ปี้ไห่เฟิงยิ้มขมขื่นกล่าวว่า “ข้าเคยมีเหล่าพี่น้องที่สืบถามข่าวได้เก่งนัก… เพียงแต่ข้าขัดสน มิมีเงินให้สินบนพวกเขา…”“พี่ใหญ่ปี้ รอข้าประเดี๋ยว!”หลิงอวี๋เข้าห้องเร็วทันควันพลางหยิบตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงออกจากมิตินางหยิบมายัดให้ปี้ไห่เฟิงหมดเกลี้ยง “พี่ใหญ่ปี้ งั้นขอรบกวนเจ้าแล้ว! ช่วยข้าสืบถามข่าวให้เร็วที่สุดเถิด!”เมื่อปี้ไห่เฟิงดูเงินมากมายที่หลิงอวี๋ให้ตนก็รีบยัดกลับคืนครึ่งหนึ่ง“พระชายา มิใช้มากปานนี้ ครึ่งเดียวก็พอแล้วขอรับ!”หลิงอวี๋ยังยัดตั๋วเงินให้เขา “พี่ใหญ่ปี้รับเถิด ออกทำธุระข้างนอกไม่มีเงินจักมิสะดวก! ยังไงก็ควรให้สินบนเจ้าไปสืบถามข้าขอแค่ผลลัพธ์!”ปี้ไห่เฟิงชายมองหลิงอวี๋ลึกซึ้ง นำตั๋วเงินซ่อนในอกเสื้อแล้วจากไปเมื่อหลิงซวนเห็นฉากนี้ก็กระซิบว่า “พระชายา ท่านเชื่อใจคนง่ายเพียงนี้ได้เช่นไรเจ้าคะ!”“นั่นเป็นเงินก้อนใหญ่นัก! ท่านมิกลัวเขาเอาเงินแล้วชิ่งไปหรือ?”หลิงอวี๋ตอบหนักแน่น “พี่ใหญ่ปี้มิใช่คนแบบนั้น! จะใช้คนอย่าระแวงถ้าระแวงก็อย่าใช้ ข้าเชื่อใจเขา!”ขณะทั้งคู่กำลังคุยกัน จ้าวซวนกับลู่หนานก็วิ่งเข้ามา“พระชายา ได้ข่าวมุกตะขาบฟ้าแล้วขอรับ… มีคนบอกที่อยู่มั
ครั้นถึงหน้าตำหนักองค์ชายเว่ย จ้าวซวนส่งไพ่(1)ให้คนเฝ้าประตู เอ่ยเสียงทุ้ม“รบกวนทูลช่วยเราหน่อยว่า พระชายาอ๋องอี้แห่งตำหนักอ๋องอี้ขอเข้าเฝ้าองค์ชายเว่ย!”คนเฝ้าประตูมองไพ่กล่าวเย็นชาว่า “องค์ชายของเราเสด็จไปออกแต่เช้า! ยังมิเสด็จกลับตำหนักเลย!”จ้าวซวนส่งยิ้มกล่าว “องค์ชายเว่ยไปที่ใดแล้วเล่า?”คนเฝ้าประตูพูดเหลืออดว่า “ผู้น้อยเป็นแค่คนเฝ้าประตู องค์ชายไปที่ใด ผู้น้อยจะหารู้ไม่?”“พวกเจ้าหมายขอเข้าเฝ้าองค์ชายก็อยู่คอยเถิด!”จ้าวซวนทำได้แค่กลับมาแจ้งหลิงอวี๋ หลังหลิงอวี๋ฟังก็ยิ้มหยัน“จ้าวซวน เจ้าส่งคนไปสืบถามว่าองค์ชายเว่ยออกไปจริงแน่หรือไม่ และไปที่ใด!”จ้าวซวนเข้าใจความคิดของหลิงอวี๋ทันที เขาผงกศีรษะพลางรีบพาคนไปสืบถามข่าวในไม่ช้า จ้าวซวนก็พาคนกลับมาส่ายหน้าต่อหลิงอวี๋กล่าวว่า“พระชายา เราถามคนละแวกนี้แล้วขอรับ วันนี้ไม่มีใครเห็นองค์ชายเว่ยออกจากตำหนัก!”“แม้แต่โรงน้ำชา โรงเหล้าที่พระองค์ทรงไปบ่อยก็ไม่เห็นเหมือนกันขอรับ!”ลู่หนานอดพูดมิได้ “องค์ชายเว่ยอยู่ตำหนักเป็นแน่ นี่คงเจตนากลั่นแกล้งพวกเรา!”หลิงอวี๋ไม่พูดจา แม้รู้ชัดว่าองค์ชายเว่ยอยู่ตำหนักและเขาหมายกลั่นแกล้ง หร
ชิวเหวินซวงหน้าแดงจรดใบหูต่อวาจาหลิงซวนพลางมองถลึงหลิงซวนเดือลดาล เพิ่งคิดด่ากลับก็พลันถูกลู่หนานดึกไปเสียแล้ว“หลิงซวน เหวินซวงเป็นห่วงท่านอ๋องเหมือนกัน!”ปัญหาสถานะที่ฟังหลิงซวนเอ่ยถึง ลู่หนานกลัวชิวเหวินซวงเสียหายจึงพูดไกล่เกลี่ยมั่ว ๆ“พวกเราทะเลาะกัน! ถ้าคนข้างนอกได้ยินเข้าแล้วมองตำหนักอ๋องอี้ขบขันจะทำยังไง?”หลิงซวนกลอกตาใส่ลู่หนานวันนี้ลู่นานทำอะไรล้วนไม่เข้าตา นางเห็นลู่หนานดึงชิวเหวินซวงไปข้างหลังยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตานักคนอย่างชิวเหวินซวงยังจำต้องปกป้องงั้นรึ?หลิงซวนกลับไปข้างกายหลิงอวี๋ฮึดฮัด โดยอดเสียงพึมพำมิได้“กิริยาดั่งปีศาจจิ้งจอกดูแล้วทำคนสะเอียนนัก! มิรู้จริง ๆ ไฉนยังมีบางคนตาบอดช่วยเข้าข้างนาง!”หลิงอวี๋เคยประสบพฤติกรรมตีสองหน้าของชิวเหวินซวงแล้วจึงมิแปลกใจเลยนางปลอบหลิงซวนสองประโยคแล้วขบคิดแผนรับมือต่อเมื่อรออีกครึ่งชั่วยาม ดวงอาทิตย์สาดส่องจนหลิงอวี๋พร่าเลือน ทว่าตำหนักองค์ชายเว่ยยังเงียบกริบ หรือว่าแผนตนจะไม่ได้ผล?ชิวเหวินซวงอดกล่าวเยาะเย้ยมิได้ “พระชายาอ๋องอี้ ดูเหมือนการยั่วยุนี้ของท่านจะไม่เป็นผล!”เสียงพูดยังไม่ทันสิ้น คนเฝ้าประตูที่ตำหนักองค
หานหลินมองท่าทางขมขื่นพูดไม่ออกของพวกเขาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องพลางยิ้มเหยียดตำหนักอ๋องอี้คิดยืมคำติฉินภายนอกบีบคั้นองค์ชายของพวกเขายอมจำนน?หากหานหลินพังแผนจิ๊บจ๊อยนี้มิได้ นั่นคงมิคู่ควรเป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งขององค์ชายเว่ยแล้วกระมัง!หานหลินสะบัดพัดคลี่บนมือเบา ๆ คิดหาเก้าอี้มางีบหลับเป็นเพื่อนองค์ชายเว่ย จากนั้นก็เพลิดเพลินกับท่าทีลำบากลำบนของคนเหล่านี้เสีย!“คุณชายท่านนี้ควรเรียกว่ากระไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามกะทันหัน“ข้าแซ่หาน!”หานหลินชายมองหลิงอวี๋พลางพูดเหลืออด “อย่าคุย! รบกวนองค์ชายของเรา เขาบรรทมมิพอจะกริ้วเอาได้ขอรับ!”หลิงอวี๋ลากเสียงยาว “อ้อ… เสด็จพี่ใหญ่ทรงเพลียมากนัก!”“อา เสด็จพ่อนี่จริง ๆ เลย หากิจราชการมากหลายปานนี้ให้เสด็จพี่ใหญ่จัดการได้เช่นไรกัน!”“กลับไปข้าต้องพูดคุยกับเสด็จพ่อให้กระจ่าง ขออย่าให้เสด็จพี่ใหญ่ทรงงานมากเพียงนี้ มิฉะนั้นสุขภาพเสด็จพี่ใหญ่ทรุดโทรมได้!”เมื่อจ้าวซวนได้ยินก็แอบหัวเราะในใจ นับถือความปราดเปรื่องมุกนี้ของหลิงอวี๋นักหานหลินโกรธจนหน้ากระตุกรีบฉุดชายเสื้อองค์ชายเว่ยแน่น ส่งสัญญาณให้เขาเลิกแกล้งหลับชัดเจนว่ามุกนี้ใช้มิได้ผล!หากหล
องค์ชายเว่ยสั่นขาพลางมองรองเท้าหุ้มข้อตนมีจุดสกปรกก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ทันใด“เป็นพวกเจ้าพูดเองหนา! ว่าทำอะไรย่อมได้! อย่าว่าตัวข้ากลั่นแกล้งพวกเจ้าแล้วกัน!”“เห็นหรือไม่ว่ารองเท้าตัวข้าสกปรก! มาช่วยข้าทำความสะอาดซิ!”เพื่อแสดงจิตใจซื่อสัตย์ ชิวเหวินซวงก้าวไปข้างหน้าทันทีแม้ลู่หนานจะรู้สึกว่ามิเหมาะก็ไม่ได้รั้งนางไว้หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ ถึงชิวเหวินซวงต้องขายหน้าก็มิคิดยั้งนางไว้เหมือนกันลู่หนานกับจ้าวซวนมองเรื่องที่ไร้ศักดิ์ศรีประเภทนี้ว่าทำไปแล้วจะได้อะไร!เมื่อองค์ชายเว่ยเห็นคนที่เดินมาแต่งตัวเป็นนางรับใช้ก็ยิ้มเยาะกล่าวว่า“ผู้ใดว่าให้เจ้ามา เจ้านับเป็นสิ่งของกระไร? ไสหัวไป…”“พระชายาอ๋องอี้ มิใช่เจ้าอ้อนวอนตัวข้ารึ? เจ้ามา!”“คุกเข่าช่วยตัวข้าถอดรองเท้าทำความสะอาดซะ แล้วข้าจะให้เจ้ายืมใช้มุกตะขาบฟ้า!”เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออก หลิงอวี๋โกรธเกรี้ยวฉับพลันแค่จัดการสิ่งสกปรกบนรองเท้าก็รู้สึกอัปยศเกินพอแล้ว!องค์ชายเว่ยยังกล้าเพิ่มเงื่อนไขคุกเข่าด้วย นางไม่เห็นพ้องต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้อันขาด!“พวกเรากลับ!”หลิงอวี๋ตะโกนดุเดือดหันหน้าหมายไปชิวเหวินซวงกลับพูดประโยคหนึ่งอย่างใสซื่อ
จ้าวซวนตกใจกับคำพูดหลิงอวี๋ครู่หนึ่งแล้วถามฉงน“พระชายา ท่านรู้ว่าองค์ชายเว่ยไม่มีมุกตะขาบฟ้าได้เช่นไร?”หลิงอวี๋หัวเราะเย็นชา มองเย้ยองค์ชายเว่ยที่ท่าทีแข็งค้างในพริบตา“ข้อแรก พี่ใหญ่จ้าว เจ้ามิรู้สึกว่าบังเอิญเกินไปรึ? พวกเราเพิ่งตามหามุกตะขาบฟ้าแล้วก็มีคนพูดทันทีว่าองค์ชายเว่ยมี!”“นี่มิใช่องค์ชายเว่ยวางอุบายล่อพวกเราเข้าเรือนหรือไร?”“เขาหมายให้เรายอมทำทุกอย่างเพื่อขอมุกตะขาบฟ้าจึงวางหลุมพรางนี้!”หลิงอวี๋ปรายจ้องหานหลินเหี้ยม สมองหมู ๆ ขององค์ชายเว่ยคงคิดแผนแยบยลแบบนี้มิได้ เป็นหานหลินคิดแผนนี้แน่ ๆ!นางจะจำบัญชีนี้ไว้!หานหลินผู้นี้ทำนางเลือดขึ้นหน้าได้จริง!นางจะให้เขาต้องชดใช้แน่!หลิงอวี๋จ้องหานหลินจนรู้สึกขนลุกขนชัน สายตาสตรีผู้นี้ดุดันเกินไป รัศมีข่มขวัญทำคนกดดันล้นหลาม!“ข้อสอง นั่นคือหลักฐานที่หักล้างมิได้…”หลิงอวี๋หัวร่อเยาะเอ่ยว่า “จักเป็นนักต้มตุ๋นก็เป็นให้มืออาชีพหน่อย! แม้แต่มุกตะขาบฟ้าคืออันใดก็มิเข้าใจ จักกล้าว่าตนมี!”หลิงอวี๋มองจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ ที่ยังสีหน้าสับสนจึงกล่าวอย่างอดทน“ข้าบอกขอยืมใช้มุกตะขาบฟ้าถอนพิษให้ท่านอ๋องแล้วส่งคืนองค์ชายเว่ย!”
“เรื่องวันนี้จะปล่อยไปอย่างนี้มิได้!”พอกลับถึงตำหนักอ๋องอี้ จ้าวซวนก็เอ่ยฉุนเฉียว“องค์ชายเว่ยส่งมือสังหารลอบสังหารท่านอ๋อง และตอนนี้วางอุบายล่อเราให้ไปขายขี้หน้าอีก!”“เราต้องเข้าวังกราบทูลองค์จักรพรรดิให้ฝ่าบาทค้ำจุนแทนท่านอ๋อง!”หลิงอวี๋ขบคิดแก้แค้นสักพัก รู้สึกว่าการเข้าวังไม่มีอะไรน่าสนใจทุกสิ่งเกิดขึ้นที่ตำหนักองค์ชายเว่ย ไร้พยานคนนอกอยู่ในเหตุการณ์ องค์ชายเว่ยจึงเถียงข้าง ๆ คู ๆ ได้เต็มที่นางเอาเวลาที่เปิดศึกน้ำลายไปค้นคว้ายาพิษของเซียวหลิวจะดีกว่ายิ่งกว่านั้น นางส่งคนไปทูลในวังแล้ว ไทเฮากับจักรพรรดิต่างรู้เรื่องที่เซียวหลินเทียนถูกพิษ!หากพวกเขาช่วยได้ก็จะช่วยเป็นธรรมดา!แต่พวกเขาช่วยไม่ได้ นั่นก็ต้องพึ่งตัวเอง!“พี่ใหญ่ปี้กลับมาหรือยัง?”หลิงอวี๋ถามหลิงซินหลิงซินส่ายหน้า “ยังเจ้าค่ะ! ส่วนแม่นมลี่ผ่านมาเที่ยวหนึ่งกล่าวว่ามีเรื่องต้องคุยกับคุณหนู ให้คุณหนูกลับเรือนบุหงาสักเที่ยวเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋สับสนเล็กน้อย แม่นมลี่มาหาตนทำไม?นางสั่งหลิงซวนป้อนน้ำเซียวหลินเทียนแล้วไปเรือนบุหงาทันทีเมื่อเข้าเรือนก็เห็นแม่นมลี่กำลังกวาดถูลาน หลิงอวี๋เอ่ยถาม “แม่นม หลิงซินว่
เมื่อหานหลินเห็นพวกหลิงอวี๋ไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทะแม่ง เขาจึงอดพูดมิได้“องค์ชาย เรื่องวันนี้แพร่ออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ว่าเราใช้ข่าวเท็จล่อพระชายาอ๋องอี้มาขายหน้า!”“หากพระชายาอ๋องอี้กลืนความอัปยศนี้มิได้ รุดไปทูลสถานการณ์ต่อหน้าไทเฮากับองค์จักรพรรดิจักไม่เอื้อผลต่อท่านนักหนาพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเว่ยหัวเราะเยาะ “ตัวข้าจักต้องกลัวสตรีแค่คนเดียวรึ? หากนางไปฟ้อง ข้าก็มีวิธีจัดการนาง!”หานหลินยังคงหวั่นวิตก ทันใดนั้นความคิดเฉียบแหลมจึงบังเกิดพลันกล่าวว่า“องค์ชาย มิเช่นนั้นท่านเข้าวังประเดี๋ยวนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“เราทำพระชายาอ๋องอี้อัปยศมิได้ แต่อาจคุมตาเดินเบี้ยนางได้พ่ะย่ะค่ะ!”หานหลินกระซิบกระซาบใกล้ ๆ ข้างหูองค์ชายเว่ยพักหนึ่งองค์ชายเว่ยฟังแล้วตาเป็นประกาย พลันยิ้มเอ่ยว่า “ท่านหาน มุกนี้ของเจ้าปราดเปรื่องยิ่งนัก! ได้ ตัวข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้แล!”องค์ชายเว่ยให้คนเตรียมรถม้า อารามไปพระราชวังจักรพรรดิกับฮองเฮากำลังพูดคุยเป็นเพื่อนไทเฮาในตำหนักไทเฮา เมื่อได้ยินว่าองค์ชายเว่ยมาไทเฮาก็นึกถึงเรื่องที่แม่นมเว่ยพูดกับตน“ให้เขาเข้ามาเถอะ!”องค์ชายเว่ยรีบเดินเข้ามาและน้อมคารวะไทเฮา