กวนอิ่งซุกเข้าไปในอ้อมแขนขององค์ชายคังแสร้งเอ่ยอ่อนแอ“ในตำหนัก มีองค์ชายปกป้องหม่อมฉันอยู่ ไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายหม่อมฉัน!”“องค์ชายเพคะ เมื่อหม่อมฉันแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายคัง ก็จะต้องใช้ทรัพย์สินของตระกูลกวนมาสนับสนุนองค์ชายสุดกำลังแน่นอนเพคะ!”องค์ชายคังนึกถึงคำพูดของมารดา และเห็นว่ากวนอิ่งรีบร้อนจะเข้าตำหนักจึงเอ่ยเสียงนุ่มนวล“เช่นนั้นคืนนี้ก็ตามข้ากลับตำหนักเถอะ! ข้าทำผิดกับเจ้าไปแล้ว… ก่อนหน้านี้ข้าก็อยากแต่งเจ้าเข้าตำหนักอย่างมีพิธีรีตองอยู่แล้ว!”ทันทีที่กวนอิ่งเห็นว่าบรรลุเป้าหมายก็แนบกายเข้าไปพลางเอ่ย“อิ่งเอ๋อร์เข้าใจเจตนาขององค์ชายเพคะ… เรื่องพิธีการมิสำคัญ ขอเพียงได้อยู่กับองค์ชาย อิ่งเอ๋อร์ก็พอใจแล้วเพคะ!”กวนอิ่งก็อยากจะแต่งงานกับองค์ชายคังอย่างมีพิธีรีตองเช่นกัน แต่ตำแหน่งพระชายารองจะต้องมีพิธีรีตองเพียงใดกันเชียว!นางคิดอย่างร้ายกาจ รอให้นางเข้าตำหนักองค์ชายคังก่อน นางจะหาทางปลิดชีพจ้าวเจินเจิน จากนั้นจะให้กำเนิดบุตรชายให้องค์ชายคัง!ถึงเวลานั้น ตัวนางเองก็จะอาศัยความสำคัญของบุตร ขอให้องค์ชายคังจัดงานแต่งงานอีกครั้งจากนั้นจะมีพิธีแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายคัง
ลู่หนานพาเซียวหลินเทียนกลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างรีบร้อนเขาบังคับรถม้าตรงไปที่เรือนของเซียวหลินเทียน และรีบให้จูเผิงไปตามหาจ้าวซวนอย่างเร่งด่วนลู่หนานกับเฉาอี้เพิ่งจะพาเซียวหลินเทียนเข้ามาในห้องนอน จ้าวซวนก็กระหืดกระหอบเข้ามาลู่หนานเห็นเขาก็เอ่ยอย่างกังวลทันที“พี่จ้าว ท่านอ๋องกระอักเลือด!”“เจ้ารีบไปเชิญพระชายามาเร็วเข้า!”จ้าวซวนเห็นรอยเลือดขนาดใหญ่บนหน้าอกของเซียวหลินเทียน และใบหน้าแดงปานโลหิต จึงพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!เขาโกรธมากจนอยากจะอัดลู่หนานให้เละสักที เรื่องที่เซียวหลินเทียนถูกลอบสังหารครั้งที่แล้วไม่เพียงพอให้ลู่หนานระวังตัวอีกหรือ?กล้าออกไปข้างนอกกับเซียวหลินเทียนเป็นการส่วนตัวโดยไม่รายงาน นี่ลู่หนานคิดจะปลิดชีพท่านอ๋องหรือไร?“ประเดี๋ยวข้าจักชำระความกับเจ้าทีหลัง!”จ้าวซวนทิ้งคำพูดดุร้ายนี้ไว้ แล้วรีบวิ่งไปหาหลิงอวี๋ครั้งที่แล้วหลิงอวี๋ช่วยหลู่ชิ่งไว้ ในช่วงสองวันมานี้ก็มาตรวจและเปลี่ยนยาให้หลู่ชิ่งทุกวัน แต่พวกทหารองครักษ์ใต้บังคับบัญชาของเขาล้วนไม่อยากพบหลิงอวี๋แม้ว่าพวกเขาจะมิกล้าพูดคำพูดแย่ ๆ ต่อหน้าหลิงอวี๋อีก แต่การแสดงออกทางสีหน้าว่าดูถูกนั
หลิงซวนเลิกคิ้ว อยากจะด่าลู่หนานลู่หนานกลัวว่าหลิงอวี๋จะโกรธ จึงรีบเอ่ย“พระชายา พระชายาเข้าไปดูก็จะรู้ หลิงซวนอย่าเข้าไปจะดีกว่า หากนางเห็นเข้าคงมิเป็นการดีขอรับ!”หลิงอวี๋เลิกคิ้ว มองลู่หนานอย่างประหลาดใจ ครั้งนี้นางไม่โกรธเพราะว่าหลิงอวี๋รู้จักลู่หนาน เขาถือว่าชีวิตของเซียวหลินเทียนล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตของเขาเอง!การที่เขาพูดเช่นนี้ มิใช่เป็นการห้ามหลิงซวนมิให้รักษา แต่...เซียวหลินเทียนที่อยู่ในห้องอาจจะมีบาดแผลที่ไม่สะดวกจะให้หลิงซวนเห็นจริง ๆ!“หลิงซวน เจ้ารออยู่ข้างนอก! ข้าเข้าไปดูเอง!”หลิงอวี๋หยิบล่วมยาจากมือของหลิงซวนแล้วเดินเข้าไปเมื่อเดินเข้าไปใกล้เตียง หลิงอวี๋ได้กลิ่นคาวแปลก ๆ แรกเริ่มนางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระทั่งได้ยินเสียงโอดครวญของเซียวหลินเทียน และได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของเซียวหลินเทียน นางก็เข้าใจได้ทันทีใบหน้าของหลิงอวี๋แดงขึ้นทันที บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดลู่หนานถึงไม่ให้หลิงซวนเข้ามาหลิงซวนเป็นสตรี หากให้นางเห็นภาพนี้เข้า ไม่เพียงแต่เซียวหลินเทียนเท่านั้นที่จะกระอักกระอ่วน แต่หลิงซวนก็จะกระอักกระอ่วนไปด้วย!หลิงอวี๋รีบหยิบยาแก้พิษออกมาแล้วโน้มต
อาการบาดเจ็บภายในเช่นนี้ก็ดูไม่เหมือนถูกทุบตีเลย!หรือว่าจะทำร้ายตัวเอง? หรือมีอุบัติเหตุอื่น?หลิงอวี๋คิดไม่ออกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจึงลุกขึ้นยืนพวกเขาจะเป็นเช่นไรก็มิได้เกี่ยวอะไรกับนาง นางมารักษาเซียวหลินเทียนก็เพราะเห็นแก่จ้าวซวน!เซียวหลินเทียนพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุใดนางต้องกังวลแทนเขาด้วยว่าผู้ใดเป็นคนวางแผนจัดการเขา?หลิงอวี๋เบ้ปากอย่างยินดี หึ สมน้ำหน้า!เซียวหลินเทียนควรจะได้ดื่มด่ำรสชาติของการถูกคนที่ไว้ใจมากที่สุดวางแผนร้ายใส่เสียบ้าง!เพื่อเลี่ยงให้บุรุษผู้นี้คิดว่าใต้หล้านี้มีเพียงแค่จ้าวเจินเจินที่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุด!ในใจเขา หลิงอวี๋เป็นสตรีเลวทรามตลอดไป!หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว จึงหยิบล่วมยาของตนขึ้นมาแล้วเดินออกไป“พระชายา… ท่านอ๋องเป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ?”จ้าวซวนก้าวไปหาอย่างร้อนใจยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดอะไร ดวงตาที่เฉียบคมของหลิงซวนก็เห็นอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของหลิงอวี๋ จึงกรีดร้องด้วยความโกรธขึ้นมา“อาจารย์ อ๋องบัดซบนั่นตีท่านหรือ? บัดซบ… ท่านมาช่วยเขา เขาก็ยังกล้าตีท่านอีก! ข้าจะจัดการให้ท่านเอง…”หลิงซวนพุ่งเข้าไปข้า
“ท่านอ๋อง กระหม่อมตรวจสอบแล้ว กวนอิ่งอาศัยอยู่ในเรือนที่เป็นสินสอดของจ้าวเจินเจินพ่ะย่ะค่ะ นางยังมีความขัดแย้งกับจ้าวเจินเจิน และยังเฆี่ยนตีคนในเรือนกับนางรับใช้ของจ้าวเจินเจินด้วย!”จ้าวซวนเอ่ยอย่างใจเย็น “การต่อสู้ระหว่างสตรีนั้นมิเหมือนกับดาบจริงระหว่างบุรุษพ่ะย่ะค่ะ...”“บางที พระชายาคังอาจกังวลว่าหากกวนอิ่งแต่งงานเข้ามาในตำหนักองค์ชายคังแล้วจะแย่งความเป็นที่โปรดปรานกับตน กลัวว่าจักควบคุมนางมิได้จึงวางแผนใส่ร้ายกวนอิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้นเหตุใดจึงเป็นข้าเล่า? หากจ้าวเจินเจินอยากใส่ร้ายกวนอิ่งก็แค่หาบุรุษใดก็ได้ให้นางก็ได้นี่!”เซียวหลินเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสตรีที่เขาเคยรักมากจะผลักเขาไปหาสตรีอื่น!จ้าวซวนมองเซียวหลินเทียน พลางเอ่ยเบา ๆ “ท่านอ๋อง ลู่หนานบอกเรื่องที่หอริมธาราวันนั้นกับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว...”“กระหม่อมได้แต่เดาว่าพระชายาคังกลัวว่าท่านอ๋องกับพระชายาอ๋องอี้จักเปิดโปงในสิ่งที่นางทำ ดังนั้นจึงรีบร้อนตีตัวออกหากจากท่านอ๋อง!”“ท่านอ๋องปราดเปรื่องและเป็นเทพสงคราม แต่มิได้มีประสบการณ์ในเรื่องระหว่างบุรุษสตรีนัก ท่านอ๋องมิเข้าใจหัวใจของสตรีนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได
พอจ้าวซวนพูดมาเช่นนั้นสีหน้าของเซียวหลินเทียนก็มืดมนความอับอายที่หลิงอวี๋นำมาให้ตนจะทิ้งมันลงเช่นนี้ได้หรือ?แต่จ้าวซวนพูดถูก ไม่ว่าเมื่อก่อนหลิงอวี๋จะทำผิดต่อตนเช่นไร นางก็ช่วยตนไว้สองครั้ง เช่นนั้นความแค้นทั้งหมดควรลบมันไปได้แล้ว!“ท่านอ๋อง… ท่านอ๋องกังวลว่าหากทำดีกับพระชายาแล้วนางจักได้คืบเอาศอกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “กระหม่อมรู้สึกว่า ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องมีความกังวลเช่นนี้เลย!”เซียวหลินเทียนมองเขาอย่างสงสัยจ้าวซวนเอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋องโดนวางยาประเภทนั้น… เมื่อครู่ครั้นพระชายามา ท่านอ๋องก็กัดนางจนเจ็บตัว!”“หากพระชายายังมีความคิดเกินเลยกับท่านอ๋องอยู่ เช่นนั้นคงมิขัดขืนแล้วปล่อยเลยตามเลยไป… ก็จบแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่พระชายามิได้ทำเยี่ยงนั้น! กลับให้ยาแก้พิษแก่ท่านอ๋องแทน!”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันทีเขา… เขากัดหลิงอวี๋หรือ?“ท่านอ๋องพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมไปจัดการเรื่องต่าง ๆ เอง!”จ้าวซวนกลัวว่าเซียวหลินเทียนจะอาย จึงถอยออกไปอย่างรู้งานเซียวหลินเทียนรู้สึกอายมากจริง ๆ ทั้งยังโกรธอยู่เล็ก ๆ ด้วยหลิงอวี๋เห็นด้านที่น่าเกลียดของเขาจริง
วันนี้หลิงอวี๋ไปเปลี่ยนยาให้หลู่ชิ่งอีกครั้งจ้าวซวนมองอยู่ด้านข้าง พอเห็นหลิงอวี๋ตรวจเสร็จ เขาก็เอ่ยถามก่อนดื่ม“พระชายา นี่ก็หลายวันแล้ว! เหตุใดหลู่ชิ่งยังพูดมิได้อีกขอรับ?”หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน อาการบาดเจ็บของหลู่ชิ่งฟื้นตัวได้ดี ครั้นเมื่อตนตรวจเขาดวงตาของเขายังมองตามมือของตนได้นี่เป็นการพิสูจน์ว่าสติปัญญาของหลู่ชิ่งมิได้รับผลกระทบใด ๆนางกำลังจะพูด แต่สายตาเหลือบไปเห็นชิวเฮ่าเดินอยู่ข้างนอกหลิงอวี๋ใจเต้น ส่ายหัวพลางเอ่ย “ข้ามิพบปัญหาใด ๆ ! มิรู้ว่าสิ่งใดส่งผลกระทบต่อเขา!”จ้าวซวนมองหลู่ชิ่ง ถอนหายใจพลางเอ่ย “หากเขามิหายดี ข้าก็ทำได้เพียงให้คนไปส่งเขากลับบ้านเกิดเท่านั้น!”“เขายังเยาว์นัก ครั้นมาพึ่งพิงข้ายังมีสุขภาพแข็งแรง... บัดนี้กลายเป็นเช่นนี้... ข้าไม่มีหน้าไปพบพ่อแม่ของเขาแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มมิเอ่ยสิ่งใด พลางก้มหน้าเก็บล่วมยาทันใดนั้น นางก็เห็นหลู่ชิ่งกะพริบตาให้ตนอย่างสิ้นหวังหลิงอวี๋มองอีกครั้ง หลู่ชิ่งก็ดูท่าทางบื้อ ๆ ไปอีกครั้งหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้น ก็เห็นชิวเฮ่าเดินเข้ามา“พระชายาอ๋องอี้ หลู่ชิ่งมิสามารถฟื้นตัวได้แล้วจริงหรือขอรับ?”ชิวเฮ่าเอ
จ้าวซวนส่ายหัว “มิใช่เพราะเจ้าหรอก! พระชายามิสามารถช่วยหลู่ชิ่งได้จริง ๆ … เมื่อครู่นางบอกข้าว่านางพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว!”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “ชิวเฮ่า ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าดูแลหลู่ชิ่งในช่วงนี้! ช่วยข้าดูแลต่ออีกสักสองสามวัน รอบาดแผลเขาหายดี แล้วข้าจักส่งเขากลับบ้านเกิด!”“หืม… เหตุใดกะทันหันเช่นนี้เล่า?”ชิวเฮ่าขมวดคิ้ว หลิงอวี๋พูดอะไรกับจ้าวซวน?หรือว่าพวกเขาสงสัยตน?แต่เขาหยั่งเชิงไปหลายครั้งแล้ว ท่าทีของเซียวหลินเทียนที่มีต่อเขาไม่มีอะไรแปลกเลย!จ้าวซวนหยิบผ้าจากมือของชิวเฮ่าแล้วเช็ดร่างกายของหลู่ชิ่ง พลางเอ่ย“ไม่กะทันหันหรอก… ข้ามีแผนเช่นนี้มานานแล้ว! ยามนี้หลู่ชิ่งเป็นเช่นนี้… ต่อไปเขาก็มิสามารถรับใช้ท่านอ๋องได้แล้ว!”“หากเขาอยู่ในตำหนักอ๋องอี้ พวกเราก็ต้องดูแลเขา! เช่นนี้ทุกครั้งที่เห็นเขาคงทำให้ทุกคนอึดอัด!”“ส่งกลับไปบ้านเกิด… ภรรยาข้ากับพ่อแม่ของเขาก็สามารถดูแลเขาได้!”จ้าวซวนพูดไปก็หลั่งน้ำตาอย่างเศร้าหมอง“ข้ามิรู้จักอธิบายให้พ่อแม่ของเขาฟังเยี่ยงไร! แต่ข้าให้หลู่ชิ่งอยู่แบบนี้ตลอดไปมิได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาทุกคนก็จะรู้...”ชิวเฮ่ากลอกตาพลางเอ่ย “เช่นนั้นให้ข้าช
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
วันนี้ทั้งวันที่สำนักศึกษาชิงหลงต่างก็พูดกันว่า สิงอวี๋จากหอปรุงโอสถจะประลองวิชาพิษกับไป่หลี่ไห่สำหรับการประลองนี้ มีข่าวลือต่าง ๆ นานาที่เล่าต่อกันไปทั่วมีข่าวลือบางส่วนบอกว่า สิงอวี๋มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยว่ามีความสามารถในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรที่แข็งแกร่งแล้วไปท้าทายอำนาจของไป่หลี่ไห่เมื่อบัณฑิตจากหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ทั้งสองชั้นเรียนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทันที แล้วก็เริ่มด่าทอกันขึ้นมาในสำนักย่อยบัณฑิตของหอโอสถซ่างกู่ด่าทอไป่หลี่ไห่ว่าไร้ยางอาย เป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กถึงอย่างไรสิงอวี๋ก็เป็นบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้มิถึงเดือน ส่วนไป่หลี่ไห่เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว การที่ปรมาจารย์ท้าประลองกับศิษย์น้อยนั้น ต่อให้ชนะก็ดูมิสง่างามหรอกเหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยก็โกรธมากเช่นกัน ทั้งสองคนรู้เรื่องที่สิงจั๋วพี่ชายของสิงอวี๋ถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้วเหลยเหวินจึงเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัล แล้วนางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ไป่หลี่มิรู้หรือว่าศิษย์ของตนมีนิสัยอย่างไร? หากมิใช่เพราะเหมียวหยางไปทำลายบ้านของศิษย์พี่ห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก