ไป๋สั่วมิ่งหยิ่งผยองเช่นนี้ กล้าอวดดีว่าจะเป็นวิญญาณร้ายตามรังควานหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็มิกังวลแล้วว่านางจะมิโผล่มาขอเพียงติดตามนางไปก็จะต้องเจอหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีที่มิเปิดเผยตัวผู้นั้นแน่นอนหลิงอวี๋จดจำเรื่องของมู่หรงชิ่งแล้วกลับตำหนักอ๋องอี้ไปก่อนเซียวหลินเทียนกำลังรออยู่อย่างร้อนใจ ครั้นเห็นว่าหลิงอวี๋เข้าห้องมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็รู้เลยว่าหลิงอวี๋พบอะไรบางอย่างมาแล้ว“อาอวี๋ องค์หญิงชิ่งว่าอย่างไรบ้าง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามอย่างรอมิไหวหลิงอวี๋จึงเล่าสิ่งที่มู่หรงชิ่งบอกมาให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อได้ยินเรื่องของจินโหย่ว เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นหลิงอวี๋รู้เรื่องของจินโหย่วมิมากนัก แต่เซียวหลินเทียนรู้ว่าตอนนั้นจินโหย่วผู้นี้เป็นทหารกล้าที่อยู่ใกล้ชิดจักรพรรดิสูงสุด ว่ากันว่าวรยุทธของเขาแข็งแกร่งมาก ทั้งยังเป็นคนมีปัญญาดีอีกด้วยครั้นเมื่อองค์จักรพรรดิสูงสุดสิ้นพระชนม์ เซียวหลินเทียนยังเด็กอยู่ เขาชื่นชมจินโหย่วผู้นี้มากตอนนั้นจินโหย่วเป็นอาจารย์วิชาวิทยายุทธขององค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยถูกจักรพรรดิอู่อันที่ตอนนั้นยังเป็นองค์รัช
เซียวหลินเทียนครุ่นคิดตาม เขาคิดไปเรื่อย ๆ แล้วความคิดก็มุ่งไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฮ่อกับค่ายกองทหารเสือเหตุใดตระกูลเฮ่อต้องวางยาพิษจักรพรรดิสูงสุดด้วยเล่า?ตอนนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?“องค์หญิงใหญ่กับฮองเฮาเว่ยรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่?”เขาคิดแล้วก็ตั้งคำถามออกมาโดยมิรู้ตัวหลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ว่าจะช่วยมู่หรงเหยียนซงลบล้างความผิดอย่างไรดี แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินคำถามของเซียวหลินเทียน จึงเอ่ยออกไป“หม่อมฉันยังสงสัยอยู่เลยเพคะว่า องค์หญิงใหญ่กับไทเฮามีความแค้นอะไรต่อกันกันแน่ เหตุใดพระนางจึงไปอยู่ที่อารามจิ้งซือนานหลายปีมิกลับมาเลย?”“เซียวหลินเทียน หม่อมฉันรู้สึกว่า จินโหย่วผู้นี้อาจจะมิได้รู้เพียงแค่สิ่งที่มู่หรงชิ่งบอกพวกเราเพคะ! หากต้องการที่จะรู้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ต้องไปหาเขา!”เซียวหลินเทียนยิ้มขมขื่น “อีกมิกี่วันก็จะถึงงานแต่งงานของมู่หรงชิ่งกับเฮ่อหรงแล้ว พวกเรามีเวลาไปตามหาเขามากมายถึงเพียงนั้นที่ไหนกัน!”“เรื่องสำคัญต้องจัดการทันที คิดวิธีขวางงานแต่งงานก่อนเถิด!”หลิงอวี๋พยักหน้าแล้วเล่าเรื่องที่เจอกับไป๋สั่วมิ่งในวันนี้ สุดท้ายก็เอ่ย “พวกเราเตรียมตัวก่
หลิงอวี๋กุมที่ปากแผลไว้แล้วก็ถูกหานเหมยกับเถาจื่อประคองเข้าไปในห้องเมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว หลิงอวี๋จึงได้ปล่อยมือ ในมือของนางซ่อนถุงเลือดเล็ก ๆ ไว้หนึ่งถุง เมื่อครู่ก็ถือโอกาสตอนที่ไป๋สั่วมิ่งแทงมาที่นางตั้งใจบีบถุงเลือดให้แตกหลิงอวี๋ได้กลิ่นที่ตนทิ้งไว้ที่ตัวไป๋สั่วมิ่งตั้งแต่ตอนที่นางปลอมเป็นลุงแก่เข้ามาใกล้แล้ว นางใช้แผนซ้อนแผน แสร้งทำเป็นถูกแทงเพราะอยากให้ไป๋สั่วมิ่งภูมิใจสักหน่อยเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนที่เซียวหลินเทียนกับจ้าวซวนแล้วก็ปี้ไห่เฟิงตามไป๋สั่วมิ่งไป ไป๋สั่วมิ่งจะได้มิสังเกตหานเหมยเอาอาภรณ์สะอาดมาให้หลิงอวี๋เปลี่ยนใหม่ เถาจื่อเรียกสตรีที่รูปร่างพอ ๆ กันกับหลิงอวี๋มาใส่ชุดของหลิงอวี๋ไว้ แล้วแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บจึงกลับตำหนักอ๋องอี้ไปก่อนหลิงอวี๋แต่งตัวเป็นนางรับใช้ต่ำต้อยหน้าตาอัปลักษณ์แล้วพาหานอวี้ออกไปทางด้านหลังไร่นาสองวันมานี้คนของเซียวหลินเทียนที่แอบปกป้องนางอยู่พบว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่แอบตามสอดแนมหลิงอวี๋อยู่ คนเหล่านี้คือคนของจ้าวเจินเจินตอนที่หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้แก่ใจเลยจ้าวเจินเจินจะต้องได้ยินว่า ตนกับไป๋สั่วมิ่งเจอกันแล้วแน่นอน ดังนั้นจึงอยากจะจ
เซียวหลินเทียนไปหารายชื่อและข้อมูลของบ่าวเหล่านั้นมาให้หลิงอวี๋ตามแผนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋พอจะคุ้นเคยกับประวัติความเป็นมาของพวกเขาบ้างแล้ว ดังนั้นนางกับหานอวี้จึงแฝงตัวกับกลุ่มของจวนอ๋องหรงที่ออกมาจ่ายตลาดเข้าไปในจวนโดยที่มิดึงดูดความสนใจของผู้ใดเลยพ่อบ้านจวนอ๋องหรงตอนนี้คือเฮ่อเฉียงซึ่งเป็นพ่อบ้านที่ไร่นาของเฮ่อหรง เซียวหลินเทียนไปตรวจสอบเขามาแล้วปีนี้เฮ่อเฉียงอายุสี่สิบกว่า เป็นคนรับใช้ของตระกูลเฮ่อ ตอนแรกเป็นบ่าวติดตามพ่อของเฮ่อหรง มีความจงรักภักดีต่อเฮ่อหรงมากเขาแต่งงานมีลูกแล้ว เฮ่อหยางลูกชายของเขาก็เป็นคนรับใช้ของเฮ่อหรงเช่นกัน ส่วนภรรยาก็ช่วยเฮ่อหรงดูแลไร่นาหลิงอวี๋ดูข้อมูลแล้วก็มิเห็นความพิเศษของเฮ่อเฉียง ทว่าแฝงตัวเข้าไปมิถึงครึ่งวัน นางก็พบมุมที่เก่งกาจของเฮ่อเฉียงแล้ว...หลิงอวี๋กับหานอวี้เข้าไปในจวนอ๋องหรงแล้วแยกกันทำงาน นางไปทำงานในครัวกับสตรีอายุสามสิบกว่าสตรีผู้นี้เป็นแม่ครัวที่จักรพรรดิอู่อันประทานเป็นรางวัลมาให้อ๋องหรง นางสกุลลั่ว นางเห็นหลิงอวี๋เข้ามาช่วยตอนยุ่งกับการซื้อของจึงให้หลิงอวี๋อยู่ด้วยหลิงอวี๋ใช้นามแฝงว่าหลิงเอ๋อร์ นี่เป็นชื่อที่มีอยู่ในรายชื่อ
หลิงอวี๋ฝืนทนไว้ มือก็จงใจจับที่ชายเสื้อผ้าของตนเองอย่างดูอึดอัดหลังจากนั้นสักพัก เฮ่อเฉียงจึงหันไปถามแม่นางลั่ว “ก่อนหน้านี้มิได้เห็นนางรับใช้ผู้นี้เลย มาจากที่ใดกัน?”แม่นางลั่วยิ้มทันทีพลางเอ่ย “ก่อนหน้านี้หลิงเอ๋อร์ตามบ่าวไปจ่ายตลาด บ่าวเห็นว่านางคล่องแคล่วดี ทั้งยังรู้หนังสือด้วยจึงให้นางอยู่ช่วยในครัวเลยเจ้าค่ะ!”“พ่อบ้านเฮ่อ ดูสิเจ้าคะ ครัวมีงานมากถึงเพียงนี้ หากไม่มีคนที่คล่องแคล่วมาช่วยบ่าวก็ทำมิเสร็จจริง ๆ เจ้าค่ะ! นางมาช่วยงานบ่าวไปได้มากทีเดียว!”“เช่นนั้นก็ให้นางอยู่เถิด!”เฮ่อเฉียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินถอยออกไปหลิงอวี๋เห็นว่าเขาไปไกลแล้วจึงกล้าที่จะลอบถอนหายใจสิ่งนี่พิสูจน์แล้วว่าตนปลอมตัวสำเร็จ อีกทั้งการเตรียมตัวก่อนหน้านี้ก็เต็มที่ด้วย ดังนั้นเฮ่อเฉียงจึงมิได้สงสัยตนที่เขาซักไซ้ตนก่อนหน้านี้ก็แค่มิคุ้นหน้าตนเท่านั้นแต่ในช่วงเวลาเล็กน้อยนี้ก็ทำให้หลิงอวี๋มองออกถึงความสามารถของเฮ่อเฉียงที่คนทั่วไปมิสังเกตข้อแรก เฮ่อเฉียงมิดูบันทึก แค่ฟังชื่อของตนแล้วก็มิได้ถามละเอียดนี่แสดงว่าเขามีความทรงจำที่ดีมาก สามารถจดจำข้อมูลของคนรับใช้ทุกคนในจวนได้ข้อสอง เฮ่อ
หลิงอวี๋สำรวจอยู่ในจวนอ๋องหรงทางด้านเซียวหลินเทียนก็มิได้ว่าง กำลังพลต่าง ๆ กำลังไล่ตามไป๋สั่วมิ่งอยู่ สุดท้ายก็เจอแหล่งกบดานของไป๋สั่วมิ่ง ก็คือเรือนที่อยู่บนถนนด้านหลังจวนอ๋องหรง ปี้ไห่เฟิงจึงรีบส่งคนไปแจ้งเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรีบมาทันทีแล้วก็เห็นว่าเรือนนั้นกับจวนอ๋องหรงอยู่ห่างกันแค่ถนนเส้นเดียวเท่านั้นหัวใจของเซียวหลินเทียนบีบแน่นทันที หรือหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีจะเป็นเฮ่อหรง?เป็นไปได้หรือ?เขานึกย้อนไปถึงการตรวจสอบหอเหยี่ยวราตรีก่อนหน้านี้ นักฆ่าที่เว่ยโจวครั้งที่แล้วบอกพวกเขาว่ามิเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหัวหน้าเลย ทุกครั้งที่หัวหน้าปรากฏตัวก็จะใส่หน้ากากปิดตลอดแสดงว่าเฮ่อหรงก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีตอนนั้นเฮ่อจิ้นผู้นำตระกูลเฮ่อสามารถควบคุมค่ายกองทหารเสือและมีองครักษ์ที่ฝึกฝนด้วยเฮ่อหรงก็อาจจะใช้วิธีนี้ฝึกนักฆ่าของหอเหยี่ยวราตรีได้!หรือกระทั่ง… นักฆ่าเหล่านี้อาจจะเป็นคนของค่ายกองทหารเสือก็เป็นได้!เพราะว่านอกจากองค์จักรพรรดิกับราชองครักษ์ของค่ายกองทหารเสือแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัดว่าสมาชิกของค่ายกองทหารเสือมีผู้ใดกันบ้าง!หลิงอว
คำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของเซียวหลินเทียนทำให้องค์ชายอิงตะลึง นี่อ๋องอี้กำลังบอกอะไรเป็นนัย ๆ อยู่หรืออย่างไร?เซียวหลินเทียนเห็นท่าทีตะลึงขององค์ชายอิงก็หัวเราะออกมา “ก่อนหน้านี้เยวี่ยเยวี่ยของข้าเห็นความสง่าของเหยี่ยวดำตัวนี้ของเจ้าแล้วอิจฉามาก มาอ้อนข้าให้หาให้เขาสักตัว!”“ข้าเองก็มิเคยเห็นเหยี่ยวที่สง่าถึงเพียงนี้เช่นกันจึงได้ถาม!”ทันทีที่องค์ชายอิงได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ ก็แอบหัวเราะเยาะตัวเองที่คิดมากไป“การจะจับเหยี่ยวมาเป็นสัตว์เลี้ยงมิใช่เรื่องที่มีความสามารถแล้วจะทำกันได้ ต้องพึ่งโชคด้วย!”องค์ชายอิงเอ่ยอย่างภาพภูมิใจ “เป็นเพราะโชคชะตาทำให้ข้าได้ช่วยเหลือเหยี่ยวตัวนี้ในตอนที่ข้ายังเด็ก และมันก็ติดตามข้ามาหลายปีแล้ว! มันจงรักภักดีกับข้ายิ่งกว่าคนเสียอีก!”“อ๋องอี้… เชิญ!”องค์ชายอิงยื่นมือออกไปทำท่าเชิญ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนนั่งลงแล้วก็รินชาให้เซียวหลินเทียนด้วยตัวเอง“อ๋องอี้คิดว่า ที่จู่ ๆ ข้ามาหาเช่นนี้กะทันหันมากใช่หรือไม่? ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา และรู้ว่าเวลาของอ๋องอี้มีค่ามาก ข้าจะมิพูดอ้อมค้อมกับเจ้า มีสิ่งใดก็จะพูดเลยตามตรง!”เซียวหลินเทียนรับถ้วยชามาอย่างมีมารย
แม้ว่าองค์ชายอิงจะมิได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ข้อความที่แทรกอยู่ในคำพูดนั้นมันแสดงออกมาเช่นนี้เซียวหลินเทียนคิดพลางจงใจพูด “ว่ากันว่า เมืองโม่เหอนั้นมิว่าปลูกสิ่งใดก็ตายหมด แค่คิดว่าข้าต้องไปในที่กันดารย่ำแย่นั้นก็ทนมิไหวแล้ว หากองค์ชายอิงช่วยได้เช่นนี้ก็จะดีที่สุด!”หลิงอวี๋เคยพูดว่า โม่เหออาจจะมีสมบัติอยู่ พวกเขายังมิเคยไปสถานที่จริง แต่องค์ชายอิงเคยไปมาแล้ว หรือว่าโม่เหอจะมีของดีที่พวกเขามิรู้อีก?คำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนอยากจะลองหยั่งเชิงองค์ชายอิงดู“จะยากอะไรกัน ก็แค่ใช้กำลังคนมากหน่อย!”องค์ชายหัวเราะ อยากจะเลี่ยงเรื่องโม่เหอไป เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “อ๋องอี้ เช่นนั้นเรื่องขององค์หญิงก็คงต้องขอร้องเจ้าแล้ว”เซียวหลินเทียนสับสนว้าวุ่นใจ องค์ชายหนิงสนใจองค์หญิงหก ตอนนี้องค์ชายอิงก็จะมาแย่งชิงองค์หญิงหกอีก หรือว่าจะเป็นการมุ่งเป้ามากันเพื่อโม่เหอ?ก่อนหน้านี้องค์ชายหนิงใช้เมืองโม่เหอมาเดิมพันจนแพ้ไป อาจจะมิรู้ข้อดีของโม่เหอก็เป็นได้!ส่วนองค์ชายอิงก่อนหน้านี้ก็มิได้หลงใหลโม่เหอ แล้วเหตุใดจึงทำให้ทั้งสองคนมาแย่งชิงโม่เหอกันกะทันหันเช่นนี้?ฉีตะวันตกกับเว่ยเหนือต่างก็อยู่ใ