“พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”เมื่อเห็นหลิงอวี๋จมอยู่ในห้วงความคิด จูหลานจึงถามด้วยความสงสัย “ท่านสงสัยเหมือนกันใช่หรือไม่ว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่จึงเสด็จกลับมา?”หลิงอวี๋ออกจากห้วงความคิดแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังมิเคยเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่เลยสงสัยว่าพระองค์มีนิสัยอย่างไรน่ะ?”จูหลานตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็อยากรู้เช่นกัน! เราจะได้เข้าเฝ้าพระนางเร็ว ๆ นี้แล้ว! ไทเฮาคงทรงพระเกษมสำราญมิน้อยที่ในที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็ทรงคิดได้และทรงยินดีที่จะดูแลรับใช้พระนาง!” จูหลานมิรู้เรื่องการเมืองสักเท่าไร ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาด้วยการพูดคุยเรื่องเสี่ยวเป่าให้หลิงอวี๋ฟังว่าเหตุใดเสี่ยวเป่าถึงยังหัวเราะได้ในตอนที่ฟันงอกในฐานะแม่ ลูก ๆ คือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับนางหลิงอวี๋เห็นความตื่นเต้นของอีกฝ่ายจึงรู้สึกอิจฉาแม้หลิงเยวี่ยจะเป็นลูกของนาง แต่ก็มิเคยมีประสบการณ์ในการคลอดและมิเคยมีประสบการณ์เลี้ยงหลิงเยวี่ย จึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการหัวเราะครั้งแรก หรือเริ่มเดินครั้งแรกน่าเสียดายอย่างยิ่ง!ในภายภาคหน้านางจะต้องมีลูกเป็นของตัวเองเท่านั้นจึงจะได้สัมผัสความสุขเช่นนี้!“ตอนนี
ก่อนที่ไทเฮาและองค์หญิงใหญ่จะนั่งลงประจำที่ พระชายาเส้าและจักรพรรดิอู่อันก็เดินจับมือกันเข้ามา ขณะที่ด้านหลังเป็นองค์หญิงหกเซียวทงวันนี้พระชายาเส้าแต่งตัวอย่างรัดกุมและเต็มยศรูปหกเหลี่ยมสีม่วงบนเสื้อคลุมแสดงถึงความมั่งคั่ง พร้อมด้วยดอกโบตั๋นที่ปักด้วยมือตั้งแต่ช่วงหน้าอกจนถึงไหล่ กลุ่มดอกไม้บนเสื้อช่วยให้ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างวิจิตรงดงามเปล่งประกายพระชายาเส้าปักปิ่นลูกปัดไว้ในมวยผม ซึ่งทำจากลูกปัดทองคำหกเม็ดเข้าคู่กับหินโมราสีแดง ส่งเสริมให้นางดูสง่างามและโอ่อ่าในฐานะที่เป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในวังหลัง ใบหน้าที่เชิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจของนางหลิงอวี๋หันไปสังเกตสีหน้าขององค์หญิงใหญ่ เพราะเมื่อเห็นปิ่นปักผมของพระชายาเส้า นางก็หันมององค์หญิงใหญ่อย่างมิรู้ตัวอีกครั้งนางเห็นว่าองค์หญิงใหญ่ปักปิ่นลูกปัดบนมวยผมที่เกล้าสูงของนาง ช่างเหมือนกับปิ่นของพระชายาเส้า แต่แตกต่างเพียงขององค์หญิงใหญ่ฝังด้วยลูกปัดทองคำเก้าเม็ด!เลขเก้าคือเลขที่มีเพียงผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดเท่านั้นที่สามารถใช้ได้!หัวใจของหลิงอวี๋พลันวูบไหว ปิ่นเล่มนี้เป็นของไทเฮา!มันอาจจะเป็นสมบัติที่ไท
เมื่อถึงคราวที่จักรพรรดิอู่อันแนะนำเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋ หลังจากแนะนำทั้งสองคน องค์หญิงใหญ่ก็ยิ้มกว้างและจับมือหลิงอวี๋ด้วยท่าทางดีใจ“เมื่อคืนตัวข้าได้ยินเสด็จแม่พูดถึงเจ้า เสด็จแม่เล่าว่าเจ้าดูแลนางเป็นอย่างดี และยามที่เสด็จแม่ทรงประชวร เจ้าก็ยังอุทิศตนเพื่อดูแลพระนาง!”สิ้นคำ องค์หญิงก็ถอดสร้อยข้อมือหยกมอบให้หลิงอวี๋“นี่คือความต้องการของข้า ขอบใจที่ดูแลไทเฮาเพื่อข้า ไทเฮามอบสิ่งนี้ให้ข้าครั้นเมื่อแต่งงาน ข้าขอส่งต่อมันให้เจ้า!”ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะปฏิเสธ องค์หญิงใหญ่ก็ปรามนางเอาไว้และพูดหยอกล้อ “เจ้ากับข้ามิเจอกันมาก่อน เจ้าเลยมินับว่าข้าเป็นเสด็จป้างั้นหรือ!”ไทเฮากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาอวี๋ รับไปเถิด! ในภายภาคหน้าพวกเราแม่ลูกต้องรบกวนเจ้าอีกมาก!”หลิงอวี๋จึงพูดได้เพียงว่า “หลิงอวี๋ขอบพระทัยเสด็จป้าเพคะ!”เมื่อนางเดินกลับมาพร้อมกับสร้อยข้อมือหยก หลิงอวี๋ก็เห็นจ้าวเจินเจินมองตนด้วยสายตาเหยียดหยามพระชายาเว่ยยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์พระชายาเส้าในองค์จักรพรรดิหันมองหลิงอวี๋อย่างมีนัยก่อนหันหลังกลับหลังจากแนะนำตัวพระชายาเย่แล้ว หลิงอวี๋ก็พบว่า ในบรรดาพระชายาทั้งสี่คน นางเป็
จักรพรรดิอู่อันและไทเฮาดูเหมือนจะมิรู้เรื่องนี้ พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีความสุขเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตหลิงอวี๋มิได้ตั้งใจฟังมากนัก นางคอยสังเกตท่าทีองค์หญิงใหญ่อย่างใจเย็นนางพำนักอยู่ที่อารามจิ้งซือนานหลายปีจึงมีท่าทีสงบนิ่ง หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว นางควรถือครองพรหมจรรย์และมีจิตใจบริสุทธิ์ แต่หลิงอวี๋มิได้รู้สึกเช่นนั้นทุกย่างก้าวขององค์หญิงใหญ่ดูสง่างามและสูงส่ง ซึ่งเป็นกลิ่นอายที่ผู้บำเพ็ญเพียรมานานมิอาจมีได้อาหารมื้อนี้จบลงด้วยบรรยากาศแห่งความคิดถึง จักรพรรดิอู่อันและพระชายาเส้านั่งรถม้ากลับวังหลวงเป็นคนแรกหลังจากที่หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนกล่าวลา ทั้งสองคนก็เดินออกจากวังหลวง ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็สังเกตเห็นแม่นมซ่งนางกำนัลส่วนตัวของพระชายาเส้ายืนอยู่ข้างต้นไม้หัวใจของหลิงอวี๋เต้นแรง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ นางจึงเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแม่นมซ่งถอยไปสองก้าวเพื่อซ่อนตัวอยู่ใต้เงาต้นไม้แล้วกระซิบว่า“พระชายาอ๋องอี้ พระชายาสั่งให้ข้ามาบอกบางอย่างให้ท่าน... การลอบสังหารที่ทะเลสาบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระชายาเจ้าค่ะ!”พูดจบ แม่นมซ่งก็เดินจากไปหลิงอวี๋เดินกลับไปหาเซียวหลิน
หอเหยี่ยวราตรีอีกแล้ว!เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋สบตากัน ตอนที่องค์ชายเว่ยไปที่เว่ยโจวครั้งที่แล้วก็จ่ายเงินในราคาสูงให้นักฆ่าจากหอเหยี่ยวราตรีไปลอบสังหารเซียวหลินเทียนศึกครั้งนั้นทำให้เซียวหลินเทียนถือโอกาสยืนขึ้นมา และในขณะเดียวกันก็ทำร้ายยอดฝีมือของหอเหยี่ยวราตรีไปสิบกว่าคนเลยทีเดียวหอเหยี่ยวราตรีได้รับความเสียหายหนักมาก หลังจากนั้นก็หลบซ่อนมิปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกเลยไหนเลยจะคิดว่า ครั้งนี้ตระกูลเว่ยจะใช้นักฆ่าจากหอเหยี่ยวราตรีอีกครั้ง ทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในห้าอันดับต้นอีกด้วยครั้งนี้เสียหายไปหนึ่งคน แล้วหอเหยี่ยวราตรีจะยอมวางมือได้เยี่ยงไร!“ท่านอ๋อง นักฆ่าหญิงผู้นี้คนทั่วไปเรียกกันว่าไป๋สั่วมิ่งพ่ะย่ะค่ะ วรยุทธสูงยิ่งกว่าสามีของนางเสียอีก ว่ากันว่าทุกครั้งที่สองคนนี้รับภารกิจ ไป๋สั่วมิ่งจะเป็นคนวางแผนและตัดสินเรื่องการฆ่าพ่ะย่ะค่ะ”“ตั้งแต่ที่สองคนนี้เริ่มทำมาก็มิเคยพลาดเลย ครั้งนี้สูญเสียสามีของนางไป นางต้องไม่มีทางยอมวางมือแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ไห่เฟิงเอ่ยอย่างกังวลใจ “พระชายา ช่วงนี้เวลาท่านออกไปข้างนอกต้องระวังนะขอรับ! ว่ากันว่าไป๋สั่วมิ่งผู้นี้ยังมีอีกฉายาว่ากว
เรื่องที่หลิงอวี๋ยั่วยุนักฆ่าไป๋สั่วมิ่ง วันรุ่งขึ้นก็ได้แพร่กระจายออกไปในวงของคนที่สนใจจ้าวเจินเจินมิได้รู้สึกต่อเรื่องนี้ว่าหลิงอวี๋เบื่อกับชีวิตจึงไปยั่วยุนักฆ่าอย่างบ้าคลั่งแล้วตอนนี้นางเข้าใจหลิงอวี๋แล้ว นางจะทำเรื่องใดจะต้องมีแผนสำรองหากนักฆ่าผู้นี้มิโผล่หน้ามาก็จบ แต่ทันที่โผล่หน้ามาจะต้องตกหลุมพรางของหลิงอวี๋อย่างแน่นอนจ้าวเจินเจินคิดว่าหากตนเป็นหลิงอวี๋ คิดว่าหากเปลี่ยนเป็นตนแล้วจะล่อนักฆ่าออกมาอย่างไร!แต่นอกจากจ้าวเจินเจินจะให้ความสนใจในเรื่องนี้แล้ว ก็ยังคิดถึงคำสัญญาที่ตนมีต่อจ้าวฮุยอีกด้วย นางจะต้องทำให้หลิงอวี๋หายไปจากใต้หล้านี้ภายในหนึ่งเดือนเช่นนั้น เรื่องนักฆ่าผู้นี้จะมีช่วงชุลมุนให้ตนได้ถือโอกาสกำจัดหลิงอวี๋ไปหรือไม่กันนะ!ทางด้านหลิงอวี๋ก็วางแผนหลอกล่อให้ไป๋สั่วมิงปรากฏตัว พลางหาโอกาสใกล้ชิดกับพี่น้องมู่หรงไปด้วยแต่หลายวันมานี้ นางกับเซียวหลินเทียนหาวิธีใกล้ชิดกับพี่น้องมู่หรงมิได้เลยเมื่อเห็นว่าวันอภิเษกสมรสอันยิ่งใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หลิงอวี๋ก็ยังหาโอกาสมิได้ นางกังวลเป็นอย่างมาก หรือว่าต้องมองมู่หรงชิ่งแต่งงานกับเฮ่อหรงไปเช่นนั้นหรือ?เฮ่อหรงกับ
มู่หรงชิ่งพยักหน้าแล้วเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างคับแค้นใจพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น “คนตระกูลเฮ่อบอกว่า หลิงเยี่ยนเป็นชายารองขององค์ชายเว่ย บอกว่าเสด็จพี่ข้าดื่มมากเกินไปแล้วไปข่มเหงหลิงเยี่ยนจนทำให้เด็กในท้องของนางหลุดออกมา!”“พวกเขาบีบให้เสด็จพี่ลงนามให้หนังสือรับผิด! ตอนนั้นท่านพี่ยังคงมึน ๆ อยู่จึงถูกคนของตระกูลเฮ่อกดมือลงนามในหนังสือรับผิดไป!”“หลังจากนั้น พวกเขาก็ให้เสด็จพี่ตอบตกลงเรื่องงานแต่งงาน มิเช่นนั้นจะกราบทูลจักรพรรดิอู่อันเรื่องความผิดของเขา!”“พวกเขายังบอกอีกด้วยว่า ตอนนี้ทูตของทั้งสามแคว้นยังมิได้ไปจากเมืองหลวง หากรู้เรื่องที่เสด็จพี่ทำลงไปอย่างละอายเช่นนี้ จะต้องต่อต้านเขาอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจมาก เขามิเชื่อว่ามู่หรงเหยียนซงจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ลง ทว่าหากมู่หรงเหยียนซงลงนามไปแล้ว เช่นนั้นผู้ใดจะเชื่อว่ามู่หรงเหยียนซงมิได้ทำเล่า!มิน่า ตระกูลเฮ่อถึงได้คอยจับตามองพี่น้องมู่หรงอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ที่แท้ก็มีเรื่องลับ ๆ เช่นนี้นี่เอง!ขอเพียงมู่หรงชิ่งแต่งงานกับเฮ่อหรงแล้วทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกเสียก่อน ตระกูลเฮ่อจึงจะวางใจได้“เสด็จพี่โกรธมาก แต่ก็ไม่
ข้อมูลในคำพูดของมู่หรงชิ่งมีมากเกินไปจนทำให้หลิงอวี๋มิสามารถทำความเข้าใจได้ไปสักพัก นางอยากจะเอ่ยถามอะไรอีกแต่ก็ได้ยินเสียงนางรับใช้คนสนิทของมู่หรงชิ่งดังมาจากข้างนอกเสียก่อน“องค์หญิงชิ่ง รีบออกมาเร็วเพคะ พระชายาเว่ยมาแล้ว!”มู่หรงชิ่งมองไปทางหลิงอวี๋อย่างร้อนใจ หลิงอวี๋จึงรีบเอ่ย “เจ้าออกไปก่อนเถิด! วางใจได้ ข้าต้องขัดขวางงานแต่งของเจ้ากับเฮ่อหรงให้ได้! ส่วนเรื่องของหลิงเยี่ยน ข้าจะช่วยให้เสด็จพี่ของเจ้าได้ชี้แจงให้ชัด!”มู่หรงชิ่งมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้งพลางเอ่ยออกมาอย่างมีความหมาย “พี่หญิงหลิงหลิง พวกเรากับเจ้าต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน!”“ตอนนี้หลิงเยี่ยนข่มขู่เสด็จพี่มิหยุดเลย แล้วก็อาจจะข่มขู่เจ้าด้วย… ตัวตนของเจ้า หากหลิงเยี่ยนรู้เข้าละก็ เช่นนั้นเจ้าต้องรีบคิดหามาตรการรับมือแล้ว!”หลิงอวี๋ใจสั่น หวางซือกับหลิงเสียงเซิงต่างก็รู้เรื่องที่ตนมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของหลิงเสียงเซิง หากหวางซือบอกกับหลิงเยี่ยน เช่นนั้นตนก็ต้องรีบคิดมาตรการรับมือไว้จริง ๆ มู่หรงชิ่งไปแล้ว พระชายาเว่ยก็ซื้อชุดที่ถูกใจไปสองสามชุด นางมิได้สงสัยมู่หรงชิ่ง เมื่อเรียกมู่หรงชิ่งแล้วก็ออกไปเลยหลิงอวี๋รอ