“หลิงอวี๋ หุบปากซะ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋คิดการกบฏอีกครั้ง ทั้งยังพูดจาโอหังด้วย จึงเอ่ยห้ามไว้อย่างเด็ดขาด“หึ ทำได้ลงคอ ยังจะกลัวผู้อื่นพูดอีกหรือ?”แม้ว่าหลิงอวี๋จะโกรธ แต่นางก็ยังคงลดเสียงลง พลางเอ่ยถาม“มันเกี่ยวกับผู้ใดกันแน่? องค์จักรพรรดิถึงได้มิให้สอบสวน?”“เสด็จพ่อมิได้บอกว่ามิให้สอบสวน เขาตกลงที่จะสอบสวนแล้ว!”“ทั้งยังส่งหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงให้ยกพลไปจับกุมพวกตระกูลอู๋กับแม่ทัพหลูด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “ต่อไปเจ้าก็ระวังคำพูดด้วย อย่าได้เอะอะกระไรก็เอ่ยคำพูดคิดการกบฏ!”“หากเจ้าจักรนหาที่ตาย ก็อย่าดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงยกพลไปแล้วก็พลันโล่งอก ตนเข้าใจผิดแล้ว!ยอมสอบสวนก็ดี!นางวางใจในความประพฤติของหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงว่าอย่างน้อยก็สามารถให้ความยุติธรรมแก่พวกจางเหมยได้!“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่สบายพระทัยเล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่ลู่หนานบอกว่าเซียวหลินเทียนอารมณ์ไม่ดี ก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เสด็จพ่อของท่านตำหนิว่าท่านเข้าไปจุ้นจ้านหรือ?”เซียวหลินเทียนส่าย
เซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋มองใจความสำคัญในนั้นออกแล้วเขามองหลิงอวี๋อย่างประหลาดใจ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกว่านางผู้นี้ฉลาดยิ่งเมื่อคืนที่คฤหาสน์ของหลี่ว์เซียง ยามนั้นเซียวหลินเทียนยังคิดอยู่เลยว่าจะโน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้เยี่ยงไร ไหนเลยจะรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องออกหน้าด้วยซ้ำวาทศิลป์ที่ฮึกเหิมของหลิงอวี๋พอเอ่ยออกมาก็โน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้แล้วครานั้นเซียวหลินเทียนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเลือดพล่านฮึกเหิมขึ้นมาเพราะคำพูดของหลิงอวี๋เช่นกันเขาไม่มีทางจะจินตนาการได้เลยว่า หลิงอวี๋คนเมื่อก่อนที่รู้จักแค่กินดื่มและเล่นสนุกสนานไปวัน ๆ นั้น พอจริงจังขึ้นมาก็เป็นห่วงแคว้นและประชาชนเช่นกัน!ยามนั้นเซียวหลินเทียนเองก็คิดว่า หากหลิงอวี๋เป็นผู้ชาย จะต้องเป็นผู้บัญชาการทหารท่านหนึ่งแน่นอน!วาทศิลป์นี้ ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลย!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ความหดหู่ใจก็ออกมาโดยไม่รู้ตัว“หลังจากนั้นเสด็จพ่อมาพบข้าตามลำพังที่ศาลาในสวน และเห็นด้วยที่ข้าจะเข้าไปทำงานในราชสำนักอีกครั้ง!”“เช่นนั้นก็ดีเลย!” หลิงอวี๋ดีใจแทนเซียวหลินเทียน“ไม่ช้าก็เร็วท่านก็จะยืนได้ เข้าไปทำงานในราชสำนักเร็วส
“จักเข้ามาเหตุใดมิเคาะประตูเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธ ๆ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นชิวเหวินซวงความบูดบึ้งบนใบหน้าของเซียวหลินเทียนยังคงไม่ลดลง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เหวินซวง คราวหลังจะเข้ามาก็อย่าลืมเคาะประตูด้วย!”“ท่านอ๋อง... พระชายาอ๋องอี้ก็อยู่หรือเจ้าคะ!”ชิวเหวินซวงหน้าแดง พลางเอ่ยอย่างรวดเร็ว“หม่อมฉันขอประทานอภัย เหวินซวงเสียมารยาท! ต่อไปหม่อมฉันจะจำไว้ว่าต้องเคาะประตูเพคะ!”“หม่อมฉัน… ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะกลับมาใหม่เพคะ!”แม้ว่านางจะบอกเช่นนี้ แต่เท้ากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย นางถือสำรับอาหารไม่รู้ว่าควรจะเดินหน้าเข้าไปหรือถอยดีหลิงอวี๋ถูกเซียวหลินเทียนกดลงบนหน้าอกของเขา นางได้กลิ่นอำพันทะเลจาง ๆ บนร่างกายของเซียวหลินเทียนเลยทีเดียวนางได้ยินว่า แม่ดอกบัวขาว(1)ชิวเหวินซวงมา!แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวหลินเทียนถึงต้องเล่นละครกับตนก็ตาม!แต่เมื่อนึกถึงที่ชิวเหวินซวงหลงใหลเซียวหลินเทียนมาโดยตลอด หลิงอวี๋ก็อยากจะแกล้งขึ้นมานางจงใจบิดเอว พลางเอ่ยเสียงรำคาญใจ“ท่านอ๋อง ให้นางไปสิเพคะ! ไม่เคยเห็นนางรับใช้ที่ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์เช่นนี้มาก่อนเลย มีอย่างที่ไหนเข้ามาในห้อง
จ้าวซวนมองเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเอ่ยน้ำเสียงทุ้ม “ท่านอดีตเสนาบดีออกไปฝึกทหาร มิรู้ว่าไปทำเยี่ยงไรเข้าม้ามันตกใจ ก็เลยตกหลังม้า หมดสติไปหลายวันแล้ว!”“แม่ทัพหยวนผู้เป็นรองแม่ทัพของเขาส่งเขากลับมาเมืองหลวง เพิ่งกลับมาถึงจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเอง!”หลิงอวี๋ได้ยินก็กังวล นึกถึงภาพที่ท่านอดีตเสนาบดีคุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดิอู่อันเพื่อช่วยเหลือตนเองในวันนั้นนางก็หันหลังแล้ววิ่งออกไป “หม่อมฉันต้องไปดู!”“หลิงอวี๋ รอก่อน! ข้าไปกับเจ้าด้วย! ข้ายังมีเรื่องจักบอกเจ้าอีก!”เซียวหลินเทียนรีบหยุดหลิงอวี๋ไว้หลิงอวี๋หยุด พลางเอ่ยกับจ้าวซวน “เจ้าไปที่เรือนบุหงาแล้วเรียกหลิงซวนให้ไปกับข้า!”จ้าวซวนพยักหน้า จากนั้นก็รีบไปเรียก“หลิงอวี๋ เรื่องอาการบาดเจ็บของท่านอดีตเสนาบดีเกิดขึ้นก่อนที่เจ้าจะหายตัวไป… ข้ามีการคาดเดาไว้ แต่ยังมิได้รับการยืนยัน!”เซียวหลินเทียนกลัวว่าหลิงอวี๋จะไม่รู้อะไร ไม่สามารถจัดการได้ จึงกระซิบ“เจ้าเอาแต่ถามว่าใครคิดจะฆ่าเจ้ามิใช่หรือ? หากมิได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ใครจะส่งมือวสังหารจากหอเหยี่ยวราตรีมาตามล่าเจ้ากันเล่า?”หลิงอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วพลางถาม“ท
“ท่านพ่อ ข้าได้ยินว่าท่านปู่ได้รับบาดเจ็บ ข้าเป็นห่วงมากจึงตั้งใจมาเยี่ยมท่านปู่!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอดทน“ตระกูลหลิงของเราไม่มีหญิงอกตัญญูเช่นเจ้า!”“ท่านปู่ของเจ้าตัดสัมพันธ์กับเจ้าไปแล้ว ไม่ว่าความเป็นหรือความตายก็ไม่เกี่ยวกระไรกับเจ้า! ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”หลิงเสียงเซิงไม่เคยอยากพบหลิงอวี๋ครั้งที่แล้วในงานฉลองวันพระราชสมภพ ท่านอดีตเสนาบดีทำให้จักรพรรดิมิพอใจอย่างมากเพื่อช่วยนาง!แม้แต่ท่านลุงก็ยังเกลียดชังหลิงอวี๋ที่ทำให้เขาต้องอับอายเรื่องของกำนัล เขาตำหนิหลิงเสียงเชิงเรื่องนี้ด้วยครั้นพบกันอย่าว่าแต่เอ่ยประชดเยาะเย้ยเลย ทั้งยังขู่ว่าจะทำให้หลิงเสียงเซิงสูญเสียตำแหน่งอาลักษณ์ของสำนักฮั่นหลินด้วย!หลายวันมานี้หลิงเสียงเซิงกังวลว่าตำแหน่งของตนจะไม่ปลอดภัยเดิมทีก็วุ่นวายใจมากพอแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อครู่จะถูกองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนส่งคนมาเรียกตัวไปอีกคราที่หลิงเสียงเซิงไปยังคงคิดว่า หรือองค์ชายเว่ยจะต้องการคุยกับตนเรื่องการแต่งงานให้หลิงเยี่ยนเข้าตำหนักองค์ชายเว่ยในฐานะชายารองไหนเลยจะรู้ว่าองค์ชายเว่ยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย เขาเพียงเอ่ยอย่างเศร้า ๆ“อาลักษณ์หลิง
ท่านอ๋องอี้!หลิงเสียงเซิงเป็นคนแรกที่เห็นเซียวหลินเทียนใบหน้าของเขามีประกายความดูถูกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวท่านอ๋องขาพิการผู้นี้ ยามที่สามารถนำทัพได้ เขาก็ยังหวังว่าเขาจะสามารถนั่งตำแหน่งนั้นและสนับสนุนตน!แต่ยามนี้ เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว!แม้ว่าเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ก็เป็นท่านอ๋อง!หลิงเสียงเซิงยังไม่ใจกล้าพอ ที่จะกล้าเมินเฉยต่อท่านอ๋องผู้ที่จักรพรรดิทรงแต่งตั้งด้วยตัวเอง!“ท่านอ๋องอี้!”เขาโค้งคำนับอย่างไม่เต็มใจเซียวหลินเทียนถูกลู่หนานเข็นเข้ามา ทุกคนที่ดูความสนุกอยู่บริเวณรอบ ๆ ต่างพากันหลีกทางให้“ธรณีประตูของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนนี่สูงนักหนา!”“ข้ายังมิรู้เลยว่า มาเยี่ยมท่านอดีตเสนาบดี แล้วจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนจะปฏิบัติต่อผู้มาเยือนเช่นนี้!”เซียวหลินเทียนไม่แสดงสีหน้าใด ๆ สายตาของเขาจ้องมองที่ใบหน้าของหลิงเสียงเซิงอย่างเย็นชาหลิงเสียงเซิงที่เพิ่งจะดูถูกอยู่ในใจ ก็ขาสั่นโดยไม่รู้ตัวเกิดอะไรขึ้น?เซียวหลินเทียนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดสายตาของเขาจึงเย็นชากว่าตอนที่จักรพรรดิอู่อันโกรธเสียอีก มันเฉียบคมราวกับมีดเลย“ทะ… ท่านอ๋อง! กร
“หลิงอวี๋เข้ามิได้! เช่นนั้นพระชายาอ๋องอี้เล่า?”“อาลักษณ์หลิง ท่านอยากเป็นศัตรูกับตำหนักอ๋องอี้ของพวกเราใช่หรือไม่?”ลู่หนานติดตามฝ่าฟันไปกับเซียวหลินเทียนในที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายมามากมาย เขาไม่เห็นอาลักษณ์ของสำนักฮั่นหลินอยู่ในสายตาหรอกเขาวางมือที่เอว แล้วชักดาบออกมาครึ่งหนึ่งหลิงเสียงเซิงเห็นดังนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดไร้สีเลือดไปทันควันเขาเป็นข้าราชการ ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กจึงไม่เคยฝึกฝนวรยุทธเลย มีหรือจะทนต่อแรงกดดันของสองคนนี้ได้!เสียงตุ้บพลันดังขึ้น หลิงเสียงเซิงคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรง“ท่านอ๋อง เชิญพ่ะย่ะค่ะ! พระ… พระชายาอ๋องอี้ก็เช่นกัน!”หลิงเยี่ยนที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นเห็นภาพนี้ ก็โกรธมากจนแทบกระอักเลือดท่านพ่อของนางจะสู้กว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไร?นางยังคาดหวังว่าเขาจะระบายความโกรธให้นาง แต่ยามนี้กลับสูญเปล่าไปแล้ว!หลิงอวี๋ก็ตกตะลึงเช่นกันท่านพ่อใจเสาะผู้นี้ หากเขายืนกรานไปตลอด นางยังจะมองเขาดีขึ้นมาบ้าง!แต่ตอนนี้… นางพูดไม่ออกเลยทีเดียว!“ยังไม่ตามมาอีก!”เซียวหลินเทียนเข้าไปแล้ว แต่พบว่าหลิงอวี๋ไม่ได้ตามเข้ามาเมื่อหันกลับไปเห็นท่าทีเหม่อลอยของ
หลิงเยี่ยนยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ไม่รู้ว่าหลิงเฟิงไปพูดอะไรกับนาง หลิงเยี่ยนจ้องหลิงอวี๋อย่างดุร้าย จากนั้นก็ไปยืนข้าง ๆ“น้องสาวของเจ้ามิรู้ความเท่าใด อาอวี๋อย่าถือสานางหนา!”หวางซือยิ้มพลางเอ่ย “ท่านพ่อของเจ้าคิดถึงเจ้าตลอด อยากจะไปเยี่ยมเจ้าอยู่ตลอด แต่เขาไม่มีเวลา!”“ยามนี้มาเจอเรื่องท่านปู่ของเจ้าได้รับบาดเจ็บอีก ยิ่งไม่มีเวลาไปใหญ่!”หลิงเสียงเซิงฟังอยู่ด้านข้างอย่างรำคาญ เขาแค่อยากให้ท่านอ๋องอี้รีบไปเยี่ยมท่านอดีตเสนาบดี แล้วจะได้ส่งพวกเขากลับไป“ฮูหยิน พาพวกท่านอ๋องอี้เข้าไปเยี่ยมท่านพ่อเถิด!”“แต่ว่าหมอจางกำลังตรวจพ่อของข้าอยู่ จักรบกวนเวลานานเกินไปมิได้!”“หวังว่าท่านอ๋องอี้จะอภัยให้กระหม่อม!”หลิงอวี๋ไม่สนใจที่จะพูดจาเสแสร้งกับพวกเขา จึงเอ่ยไปตรง ๆ“ท่านอ๋อง พวกเราเข้าไปเยี่ยมท่านปู่กันเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่งเขาทำสิ่งนี้เพื่อสนับสนุนหลิงอวี๋ ใช้ตัวตนของตัวเขาเองมากดดันหลิงเสียงเซิง เพื่อที่หลิงอวี๋จะได้ตรวจท่านอดีตเสนาบดีอย่างสะดวกหลิงอวี๋รีบเข็นเขาเข้าไปทันทีที่นางเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็เห็นหมอจางกำลังนั่งตรวจท่านอดีตเสนาบดีอยู่
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก