ครั้นถึงหน้าตำหนักองค์ชายเว่ย จ้าวซวนส่งไพ่(1)ให้คนเฝ้าประตู เอ่ยเสียงทุ้ม“รบกวนทูลช่วยเราหน่อยว่า พระชายาอ๋องอี้แห่งตำหนักอ๋องอี้ขอเข้าเฝ้าองค์ชายเว่ย!”คนเฝ้าประตูมองไพ่กล่าวเย็นชาว่า “องค์ชายของเราเสด็จไปออกแต่เช้า! ยังมิเสด็จกลับตำหนักเลย!”จ้าวซวนส่งยิ้มกล่าว “องค์ชายเว่ยไปที่ใดแล้วเล่า?”คนเฝ้าประตูพูดเหลืออดว่า “ผู้น้อยเป็นแค่คนเฝ้าประตู องค์ชายไปที่ใด ผู้น้อยจะหารู้ไม่?”“พวกเจ้าหมายขอเข้าเฝ้าองค์ชายก็อยู่คอยเถิด!”จ้าวซวนทำได้แค่กลับมาแจ้งหลิงอวี๋ หลังหลิงอวี๋ฟังก็ยิ้มหยัน“จ้าวซวน เจ้าส่งคนไปสืบถามว่าองค์ชายเว่ยออกไปจริงแน่หรือไม่ และไปที่ใด!”จ้าวซวนเข้าใจความคิดของหลิงอวี๋ทันที เขาผงกศีรษะพลางรีบพาคนไปสืบถามข่าวในไม่ช้า จ้าวซวนก็พาคนกลับมาส่ายหน้าต่อหลิงอวี๋กล่าวว่า“พระชายา เราถามคนละแวกนี้แล้วขอรับ วันนี้ไม่มีใครเห็นองค์ชายเว่ยออกจากตำหนัก!”“แม้แต่โรงน้ำชา โรงเหล้าที่พระองค์ทรงไปบ่อยก็ไม่เห็นเหมือนกันขอรับ!”ลู่หนานอดพูดมิได้ “องค์ชายเว่ยอยู่ตำหนักเป็นแน่ นี่คงเจตนากลั่นแกล้งพวกเรา!”หลิงอวี๋ไม่พูดจา แม้รู้ชัดว่าองค์ชายเว่ยอยู่ตำหนักและเขาหมายกลั่นแกล้ง หร
ชิวเหวินซวงหน้าแดงจรดใบหูต่อวาจาหลิงซวนพลางมองถลึงหลิงซวนเดือลดาล เพิ่งคิดด่ากลับก็พลันถูกลู่หนานดึกไปเสียแล้ว“หลิงซวน เหวินซวงเป็นห่วงท่านอ๋องเหมือนกัน!”ปัญหาสถานะที่ฟังหลิงซวนเอ่ยถึง ลู่หนานกลัวชิวเหวินซวงเสียหายจึงพูดไกล่เกลี่ยมั่ว ๆ“พวกเราทะเลาะกัน! ถ้าคนข้างนอกได้ยินเข้าแล้วมองตำหนักอ๋องอี้ขบขันจะทำยังไง?”หลิงซวนกลอกตาใส่ลู่หนานวันนี้ลู่นานทำอะไรล้วนไม่เข้าตา นางเห็นลู่หนานดึงชิวเหวินซวงไปข้างหลังยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตานักคนอย่างชิวเหวินซวงยังจำต้องปกป้องงั้นรึ?หลิงซวนกลับไปข้างกายหลิงอวี๋ฮึดฮัด โดยอดเสียงพึมพำมิได้“กิริยาดั่งปีศาจจิ้งจอกดูแล้วทำคนสะเอียนนัก! มิรู้จริง ๆ ไฉนยังมีบางคนตาบอดช่วยเข้าข้างนาง!”หลิงอวี๋เคยประสบพฤติกรรมตีสองหน้าของชิวเหวินซวงแล้วจึงมิแปลกใจเลยนางปลอบหลิงซวนสองประโยคแล้วขบคิดแผนรับมือต่อเมื่อรออีกครึ่งชั่วยาม ดวงอาทิตย์สาดส่องจนหลิงอวี๋พร่าเลือน ทว่าตำหนักองค์ชายเว่ยยังเงียบกริบ หรือว่าแผนตนจะไม่ได้ผล?ชิวเหวินซวงอดกล่าวเยาะเย้ยมิได้ “พระชายาอ๋องอี้ ดูเหมือนการยั่วยุนี้ของท่านจะไม่เป็นผล!”เสียงพูดยังไม่ทันสิ้น คนเฝ้าประตูที่ตำหนักองค
หานหลินมองท่าทางขมขื่นพูดไม่ออกของพวกเขาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องพลางยิ้มเหยียดตำหนักอ๋องอี้คิดยืมคำติฉินภายนอกบีบคั้นองค์ชายของพวกเขายอมจำนน?หากหานหลินพังแผนจิ๊บจ๊อยนี้มิได้ นั่นคงมิคู่ควรเป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งขององค์ชายเว่ยแล้วกระมัง!หานหลินสะบัดพัดคลี่บนมือเบา ๆ คิดหาเก้าอี้มางีบหลับเป็นเพื่อนองค์ชายเว่ย จากนั้นก็เพลิดเพลินกับท่าทีลำบากลำบนของคนเหล่านี้เสีย!“คุณชายท่านนี้ควรเรียกว่ากระไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามกะทันหัน“ข้าแซ่หาน!”หานหลินชายมองหลิงอวี๋พลางพูดเหลืออด “อย่าคุย! รบกวนองค์ชายของเรา เขาบรรทมมิพอจะกริ้วเอาได้ขอรับ!”หลิงอวี๋ลากเสียงยาว “อ้อ… เสด็จพี่ใหญ่ทรงเพลียมากนัก!”“อา เสด็จพ่อนี่จริง ๆ เลย หากิจราชการมากหลายปานนี้ให้เสด็จพี่ใหญ่จัดการได้เช่นไรกัน!”“กลับไปข้าต้องพูดคุยกับเสด็จพ่อให้กระจ่าง ขออย่าให้เสด็จพี่ใหญ่ทรงงานมากเพียงนี้ มิฉะนั้นสุขภาพเสด็จพี่ใหญ่ทรุดโทรมได้!”เมื่อจ้าวซวนได้ยินก็แอบหัวเราะในใจ นับถือความปราดเปรื่องมุกนี้ของหลิงอวี๋นักหานหลินโกรธจนหน้ากระตุกรีบฉุดชายเสื้อองค์ชายเว่ยแน่น ส่งสัญญาณให้เขาเลิกแกล้งหลับชัดเจนว่ามุกนี้ใช้มิได้ผล!หากหล
องค์ชายเว่ยสั่นขาพลางมองรองเท้าหุ้มข้อตนมีจุดสกปรกก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ทันใด“เป็นพวกเจ้าพูดเองหนา! ว่าทำอะไรย่อมได้! อย่าว่าตัวข้ากลั่นแกล้งพวกเจ้าแล้วกัน!”“เห็นหรือไม่ว่ารองเท้าตัวข้าสกปรก! มาช่วยข้าทำความสะอาดซิ!”เพื่อแสดงจิตใจซื่อสัตย์ ชิวเหวินซวงก้าวไปข้างหน้าทันทีแม้ลู่หนานจะรู้สึกว่ามิเหมาะก็ไม่ได้รั้งนางไว้หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ ถึงชิวเหวินซวงต้องขายหน้าก็มิคิดยั้งนางไว้เหมือนกันลู่หนานกับจ้าวซวนมองเรื่องที่ไร้ศักดิ์ศรีประเภทนี้ว่าทำไปแล้วจะได้อะไร!เมื่อองค์ชายเว่ยเห็นคนที่เดินมาแต่งตัวเป็นนางรับใช้ก็ยิ้มเยาะกล่าวว่า“ผู้ใดว่าให้เจ้ามา เจ้านับเป็นสิ่งของกระไร? ไสหัวไป…”“พระชายาอ๋องอี้ มิใช่เจ้าอ้อนวอนตัวข้ารึ? เจ้ามา!”“คุกเข่าช่วยตัวข้าถอดรองเท้าทำความสะอาดซะ แล้วข้าจะให้เจ้ายืมใช้มุกตะขาบฟ้า!”เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออก หลิงอวี๋โกรธเกรี้ยวฉับพลันแค่จัดการสิ่งสกปรกบนรองเท้าก็รู้สึกอัปยศเกินพอแล้ว!องค์ชายเว่ยยังกล้าเพิ่มเงื่อนไขคุกเข่าด้วย นางไม่เห็นพ้องต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้อันขาด!“พวกเรากลับ!”หลิงอวี๋ตะโกนดุเดือดหันหน้าหมายไปชิวเหวินซวงกลับพูดประโยคหนึ่งอย่างใสซื่อ
จ้าวซวนตกใจกับคำพูดหลิงอวี๋ครู่หนึ่งแล้วถามฉงน“พระชายา ท่านรู้ว่าองค์ชายเว่ยไม่มีมุกตะขาบฟ้าได้เช่นไร?”หลิงอวี๋หัวเราะเย็นชา มองเย้ยองค์ชายเว่ยที่ท่าทีแข็งค้างในพริบตา“ข้อแรก พี่ใหญ่จ้าว เจ้ามิรู้สึกว่าบังเอิญเกินไปรึ? พวกเราเพิ่งตามหามุกตะขาบฟ้าแล้วก็มีคนพูดทันทีว่าองค์ชายเว่ยมี!”“นี่มิใช่องค์ชายเว่ยวางอุบายล่อพวกเราเข้าเรือนหรือไร?”“เขาหมายให้เรายอมทำทุกอย่างเพื่อขอมุกตะขาบฟ้าจึงวางหลุมพรางนี้!”หลิงอวี๋ปรายจ้องหานหลินเหี้ยม สมองหมู ๆ ขององค์ชายเว่ยคงคิดแผนแยบยลแบบนี้มิได้ เป็นหานหลินคิดแผนนี้แน่ ๆ!นางจะจำบัญชีนี้ไว้!หานหลินผู้นี้ทำนางเลือดขึ้นหน้าได้จริง!นางจะให้เขาต้องชดใช้แน่!หลิงอวี๋จ้องหานหลินจนรู้สึกขนลุกขนชัน สายตาสตรีผู้นี้ดุดันเกินไป รัศมีข่มขวัญทำคนกดดันล้นหลาม!“ข้อสอง นั่นคือหลักฐานที่หักล้างมิได้…”หลิงอวี๋หัวร่อเยาะเอ่ยว่า “จักเป็นนักต้มตุ๋นก็เป็นให้มืออาชีพหน่อย! แม้แต่มุกตะขาบฟ้าคืออันใดก็มิเข้าใจ จักกล้าว่าตนมี!”หลิงอวี๋มองจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ ที่ยังสีหน้าสับสนจึงกล่าวอย่างอดทน“ข้าบอกขอยืมใช้มุกตะขาบฟ้าถอนพิษให้ท่านอ๋องแล้วส่งคืนองค์ชายเว่ย!”
“เรื่องวันนี้จะปล่อยไปอย่างนี้มิได้!”พอกลับถึงตำหนักอ๋องอี้ จ้าวซวนก็เอ่ยฉุนเฉียว“องค์ชายเว่ยส่งมือสังหารลอบสังหารท่านอ๋อง และตอนนี้วางอุบายล่อเราให้ไปขายขี้หน้าอีก!”“เราต้องเข้าวังกราบทูลองค์จักรพรรดิให้ฝ่าบาทค้ำจุนแทนท่านอ๋อง!”หลิงอวี๋ขบคิดแก้แค้นสักพัก รู้สึกว่าการเข้าวังไม่มีอะไรน่าสนใจทุกสิ่งเกิดขึ้นที่ตำหนักองค์ชายเว่ย ไร้พยานคนนอกอยู่ในเหตุการณ์ องค์ชายเว่ยจึงเถียงข้าง ๆ คู ๆ ได้เต็มที่นางเอาเวลาที่เปิดศึกน้ำลายไปค้นคว้ายาพิษของเซียวหลิวจะดีกว่ายิ่งกว่านั้น นางส่งคนไปทูลในวังแล้ว ไทเฮากับจักรพรรดิต่างรู้เรื่องที่เซียวหลินเทียนถูกพิษ!หากพวกเขาช่วยได้ก็จะช่วยเป็นธรรมดา!แต่พวกเขาช่วยไม่ได้ นั่นก็ต้องพึ่งตัวเอง!“พี่ใหญ่ปี้กลับมาหรือยัง?”หลิงอวี๋ถามหลิงซินหลิงซินส่ายหน้า “ยังเจ้าค่ะ! ส่วนแม่นมลี่ผ่านมาเที่ยวหนึ่งกล่าวว่ามีเรื่องต้องคุยกับคุณหนู ให้คุณหนูกลับเรือนบุหงาสักเที่ยวเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋สับสนเล็กน้อย แม่นมลี่มาหาตนทำไม?นางสั่งหลิงซวนป้อนน้ำเซียวหลินเทียนแล้วไปเรือนบุหงาทันทีเมื่อเข้าเรือนก็เห็นแม่นมลี่กำลังกวาดถูลาน หลิงอวี๋เอ่ยถาม “แม่นม หลิงซินว่
เมื่อหานหลินเห็นพวกหลิงอวี๋ไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทะแม่ง เขาจึงอดพูดมิได้“องค์ชาย เรื่องวันนี้แพร่ออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ว่าเราใช้ข่าวเท็จล่อพระชายาอ๋องอี้มาขายหน้า!”“หากพระชายาอ๋องอี้กลืนความอัปยศนี้มิได้ รุดไปทูลสถานการณ์ต่อหน้าไทเฮากับองค์จักรพรรดิจักไม่เอื้อผลต่อท่านนักหนาพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเว่ยหัวเราะเยาะ “ตัวข้าจักต้องกลัวสตรีแค่คนเดียวรึ? หากนางไปฟ้อง ข้าก็มีวิธีจัดการนาง!”หานหลินยังคงหวั่นวิตก ทันใดนั้นความคิดเฉียบแหลมจึงบังเกิดพลันกล่าวว่า“องค์ชาย มิเช่นนั้นท่านเข้าวังประเดี๋ยวนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“เราทำพระชายาอ๋องอี้อัปยศมิได้ แต่อาจคุมตาเดินเบี้ยนางได้พ่ะย่ะค่ะ!”หานหลินกระซิบกระซาบใกล้ ๆ ข้างหูองค์ชายเว่ยพักหนึ่งองค์ชายเว่ยฟังแล้วตาเป็นประกาย พลันยิ้มเอ่ยว่า “ท่านหาน มุกนี้ของเจ้าปราดเปรื่องยิ่งนัก! ได้ ตัวข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้แล!”องค์ชายเว่ยให้คนเตรียมรถม้า อารามไปพระราชวังจักรพรรดิกับฮองเฮากำลังพูดคุยเป็นเพื่อนไทเฮาในตำหนักไทเฮา เมื่อได้ยินว่าองค์ชายเว่ยมาไทเฮาก็นึกถึงเรื่องที่แม่นมเว่ยพูดกับตน“ให้เขาเข้ามาเถอะ!”องค์ชายเว่ยรีบเดินเข้ามาและน้อมคารวะไทเฮา
จักรพรรดิอู่อันเห็นองค์ชายเว่ยกังวลจนน้ำตาแทบตกจึงรู้ว่า องค์ชายเว่ยสิ้นหวังจากการถูกใส่ไคล้เป็นใครโดนบีบส่งของที่ตัวเองไม่มีแบบนี้มิร้อนใจสิแปลก!จักรพรรดิอู่อันพลันเอ่ยกริ้ว“พระชายาช่างไม่รู้จักฟังเหตุผลเสียเลย! แม้จะเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์ชายสี่ก็มิควรฝืนใจคน!”“ได้ เรื่องนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจักส่งคนไปช่วยเจ้าพูดให้กระจ่าง!”ไทเฮามองดวงตาแดงก่ำเนื่องร้อนใจขององค์ชายเว่ย ทั้งเห็นจักรพรรดิทรงกริ้ว หวั่นฝ่าบาทพาลใส่หลิงอวี๋จึงกล่าวปลอบ“เยี่ยนเอ๋อร์อย่ากังวล หากไม่มีมุกตะขาบฟ้าเราค่อยหาทางอื่นช่วยน้องเจ้าแล้วกัน!”“ฝ่าบาท พระชายาอ๋องอี้คงเป็นห่วงความปลอดภัยของอ๋องอี้เหมือนกัน จึงใจร้อนไป พวกเจ้าอย่าดุด่านางแรงเถิด!”“ไทเฮา เสด็จพ่อ กระหม่อมมิคิดหยุมหยิมกับสตรี! แม้พระชายาอ๋องอี้จักสับสน แต่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสี่ถึงหลงกลคนอื่นพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมแค่แค้นคนที่ปล่อยข่าวโคมลอยพวกนั้นมีเจตนาที่ยากจักหยั่งรู้! เสี้ยมความสัมพันธ์ของกระหม่อมกับตำหนักอ๋องอี้พ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเว่ยพูดด้วยสัจธรรม “เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ เรื่องก่อนหน้าที่กระหม่อมแย่งฟื้นฟูย่านการค้ากับน้องสี่ เพ
กระทั่งมาถึงที่เมือง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็หาโรงเตี๊ยมและเปิดห้องพักหนึ่งห้องส่วนป้าวซวนก็ช่วยประคองหลิงอวี๋เข้าไปในห้องนั้นภายในห้องมีเตียงเพียงเตียงเดียว ดังนั้นจึงมิสามารถนอนสองคนได้แน่ป้าวซวนจนใจ จึงขอผ้านวมเก่าที่ปูเตียงมาจากเสี่ยวเอ้อร์แล้วนำมาปูไว้ที่มุมห้องให้หลิงอวี๋นอนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยออกไปถามข้อมูลจากเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วให้ป้าวซวนเฝ้าหลิงอวี๋เอาไว้ และเพื่อให้ป้าวซวนเชื่อฟังมิหนีไปไหน จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงหยิบเม็ดยาพิษออกมา จากนั้นก็ยัดเข้าไปในปากของป้าวซวน“ยาแก้พิษนี้จะต้องกินทุก ๆ สิบวัน หากเจ้ากล้าหนีไป เจ้าก็รอพิษกำเริบจนตายไปได้เลย!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยขู่ป้าวซวน ก่อนจะเดินออกไปอารมณ์ของป้าวซวนตกต่ำลงไปทันที เดิมทีนางคิดว่าจะโน้มน้าวหลิงอวี๋ให้หนีไปกับตน แต่ตอนนี้ตนถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวางยาพิษเสียแล้ว หากนางหนีไป นางก็จะต้องตาย“ป้าวซวน เจ้าอยากหนีหรือไม่?”หลิงอวี๋ถือโอกาสที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิอยู่ แล้วรีบพูดคุยกับป้าวซวนอย่างรวดเร็ว“ข้าอยาก แต่เจ้ามิเห็นหรือเมื่อครู่? นางป้อนยาพิษให้ข้าไปแล้ว!”ป้าวซวนเอ่ยขึ้นมาด้วยความสิ้นหวัง “สตรีผู้นั้นโหดร้ายถึงเพียงนั้น ทั้งยังวางแผน
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเกลียดหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน หากมิใช่เพราะสองสามีภรรยานี้ข่มตน พลังของนางจะสูญหายไปได้อย่างไร และจะต้องตกต่ำถึงขั้นต้องสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร!ในเวลานี้หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไปแล้ว หากนางมิใช้โอกาสนี้สร้างความขัดแย้งระหว่างพวกเขา และทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไป ความทุกข์ทรมานของนางจะมิเสียเปล่าหรือ?“อวี้หนู หากในภายภาคหน้าเจ้ามีโอกาสได้พบกับเซียวหลินเทียน เจ้าต้องระวังตัวไว้!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพยายามใส่ร้ายเซียวหลินเทียนอย่างเต็มที่ “เจ้าสังหารสตรีที่เขารักที่สุดไป เขาเคยสาบานเอาไว้ว่า หากจับตัวเจ้าได้ เขาจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”“จริงสิ เขายังเคยเฆี่ยนตีเจ้า และปล่อยให้คนรับใช้ของเขาเหยียดหยามเจ้าอีกด้วย! หากเจ้าจำอดีตได้ ก็น่าจะรู้ว่าเจ้ายังมีลูกชายอีกหนึ่งคน ซึ่งก็ถูกเขาสังหารไปแล้วเช่นกัน!”ถึงอย่างไรหลิงอวี๋ก็ลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงนำเรื่องราวของหลิงอวี๋ที่ตนเคยสืบมาหลอกลวงหลิงอวี๋เสียในขณะที่นางกำลังสาธยายอยู่นั้น ในหัวของหลิงอวี๋ก็มีภาพบางส่วนปรากฏขึ้นมาจริง ๆนางถูกคนรับใช้หลายคนลากตัวออกไป และบุรุษผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้หลิงอวี๋พักผ่อนเพียงคืนเดียวเท่านั้น วันรุ่งขึ้นนางก็อ้างว่าจะไปตามหาคนในครอบครัว แล้วจ่ายเงินสิบตำลึงให้ลูกชายของป้าซุนไปส่งพวกนางที่ตัวเมือง หลังจากป้าซุนได้รับเงินมาแล้ว ก็มอบอาภรณ์เก่าของลูกสะใภ้ตนให้กับหลิงอวี๋อย่างใจดีหลิงอวี๋ประคองร่างกายที่เพิ่งแท้งแล้วไปเปลี่ยนกระโปรงที่เปื้อนเลือดของตน จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้าหลิงอวี๋รู้สึกอ่อนเพลีย จึงนอนบนรถม้าและผล็อยหลับไปส่วนป้าวซวนหวาดกลัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จึงมิกล้าพูดอะไรเช่นกันภายในรถม้าจึงมีแต่ความเงียบการเดินทางสามสิบลี้บนรถม้าที่โยกไปมานั้นช่างยาวนาน จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้ง่วงนอน จึงมองหลิงอวี๋ที่นอนหลับอยู่บนแผ่นไม้ของรถม้า นางผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าสกปรก ทั้งยังสวมชุดผ้าหยาบที่เต็มไปด้วยรอยปะทั้งตัวอีกฮองเฮาผู้สูงส่งในอดีต ตอนนี้ต่างอะไรกับสตรีชนบทกันเล่า?ความรู้สึกภาคภูมิใจพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทันที นางเหยียบไปบนหน้าอกของหลิงอวี๋ ทั้งยังบดขยี้ลงไปอย่างร้ายกาจ พลางเอ่ยออกไปอย่างเยาะเย้ย“อวี้หนู เจ้าดูเถิดว่าข้าดีกับเจ้าแค่ไหน เจ้าตั้งครรภ์ลูกนอกสมรสข้าก็มิรังเกียจเจ้า ทั้งยังพาเจ้า
กระทั่งหลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็รู้สึกว่าที่ท้องน้อยของตนยังปวดอยู่เล็กน้อยคราวนี้นางมิเห็นดวงอาทิตย์แล้ว เหนือหัวของนางเป็นหลังคาสีเทา ๆ และมีเนื้อแห้งห้อยอยู่บนคานนี่คือที่ใดกัน?ลูกของนางยังอยู่หรือไม่?ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะยื่นมือออกไปแตะที่ท้องน้อยของตน นางก็ได้ยินเสียงพูดคุยมาแว่ว ๆ“ท่านป้า พวกเรานายบ่าวถูกคนเลวทำร้ายมาจึงมาลำบากอยู่ที่นี่ ขอบคุณท่านป้ามาก ๆ ที่รับพวกเรา! เมื่อพวกเราตามหาครอบครัวเจอแล้ว เราจะตอบแทนท่านอย่างดีแน่นอน!”เสียงของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยตามมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างมีอายุเอ่ยขึ้นมา “คุณหนูจ้าวเกรงใจกันเกินไปแล้ว พวกเจ้าพักอยู่ที่นี่ให้สบายใจเถิด หากต้องการสิ่งใดก็บอกมา ข้าจะให้ลูกชายข้าไปซื้อมาให้พวกเจ้าเอง!”“ท่านป้า ท่านเตรียมอาหารให้พวกเราก็พอแล้ว! จริงสิ ท่านป้า ข้าขอถามท่านสักหน่อยเถิด ที่นี่คือที่ไหนหรือ? อยู่ห่างจากเมืองหลวงแดนเทพเท่าไร?”หลิงอวี๋รีบเงี่ยหูฟังทันที นางจะต้องหนีไปจากเงื้อมมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้จงได้ หากรู้ทิศทางแล้วก็จะหลบหนีได้ง่าย“หมู่บ้านของเราชื่อหมู่บ้านหนิงหย่วน อยู่ห่างจากตัวเมืองสามสิบกว่าลี้ ที่เจ้าถามว่าอยู่ห่
“หรุ่ยหรุ่ย เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”ป้าวซวนตั้งสติได้ก็พุ่งเข้าไป คิดว่าจะดึงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไว้แต่คาดมิถึงว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะใช้หลังมือตบป้าวซวนอย่างแรงจนทำให้ป้าวซวนล้มลงไป“ป้าวซวน เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นคุณหนูสามของตระกูลป้าวอยู่รึ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยปล่อยหลิงอวี๋ที่กำลังขดตัวด้วยความเจ็บปวดไว้ชั่วคราว แล้วพุ่งเข้าไปเหยียบที่ข้อมือของป้าวซวน จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปมองนางพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ“เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด? ที่นี่แดนเทพ!”“ที่นี่อยู่ห่างจากตระกูลป้าวของเจ้ามิรู้กี่พันลี้! ข้าจะบอกเจ้าให้ นับแต่นี้ไป เจ้ามิใช่คุณหนูตระกูลป้าวอีกต่อไปแล้ว เจ้าคือนางรับใช้ของข้า จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!”“ข้าบอกให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องทำ มิเช่นนั้นข้าจะเฉือนหน้าเจ้าเช่นเดียวกับที่ข้าทำกับนาง!”หลิงอวี๋เจ็บปวดจนแทบจะสลบแล้ว และเลือดของนางก็เปื้อนอยู่เต็มกระโปรงไปหมดเมื่อนางได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยในขณะที่นางกำลังอยู่ในอาการมึนงงนั้น นางจึงได้รู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนที่กรีดหน้าตน มิใช่พวกค้ามนุษย์ที่ทำจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหลอกตนมาตลอด!“เจ้าพูดเรื่องเพ้อฝันอยู่รึ? ข้ามิใช่นางรับใช้ของเจ้านะ!”ป้
ตอนที่หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมา ตรงหน้านางก็ยังเป็นแสงหลากสีนั้นอยู่ กระทั่งแสงจางลง นางจึงได้เห็นดวงอาทิตย์สีทองห้อยอยู่เหนือหัวของนางช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่นางอยู่คฤหาสน์ตระกูลป้าวเป็นเวลากลางคืน แล้วเหตุใดเพียงชั่วพริบตาจึงมีดวงอาทิตย์ขึ้นมาได้เล่า?ขณะที่หลิงอวี๋กำลังรู้สึกสับสน นางก็รู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณท้องน้อยขึ้นมา ตามมาด้วยความร้อนที่ไหลออกมาจากระหว่างขาของนางหลิงอวี๋ลูบตรงท้องน้อยโดยมิรู้ตัว แล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมากลูกของนาง?ความร้อนนี้ต้องเป็นเลือดแน่ ๆ!เด็กอาจจะมิอยู่แล้ว!หลิงอวี๋หันไปด้วยความตื่นตระหนก แล้วนางก็เห็นว่าตนอยู่ในทุ่งนา และห่างออกไปมิไกลก็มีเด็กสาวคนหนึ่งนอนอยู่ด้วย“ฮ่า ๆ ข้ากลับมาที่แดนเทพแล้ว! ครั้งนี้ข้าทำสำเร็จแล้ว!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยลุกขึ้นมาเห็นดวงอาทิตย์ จากนั้นก็เห็นทุ่งนาที่อยู่ข้าง ๆ นางจึงลุกขึ้นมาและตะโกนด้วยความตื่นเต้นหลิงอวี๋หันไปมองแล้วก็เห็นว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่อีกด้านหนึ่งของตนเมื่อหลิงอวี๋เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ความโกรธก็พลุ่งพล่านออกมาจากดวงตาในทันที ตอนนี้นางมิเชื่อแล้วว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคือคุณหนูของตนผนึกที่อยู่บนร่างกายจ
กระทั่งเถาจื่อและหานอวี้ช่วยประคองเก๋อเฟิ่งฉิงออกไปแล้ว เซียวหลินเทียนจึงได้เอ่ยถามด้วยเสียงทุ้ม “เผยอวี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”“ฮองเฮามิได้อยู่ที่ภูเขาหิมะแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระนางอยู่ในเมืองเล็ก แต่ว่า ตอนนี้พระนางถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาตัวไปอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้รีบเล่าให้ฟังว่าตนพบหลิงอวี๋ได้อย่างไร และเรื่องที่หลิงอวี๋หายตัวไปอีกครั้งได้อย่างไร“แม่นมอูเล่า เหตุใดนางจึงมิได้อยู่กับพวกเจ้า?”เผยอวี้ยังคงหวังว่าแม่นมอูจะช่วยพวกเขาตามหาหลิงอวี๋ให้เจอ แต่ผลก็คือมิพบแม่นมอู“แม่นมอูขาดการติดต่อกับเราไปแล้ว!”ผู้ที่ตอบคือขันทีโม่นับตั้งแต่ที่ขันทีโม่รู้ว่า คนของตระกูลจงเจิ้งก็อยู่บนภูเขาหิมะเช่นกัน เขาก็สงสัยว่าคนที่ลบรหัสลับที่แม่นมอูทิ้งไว้ให้ตนจะมิใช่คนจากวังเทพ และมิใช่คนจากตระกูลเฉียว หรือตระกูลเก๋อ แต่เป็นคนจากตระกูลจงเจิ้งต่างหากเขาสงสัยกระทั่งว่า แม่นมอูตกไปอยู่ในมือของคนตระกูลจงเจิ้งแล้วเซียวหลินเทียนมองไปทางภูเขาหิมะที่อยู่ไกล ๆ แล้วรู้สึกเศร้าและสับสนก่อนหน้านี้ยังคิดว่าหลิงอวี๋อยู่ที่วังเทพ ขอเพียงตนสามารถไปถึงวังเทพได้ ก็จะได้พบกับหลิงอวี๋แต่บัดนี้ เผยอวี้กลับบอก
“พี่สี่ เมื่ออยู่ที่ภูเขาหิมะแห่งนี้ ตระกูลจงเจิ้งเป็นภัยคุกคามยิ่งกว่าตระกูลเก๋อและตระกูลเฉียวเสียอีก!”เก๋อเฟิ่งฉิงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของพวกเขามีความทะเยอทะยานยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาว่า พวกเขาคิดจะช่วยฝูไห่ออกมาแล้วให้มาต่อสู้กับตระกูลหลง!”“เพียงแต่ตระกูลหวงฝู่นั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีโอกาส! แต่ตอนนี้พวกเขามาปรากฏตัวที่วังเทพอีกครั้งแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็น่าจะมีการเตรียมพร้อมมา เราจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขามิได้เด็ดขาด!”มิต้องให้เก๋อเฟิ่งฉิงเอ่ยเตือน เซียวหลินเทียนก็รู้ว่าตระกูลจงเจิ้งมีเจตนาร้ายต่อหลิงอวี๋อย่างเต็มเปี่ยมเขาอุ้มจิ่วเทียนขึ้นมาแล้วเอ่ยออกไป “ในเมื่อพวกเขามาแล้ว พวกเราก็ต้องรีบหาทางออก และออกไปโดยเร็วที่สุด!”สิ่งที่โชคดีก็คือ คราวนี้พวกเขาเพิ่งจะเดินมาเพียงครึ่งวัน และในตอนใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ไกล ๆ “เดินเร็ว ๆ เข้า ดูเหมือนว่าข้าจะเห็นช่องว่างแล้ว เราน่าจะถึงก้นหุบเขากันแล้ว!”ฉินซานนี่!เซียวหลินเทียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะนั่นหมายความว่าพวกนั้นลงมาจากด้านบน และก็จะสามารถพาพวกเขาออกไ
เนื่องจากความรู้สึกขอบคุณนี้ เซียวหลินเทียนจึงตัดสินใจที่จะละทิ้งอคติที่มีต่อเก๋อเฟิ่งฉิงไป และอยู่ร่วมกับเก๋อเฟิ่งฉิงอย่างเป็นมิตรในที่สุดวันนี้พวกเขาทั้งสามก็ออกมาได้แล้ว มองเห็นดวงอาทิตย์แล้ว ซึ่งนี่ก็หมายความว่า อีกมินานพวกเขาก็จะสามารถออกไปจากหุบเขานี้ได้เซียวหลินเทียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ผิวปาก หากว่าเหยี่ยวดำจิ่วเทียนอยู่แถวนี้ มันจะต้องรีบมาหาตนอย่างแน่นอนแต่หลังจากที่ผิวปากอยู่นาน ก็ยังมิเห็นจิ่วเทียนบินมาเสียที“บางทีจิ่วเทียนอาจจะมิได้อยู่แถวนี้ก็ได้!”ขันทีโม่เอ่ยปลอบใจเขา “เราสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ เราก็สามารถหาทางออกไปได้ มิต้องร้อนใจไปหรอก!”ครั้งนี้เซียวหลินเทียนได้รับกระบี่คุนอู๋มาอย่างมิคาดฝัน เขาจึงรู้สึกพอใจมากและมิได้รู้สึกท้อแท้อะไรเขากับขันทีโม่ผลัดกันประคองเก๋อเฟิ่งฉิงเดินหน้าต่อไปหลังจากเดินไปได้สักพัก จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็ได้ยินเสียงร้องของนกเหยี่ยว เขาดีใจขึ้นมาทันที หรือว่าจิ่วเทียนจะมาหาแล้วเขาจึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่กลับมิเห็นร่างของจิ่วเทียน“ท่านพี่สี่ เสียงนั้นดังมาจากด้านหน้านี่!”เก๋อเฟิ่งฉิงเอ่ยเตือนเซียวหลิ