เดิมทีท่านจินต้าอยากเลิกพูดโน้มน้าวแล้ว ทว่ากลับนึกบางอย่างได้กะทันหัน พลันกล่าวว่า“ท่านอ๋อง มิลองสืบอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ? ก่อนหน้าจ้าวซวนไปสืบครอบครัวชิวเฮ่าก็มิได้พบปัญหาใดเลย!”“บางทีจ้าวซวนอาจมีส่วนที่สะเพร่าไปพ่ะย่ะค่ะ?”“อีกอย่าง… ก่อนหน้าชิวเหวินซวงอยากออกเรือนกับท่าน ทั้งกระทำเรื่องยุให้รำ ตำให้รั่วหลายสิ่งระหว่างท่านกับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ!”“หวกชิวเหวินซวงข่มขู่หวางซือได้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะหาแม่นมมาใส่ร้ายพระชายาเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าเอ่ยอย่างจริงใจ “ท่านอ๋อง หากพิสูจน์ได้ว่าหลิงเยวี่ยมิใช่ลูกของท่านจริง อย่างมากที่สุดพวกเราก็แค่เหนื่อยเปล่าพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่หากเข้าใจไปผิด ๆ… ท่านอ๋อง ท่านอาจต้องสูญเสียลูกที่รู้ประสีประสาผู้หนึ่งไป และพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเคยสังเกตเจ้าเด็กเยวี่ยเยวี่ยผู้นั้น ช่างรู้ประสากตัญญู และฉลาดยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋อง หากท่านใส่ไคล้เขา ท่านจะเสียใจภายหลังไปชั่วชีวีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเริ่มใจโลเลเนื่องวาจาของท่านจินต้า หรือเขาจะใส่ความหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยจริง ๆ?เซียวหลินเทียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่งพลางกล่าว “ได้
แม้เซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าหลิงอวี๋แปลกไปหน่อย แต่ก็มิได้สนใจลู่หนานช่วยประคองเขาขึ้นรถม้าที่พวกเขานั่งคือรถม้าส่วนตัวของเซียวหลินเทียน ตัวรถกว้างขวางและจัดแต่งอย่างสะดวกสบายหลิงอวี๋ลองมองขาของเซียวหลินเทียนพลางถามเสียงแผ่ว “ท่านมิอยากลุกขึ้นเดินหรือเพคะ?”เซียวหลินเทียนสามารถยืนได้กว่าครึ่งชั่วยามแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันของเขาเซียวหลินเทียนกล่าวเสียงทุ้ม “มิอยากชั่วคราว! ช่วงนี้องค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยสิ้นอำนาจ จึงเพียงรอข้าทำพลาด!”“หากข้าหายยามนี้ ในสายตาพวกเขาเป็นภัยคุกคามร้ายแรง การแก้แค้นก็ยิ่งทวีความบ้าคลั่ง!”หลิงอวี๋พยักหน้าเหตุการณ์ที่เซียวหลินเทียนถูกลอบสังหารในคราก่อนยังคงค้างคา ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าองค์ชายใหญ่เว่ยคือคนทำ แต่พวกเขาก็ไร้หลักฐานสิ้นวิธีจับองค์ชายเว่ยอยู่ดี!เมื่อมาถึงสวนบึงบุษบง หลิงอวี๋จึงลงรถม้าเดินตามเซียวหลินเทียนเข้าไปองครักษ์ที่สวนบึงบุษบงคือองครักษ์กองทัพหลวงแห่งวังหลวง ผู้ที่ได้รับเชิญล้วนเป็นคุณหนูมั่งคั่งและคุณชายมั่งมีในแวดวงมีชื่อทั้งนั้นหลิงซวนเคยเล่าขั้นตอนงานชมบุปผาแล้วคร่าว ๆ ภายใต้สถานการณ์ปกติในงานเช
หลิงอวี๋ผงะไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงคราที่ไปจวนเสนาบดีในครั้งก่อน ฉากที่ท่านป้าสะใภ้ใหญ่สวมเสื้อผ้าคนรับใช้กำลังทำความสะอาดผุดขึ้นมาครานั้นนางค่อนข้างสับสน ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ แล้วเหตุใดต้องทำงานเก็บกวาด?ทว่าครานั้นนางถูกหลิงเสียงเซิงเรียกไป จึงไม่ได้สนใจถาม“เกิดอะไรขึ้นกับท่านป้าสะใภ้ใหญ่? ขอโทษด้วย… ก่อนหน้านี้ข้าเลอะเลือน ข้ามิรู้จริง ๆ!”หลิงอวี๋หน้าแดงพลันรีบส่งยิ้มกล่าวคำ“หว่านเอ๋อร์… ข้าก็เสียใจต่อความเลอะเลือนในอดีต แต่ข้าเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าโปรดให้โอกาสข้าชดเชยสักครั้งเถิด!”หลิงหว่านสับสนไปชั่วขณะ โดยคิดว่าหลิงอวี๋คงมิรู้เรื่องอันใดจริง ๆ จึงกล่าวอย่างกลัดกลุ้ม“ท่านพ่อข้าร่วมออกศึกกับทหารเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาถูกซุ่มโจมตี! ขาพิการไปข้างหนึ่ง แต่หนีเอาชีวิตรอดจากความตายมาได้”จู่ ๆ หัวใจของหลิงอวี๋ก็กระตุก เกิดเรื่องใหญ่กับท่านลุงเข้าแล้ว และนางดันไม่รู้อะไรเลยนี่สิ!มิแปลกใจว่าทำไมหลิงหว่านถึงโกรธตน!“ท่านพ่อหนีกลับมาได้ แต่ทหารห้าพันคนที่เขานำทัพ มีเพียงหนึ่งพันกว่าคนกระจายกันหนีกลับมาได้เท่านั้นเอง”“เมื่อฝ่าบาทได้ยินก็ทรงกริ้วยิ่ง พระองค์ประ
หลิงหว่านปลอบใจตัวเอง บางทีอาจมิใช่ว่าท่านพี่หลิงหลิงมิอยากจัดการ แต่มิสามารถจัดการได้ต่างหาก!ในฐานะพระชายาอ๋องอี้ หลิงอวี๋มิได้รับการต้อนรับจากผู้ใดในตำหนักอ๋องอี้เลย การใช้ชีวิตของนางมิได้ดีเท่าของตน!กระทั่งเห็นว่าหลิงอวี๋เป็นแม่นางหลิงแพทย์ชั้นเซียน หลิงหว่านก็รู้สึกยินดีกับหลิงอวี๋ท่านพี่มีความสามารถเหล่านี้ ต่อไปชีวิตก็จะดีขึ้น!บัดนี้พอหลิงหว่านเห็นว่าหลิงอวี๋ปกป้องตนเอง ความเกลียดชังที่มีต่อนางก็น้อยลงไปมากหลิงหว่านกระซิบ “ท่านพี่ ท่านปู่บอกกับข้าว่าเขาให้ท่านพี่ตัดสินใจเรื่องงานแต่งงานของข้า!”“ข้ามิได้อยากแต่งงานกับขุนนางชั้นสูงอะไรหรอก ขอเพียงมิรังเกียจครอบครัวข้า และปฏิบัติต่อข้าอย่างดีก็พอแล้ว!”ข้อเรียกร้องต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ?หลิงอวี๋เอ่ยปลอบใจนาง “เจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ การแต่งงานเป็นเรื่องตลอดชีวิต จักทำสิ่งใดตามสบายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร! เจ้ามิต้องกังวล ข้าจักหาตัวเลือกที่ดีให้เจ้าอย่างแน่นอน!”หลิงหว่านยิ้มขมขื่น และไปกระซิบข้างหูของหลิงอวี๋“มีบางเรื่องที่ข้ายังมิได้บอกท่านพี่… หวางซือแม่เลี้ยงของท่านพี่มีหลานชายคนหนึ่งในช่วงนี้เขาไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนแ
“มิใช่...”หลิงอวี๋ไม่อยากให้หลิงหว่านเข้าใจผิด จึงเอ่ย “ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าหมายเปิดร้าน อยากทำให้ใหญ่โต หรือเจ้าแค่ทำไปแบบสบาย ๆ?”หลิงหว่านถูกถามเช่นนี้ก็ก้มหน้าลง พลางเอ่ยอย่างเศร้า ๆ “ท่านพี่ หลังจากที่ท่านพ่อของข้าไปแล้ว บ้านใหญ่ของเราในจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนก็ถูกครอบครัวของสะใภ้สองดูถูกเข้า”“เวลาท่านปู่อยู่บ้าน พวกเขาก็ยังแสร้งทำสุภาพ! แต่พอท่านปู่มิอยู่บ้าน ครอบครัวของพวกเขาก็สั่งเราอย่างกับคนใช้!”“หลิงเยี่ยนยังพูดอีกว่า ครอบครัวของพวกเราเป็นบ้านรอง! บอกว่าพวกเราอยู่กินแบบมิทำอันใด... คำพูดเหล่านั้นช่างน่าเกลียดนัก!”หลิงหว่านนึกถึงพวกสิ่งที่หลิงเยี่ยนพูดแล้วก็รู้สึกเสียใจมากจนอยากจะร้องไห้ออกมา “ข้ามิอยากให้ท่านแม่ได้รับสายตาเย็นชาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นพอเห็นว่าท่านพี่เปิดโรงเหยียนหลิง ก็เกิดความคิดอยากทำการค้าขึ้นมา!”“ข้ามิได้แช่งท่านปู่… แต่ท่านพี่… หากวันใดท่านปู่มิอยู่แล้ว ข้ากับท่านแม่ต้องถูกครอบครัวของลุงรองขับไล่ออกไปเป็นแน่!”“แทนที่เมื่อถึงเวลานั้นต้องเข้าตาจนไร้ทางไป สู้ข้าหาหนทางให้ครอบครัวเราเสียตั้งแต่บัดนี้มิดีกว่าหรือ”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว หลิงหว่านมีค
คนที่ยืนอยู่ข้างองค์หญิงหกคือหวางซือแม่เลี้ยงของหลิงอวี๋ นางพาหลิงเยี่ยนไปคุยกับฮูหยินเหล่านั้นด้วยหลิงอวี๋เหลือบมองหวางซือ นึกถึงสิ่งที่หลิงหว่านบอกเมื่อครู่ด้วยความรู้สึกรังเกียจในใจใบหน้าของหวางซือดูซีดเซียวเล็กน้อย แม้ว่านางจะทาแป้งหนา ๆ แต่ก็มิสามารถซ่อนความซีดเซียวได้ดูเหมือนว่ากู่ซุ่ยจะมีความดีความชอบมาก!หลิงเยี่ยนดูท่าทางมีความสุขดี นางสวมชุดสีชมพู ตรงกระโปรงกับคอเสื้อมีด้ายสีทองประดับอยู่เมื่อเทียบหลิงเยี่ยนกับหลิงหว่านแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าหลิงหว่านดูโทรมมาก“องค์หญิงหก!”หลิงอวี๋เป็นฝ่ายพาหลิงหว่านเข้าไปทักทายหลิงหว่านทำความเคารพอย่างรู้มารยาท นางเป็นลูกสาวของคนที่มีความผิด เทียบมิได้กับหลิงอวี๋เลยองค์หญิงหกแสร้งทำเป็นมองมิเห็นหลิงหว่าน แต่ยิ้มให้หลิงอวี๋อย่างอบอุ่น“พี่สะใภ้สี่ ข้าคิดว่าท่านจักมิมาร่วมงานชมบุปผาเสียแล้ว แต่ท่านก็มา!”“วันนี้ต้องสนุกมากแน่!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อย “องค์หญิงเชิญ หลิงอวี๋จักมิมาได้เยี่ยงไร!”“งานบุปผาขององค์หญิงจัดได้ประสบความสำเร็จอย่างมากทีเดียว หลิงอวี๋ได้เห็นบุปผานานาพันธุ์ องค์หญิงหกคงใช้ความตั้งใจอย่างมากในการเตรียมงานเพ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำเอาฮูหยินจูหน้าซีดเหมือนกับหวางซือไปแล้ว นางจะกล้าบอกว่าตนรู้กฎเกณฑ์ดีกว่าไทเฮาหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่หลิงอวี๋พูดนั้นเป็นความจริง นางคือพระชายาอ๋องอี้ ส่วนตนเป็นเพียงฮูหยินตราตั้งขั้นสี่เท่านั้น เมื่อพบกับหลิงอวี๋จะต้องทำความเคารพตนเสียมารยาทไปก่อน แล้วมีสิทธิ์อะไรไปกล่าวหาหลิงอวี๋?พอเซียวทงเห็นว่าเพื่อนร่วมทีมสองคนที่พูดช่วยเหลือตนเองถูกหลิงอวี๋ทำให้พูดไม่ออก ก็จ้องหลิงอวี๋อย่างมิพอใจ“พี่สะใภ้สี่ อย่ามายกตนข่ม งานเลี้ยงชมบุปผาของข้ามิใช่สถานที่ที่ท่านจักมาแสดงอำนาจ!”หลิงอวี๋ยิ้ม “องค์หญิงหก หลิงอวี๋แค่พูดไปตามเรื่องตามราว… ยกตนข่มที่ใดกันเพคะ?”“อีกทั้งหม่อมฉันเป็นพระเชษฐนี(1)ของท่าน หม่อมฉันอยู่ในตระกูลเซียวแล้ว! องค์หญิงหกกับหม่อมฉันต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน แม้ว่าท่านเห็นแก่เหตุผลมากกว่าคนในครอบครัว แต่จะไปเข้าข้างคนนอกมิได้สิเพคะ!”“หม่อมฉันที่อยู่ในฐานะพระเชษฐนีของท่านจักเสียใจมากเพคะ!”เซียวทงโกรธมากจนริมฝีปากสั่น แต่ก็พูดอะไรโต้แย้งไม่ออกทั้งหวางซือกับฮูหยินจูล้วนไม่มีเหตุผลเลย!หากนางพูดอีก เช่นนั้นคงเป็นการเข้าข้างคนนอกอย่างโจ่งแจ้ง เ
หลิงอวี๋ก้มมองโดยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นจี้หยกรูปหงส์อยู่ในฝ่ามือของตน“ท่านพี่ นี่มิใช่ของข้า… ข้ามิรู้ว่ามันมาได้เยี่ยงไร! ข้าควรทำเยี่ยงไรดี?”หลิงหว่านกังวลมากจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วทันใดนั้น พวกขององค์หญิงหกที่กำลังเดินมาจู่ ๆ ก็หยุดชะงักองค์หญิงหกกรีดร้องออกมา “จี้หยกของข้าเล่า?”หัวใจของหลิงอวี๋จมดิ่งลง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่องค์หญิงหกเท้าพลิก และหลิงหว่านไปพยุงไว้หลิงหว่านเป็นบุตรีของคนที่มีความผิด แต่องค์หญิงหกกลับเชิญนางมา!ยิ่งไปกว่านั้น เท้าขององค์หญิงหกจะพลิกตรงไหนก็ได้แค่กลับมาพลิกตอนที่เดินผ่านหลิงหว่านพอดี นี่มิใช่แผนจัดการหลิงหว่านหรือ?“ใจเย็น ๆ!”หลิงอวี๋ไม่มีเวลาปลอบหลิงหว่าน จึงตบไหล่นางพลางเอ่ยกับเถาจื่อที่ยืนอยู่ไม่ไกล“เถาจื่อ เอาต่างหูของข้ามาใส่ให้ข้าหน่อยสิ!”เถาจื่อตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลางเดินมาอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋ไม่เคยชินกับการใส่ต่างหู ครั้นออกมาวันนี้ก็ถูกแม่นมลี่บังคับให้ใส่ถึงได้เอามาด้วยขณะที่เถาจื่อกำลังใส่ต่างหูให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็ยัดจี้หยกไว้ในมือของนาง พลางกระซิบสั่ง“ทิ้งสิ่งนี้ไว้ระหว่างทางที่พวกท่านอ๋องเดินมา!”