สงบ! สงบไว้!หลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปที่หลังประตูอย่างเงียบ ๆเมื่อลอดช่องประตูเข้าไป หลิงอวี๋ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรคนที่หันหลังให้ตนเองคือทหารจู ดูเหมือนว่าทหารจูเพิ่งจะออกมาก็ถูกทหารเฉาขวางกั้นไว้เลย“ทหารเฉา ข้าให้เถาเฉิงพาพระชายาอ๋องอี้ออกจากห้องขังจริง ๆ แต่มิได้ให้พามาหาข้าที่นี่!”ทหารจูเอ่ยอย่างใจเย็น “เจ้าส่งจดหมายให้ข้าฆ่านางมิใช่หรือ?”“ข้าทำตามคำสั่งของเจ้า ให้เถาเฉิงพานางไปฆ่าที่เหมืองหมายเลขหนึ่งแล้ว!”“หืม? เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ? ไป พาข้าไปดูศพหน่อย!” ทหารเฉาเอ่ยอย่างเย็นชาทหารจูเอ่ยอย่างไม่ยินใจ “เหตุใด ทหารเฉายังมิเชื่อข้าหรือ?”ทหารเฉาเอ่ยด้วยท่าทีแปลก ๆ“ไม่ใช่ว่าข้ามิเชื่อเจ้า! แต่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญมาก ข้าต้องยืนยันก่อนจึงจะสามารถอธิบายให้แม่ทัพหลูฟังได้!”“หากทหารเฉามิเชื่อก็ไปดูด้วยตัวเองเลย แซ่จูไม่สบาย จึงมิขอไปด้วย! เถาเฉิง เราไปกินข้าวกันเถิด!”ทหารจูลากเถาเฉิงออกไป“หยุด!”สีหน้าของทหารเฉาเข้มขึ้น “จูจวิน เจ้ากล้าขัดคำสั่งรึ?”ทหารจูหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจ “ข้าขัดคำสั่งเยี่ยงไรเล่า? เจ้าให้ข้าฆ่านาง ข้าก
"บุกเลย!"ทางค่ายทหาร พวกทหารเฉาทุกคนก็ได้ยินเสียงอึกทึกกึกก้องนั้นเช่นกันทหารเฉาทั้งตกใจทั้งโกรธ พลางตะคอก “จูจวิน เจ้าจะกบฏรึ? ข้าจะฆ่าเจ้าแน่!”เขาชักดาบออกมา เหวี่ยงดาบไปที่เถาเฉิงที่ขวางหน้าทหารจูอยู่ทหารจูได้ยินเสียงตะคอก ความมั่นใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เขาดึงเถาเฉิงออกไป แล้วดาบในมือก็ปัดดาบของทหารเฉาปลิวไปจูจวินส่งเสียงคำรามยาว มีชีวิตชีวา แล้วหัวเราะพลางเอ่ย“ข้าทนกับพวกเจ้ามานานมากแล้ว… ไอ้ทหารไร้สาระกระไรนี่ ข้าไม่ทำแล้ว!”“มา วันนี้ข้าจะฆ่าพวกอันธพาลที่ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญเยี่ยงพวกเจ้า ไอ้พวกไร้ความสามารถ...”ดาบในมือของทหารเฉาถูกปัดปลิวไปแล้ว ปากเสือก็ถูกทหารจูทำให้เลือดไหลออกมาเขาเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงหันหลังวิ่งไป วิ่งไปพลางตะโกนไปด้วย“จูจวิน หากเจ้ากล้าฆ่าข้า แม่ทัพหลูจะไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่! เขาจักต้องช่วยข้าแก้แค้น จักต้องฆ่าครอบครัวของเจ้า!”จูจวินเห็นว่าถึงเวลานี้แล้ว ทหารเฉาก็ยังจะยกเอาแม่ทัพหลูมาข่มขู่ตนเอง ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเขาถลาไปข้างหน้า เหวี่ยงดาบในมือไปที่ขาของทหารเฉาเมื่อเห็นว่าขาของทหารเฉาตกอยู่ในอันตราย ก็มีดาบยื่นออกมาแทรก แล้วปัดออก
“แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง...”หลิงอวี๋หลับตาอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นหอกกำลังจะปักเข้าหว่างคิ้วแต่หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเสียงโลหะใส ๆ กระทบกันสามเสียงหลิงอวี๋รู้สึกมีบางอย่างพันรอบเอวของตน พลางร่างทั้งตัวนางก็ถูกยกขึ้นลอยตัวแล้วนางรีบลืมตาพลันเห็นใบหน้ารูปงามของเซียวหลินเทียนปรากฏต่อหน้าตนเขาใช้มือค้ำไม้เท้าพยุงร่างตัวเอง อีกข้างถือแส้หลิงอวี๋กำลังถูกแส้ในมือเซียวหลินเทียนพันรอบหลิงอวี๋รีบเอี้ยวหัวมองมือสังหารคนนั้นพลันเห็นมือสังหารกำลังสู้กันอุตลุดกับคนผมเงินที่สวมหน้ากากอยู่ต่อไป หลิงอวี๋เห็นจ้าวซวนกับเหล่าองครักษ์ของเสี่ยวหลินเทียนทยอยกันพุ่งเข้ามามือสังหารคนนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงขว้างระเบิดควันพลางค่อย ๆ แกว่งกระโดดขึ้นสันกำแพง พวกเขาลอยขึ้นหายไปในความมืดทันใด“ท่านอ๋อง นั่งเร็วเข้าพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานเอาเก้าอี้ล้อของเซียวหลินเทียนมาแล้ว ขาของเซียวหลินเทียนยืนนานมิได้เลยกลับไปนั่งบนเก้าอี้ล้อหลิงอวี๋เห็นคนของตนทั้งหมดในลาน เวลานี้ก็ถอนหายใจโล่งอกไม่สนใจถามเซียวหลินเทียนว่าหาที่นี่พบได้อย่างไรก็พลันเอ่ยเรียก“จ้าวซวน รีบไปช่วยทหารจู เป็นพวกเขาช่วยชีวิตข้าไว้!”จ้าวซวนยิ้มต
จูจวินไม่ได้พูดต่อพลางดึงเถาเฉิงคุกเข่าลง ‘ตุ้บ’“ท่านอ๋อง พวกกระหม่อมช่วยคนเลวทำผิด สมควรได้รับโทษ แม้ตายก็ไม่เสียดายพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่คนเหล่านี้ตายอย่างไม่เป็นธรรม! ได้โปรดท่านอ๋องสนับสนุนเพื่อพวกเขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”แววตาเซียวหลินเทียนขรึมขึ้น เอ่ยเสียงทุ้ม “เข้าไปดูหน่อย!”จูจวินเหยียดกายยืนถือคบเพลิงพากลุ่มคนเดินเข้าไปภายในเหมืองถ้ำมืดสนิท เดินไปสิบกว่าเมตรก็พบหลุมรกร้างแห่งหนึ่งจูจวินน้ำตาคลอเบ้าทิ้งคบเพลิงพลางเข้าไป ฝูงชนก็เห็นแสงคบเพลิงสาดส่องกองกระดูกขาวด้านล่างทันใดมีคนหลายคนที่อยู่บนสุดยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เห็นได้ชัดว่าตายเร็ว ๆ นี้เพิ่งถูกโยนลงไป!“แซ่จูเพิ่งมาเหมืองได้ครึ่งปี ทว่าก่อนหน้าก็ทิ้งศพมากหลายในนี้แล้ว! นับไม่หวาดไม่ไหว!”“ช่วงครึ่งปีนี้ โยนมาเจ็ดสิบแปดศพในเหมืองถ้ำพ่ะย่ะค่ะ!”“คนที่มีชื่อ แซ่จูล้วนทำลงสมุดทะเบียนแล้ว คนไม่มีชื่อ แซ่จูก็ลงทะเบียนหมายเลข!”จูจวินขบฟันกล่าว “แซ่จูสิ้นทางช่วยพวกเขาล้างแค้นแก้ไขความอยุติธรรม ทำได้แค่ใช้วิธีเช่นนี้จดบันทึกชื่อของพวกเขา หวังว่าสักวันหนึ่งจะเป็นประโยชน์!”แม่ทัพเฉินกับอันเจ๋อที่ตามมาต่างตะลึงกับศพมหาศาล!
หลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนกับแม่ทัพเฉินกลับเมืองหลวงด้วยกันก่อนเดินทาง หลิงอวี๋พบจางเสี่ยวเยี่ยนพลางกล่าวปลอบ“เสี่ยวเยี่ยน เรื่องนี้ยังไม่จบ ช่วงนี้เจ้ากับครอบครัวพักอยู่เหมืองก่อน! รอเรื่องราวจบลง ข้าค่อยจัดการพวกเจ้าให้ออกไป!”จางเสี่ยวเยี่ยนรู้แล้วว่าหลิงอวี๋คือชายาอ๋องอี้ นางมองคนของท่านอ๋องอี้จับคนเลวเหล่านั้นนางก็ผงกศีรษะไม่พะว้าพะวัง “พระชายาท่านวางเถิด! ข้าจะอยู่เหมืองกับครอบครัวข้าอย่างสงบเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋กลัวว่านางยังคิดไม่ตกเรื่องถูกข่มขืน จึงรั้งนางกระซิบข้าง ๆ“เสี่ยวเยี่ยน เจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะไม่ยอมทำเรื่องโง่เขลาอีก!”“ในชีวิตนี้เราจะเผชิญความยากลำบากมากมาย แต่ขอเพียงมีชีวิตอยู่ ความลำบากเหล่านั้นก็จะผ่านไป!”“ตลอดหนึ่งชีวิตช่างยาวนาน ตายไปก็ไม่เหลืออันใดสักอย่าง!”“เจ้าลองดูน้อง ๆ เจ้า พ่อเจ้า แม่เจ้า เจ้าตายไปพวกเขาจะเสียใจมากนะ!”หลิงอวี๋คิดสักพักพลางควักยาพิษห่อเล็กออกยัดให้จางเสี่ยวเยี่ยน“ขอโทษ ก่อนหน้าข้ารับปากเจ้าว่าจะวางยาพวกคนที่ทำร้ายเจ้า! แต่ทหารมาหลายขนาดนั้น ในหมู่พวกเขามีทั้งคนเลวและดี!”“ฉะนั้นข้าเลยวางยาสลบให้พวกเขา! บัดนี้คือยาพิษที่ให้เจ
ครั้นถึงคฤหาสน์หลี่ว์ก็มืดค่ำแล้วก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนมาแจ้งแล้วหลี่ว์เซียงกับครอบครัวยังไม่นอน ได้ยินว่าสามีภรรยาหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมาแล้วหลี่ว์เซียงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง หลิงอวี๋เห็นก็ยิ่งเคารพนบนอมต่อหลี่ว์เซียงอัครเสนาบดีตำแหน่งสูงผู้นี้ ตนผิดนัดก็ไม่ได้ตำหนิยังต้อนรับสมเกียรติเช่นนี้ต่อตน น้ำใจนี้ทำให้หลิงอวี๋เลื่อมใสนัก“พระชายาอ๋องอี้ เสียมารยาทแล้ว!”“ได้ยินว่าเจ้าป่วยหนัก วันนี้ดีขึ้นนิดหน่อยแล้วก็รีบมาตรวจท่านแม่เลย ข้าไม่รู้ว่าควรขอบคุณเจ้าเช่นไร!”“ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ โปรดเชิญข้างใจ!”“เกรงใจท่านอัครเสนาบดีแล้ว! เป็นหลิงอวี๋ละอายใจปล่อยให้ฮูหยินใหญ่รอนานถึงเพียงนี้!”หลิงอวี๋คารวะไม่พูดเป็นพิธีแล้วเช่นกัน “ฮูหยินใหญ่รอยู่ที่ใด โปรดท่านอัครเสนาบดีนำทางเถิด!”คนรับใช้ของตระกูลหลี่ว์ถือโคมไฟนำหน้าข้างหน้า บัดนี้หลี่ว์เซียงเห็นแผลบนหน้าหลิงอวี๋เขาผงะครู่หนึ่งพลันมองเซียวหลินเทียนโดยสัญชาตญาณเดิมทีสองวันมานี้พระชายาอ๋องอี้มิได้ป่วยหนักโดยสิ้นเชิง เป็นโดนท่านอ๋องอี้หวดจึงหลบพักฟื้นอยู่เรือน!มิน่าถึงต้องมาตรวจดึกดื่น คงไม่อยากถูกคนเห็นรอย
เมื่อเข้าประตู หลิงอวี๋ก็เห็นฮูหยินใหญ่หลี่ว์นอนบนเตียง ดวงหน้านางเปี่ยมริ้วรอย หนังหุ้มกระดูก แม้เป็นคนชราอายุไม่ถึงหกสิบ แต่กลับแก่ดั่งคนอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีแล้วฮูหยินหลี่ว์กับบุตรีของหลี่เซียงที่ด้านข้างยังมีคนรับใช้สองคนคอยปรนนิบัติ“ท่านแม่ ฮูหยิน นี่คือแม่นางหลิงหมอชั้นเซียนที่เคยเล่าให้พวกท่านก่อนหน้า นางเป็นหลานสาวของท่านอดีตอัครเสนาบดีเช่นกัน หลิงอวี๋พระชายาอ๋องอี้!”หลี่เซียงก้าวไปข้างหน้าเอ่ยแนะนำ“พบพระชายาอ๋องอี้แล้ว!”ฮูหยินหลี่ว์พาบุตรีหลี่ว์ฟางฟางคารวะหลิงอวี๋ฮูหยินหลี่ว์อายุไม่ถึงสี่สิบ รูปลักษณ์สุภาพงดงาม แต่ใบหน้ากลับซีดเซียว คาดว่าเป็นเพราะความล้าที่คอยดูแลความเจ็บไข้ฮูหยินใหญ่หลี่ว์ฟางฟางเพิ่งอายุสิบสี่ รูปลักษณ์คล้ายหลี่ว์จงเจ๋อเล็กน้อย หน้าตาสะสวยนางสังเกตหลิงอวี๋อย่างจองหองอยู่บ้าง ไม่ร่ำเรียนเขียนอ่านกับชื่อเสียงแย่ ๆ เหล่านั้นของหลิงอวี๋แพร่ไปทั่วเมืองหลวงแล้วหลี่ว์ฟางฟางได้ยินสิ่งนี้กับหู นางไม่เชื่อว่าหลิงอวี๋จะเป็นแม่นางหลิงหมอชั้นเซียนจริงหรอกครั้นเห็นแผลบนหน้าหลิงอวี๋ หลี่ว์ฟางฟางก็นึกถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ถูกท่านอ๋องอี้หวดแส้เนื่องยืมเงินกู้
หลี่ว์จงเจ๋อรีบเอ่ย “น้องหลิง ไม่ว่าจ่ายเงินเท่าไรเราล้วนให้หมด ได้โปรดเจ้ารักษาท่านย่าข้าให้หายด้วย!”หลี่ว์ฟางฟางคิดว่าตนสบโอกาสอีกหน กล่าวเหี้ยมเกรียมว่า“ท่านพี่ ท่านอย่าโดนหลิงอวี๋หลอก นางจงใจพูดอาการป่วยท่านย่าร้ายแรง กระตุ้นท่านให้เอ่ยคำพูดนี้ออกมามิใช่ว่าหมายต้องการเงินมากหรือ?”“หลิงอวี๋ เจ้าเปิดร้านโอสถสมุนไพรก็ไร้จรรยาแพทย์รึ? เจ้าเรียกร้องเกินเหตุเช่นกันมีกระไรต่างกับหมอพเนจรรึ?”หลิงอวี๋พูดไม่ออก นางเรียกร้องเกินเหตุตั้งแต่เมื่อไรกัน?นางมิได้พูดถึงเงินเลยสักคำ!อัครเสนาบดีหลี่ว์มองเหตุการณ์กระจ่าง เลี้ยงลูกสาวมาดื้อแบบนี้ได้อย่างไร?“ฟางฟางพอแล้ว! เจ้าออกไปก่อน!”หลี่ว์เซียงมองหลี่ว์ฟางฟางทำให้หลิงอวี๋อับอายครั้งแล้วครั้งเล่าก็ทนมิไหวอีกพลางตวาดลั่น“ออกไป! ถ้ากล้าพูดอีกประโยคก็ไปคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษเสีย!”“ท่านพ่อ ข้าพูดผิดที่ใด? หลิงอวี๋ต้องการเงินมากเห็น ๆ!”“ท่านพ่อ ท่านมิได้ยินข่าวลือหรือ? หลิงอวี๋นางติดหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยสูงมากนัก!”“นางแค่เห็นว่าตระกูลเรามีเงินถึงคิดอาศัยอาการป่วยท่านย่าต้มเอาเงินเจ้าค่ะ!”ไม่รอให้หลี่ว์ฟางฟางพูดต่อ หลี่ว์เซียงเหลืออ