Share

บทที่ 257

Author: กานเฟย
เซียวหลินเทียนเอ่ยไปตรง ๆ อย่างใจร้าย

“เสด็จพ่อ กระหม่อมเพิ่งจะเป็นฝ่ายขอเป็นตัวตั้งตัวตีในการสอบสวนคดีเหมืองแร่ กระหม่อมมิอยากไร้ประโยชน์เช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!”

“เสด็จพ่อคงมิทราบ ไอ้นายทหารเฉาผู้นั้นกล้าเฆี่ยนตีหลิงอวี๋! กระหม่อมทนมิไหวแล้ว!”

จักรพรรดิอู่อันค่อย ๆ หันกลับมามองเซียวหลินเทียน

“เจ้าอยากจะสอบสวนคดีนี้เพราะหลิงอวี๋ถูกเฆี่ยนตีหรือ?”

“พะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อรู้จักนิสัยของกระหม่อมดี แม้ว่าขาทั้งสองของกระหม่อมจะพิการไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังเป็นลูกของเสด็จพ่อ!”

“และมีศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชาย!”

เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “มีคนมาเฆี่ยนตีพระชายาของตน หากเปลี่ยนเป็นเสด็จพ่อ จะสามารถทนอยู่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“กระหม่อมถูกคนอื่นพูดกันว่าไร้ประโยชน์แล้ว หญิงของตนยังถูกเฆี่ยนตี จะยังอดทนรับอยู่ได้หรือ?”

“หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่แค่กระหม่อมที่เสียหน้า เสด็จพ่อก็จะเสียหน้าไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดูน่าฟัง

“กระหม่อมเพียงแค่อยากจะพิสูจน์ว่า กระหม่อมมิใช่คนไร้ประโยชน์ กระหม่อมยังสามารถช่วยเสด็จพ่อทำงานได้!”

“หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นางก็คงมิอยากเห็นกระ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
วาทิพย์
ยืดเยื้อเกินไปปลดล็อคแต่ละตอนก้นิดเดียว
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 258

    “หลิงอวี๋ หุบปากซะ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋คิดการกบฏอีกครั้ง ทั้งยังพูดจาโอหังด้วย จึงเอ่ยห้ามไว้อย่างเด็ดขาด“หึ ทำได้ลงคอ ยังจะกลัวผู้อื่นพูดอีกหรือ?”แม้ว่าหลิงอวี๋จะโกรธ แต่นางก็ยังคงลดเสียงลง พลางเอ่ยถาม“มันเกี่ยวกับผู้ใดกันแน่? องค์จักรพรรดิถึงได้มิให้สอบสวน?”“เสด็จพ่อมิได้บอกว่ามิให้สอบสวน เขาตกลงที่จะสอบสวนแล้ว!”“ทั้งยังส่งหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงให้ยกพลไปจับกุมพวกตระกูลอู๋กับแม่ทัพหลูด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “ต่อไปเจ้าก็ระวังคำพูดด้วย อย่าได้เอะอะกระไรก็เอ่ยคำพูดคิดการกบฏ!”“หากเจ้าจักรนหาที่ตาย ก็อย่าดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงยกพลไปแล้วก็พลันโล่งอก ตนเข้าใจผิดแล้ว!ยอมสอบสวนก็ดี!นางวางใจในความประพฤติของหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงว่าอย่างน้อยก็สามารถให้ความยุติธรรมแก่พวกจางเหมยได้!“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่สบายพระทัยเล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่ลู่หนานบอกว่าเซียวหลินเทียนอารมณ์ไม่ดี ก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เสด็จพ่อของท่านตำหนิว่าท่านเข้าไปจุ้นจ้านหรือ?”เซียวหลินเทียนส่าย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 259

    เซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋มองใจความสำคัญในนั้นออกแล้วเขามองหลิงอวี๋อย่างประหลาดใจ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกว่านางผู้นี้ฉลาดยิ่งเมื่อคืนที่คฤหาสน์ของหลี่ว์เซียง ยามนั้นเซียวหลินเทียนยังคิดอยู่เลยว่าจะโน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้เยี่ยงไร ไหนเลยจะรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องออกหน้าด้วยซ้ำวาทศิลป์ที่ฮึกเหิมของหลิงอวี๋พอเอ่ยออกมาก็โน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้แล้วครานั้นเซียวหลินเทียนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเลือดพล่านฮึกเหิมขึ้นมาเพราะคำพูดของหลิงอวี๋เช่นกันเขาไม่มีทางจะจินตนาการได้เลยว่า หลิงอวี๋คนเมื่อก่อนที่รู้จักแค่กินดื่มและเล่นสนุกสนานไปวัน ๆ นั้น พอจริงจังขึ้นมาก็เป็นห่วงแคว้นและประชาชนเช่นกัน!ยามนั้นเซียวหลินเทียนเองก็คิดว่า หากหลิงอวี๋เป็นผู้ชาย จะต้องเป็นผู้บัญชาการทหารท่านหนึ่งแน่นอน!วาทศิลป์นี้ ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลย!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ความหดหู่ใจก็ออกมาโดยไม่รู้ตัว“หลังจากนั้นเสด็จพ่อมาพบข้าตามลำพังที่ศาลาในสวน และเห็นด้วยที่ข้าจะเข้าไปทำงานในราชสำนักอีกครั้ง!”“เช่นนั้นก็ดีเลย!” หลิงอวี๋ดีใจแทนเซียวหลินเทียน“ไม่ช้าก็เร็วท่านก็จะยืนได้ เข้าไปทำงานในราชสำนักเร็วส

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 260

    “จักเข้ามาเหตุใดมิเคาะประตูเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธ ๆ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นชิวเหวินซวงความบูดบึ้งบนใบหน้าของเซียวหลินเทียนยังคงไม่ลดลง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เหวินซวง คราวหลังจะเข้ามาก็อย่าลืมเคาะประตูด้วย!”“ท่านอ๋อง... พระชายาอ๋องอี้ก็อยู่หรือเจ้าคะ!”ชิวเหวินซวงหน้าแดง พลางเอ่ยอย่างรวดเร็ว“หม่อมฉันขอประทานอภัย เหวินซวงเสียมารยาท! ต่อไปหม่อมฉันจะจำไว้ว่าต้องเคาะประตูเพคะ!”“หม่อมฉัน… ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะกลับมาใหม่เพคะ!”แม้ว่านางจะบอกเช่นนี้ แต่เท้ากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย นางถือสำรับอาหารไม่รู้ว่าควรจะเดินหน้าเข้าไปหรือถอยดีหลิงอวี๋ถูกเซียวหลินเทียนกดลงบนหน้าอกของเขา นางได้กลิ่นอำพันทะเลจาง ๆ บนร่างกายของเซียวหลินเทียนเลยทีเดียวนางได้ยินว่า แม่ดอกบัวขาว(1)ชิวเหวินซวงมา!แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวหลินเทียนถึงต้องเล่นละครกับตนก็ตาม!แต่เมื่อนึกถึงที่ชิวเหวินซวงหลงใหลเซียวหลินเทียนมาโดยตลอด หลิงอวี๋ก็อยากจะแกล้งขึ้นมานางจงใจบิดเอว พลางเอ่ยเสียงรำคาญใจ“ท่านอ๋อง ให้นางไปสิเพคะ! ไม่เคยเห็นนางรับใช้ที่ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์เช่นนี้มาก่อนเลย มีอย่างที่ไหนเข้ามาในห้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 261

    จ้าวซวนมองเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเอ่ยน้ำเสียงทุ้ม “ท่านอดีตเสนาบดีออกไปฝึกทหาร มิรู้ว่าไปทำเยี่ยงไรเข้าม้ามันตกใจ ก็เลยตกหลังม้า หมดสติไปหลายวันแล้ว!”“แม่ทัพหยวนผู้เป็นรองแม่ทัพของเขาส่งเขากลับมาเมืองหลวง เพิ่งกลับมาถึงจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเอง!”หลิงอวี๋ได้ยินก็กังวล นึกถึงภาพที่ท่านอดีตเสนาบดีคุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดิอู่อันเพื่อช่วยเหลือตนเองในวันนั้นนางก็หันหลังแล้ววิ่งออกไป “หม่อมฉันต้องไปดู!”“หลิงอวี๋ รอก่อน! ข้าไปกับเจ้าด้วย! ข้ายังมีเรื่องจักบอกเจ้าอีก!”เซียวหลินเทียนรีบหยุดหลิงอวี๋ไว้หลิงอวี๋หยุด พลางเอ่ยกับจ้าวซวน “เจ้าไปที่เรือนบุหงาแล้วเรียกหลิงซวนให้ไปกับข้า!”จ้าวซวนพยักหน้า จากนั้นก็รีบไปเรียก“หลิงอวี๋ เรื่องอาการบาดเจ็บของท่านอดีตเสนาบดีเกิดขึ้นก่อนที่เจ้าจะหายตัวไป… ข้ามีการคาดเดาไว้ แต่ยังมิได้รับการยืนยัน!”เซียวหลินเทียนกลัวว่าหลิงอวี๋จะไม่รู้อะไร ไม่สามารถจัดการได้ จึงกระซิบ“เจ้าเอาแต่ถามว่าใครคิดจะฆ่าเจ้ามิใช่หรือ? หากมิได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ใครจะส่งมือวสังหารจากหอเหยี่ยวราตรีมาตามล่าเจ้ากันเล่า?”หลิงอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วพลางถาม“ท

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 262

    “ท่านพ่อ ข้าได้ยินว่าท่านปู่ได้รับบาดเจ็บ ข้าเป็นห่วงมากจึงตั้งใจมาเยี่ยมท่านปู่!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอดทน“ตระกูลหลิงของเราไม่มีหญิงอกตัญญูเช่นเจ้า!”“ท่านปู่ของเจ้าตัดสัมพันธ์กับเจ้าไปแล้ว ไม่ว่าความเป็นหรือความตายก็ไม่เกี่ยวกระไรกับเจ้า! ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”หลิงเสียงเซิงไม่เคยอยากพบหลิงอวี๋ครั้งที่แล้วในงานฉลองวันพระราชสมภพ ท่านอดีตเสนาบดีทำให้จักรพรรดิมิพอใจอย่างมากเพื่อช่วยนาง!แม้แต่ท่านลุงก็ยังเกลียดชังหลิงอวี๋ที่ทำให้เขาต้องอับอายเรื่องของกำนัล เขาตำหนิหลิงเสียงเชิงเรื่องนี้ด้วยครั้นพบกันอย่าว่าแต่เอ่ยประชดเยาะเย้ยเลย ทั้งยังขู่ว่าจะทำให้หลิงเสียงเซิงสูญเสียตำแหน่งอาลักษณ์ของสำนักฮั่นหลินด้วย!หลายวันมานี้หลิงเสียงเซิงกังวลว่าตำแหน่งของตนจะไม่ปลอดภัยเดิมทีก็วุ่นวายใจมากพอแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อครู่จะถูกองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนส่งคนมาเรียกตัวไปอีกคราที่หลิงเสียงเซิงไปยังคงคิดว่า หรือองค์ชายเว่ยจะต้องการคุยกับตนเรื่องการแต่งงานให้หลิงเยี่ยนเข้าตำหนักองค์ชายเว่ยในฐานะชายารองไหนเลยจะรู้ว่าองค์ชายเว่ยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย เขาเพียงเอ่ยอย่างเศร้า ๆ“อาลักษณ์หลิง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 263

    ท่านอ๋องอี้!หลิงเสียงเซิงเป็นคนแรกที่เห็นเซียวหลินเทียนใบหน้าของเขามีประกายความดูถูกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวท่านอ๋องขาพิการผู้นี้ ยามที่สามารถนำทัพได้ เขาก็ยังหวังว่าเขาจะสามารถนั่งตำแหน่งนั้นและสนับสนุนตน!แต่ยามนี้ เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว!แม้ว่าเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ก็เป็นท่านอ๋อง!หลิงเสียงเซิงยังไม่ใจกล้าพอ ที่จะกล้าเมินเฉยต่อท่านอ๋องผู้ที่จักรพรรดิทรงแต่งตั้งด้วยตัวเอง!“ท่านอ๋องอี้!”เขาโค้งคำนับอย่างไม่เต็มใจเซียวหลินเทียนถูกลู่หนานเข็นเข้ามา ทุกคนที่ดูความสนุกอยู่บริเวณรอบ ๆ ต่างพากันหลีกทางให้“ธรณีประตูของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนนี่สูงนักหนา!”“ข้ายังมิรู้เลยว่า มาเยี่ยมท่านอดีตเสนาบดี แล้วจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนจะปฏิบัติต่อผู้มาเยือนเช่นนี้!”เซียวหลินเทียนไม่แสดงสีหน้าใด ๆ สายตาของเขาจ้องมองที่ใบหน้าของหลิงเสียงเซิงอย่างเย็นชาหลิงเสียงเซิงที่เพิ่งจะดูถูกอยู่ในใจ ก็ขาสั่นโดยไม่รู้ตัวเกิดอะไรขึ้น?เซียวหลินเทียนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดสายตาของเขาจึงเย็นชากว่าตอนที่จักรพรรดิอู่อันโกรธเสียอีก มันเฉียบคมราวกับมีดเลย“ทะ… ท่านอ๋อง! กร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 264

    “หลิงอวี๋เข้ามิได้! เช่นนั้นพระชายาอ๋องอี้เล่า?”“อาลักษณ์หลิง ท่านอยากเป็นศัตรูกับตำหนักอ๋องอี้ของพวกเราใช่หรือไม่?”ลู่หนานติดตามฝ่าฟันไปกับเซียวหลินเทียนในที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายมามากมาย เขาไม่เห็นอาลักษณ์ของสำนักฮั่นหลินอยู่ในสายตาหรอกเขาวางมือที่เอว แล้วชักดาบออกมาครึ่งหนึ่งหลิงเสียงเซิงเห็นดังนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดไร้สีเลือดไปทันควันเขาเป็นข้าราชการ ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กจึงไม่เคยฝึกฝนวรยุทธเลย มีหรือจะทนต่อแรงกดดันของสองคนนี้ได้!เสียงตุ้บพลันดังขึ้น หลิงเสียงเซิงคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรง“ท่านอ๋อง เชิญพ่ะย่ะค่ะ! พระ… พระชายาอ๋องอี้ก็เช่นกัน!”หลิงเยี่ยนที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นเห็นภาพนี้ ก็โกรธมากจนแทบกระอักเลือดท่านพ่อของนางจะสู้กว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไร?นางยังคาดหวังว่าเขาจะระบายความโกรธให้นาง แต่ยามนี้กลับสูญเปล่าไปแล้ว!หลิงอวี๋ก็ตกตะลึงเช่นกันท่านพ่อใจเสาะผู้นี้​ หากเขายืนกรานไปตลอด นางยังจะมองเขาดีขึ้นมาบ้าง!แต่ตอนนี้… นางพูดไม่ออกเลยทีเดียว!“ยังไม่ตามมาอีก!”เซียวหลินเทียนเข้าไปแล้ว​ แต่พบว่าหลิงอวี๋ไม่ได้ตามเข้ามาเมื่อหันกลับไปเห็นท่าทีเหม่อลอยของ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 265

    หลิงเยี่ยนยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ไม่รู้ว่าหลิงเฟิงไปพูดอะไรกับนาง หลิงเยี่ยนจ้องหลิงอวี๋อย่างดุร้าย​ จากนั้นก็ไปยืนข้าง​ ๆ“น้องสาวของเจ้ามิรู้ความเท่าใด​ อาอวี๋อย่าถือสานางหนา!”หวางซือยิ้มพลางเอ่ย “ท่านพ่อของเจ้าคิดถึงเจ้าตลอด​ อยากจะไปเยี่ยมเจ้าอยู่ตลอด แต่เขาไม่มีเวลา!”“ยามนี้มาเจอเรื่องท่านปู่ของเจ้าได้รับบาดเจ็บอีก ยิ่งไม่มีเวลาไปใหญ่!”หลิงเสียงเซิงฟังอยู่ด้านข้างอย่างรำคาญ เขาแค่อยากให้ท่านอ๋องอี้รีบไปเยี่ยมท่านอดีตเสนาบดี​ แล้วจะได้ส่งพวกเขากลับไป“ฮูหยิน พาพวกท่านอ๋องอี้เข้าไปเยี่ยมท่านพ่อเถิด!”“แต่ว่าหมอจางกำลังตรวจพ่อของข้าอยู่ จักรบกวนเวลานานเกินไปมิได้!”“หวังว่าท่านอ๋องอี้จะอภัยให้กระหม่อม!”หลิงอวี๋ไม่สนใจที่จะพูดจาเสแสร้งกับพวกเขา จึงเอ่ยไปตรง​ ๆ“ท่านอ๋อง พวกเราเข้าไปเยี่ยมท่านปู่กันเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่งเขาทำสิ่งนี้เพื่อสนับสนุนหลิงอวี๋​ ใช้ตัวตนของตัวเขาเองมากดดันหลิงเสียงเซิง เพื่อที่หลิงอวี๋จะได้ตรวจท่านอดีตเสนาบดีอย่างสะดวกหลิงอวี๋รีบเข็นเขาเข้าไปทันทีที่นางเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็เห็นหมอจางกำลังนั่งตรวจท่านอดีตเสนาบดีอยู่

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1893

    เมื่อครอบครัวของเจี่ยงหัวกลับมาที่เรือ พวกเขาก็พบศพไร้หัวในห้องของเขา มีคราบเลือดยาวบนผนังไม้ของห้องโดยสาร ซึ่งเป็นประโยคที่ถูกสลักด้วยกระบี่อาบเลือด“จุดจบของคนทรยศ!”ครอบครัวของเจี่ยงหัวตกใจกลัวมากจนสละเรือและหนีไปในคืนนั้นพวกเขามิรู้ว่าที่จริงแล้วเซียวหลินเทียนมิคิดจะเอาผิดพวกเขา ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และการสังหารเจี่ยงหัวนั้นก็เพียงพอแล้วเซียวหลินเทียนส่งศีรษะของเจี่ยงหัวให้สือหรง ทันใดนั้นสือหรงก็ร้องไห้เศร้าโศกและนำศีรษะของเจี่ยงหัวไปเซ่นให้กับครอบครัวของตนหลังจากนั้น สือหรงก็กระทำการบางอย่าง เขาเขียนจดหมายเลือดเรื่องที่เจี่ยงหัวสมคบคิดกับมหาปราชญ์สังหารเหล่าศิษย์ของตำหนักปีกเงิน และคัดลอกสำเนาไปหลายสิบฉบับภายในคืนเดียววันรุ่งขึ้น ที่ประตูเมืองในพื้นที่นั้นมีพ่อค้าจำนวนมากกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง แล้วก็มีคนพบศีรษะของเจี่ยงหัวที่แขวนอยู่บนกำแพงเมือง และยังมีจดหมายเลือดที่สือหรงเป็นคนเขียน ซึ่งเขียนประณามความผิดของเจี่ยงหัวขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็มีจดหมายเลือดมากมายปลิวลงมาจากกำแพงเมืองทันใดนั้นความผิดฐานทรยศอาจารย์และสมคบคิดกับมหาปราชญ์ของเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1892

    หลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วสารพัดและสังหารผู้คนเป็นผักปลาแต่หลิงอวี๋กลับมิรู้เลยว่ามหาปราชญ์เป็นผู้สั่งให้คนบิดเบือนและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปหลังจากที่เขากลับไปถึงเมืองหลวงแดนเทพเซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินนั้นคนหนึ่งทำให้มหาปราชญ์ตาบอด และอีกคนก็ตัดแขนข้างหนึ่งของมหาปราชญ์ มหาปราชญ์จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรหากเขามิแก้แค้น!เขาทำให้เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินเสียชื่อเสียงและทำให้ผู้คนทั่วหล้าลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา ส่วนมหาปราชญ์ใช้โอกาสนี้พักฟื้นและหาโอกาสเหมาะเพื่อช่วงชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคือ กระบี่คุณอู่ของเซียวหลินเทียนอีกครั้งมหาปราชญ์มิได้บอกใครเกี่ยวกับการค้นพบกระบี่อายุนับพันปีเล่มนี้ ด้วยคิดว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของตน จึงมิอยากให้ใครมาแย่งชิงมันไปการแพร่กระจายข่าวลือเป็นหนึ่งในอุบายของมหาปราชญ์ที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเซียวหลินเทียนและป้องกันมิให้เขาพบกับเหล่าศิษย์จากตำหนักปีกเงินซึ่งเป็นไปตามคาดว่าข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปยังวงกว้างด้วยความรวดเร็วบรรดาศิษย์ตำหนักปีกเงินบางส่วนที่กระจายอยู่ตามสถาน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1891

    ผู้รอบรู้ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล เมื่อไรกันที่เขาได้รับความเชื่อใจจากใครบางคนมากมายถึงเพียงนี้!หลิงอวี๋พูดไปตามตรง “พี่ใหญ่ มีเรื่องบางอย่างที่ตอนนี้ข้ายังบอกท่านมิได้ มิใช่ว่าข้ามิไว้ใจท่าน แต่หากพูดไปแล้วมันอาจสร้างปัญหามากมายให้ท่านได้!”“เชื่อใจข้าเถิด สักวันข้าจะเล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง!”ผู้รอบรู้มองตั๋วเงินในมือของตนพลางพูดอย่างใจกว้างว่า “ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง หากเจ้ามิอยากพูดก็มิต้องพูดหรอก พี่ใหญ่เชื่อใจเจ้า!”หลิงอวี๋ถึงกับยอมมอบของมีค่าทั้งหมดให้กับตนเช่นนี้ แม้จะมีความลับปิดบังต่อตนผู้รอบรู้ก็ย่อมยอมรับได้ขอแค่เขาเชื่อใจว่าหลิงอวี๋ไม่มีเจตนาร้ายก็พอแล้วสองพี่น้องพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน ต่อมาในวันรุ่งขึ้นที่ฟ้ายังมิสว่าง ผู้รอบรู้ก็รีบรุดไปเช่ารถม้ามาหนึ่งคันโชคดีที่รถม้าเพิ่งส่งผู้โดยสารเพื่อขึ้นเรือไป ผู้รอบรู้จึงได้เช่ารถม้ามาในราคาสิบตำลึงส่วนหลิงอวี๋นั้นเพิ่งตื่น และผู้รอบรู้ก็วิ่งเข้ามาเคาะประตูด้วยความลิงโลด “น้องชาย รีบลุกเถิด พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว! รถม้ากำลังรออยู่ข้างนอก”หลิงอวี๋รีบอาบน้ำแต่งตัวและแบกห่อผ้าของตนออกมา ผู้รอบรู้ยัดถุงกระดาษไขใบห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1890

    ผู้รอบรู้พูดมิออกแล้ว หลิงอวี๋มิรู้อะไรเลย แล้วจะจ่ายยาที่ถูกต้องได้อย่างไร!“พี่สิง ข้าอยากรู้มากว่าท่านรู้เรื่องมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าผู้รอบรู้ลำบากใจ นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงแดนเทพหรือ?”ใบหน้าของผู้รอบรู้กระตุก เขาหันมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง เมื่อก่อนข้าเป็นคนของตำหนักปีกเงิน ข้าเป็นคนของเจี่ยงฮั๋วผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา เมื่อสองปีก่อนข้าทำงานพลาดไป ทำให้เจี่ยงฮั๋วโกรธ เขาจึงไล่ข้าออกจากตำหนักปีกเงิน!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังคิดจะหาโอกาสขอพบท่านเจ้าตำหนักเก่า แล้วกลับไปที่ตำหนักปีกเงินอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตำหนักปีกเงินเสื่อมโทรมลงไปแล้ว ได้ยินว่าเจ้าตำหนักเก่าป่วยหนักและมิรับงานแล้ว ข้าจึงได้เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตลอดเช่นนี้!”“คนที่ออกมาจากตำหนักปีกเงินล้วนเก่งในการสืบหาข้อมูล แม้ว่าข้าจะออกจากตำหนักปีกเงินไปแล้ว แต่ข้าก็เคยชินกับสัญชาตญาณนี้ ดังนั้นข้าจึงใส่ใจกับข้อมูลแต่ละประเภทมาก อยากจะรู้มากแค่ไหนก็มิยาก!”หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าผู้รอบรู้ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังเช่นก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status