“พอแล้ว!”“ข้าทำเอง!”เซียวหลินเทียนสะบัดมือของชิวเหวินซวงด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลางเอ่ยเรียบ ๆ “มันไม่ได้ลวก!”“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ขาของข้าไม่มีความรู้สึกอันใด หากรู้สึกเจ็บจริง ๆ เหตุใดข้าต้องไปหาหมอไปทั่วทุกที่ด้วยเล่า!”เซียวหลินเทียนมองอาหารบนโต๊ะ ไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว“เจ้าลงไปก่อนเถอะ!”ชิวเหวินซวงเอ่ยอย่างไม่สบายใจ “ท่านอ๋อง เป็นความผิดของหม่อมฉันที่ซุ่มซ่าม! หม่อมฉันจักไปเอาอาภรณ์มาให้ท่านอ๋องเปลี่ยนเพคะ!”“ลู่หนานไปเอาได้ เจ้าออกไปเถอะ!”เสียงของเซียวหลินเทียนเย็นชาเล็กน้อยชิวเหวินซวงหน้าแดง พลางเอ่ยเบา ๆ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันใจร้อน พูดผิดไป หม่อมฉันจะไปเรียกพี่ลู่หนานประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!”นางรีบร้อนเดินออกไปเรียกลู่หนานให้เข้ามาหลังจากที่ปิดห้องไป ชิวเหวินซวงก็ไม่รีบร้อนแล้ว นางยืนอยู่ข้างนอกฟังความเคลื่อนไหวข้างในลู่หนาน น้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านอ๋อง น้ำแกงลวกหรือพ่ะย่ะค่ะ? เหตุใดวันนี้เหวินซวงถึงไม่ระมัดระวังเยี่ยงนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ไม่เป็นไร นางก็มิได้ระวังเช่นกัน! เปลี่ยนแล้วก็ไม่เป็นไรแล้ว!”“ที่ตำหนักมีเหวินซวงช่วยจัดการดูแลอยู่ พวกเ
“กระหม่อมรู้สึกว่าคนทั้งสองกลุ่มนี้น่าจะเป็นพวกเดียวกัน คนของหานหลินอยู่ในที่แจ้ง คนของหอเหยี่ยวราตรีอยู่ในที่ลับ!”“เพียงแต่ข้ายังไม่พบหลักฐานที่พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกัน!”เซียวหลินเทียนถูนิ้ว พลางครุ่นคิดคนของอิ๋นฮู๋ไปตามหาหลิงอวี๋ตามทิศทางสายน้ำ แต่พื้นที่หลายสิบลี้นั้นใหญ่เกินไป การค้นหาแบบหลับหูหลับตาหาจึงเปลืองแรงเปลืองเวลาเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ย“เจ้าแบ่งกำลังคนออก ส่วนหนึ่งจับตาดูของหานหลินไว้ อีกส่วนหนึ่งจับตาดูคนของหอเหยี่ยวราตรีไว้!”“และอีกส่วนหนึ่ง ไปหาปลายสายนำตรงหมู่บ้านใกล้ ๆ! คอยจับตาดูว่าในหมู่บ้านมีเรื่องอันใดผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่!”“ต้องดำเนินการให้รวดเร็ว ต้องตามหาพระชายาให้เจอก่อนหน้าพวกหานหลิน!”“พ่ะย่ะค่ะ!” อิ๋นฮู๋รีบหายตัวไปทันทีเซียวหลินเทียนยังคงรักษาท่าทีนั้นไว้ ในหัวก็ครุ่นคิดอยู่ตลอดเหตุใดองค์ชายเว่ยจึงรีบร้อนจะกำจัดหลิงอวี๋?เพียงเพื่อไม่ให้หลิงอวี๋รักษาขาของตนเองหรือ?หรือยังมีเรื่องภายในที่ตนมิรู้อีก?การกระทำของชิวเหวินซวงในวันนี้ เป็นเพียงการหยั่งเชิง หรือมีอะไรเกี่ยวข้องกับที่หลิงอวี๋ลงมือกับองค์ชายเว่ย?......วันรุ่งขึ
หลิงอวี๋รีบหันไปมอง นอกจากจางเสี่ยวเยี่ยนที่สีหน้าจริงจังแล้ว ก็ไม่เห็นใครเข้ามาหลิงอวี๋โหดร้ายขึ้นมาทันที แล้วรีบเทยาสลบลงในซุปจากนั้นก็รีบคนจากนั้น หลิงอวี๋ก็รีบโยนห่อยาเข้าไปในกองไฟ แล้ววิ่งไปที่ประตู“ข้าอยู่นี่ ใครตามหาข้าหรือ!”“ข้าเองที่หาเจ้า ตามข้ามาสิ!”หลิงอวี๋เห็นว่าคนที่มาคือเถาเฉิง หัวใจของนางเต้นรัว ค่อนข้างโกรธเวลานี้เถาเฉิงมาหาตนเองจะมีเรื่องอันใด จะไม่ทำลายแผนการหลบหนีของตนเองใช่หรือไม่!“มีอะไรหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้ายังต้องส่งอาหารให้พวกช่างตีเหล็กอีก!”“ข้าหาผู้ช่วยสองสามคนให้เจ้าแล้ว ให้พวกเขาไปส่งก็พอ เจ้าตามข้ามา!”เถาเฉิงเอ่ยอย่างชัดเจนหลิงอวี๋ได้ยินน้ำเสียงของเขามิได้ดูใจดีเหมือนเมื่อคืนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกกังวลหรือว่าแผนที่พวกจางเฉียนจะหลบหนีจะรั่วไหลออกไปแล้ว?“เสี่ยวเยี่ยน เจ้าไปส่งอาหารก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าจะมาหาเจ้า!”หลิงอวี๋เห็นสายตาที่เป็นกังวลของจางเสี่ยวเยี่ยน จึงตบไหล่ของนางอย่างปลอบโยนพูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินตามเถาเฉิงไปที่ค่ายทหารเข้าไปในเรือนของทหารจู หลิงอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกว่าใจจะมาจุกอยู่ที่ลำคอทหารจูที่มีท่าทีรุนแ
มือของหลิงอวี๋ขยับไปที่เอวโดยไม่รู้ตัว ครุ่นคิดว่าตนเองมีโอกาสที่จะจับทหารจูมัดแล้วหลบหนีไปมากแค่ไหน!“ทหารจู เจ้าพูดเล่นแล้ว! พระชายาอ๋องอี้กระไรนั่นคือผู้ใดกัน? ข้ามิรู้จริง ๆ!”“ข้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ไปเยี่ยมญาติแล้วพลักตกเขา!”หลิงอวี๋แย้มยิ้ม พยายามลดความระวังตัวของทหารจู หากลงมือให้ดีก็จะได้บรรลุเป้าหมายเห็นได้ชัดว่าทหารจูไม่ได้หลอกง่ายถึงเพียงนั้น เขาเอ่ยถามเสียงเข้มงวด“ท่านอ๋องอี้ส่งท่านไปสำรวจเหมืองหรือ? เขารู้เรื่องในเหมืองมากแค่ไหน?”“ท่านอ๋องอี้คิดจะกระทำอันใดกันแน่?”“ท่านคือพระชายาอ๋องอี้ใช่หรือไม่”หลิงอวี๋อ้าปากค้างกับคำถามแต่ละคำถามของทหารจู นางไม่รู้ว่าจะแก้ต่างเยี่ยงไร!หลิงอวี๋หยิบมีดผ่าตัดออกมา ตอนที่กำลังคิดจะทุ่มสุดตัวเข้าไปควบคุมทหารจูจู่ ๆ เถาเฉิงก็ตะโกนมาจากด้านนอก “พี่จู ทหารเฉามาแล้ว ให้พี่รีบไปที่ค่ายทหารทันที!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว ทหารเฉาที่จับตัวนางมาที่นี่มาแล้วหรือ?เช่นนั้นแผนการหลบหนีของพวกเขาในวันนี้จะยังเป็นจริงได้หรือไม่?สีหน้าของทหารจูเปลี่ยนไป พลางตะโกนด้วยเสียงเรียบ “เถาเฉิง เจ้าไปจัดการก่อนเถิด บอกว่าข้าจะรีบไป!”“ขอรับ!
สงบ! สงบไว้!หลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปที่หลังประตูอย่างเงียบ ๆเมื่อลอดช่องประตูเข้าไป หลิงอวี๋ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรคนที่หันหลังให้ตนเองคือทหารจู ดูเหมือนว่าทหารจูเพิ่งจะออกมาก็ถูกทหารเฉาขวางกั้นไว้เลย“ทหารเฉา ข้าให้เถาเฉิงพาพระชายาอ๋องอี้ออกจากห้องขังจริง ๆ แต่มิได้ให้พามาหาข้าที่นี่!”ทหารจูเอ่ยอย่างใจเย็น “เจ้าส่งจดหมายให้ข้าฆ่านางมิใช่หรือ?”“ข้าทำตามคำสั่งของเจ้า ให้เถาเฉิงพานางไปฆ่าที่เหมืองหมายเลขหนึ่งแล้ว!”“หืม? เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ? ไป พาข้าไปดูศพหน่อย!” ทหารเฉาเอ่ยอย่างเย็นชาทหารจูเอ่ยอย่างไม่ยินใจ “เหตุใด ทหารเฉายังมิเชื่อข้าหรือ?”ทหารเฉาเอ่ยด้วยท่าทีแปลก ๆ“ไม่ใช่ว่าข้ามิเชื่อเจ้า! แต่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญมาก ข้าต้องยืนยันก่อนจึงจะสามารถอธิบายให้แม่ทัพหลูฟังได้!”“หากทหารเฉามิเชื่อก็ไปดูด้วยตัวเองเลย แซ่จูไม่สบาย จึงมิขอไปด้วย! เถาเฉิง เราไปกินข้าวกันเถิด!”ทหารจูลากเถาเฉิงออกไป“หยุด!”สีหน้าของทหารเฉาเข้มขึ้น “จูจวิน เจ้ากล้าขัดคำสั่งรึ?”ทหารจูหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจ “ข้าขัดคำสั่งเยี่ยงไรเล่า? เจ้าให้ข้าฆ่านาง ข้าก
"บุกเลย!"ทางค่ายทหาร พวกทหารเฉาทุกคนก็ได้ยินเสียงอึกทึกกึกก้องนั้นเช่นกันทหารเฉาทั้งตกใจทั้งโกรธ พลางตะคอก “จูจวิน เจ้าจะกบฏรึ? ข้าจะฆ่าเจ้าแน่!”เขาชักดาบออกมา เหวี่ยงดาบไปที่เถาเฉิงที่ขวางหน้าทหารจูอยู่ทหารจูได้ยินเสียงตะคอก ความมั่นใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เขาดึงเถาเฉิงออกไป แล้วดาบในมือก็ปัดดาบของทหารเฉาปลิวไปจูจวินส่งเสียงคำรามยาว มีชีวิตชีวา แล้วหัวเราะพลางเอ่ย“ข้าทนกับพวกเจ้ามานานมากแล้ว… ไอ้ทหารไร้สาระกระไรนี่ ข้าไม่ทำแล้ว!”“มา วันนี้ข้าจะฆ่าพวกอันธพาลที่ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญเยี่ยงพวกเจ้า ไอ้พวกไร้ความสามารถ...”ดาบในมือของทหารเฉาถูกปัดปลิวไปแล้ว ปากเสือก็ถูกทหารจูทำให้เลือดไหลออกมาเขาเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงหันหลังวิ่งไป วิ่งไปพลางตะโกนไปด้วย“จูจวิน หากเจ้ากล้าฆ่าข้า แม่ทัพหลูจะไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่! เขาจักต้องช่วยข้าแก้แค้น จักต้องฆ่าครอบครัวของเจ้า!”จูจวินเห็นว่าถึงเวลานี้แล้ว ทหารเฉาก็ยังจะยกเอาแม่ทัพหลูมาข่มขู่ตนเอง ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเขาถลาไปข้างหน้า เหวี่ยงดาบในมือไปที่ขาของทหารเฉาเมื่อเห็นว่าขาของทหารเฉาตกอยู่ในอันตราย ก็มีดาบยื่นออกมาแทรก แล้วปัดออก
“แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง...”หลิงอวี๋หลับตาอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นหอกกำลังจะปักเข้าหว่างคิ้วแต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเสียงโลหะใส ๆ กระทบกันสามเสียงหลิงอวี๋รู้สึกมีบางอย่างพันรอบเอวของตน พลางร่างทั้งตัวนางก็ถูกยกขึ้นลอยตัวแล้วนางรีบลืมตาพลันเห็นใบหน้ารูปงามของเซียวหลินเทียนปรากฏต่อหน้าตนเขาใช้มือค้ำไม้เท้าพยุงร่างตัวเอง อีกข้างถือแส้หลิงอวี๋กำลังถูกแส้ในมือเซียวหลินเทียนพันรอบหลิงอวี๋รีบเอี้ยวหัวมองมือสังหารคนนั้นพลันเห็นมือสังหารกำลังสู้กันอุตลุดกับคนผมเงินที่สวมหน้ากากอยู่ต่อไป หลิงอวี๋เห็นจ้าวซวนกับเหล่าองครักษ์ของเสี่ยวหลินเทียนทยอยกันพุ่งเข้ามามือสังหารคนนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงขว้างระเบิดควันพลางค่อย ๆ แกว่งกระโดดขึ้นสันกำแพง พวกเขาลอยขึ้นหายไปในความมืดทันใด“ท่านอ๋อง นั่งเร็วเข้าพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานเอาเก้าอี้ล้อของเซียวหลินเทียนมาแล้ว ขาของเซียวหลินเทียนยืนนานมิได้เลยกลับไปนั่งบนเก้าอี้ล้อหลิงอวี๋เห็นคนของตนทั้งหมดในลาน เวลานี้ก็ถอนหายใจโล่งอกไม่สนใจถามเซียวหลินเทียนว่าหาที่นี่พบได้อย่างไรก็พลันเอ่ยเรียก“จ้าวซวน รีบไปช่วยทหารจู เป็นพวกเขาช่วยชีวิตข้าไว้!”จ้าวซวนยิ้มต
จูจวินไม่ได้พูดต่อพลางดึงเถาเฉิงคุกเข่าลง ‘ตุ้บ’“ท่านอ๋อง พวกกระหม่อมช่วยคนเลวทำผิด สมควรได้รับโทษ แม้ตายก็ไม่เสียดายพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่คนเหล่านี้ตายอย่างไม่เป็นธรรม! ได้โปรดท่านอ๋องสนับสนุนเพื่อพวกเขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”แววตาเซียวหลินเทียนขรึมขึ้น เอ่ยเสียงทุ้ม “เข้าไปดูหน่อย!”จูจวินเหยียดกายยืนถือคบเพลิงพากลุ่มคนเดินเข้าไปภายในเหมืองถ้ำมืดสนิท เดินไปสิบกว่าเมตรก็พบหลุมรกร้างแห่งหนึ่งจูจวินน้ำตาคลอเบ้าทิ้งคบเพลิงพลางเข้าไป ฝูงชนก็เห็นแสงคบเพลิงสาดส่องกองกระดูกขาวด้านล่างทันใดมีคนหลายคนที่อยู่บนสุดยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เห็นได้ชัดว่าตายเร็ว ๆ นี้เพิ่งถูกโยนลงไป!“แซ่จูเพิ่งมาเหมืองได้ครึ่งปี ทว่าก่อนหน้าก็ทิ้งศพมากหลายในนี้แล้ว! นับไม่หวาดไม่ไหว!”“ช่วงครึ่งปีนี้ โยนมาเจ็ดสิบแปดศพในเหมืองถ้ำพ่ะย่ะค่ะ!”“คนที่มีชื่อ แซ่จูล้วนทำลงสมุดทะเบียนแล้ว คนไม่มีชื่อ แซ่จูก็ลงทะเบียนหมายเลข!”จูจวินขบฟันกล่าว “แซ่จูสิ้นทางช่วยพวกเขาล้างแค้นแก้ไขความอยุติธรรม ทำได้แค่ใช้วิธีเช่นนี้จดบันทึกชื่อของพวกเขา หวังว่าสักวันหนึ่งจะเป็นประโยชน์!”แม่ทัพเฉินกับอันเจ๋อที่ตามมาต่างตะลึงกับศพมหาศาล!
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน
เผยอวี้เพิ่งจะพูดจบ ฉินซานกับขันทีโม่ก็กลับมาตาม ๆ กันขันทีโม่ส่ายหัวพลางเอ่ย “กระหม่อมคลาดกับบุรุษลึกลับผู้นั้น พลังของเขาสูงกว่ากระหม่อมมาก กระหม่อมตามมิทันจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเคยได้รับรู้ถึงความสามารถของบุรุษผู้นั้นแล้ว จึงมิได้ตำหนิขันทีโม่ที่คลาดกับเขาฉินซานก็รายงานการสอบสวนตระกูลเก๋อของตน“ฝ่าบาท ครานี้ตระกูลเก๋อมาสองกลุ่ม นอกจากกลุ่มคุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อแล้ว ยังมีกลุ่มของเก๋อเทียนซือด้วย พวกเขาน่าจะมิได้มากับคุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อ แต่เป็นการต่างคนต่างทำงานพ่ะย่ะค่ะ!”“วันนี้คุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อแยกกันค้นหา คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อจับตามองคนตระกูลเฉียว ส่วนคุณหนูรองจับตามองเก๋อเทียนซือ เป้าหมายน่าจะเป็นการตามหาฮองเฮาทั้งหมด!”“วันนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อไปตลาดซื้อขายทาส เป็นสถานที่ประมูลทาสในเมืองเล็กนี้ แล้วนางก็ซื้อนางรับใช้มาสองสามคน!”“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่า ท่านสามารถไปดูที่ตลาดซื้อขายทาสแห่งนั้นได้พ่ะย่ะค่ะ ในนั้นมีคนที่สามารถใช้งานได้มากมายนัก!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น “วันนี้กระหม่อมเห็นทาสคุนหลุนคนหนึ่ง ดูเหมือนถ่านดำ แต่มีพลังมาก สิงโตหินถูกเ
เมื่อเซียวหลินเทียนกลับมาที่โรงเตี๊ยม ก็ให้เผยอวี้ ขันทีโมและลู่หนานแบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่มไปติดตามตระกูลเฉียว ตระกูลเก๋อ และบุรุษลึกลับผู้นั้นมิว่าตระกูลใดในสามตระกูลจะพบที่อยู่ของหลิงอวี๋ก่อน ก็ให้รายงานข้อมูลทันที และชิงช่วยเหลือหลิงอวี๋ออกมาตัดหน้าพวกเขาขันทีโม่รับผิดชอบในการติดตามบุรุษลึกลับ เผยอวี้รับผิดชอบตระกูลเฉียว และฉินซานติดตามคนตระกูลเก๋อเนื่องจากคนที่เผชิญหน้าล้วนเป็นผู้บำเพ็ญตนระดับสูงมาก องครักษ์ธรรมดาเหล่านั้นหากส่งไปก็หาได้มีประโยชน์ไม่ เซียวหลินเทียนจึงให้ลู่หนานส่งจดหมายถึงจ้าวซวน ให้เหลือคนที่มีวรยุทธ์แก่กล้าของค่ายกองทหารเสือไว้เพียงมิกี่สิบคนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ให้กลับไปรอที่เมืองซานต้งคืนนั้นพวกขันทีโม่สามคนพาคนออกไปสืบข่าว ส่วนเซียวหลินเทียนก็รอฟังข่าวอยู่ที่โรงเตี๊ยมโรงเตี๊ยมแห่งนี้นับว่าค่อนข้างดีในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่ที่เซียวหลินเทียนอาศัยอยู่เป็นเรือนส่วนตัว แม้ว่าราคาจะสูงมากแต่เขาก็มิได้เสียดายแม้แต่น้อยเหยี่ยวน้อยที่เฮยอิงขององค์ชายอิงคาบมา เซียวหลินเทียนยังไม่มีโอกาสส่งมันกลับไปเมืองหลวง คราวนี้เซียวหลินเทียนก็พามันมาตามหาหลิงอวี๋ด้
เซียวหลินเทียนหันกลับไปจ้องมองซูจู๋ด้วยสายตาเย็นเยียบ ในฐานะจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจและเย็นชา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นกดดันจนร่างกายของซูจู๋หนาวไปทั่วร่างราวกับว่าจู่ ๆ บรรยากาศของโรงน้ำชาก็ลดลงถึงจุดเยือกแข็ง นางรู้สึกเย็นยะเยือกจนขนลุกซู่ไปหมดชั่วขณะหนึ่ง นางรู้สึกว่า เพียงเซียวหลินเทียนยกเท้าขึ้นมาก็สามารถเหยียบย่ำนางจนตายเหมือนมดตัวหนึ่งได้แล้วเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “กบในกะลากล้าที่จะมาโวยวายกับข้า เจ้าคิดว่าใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดเทียบตระกูลเก๋อได้จริง ๆ รึ? บอกว่าภรรยาของข้าเป็นตาปลา ในสายตาของข้า คุณหนูใหญ่ของเจ้ามิคู่ควรที่จะแบกรองเท้าของภรรยาข้าด้วยซ้ำ!”“หากข้าได้ยินคำพูดดูหมิ่นภรรยาของข้าจากปากเจ้าอีก ข้าจะทำให้พ่อแม่ของเจ้าเสียใจที่ให้กำเนิดเจ้ามา!”หลังจากพูดจบ เซียวหลินเทียนก็มิสนใจซูจู๋อีกและก้าวขายาวเดินออกไปในหัวของซูจู๋ว่างเปล่า เซียวหลินเทียนไปนานแล้วนางกลับเพิ่งตื่นขึ้นมาราวกับฝัน อาภรณ์ส่วนหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ยิ่งเพิ่มความหนาวเย็นขึ้นไปอีกซูจู๋ตัวสั่น คุณชายผู้นี้เป็นคุณชายตระกูลใดกันแน่?เหตุใดนางมิเคยเห็นบุรุษที่มีอำนาจน่าส
เผยอวี้กับขันทีโม่ก็มิได้สังเกตเช่นกันขันทีโม่สังเกตเห็นเพียงว่า บุรุษที่ตามหลังบุรุษผู้นั้นไปก็เป็นยอดฝีมือในการบำเพ็ญตนเช่นกัน ดูจากการแต่งตัวของเขา น่าจะเป็นพวกบ่าวมีคนสามกลุ่มนี้ในเมืองเล็กก็หมายความว่าหลิงอวี๋อยู่ใกล้ ๆ นี้พวกเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้รีบกินอาหารเย็นแล้วเดินออกไป หมายจะติดตามไปตามมิศทางของคนทั้งสามกลุ่มนี้พวกเซียวหลินเทียนสามคนเพิ่งจะเดินออกมา ก็เห็นนางรับใช้ที่วิพากษ์วิจารณ์คุณหนูรองตระกูลเก๋อเมื่อครู่เดินมาหาแล้วมุ่งตรงมาที่เซียวหลินเทียน จากนั้นจึงเอ่ย “คุณชาย หาสถานที่คุยกันสักหน่อยได้หรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วระวังตัวทันที หรือว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อมองออกถึงตัวตนของเขาแล้วจึงจงใจให้นางรับใช้ผู้นี้มารออยู่ที่นี่?“ไปคุยกันที่โรงน้ำชาข้างหน้าแล้วกัน!”เซียวหลินเทียนกวาดสายตามอง เห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีโรงน้ำชาที่ยังคงเปิดอยู่ เขาจึงเดินนำไปเผยอวี้กับขันทีโม่มองหน้ากัน ต่างก็เดามิออกว่าคุณหนูใหญ่จากตระกูลเก๋อให้นางรับใช้มาหาเซียวหลินเทียนเพื่ออะไร แต่ทั้งคู่ก็ตามไปอย่างเข้าใจเซียวหลินเทียนหาโต๊ะริมหน้าต่างแล้วนั่งลงมองซูจู๋โดยมิพ