รอก่อนเถอะ!ชิวเหวินซวงกำลังคิดจะขู่หลิงอวี๋อีก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากข้างนอกนางเปลี่ยนเป็นใบหน้าโศกเศร้าทันที พลางเอ่ยเสียงสะอื้น“พระชายา ท่านพูดเช่นนี้กับข้าได้เยี่ยงไร! ข้าก็เป็นห่วงท่านอ๋องเหมือนกัน…”หลิงอวี๋ตะลึงเล็กน้อย คนที่หยิ่งผยองเมื่อครู่ กลายเป็นเช่นนี้ในพริบตาได้เยี่ยงไร?นางกำลังคิดจะด่ากลับแต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก่อนหลิงอวี๋พูดไม่ออกไปทันที เกรงว่าชิวเหวินซวงกำลังแสดงอยู่สินะ!“พระชายา... เหวินซวง เกิดอะไรขึ้น?”จ้าวซวนกับลู่หนานเดินเข้ามาด้วยกัน“พี่จ้าว ต่อไปข้าจักมิจัดการเรื่องของตำหนักอ๋องอี้แล้ว!”ชิวเหวินซวงหลั่งน้ำตาอย่างคับข้องใจ “พระชายา… พระชายาไม่เพียงแต่บอกว่าข้ายั่วยวนท่านอ๋องเท่านั้น แต่ยังบอกว่าข้าอยากจะบีบให้นางออกไปอีก! ข้า… ข้ามิยอมรับการกล่าวหาจอมปลอมนี้!”“ฮือ ๆ… ข้ามิใช่ข้ารับใช้ของตำหนักอ๋องอี้ เหตุใดข้าจะต้องมารับความโกรธนี้ด้วย!”ชิวเหวินซวงปาดน้ำตา ขณะแสดงท่าทีต่อหลิงอวี๋จากมุมที่จ้าวซวนและลู่หนานไม่สามารถมองเห็นได้ยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดอะไร ลู่หนานที่นึกถึงความสบายใจของเซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมาอย่างหุนหันพลันแล่น“พระชายา
หลิงอวี๋พูดจบก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำร้อนที่หลิงซวนนำมาแล้วประคบร้อนบนหน้าตัวเองน้ำร้อนเปิดรูขุมขนนาง หลิงอวี๋จึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นบ้างนางเช็ดหน้าสะอาดแล้วเอ่ยถาม “พี่ใหญ่จ้าว ทุกอย่างเป็นเยี่ยงไรบ้างรึ?”จ้าวซวนด้วยใจห่วงความปลอดภัยของท่านอ๋อง พูดตรง ๆ ว่า“ข้าให้คนติดประกาศทุกแห่งแล้ว ถ้ามีข่าวจะรายงานพระชายาเอง!”“อือ แต่เรามิอาจหวังแค่มุกตะขาบฟ้าอย่างเดียวได้ยังต้องคิดทางหาวิธีอื่นด้วย!”ทั้งสองคุยกันโดยไม่สนใจชิวเหวินซวงที่แสร้งน้อยใจอยู่ข้าง ๆลู่หนานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย คิดว่าตนอยู่ต่อก็ไม่ได้ช่วยอะไร จึงดึงชิวเหวินซวงที่กำลังปาดน้ำตาออกไปชิวเหวินซวงเก็บงำความแค้น นางแพ้แล้วรอบนี้ชัดเจนว่าจ้าวซวนฟังแค่คำพูดของหลิงอวี๋นางจะเป็นเช่นนี้ต่อไปมิได้จักต้องพาชิวเฮ่ากลับมา!ขณะนี้เองหลู่ชิ่งเดินเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน“พระชายา… ในวังส่งคนมาเยี่ยมเยียนท่านอ๋องขอรับ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินก็จำต้องออกไปกับจ้าวซวน แต่ละคนที่มาเยี่ยมจะมีสักกี่คนหวังให้เซียวหลินเทียนหายจากใจจริงหรือ?มิใช่มาดูว่าเซียวหลินเทียนตายหรือยังหรอกหรือ!มาคราวนี้เป็นขันทีเซี่ย หมอหลวงจางก
“ขันทีเซี่ย ท่านอ๋องรับกระบี่มากโขจริง ทุกดาบหมายคร่าชีวิต!”“คนบงการเบื้องหลังจะเหี้ยมเกินไปแล้ว! วางพิษใส่ท่านอ๋องได้ลงคอ!”“แม้หลิงอวี๋เป็นหมอ แต่หลิงอวี๋ก็จนปัญญารักษาพิษเหล่านี้!”หลิงอวี๋แนะอาการของเซียวหลินเทียนให้ขันทีเซี่ยตาขันทีเซี่ยกะพริบเล็กน้อยชายมองหมอหลวงจางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หลิงอวี๋นึกถึงในฉับพลัน หมอหลวงจางยังไม่ได้คุกเข่าขออภัยที่ตลาดตามเดิมพัน เขายังมีหน้ามาตำหนักอ๋องอี้ได้อย่างไร?หรือว่าองค์ชายคังไม่เชื่อว่าเซียวหลินเทียนถูกพิษเลยเจาะจงให้หมอหลวงจางมาพิสูจน์หรือ?ช่างเถอะ!หากให้องค์ชายเว่ยรู้ว่าเซียวหลินเทียนถูกพิษจริง แล้วยืมปากเขาเผยแพร่ไป อาจลดระดับความสนใจของพวกเขาต่อเซียวหลินเทียนได้ให้เวลาตนทุ่มเทรักษา!“ถังถีเตี่ยน เจ้าดูออกไหมว่าคือพิษอันใด?”หลิงอวี๋เห็นถังถีเตี่ยนลุกขึ้นพลันรีบเอ่ยถามถังถีเตี่ยนส่ายศีรษะ “ตัวข้าไม่เคยพบพิษแบบนี้มาก่อน! ขออภัยพระชายา ข้าจนปัญญาขอรับ!”“ข้าขอตรวจ!”หมอหลวงจางรอไม่ไหวพลางนั่งลงตรวจชีพจรเซียวหลินเทียนฉับไวหลิงอวี๋ไม่วางใจหมอหลวงจาง จ้องการกระทำของเขาตลอดหวั่นเขาแอบวางกลใส่เซียวหลินเทียนโชคดีที่หมอหลวงจ
ปี้ไห่เฟิงยิ้มขมขื่นกล่าวว่า “ข้าเคยมีเหล่าพี่น้องที่สืบถามข่าวได้เก่งนัก… เพียงแต่ข้าขัดสน มิมีเงินให้สินบนพวกเขา…”“พี่ใหญ่ปี้ รอข้าประเดี๋ยว!”หลิงอวี๋เข้าห้องเร็วทันควันพลางหยิบตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงออกจากมิตินางหยิบมายัดให้ปี้ไห่เฟิงหมดเกลี้ยง “พี่ใหญ่ปี้ งั้นขอรบกวนเจ้าแล้ว! ช่วยข้าสืบถามข่าวให้เร็วที่สุดเถิด!”เมื่อปี้ไห่เฟิงดูเงินมากมายที่หลิงอวี๋ให้ตนก็รีบยัดกลับคืนครึ่งหนึ่ง“พระชายา มิใช้มากปานนี้ ครึ่งเดียวก็พอแล้วขอรับ!”หลิงอวี๋ยังยัดตั๋วเงินให้เขา “พี่ใหญ่ปี้รับเถิด ออกทำธุระข้างนอกไม่มีเงินจักมิสะดวก! ยังไงก็ควรให้สินบนเจ้าไปสืบถามข้าขอแค่ผลลัพธ์!”ปี้ไห่เฟิงชายมองหลิงอวี๋ลึกซึ้ง นำตั๋วเงินซ่อนในอกเสื้อแล้วจากไปเมื่อหลิงซวนเห็นฉากนี้ก็กระซิบว่า “พระชายา ท่านเชื่อใจคนง่ายเพียงนี้ได้เช่นไรเจ้าคะ!”“นั่นเป็นเงินก้อนใหญ่นัก! ท่านมิกลัวเขาเอาเงินแล้วชิ่งไปหรือ?”หลิงอวี๋ตอบหนักแน่น “พี่ใหญ่ปี้มิใช่คนแบบนั้น! จะใช้คนอย่าระแวงถ้าระแวงก็อย่าใช้ ข้าเชื่อใจเขา!”ขณะทั้งคู่กำลังคุยกัน จ้าวซวนกับลู่หนานก็วิ่งเข้ามา“พระชายา ได้ข่าวมุกตะขาบฟ้าแล้วขอรับ… มีคนบอกที่อยู่มั
ครั้นถึงหน้าตำหนักองค์ชายเว่ย จ้าวซวนส่งไพ่(1)ให้คนเฝ้าประตู เอ่ยเสียงทุ้ม“รบกวนทูลช่วยเราหน่อยว่า พระชายาอ๋องอี้แห่งตำหนักอ๋องอี้ขอเข้าเฝ้าองค์ชายเว่ย!”คนเฝ้าประตูมองไพ่กล่าวเย็นชาว่า “องค์ชายของเราเสด็จไปออกแต่เช้า! ยังมิเสด็จกลับตำหนักเลย!”จ้าวซวนส่งยิ้มกล่าว “องค์ชายเว่ยไปที่ใดแล้วเล่า?”คนเฝ้าประตูพูดเหลืออดว่า “ผู้น้อยเป็นแค่คนเฝ้าประตู องค์ชายไปที่ใด ผู้น้อยจะหารู้ไม่?”“พวกเจ้าหมายขอเข้าเฝ้าองค์ชายก็อยู่คอยเถิด!”จ้าวซวนทำได้แค่กลับมาแจ้งหลิงอวี๋ หลังหลิงอวี๋ฟังก็ยิ้มหยัน“จ้าวซวน เจ้าส่งคนไปสืบถามว่าองค์ชายเว่ยออกไปจริงแน่หรือไม่ และไปที่ใด!”จ้าวซวนเข้าใจความคิดของหลิงอวี๋ทันที เขาผงกศีรษะพลางรีบพาคนไปสืบถามข่าวในไม่ช้า จ้าวซวนก็พาคนกลับมาส่ายหน้าต่อหลิงอวี๋กล่าวว่า“พระชายา เราถามคนละแวกนี้แล้วขอรับ วันนี้ไม่มีใครเห็นองค์ชายเว่ยออกจากตำหนัก!”“แม้แต่โรงน้ำชา โรงเหล้าที่พระองค์ทรงไปบ่อยก็ไม่เห็นเหมือนกันขอรับ!”ลู่หนานอดพูดมิได้ “องค์ชายเว่ยอยู่ตำหนักเป็นแน่ นี่คงเจตนากลั่นแกล้งพวกเรา!”หลิงอวี๋ไม่พูดจา แม้รู้ชัดว่าองค์ชายเว่ยอยู่ตำหนักและเขาหมายกลั่นแกล้ง หร
ชิวเหวินซวงหน้าแดงจรดใบหูต่อวาจาหลิงซวนพลางมองถลึงหลิงซวนเดือลดาล เพิ่งคิดด่ากลับก็พลันถูกลู่หนานดึกไปเสียแล้ว“หลิงซวน เหวินซวงเป็นห่วงท่านอ๋องเหมือนกัน!”ปัญหาสถานะที่ฟังหลิงซวนเอ่ยถึง ลู่หนานกลัวชิวเหวินซวงเสียหายจึงพูดไกล่เกลี่ยมั่ว ๆ“พวกเราทะเลาะกัน! ถ้าคนข้างนอกได้ยินเข้าแล้วมองตำหนักอ๋องอี้ขบขันจะทำยังไง?”หลิงซวนกลอกตาใส่ลู่หนานวันนี้ลู่นานทำอะไรล้วนไม่เข้าตา นางเห็นลู่หนานดึงชิวเหวินซวงไปข้างหลังยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตานักคนอย่างชิวเหวินซวงยังจำต้องปกป้องงั้นรึ?หลิงซวนกลับไปข้างกายหลิงอวี๋ฮึดฮัด โดยอดเสียงพึมพำมิได้“กิริยาดั่งปีศาจจิ้งจอกดูแล้วทำคนสะเอียนนัก! มิรู้จริง ๆ ไฉนยังมีบางคนตาบอดช่วยเข้าข้างนาง!”หลิงอวี๋เคยประสบพฤติกรรมตีสองหน้าของชิวเหวินซวงแล้วจึงมิแปลกใจเลยนางปลอบหลิงซวนสองประโยคแล้วขบคิดแผนรับมือต่อเมื่อรออีกครึ่งชั่วยาม ดวงอาทิตย์สาดส่องจนหลิงอวี๋พร่าเลือน ทว่าตำหนักองค์ชายเว่ยยังเงียบกริบ หรือว่าแผนตนจะไม่ได้ผล?ชิวเหวินซวงอดกล่าวเยาะเย้ยมิได้ “พระชายาอ๋องอี้ ดูเหมือนการยั่วยุนี้ของท่านจะไม่เป็นผล!”เสียงพูดยังไม่ทันสิ้น คนเฝ้าประตูที่ตำหนักองค
หานหลินมองท่าทางขมขื่นพูดไม่ออกของพวกเขาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องพลางยิ้มเหยียดตำหนักอ๋องอี้คิดยืมคำติฉินภายนอกบีบคั้นองค์ชายของพวกเขายอมจำนน?หากหานหลินพังแผนจิ๊บจ๊อยนี้มิได้ นั่นคงมิคู่ควรเป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งขององค์ชายเว่ยแล้วกระมัง!หานหลินสะบัดพัดคลี่บนมือเบา ๆ คิดหาเก้าอี้มางีบหลับเป็นเพื่อนองค์ชายเว่ย จากนั้นก็เพลิดเพลินกับท่าทีลำบากลำบนของคนเหล่านี้เสีย!“คุณชายท่านนี้ควรเรียกว่ากระไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามกะทันหัน“ข้าแซ่หาน!”หานหลินชายมองหลิงอวี๋พลางพูดเหลืออด “อย่าคุย! รบกวนองค์ชายของเรา เขาบรรทมมิพอจะกริ้วเอาได้ขอรับ!”หลิงอวี๋ลากเสียงยาว “อ้อ… เสด็จพี่ใหญ่ทรงเพลียมากนัก!”“อา เสด็จพ่อนี่จริง ๆ เลย หากิจราชการมากหลายปานนี้ให้เสด็จพี่ใหญ่จัดการได้เช่นไรกัน!”“กลับไปข้าต้องพูดคุยกับเสด็จพ่อให้กระจ่าง ขออย่าให้เสด็จพี่ใหญ่ทรงงานมากเพียงนี้ มิฉะนั้นสุขภาพเสด็จพี่ใหญ่ทรุดโทรมได้!”เมื่อจ้าวซวนได้ยินก็แอบหัวเราะในใจ นับถือความปราดเปรื่องมุกนี้ของหลิงอวี๋นักหานหลินโกรธจนหน้ากระตุกรีบฉุดชายเสื้อองค์ชายเว่ยแน่น ส่งสัญญาณให้เขาเลิกแกล้งหลับชัดเจนว่ามุกนี้ใช้มิได้ผล!หากหล
องค์ชายเว่ยสั่นขาพลางมองรองเท้าหุ้มข้อตนมีจุดสกปรกก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ทันใด“เป็นพวกเจ้าพูดเองหนา! ว่าทำอะไรย่อมได้! อย่าว่าตัวข้ากลั่นแกล้งพวกเจ้าแล้วกัน!”“เห็นหรือไม่ว่ารองเท้าตัวข้าสกปรก! มาช่วยข้าทำความสะอาดซิ!”เพื่อแสดงจิตใจซื่อสัตย์ ชิวเหวินซวงก้าวไปข้างหน้าทันทีแม้ลู่หนานจะรู้สึกว่ามิเหมาะก็ไม่ได้รั้งนางไว้หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ ถึงชิวเหวินซวงต้องขายหน้าก็มิคิดยั้งนางไว้เหมือนกันลู่หนานกับจ้าวซวนมองเรื่องที่ไร้ศักดิ์ศรีประเภทนี้ว่าทำไปแล้วจะได้อะไร!เมื่อองค์ชายเว่ยเห็นคนที่เดินมาแต่งตัวเป็นนางรับใช้ก็ยิ้มเยาะกล่าวว่า“ผู้ใดว่าให้เจ้ามา เจ้านับเป็นสิ่งของกระไร? ไสหัวไป…”“พระชายาอ๋องอี้ มิใช่เจ้าอ้อนวอนตัวข้ารึ? เจ้ามา!”“คุกเข่าช่วยตัวข้าถอดรองเท้าทำความสะอาดซะ แล้วข้าจะให้เจ้ายืมใช้มุกตะขาบฟ้า!”เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออก หลิงอวี๋โกรธเกรี้ยวฉับพลันแค่จัดการสิ่งสกปรกบนรองเท้าก็รู้สึกอัปยศเกินพอแล้ว!องค์ชายเว่ยยังกล้าเพิ่มเงื่อนไขคุกเข่าด้วย นางไม่เห็นพ้องต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้อันขาด!“พวกเรากลับ!”หลิงอวี๋ตะโกนดุเดือดหันหน้าหมายไปชิวเหวินซวงกลับพูดประโยคหนึ่งอย่างใสซื่อ