่ไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้!”ท่านผู้เฒ่าเย่ทั้งกังวลทั้งโกรธ ต่อหน้าหลิงอวี๋มิอาจพูดออกไปได้ ทว่าก็แอบบ่นอยู่ในใจนี่สวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่หรือไร?“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าเชิญคนมาเพื่อดูแลเรื่องความยุติธรรมมิใช่หรือ?”เย่ซื่อฝานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความหวัง“ข้าไปเชิญแล้วแต่เขามิอยู่ ข้าจึงทิ้งข้อความไว้ หากเขาได้รับข้อความ วันพรุ่งเขาก็คงจะมา!
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้ว่าหลิงอวี๋อาจจะเข้าร่วมในเรื่องนี้ เผยอวี้กับฉินซานก็ล้วนมิรู้สึกว่าจะมีอะไรผิดปกติแม้ว่าหลิงอวี๋จะสูญเสียความทรงจำไป แต่นางก็มิได้สูญเสียความมีเหตุผล ความฉลาดและความใจดีไปด้วย ในเมื่อนางสนับสนุนเย่หรง เช่นนั้นพวกเขาก็จะเห็นแก่นางและช่วยเย่หรงเช่นกันเซียวหลินเทียนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เรื่องที่หลิงอวี๋ทำล้วนมีเหตุผลของนาง หากนางเข้าร่วมแผนการแหกคุกของเย่หรง เช่นนั้นเขาก็ต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ปลอดภัย“ให้สือหรงไปทำความเข้าใจการจัดการคุกน้ำที่สระเก้ามังกรมาให้ละเอียด การประลองของหลิงอวี๋กับไป่หลี่ไห่ในวันมะรืนนี้จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน… ข้ารู้สึกว่าหลิงอวี๋จะมิอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพอีกต่อไปแล้ว!”“ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องคิดวิธีช่วยเย่หรงช่วยท่านแม่ของเขาออกมาเป็นแน่ พวกเราจะปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้และฉินซานต่างรู้สึกได้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว การประลองครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่จะตัดสินว่า พวกเขาจะไปหรือจะอยู่ จะรอดหรือจะตายหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็ตกสู่ห้ว
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
วันนี้ทั้งวันที่สำนักศึกษาชิงหลงต่างก็พูดกันว่า สิงอวี๋จากหอปรุงโอสถจะประลองวิชาพิษกับไป่หลี่ไห่สำหรับการประลองนี้ มีข่าวลือต่าง ๆ นานาที่เล่าต่อกันไปทั่วมีข่าวลือบางส่วนบอกว่า สิงอวี๋มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยว่ามีความสามารถในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรที่แข็งแกร่งแล้วไปท้าทายอำนาจของไป่หลี่ไห่เมื่อบัณฑิตจากหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ทั้งสองชั้นเรียนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทันที แล้วก็เริ่มด่าทอกันขึ้นมาในสำนักย่อยบัณฑิตของหอโอสถซ่างกู่ด่าทอไป่หลี่ไห่ว่าไร้ยางอาย เป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กถึงอย่างไรสิงอวี๋ก็เป็นบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้มิถึงเดือน ส่วนไป่หลี่ไห่เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว การที่ปรมาจารย์ท้าประลองกับศิษย์น้อยนั้น ต่อให้ชนะก็ดูมิสง่างามหรอกเหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยก็โกรธมากเช่นกัน ทั้งสองคนรู้เรื่องที่สิงจั๋วพี่ชายของสิงอวี๋ถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้วเหลยเหวินจึงเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัล แล้วนางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ไป่หลี่มิรู้หรือว่าศิษย์ของตนมีนิสัยอย่างไร? หากมิใช่เพราะเหมียวหยางไปทำลายบ้านของศิษย์พี่ห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ