มู่หรงชิ่งพยักหน้าแล้วเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างคับแค้นใจพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น “คนตระกูลเฮ่อบอกว่า หลิงเยี่ยนเป็นชายารองขององค์ชายเว่ย บอกว่าเสด็จพี่ข้าดื่มมากเกินไปแล้วไปข่มเหงหลิงเยี่ยนจนทำให้เด็กในท้องของนางหลุดออกมา!”“พวกเขาบีบให้เสด็จพี่ลงนามให้หนังสือรับผิด! ตอนนั้นท่านพี่ยังคงมึน ๆ อยู่จึงถูกคนของตระกูลเฮ่อกดมือลงนามในหนังสือรับผิดไป!”“หลังจากนั้น พวกเขาก็ให้เสด็จพี่ตอบตกลงเรื่องงานแต่งงาน มิเช่นนั้นจะกราบทูลจักรพรรดิอู่อันเรื่องความผิดของเขา!”“พวกเขายังบอกอีกด้วยว่า ตอนนี้ทูตของทั้งสามแคว้นยังมิได้ไปจากเมืองหลวง หากรู้เรื่องที่เสด็จพี่ทำลงไปอย่างละอายเช่นนี้ จะต้องต่อต้านเขาอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋รู้สึกหวั่นใจมาก เขามิเชื่อว่ามู่หรงเหยียนซงจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ลง ทว่าหากมู่หรงเหยียนซงลงนามไปแล้ว เช่นนั้นผู้ใดจะเชื่อว่ามู่หรงเหยียนซงมิได้ทำเล่า!มิน่า ตระกูลเฮ่อถึงได้คอยจับตามองพี่น้องมู่หรงอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ที่แท้ก็มีเรื่องลับ ๆ เช่นนี้นี่เอง!ขอเพียงมู่หรงชิ่งแต่งงานกับเฮ่อหรงแล้วทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกเสียก่อน ตระกูลเฮ่อจึงจะวางใจได้“เสด็จพี่โกรธมาก แต่ก็ไม่
ข้อมูลในคำพูดของมู่หรงชิ่งมีมากเกินไปจนทำให้หลิงอวี๋มิสามารถทำความเข้าใจได้ไปสักพัก นางอยากจะเอ่ยถามอะไรอีกแต่ก็ได้ยินเสียงนางรับใช้คนสนิทของมู่หรงชิ่งดังมาจากข้างนอกเสียก่อน“องค์หญิงชิ่ง รีบออกมาเร็วเพคะ พระชายาเว่ยมาแล้ว!”มู่หรงชิ่งมองไปทางหลิงอวี๋อย่างร้อนใจ หลิงอวี๋จึงรีบเอ่ย “เจ้าออกไปก่อนเถิด! วางใจได้ ข้าต้องขัดขวางงานแต่งของเจ้ากับเฮ่อหรงให้ได้! ส่วนเรื่องของหลิงเยี่ยน ข้าจะช่วยให้เสด็จพี่ของเจ้าได้ชี้แจงให้ชัด!”มู่หรงชิ่งมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้งพลางเอ่ยออกมาอย่างมีความหมาย “พี่หญิงหลิงหลิง พวกเรากับเจ้าต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน!”“ตอนนี้หลิงเยี่ยนข่มขู่เสด็จพี่มิหยุดเลย แล้วก็อาจจะข่มขู่เจ้าด้วย… ตัวตนของเจ้า หากหลิงเยี่ยนรู้เข้าละก็ เช่นนั้นเจ้าต้องรีบคิดหามาตรการรับมือแล้ว!”หลิงอวี๋ใจสั่น หวางซือกับหลิงเสียงเซิงต่างก็รู้เรื่องที่ตนมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของหลิงเสียงเซิง หากหวางซือบอกกับหลิงเยี่ยน เช่นนั้นตนก็ต้องรีบคิดมาตรการรับมือไว้จริง ๆ มู่หรงชิ่งไปแล้ว พระชายาเว่ยก็ซื้อชุดที่ถูกใจไปสองสามชุด นางมิได้สงสัยมู่หรงชิ่ง เมื่อเรียกมู่หรงชิ่งแล้วก็ออกไปเลยหลิงอวี๋รอ
ไป๋สั่วมิ่งหยิ่งผยองเช่นนี้ กล้าอวดดีว่าจะเป็นวิญญาณร้ายตามรังควานหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็มิกังวลแล้วว่านางจะมิโผล่มาขอเพียงติดตามนางไปก็จะต้องเจอหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีที่มิเปิดเผยตัวผู้นั้นแน่นอนหลิงอวี๋จดจำเรื่องของมู่หรงชิ่งแล้วกลับตำหนักอ๋องอี้ไปก่อนเซียวหลินเทียนกำลังรออยู่อย่างร้อนใจ ครั้นเห็นว่าหลิงอวี๋เข้าห้องมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็รู้เลยว่าหลิงอวี๋พบอะไรบางอย่างมาแล้ว“อาอวี๋ องค์หญิงชิ่งว่าอย่างไรบ้าง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามอย่างรอมิไหวหลิงอวี๋จึงเล่าสิ่งที่มู่หรงชิ่งบอกมาให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อได้ยินเรื่องของจินโหย่ว เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นหลิงอวี๋รู้เรื่องของจินโหย่วมิมากนัก แต่เซียวหลินเทียนรู้ว่าตอนนั้นจินโหย่วผู้นี้เป็นทหารกล้าที่อยู่ใกล้ชิดจักรพรรดิสูงสุด ว่ากันว่าวรยุทธของเขาแข็งแกร่งมาก ทั้งยังเป็นคนมีปัญญาดีอีกด้วยครั้นเมื่อองค์จักรพรรดิสูงสุดสิ้นพระชนม์ เซียวหลินเทียนยังเด็กอยู่ เขาชื่นชมจินโหย่วผู้นี้มากตอนนั้นจินโหย่วเป็นอาจารย์วิชาวิทยายุทธขององค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยถูกจักรพรรดิอู่อันที่ตอนนั้นยังเป็นองค์รัช
เซียวหลินเทียนครุ่นคิดตาม เขาคิดไปเรื่อย ๆ แล้วความคิดก็มุ่งไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฮ่อกับค่ายกองทหารเสือเหตุใดตระกูลเฮ่อต้องวางยาพิษจักรพรรดิสูงสุดด้วยเล่า?ตอนนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?“องค์หญิงใหญ่กับฮองเฮาเว่ยรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่?”เขาคิดแล้วก็ตั้งคำถามออกมาโดยมิรู้ตัวหลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ว่าจะช่วยมู่หรงเหยียนซงลบล้างความผิดอย่างไรดี แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินคำถามของเซียวหลินเทียน จึงเอ่ยออกไป“หม่อมฉันยังสงสัยอยู่เลยเพคะว่า องค์หญิงใหญ่กับไทเฮามีความแค้นอะไรต่อกันกันแน่ เหตุใดพระนางจึงไปอยู่ที่อารามจิ้งซือนานหลายปีมิกลับมาเลย?”“เซียวหลินเทียน หม่อมฉันรู้สึกว่า จินโหย่วผู้นี้อาจจะมิได้รู้เพียงแค่สิ่งที่มู่หรงชิ่งบอกพวกเราเพคะ! หากต้องการที่จะรู้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ต้องไปหาเขา!”เซียวหลินเทียนยิ้มขมขื่น “อีกมิกี่วันก็จะถึงงานแต่งงานของมู่หรงชิ่งกับเฮ่อหรงแล้ว พวกเรามีเวลาไปตามหาเขามากมายถึงเพียงนั้นที่ไหนกัน!”“เรื่องสำคัญต้องจัดการทันที คิดวิธีขวางงานแต่งงานก่อนเถิด!”หลิงอวี๋พยักหน้าแล้วเล่าเรื่องที่เจอกับไป๋สั่วมิ่งในวันนี้ สุดท้ายก็เอ่ย “พวกเราเตรียมตัวก่
หลิงอวี๋กุมที่ปากแผลไว้แล้วก็ถูกหานเหมยกับเถาจื่อประคองเข้าไปในห้องเมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว หลิงอวี๋จึงได้ปล่อยมือ ในมือของนางซ่อนถุงเลือดเล็ก ๆ ไว้หนึ่งถุง เมื่อครู่ก็ถือโอกาสตอนที่ไป๋สั่วมิ่งแทงมาที่นางตั้งใจบีบถุงเลือดให้แตกหลิงอวี๋ได้กลิ่นที่ตนทิ้งไว้ที่ตัวไป๋สั่วมิ่งตั้งแต่ตอนที่นางปลอมเป็นลุงแก่เข้ามาใกล้แล้ว นางใช้แผนซ้อนแผน แสร้งทำเป็นถูกแทงเพราะอยากให้ไป๋สั่วมิ่งภูมิใจสักหน่อยเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนที่เซียวหลินเทียนกับจ้าวซวนแล้วก็ปี้ไห่เฟิงตามไป๋สั่วมิ่งไป ไป๋สั่วมิ่งจะได้มิสังเกตหานเหมยเอาอาภรณ์สะอาดมาให้หลิงอวี๋เปลี่ยนใหม่ เถาจื่อเรียกสตรีที่รูปร่างพอ ๆ กันกับหลิงอวี๋มาใส่ชุดของหลิงอวี๋ไว้ แล้วแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บจึงกลับตำหนักอ๋องอี้ไปก่อนหลิงอวี๋แต่งตัวเป็นนางรับใช้ต่ำต้อยหน้าตาอัปลักษณ์แล้วพาหานอวี้ออกไปทางด้านหลังไร่นาสองวันมานี้คนของเซียวหลินเทียนที่แอบปกป้องนางอยู่พบว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่แอบตามสอดแนมหลิงอวี๋อยู่ คนเหล่านี้คือคนของจ้าวเจินเจินตอนที่หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้แก่ใจเลยจ้าวเจินเจินจะต้องได้ยินว่า ตนกับไป๋สั่วมิ่งเจอกันแล้วแน่นอน ดังนั้นจึงอยากจะจ
เซียวหลินเทียนไปหารายชื่อและข้อมูลของบ่าวเหล่านั้นมาให้หลิงอวี๋ตามแผนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋พอจะคุ้นเคยกับประวัติความเป็นมาของพวกเขาบ้างแล้ว ดังนั้นนางกับหานอวี้จึงแฝงตัวกับกลุ่มของจวนอ๋องหรงที่ออกมาจ่ายตลาดเข้าไปในจวนโดยที่มิดึงดูดความสนใจของผู้ใดเลยพ่อบ้านจวนอ๋องหรงตอนนี้คือเฮ่อเฉียงซึ่งเป็นพ่อบ้านที่ไร่นาของเฮ่อหรง เซียวหลินเทียนไปตรวจสอบเขามาแล้วปีนี้เฮ่อเฉียงอายุสี่สิบกว่า เป็นคนรับใช้ของตระกูลเฮ่อ ตอนแรกเป็นบ่าวติดตามพ่อของเฮ่อหรง มีความจงรักภักดีต่อเฮ่อหรงมากเขาแต่งงานมีลูกแล้ว เฮ่อหยางลูกชายของเขาก็เป็นคนรับใช้ของเฮ่อหรงเช่นกัน ส่วนภรรยาก็ช่วยเฮ่อหรงดูแลไร่นาหลิงอวี๋ดูข้อมูลแล้วก็มิเห็นความพิเศษของเฮ่อเฉียง ทว่าแฝงตัวเข้าไปมิถึงครึ่งวัน นางก็พบมุมที่เก่งกาจของเฮ่อเฉียงแล้ว...หลิงอวี๋กับหานอวี้เข้าไปในจวนอ๋องหรงแล้วแยกกันทำงาน นางไปทำงานในครัวกับสตรีอายุสามสิบกว่าสตรีผู้นี้เป็นแม่ครัวที่จักรพรรดิอู่อันประทานเป็นรางวัลมาให้อ๋องหรง นางสกุลลั่ว นางเห็นหลิงอวี๋เข้ามาช่วยตอนยุ่งกับการซื้อของจึงให้หลิงอวี๋อยู่ด้วยหลิงอวี๋ใช้นามแฝงว่าหลิงเอ๋อร์ นี่เป็นชื่อที่มีอยู่ในรายชื่อ
หลิงอวี๋ฝืนทนไว้ มือก็จงใจจับที่ชายเสื้อผ้าของตนเองอย่างดูอึดอัดหลังจากนั้นสักพัก เฮ่อเฉียงจึงหันไปถามแม่นางลั่ว “ก่อนหน้านี้มิได้เห็นนางรับใช้ผู้นี้เลย มาจากที่ใดกัน?”แม่นางลั่วยิ้มทันทีพลางเอ่ย “ก่อนหน้านี้หลิงเอ๋อร์ตามบ่าวไปจ่ายตลาด บ่าวเห็นว่านางคล่องแคล่วดี ทั้งยังรู้หนังสือด้วยจึงให้นางอยู่ช่วยในครัวเลยเจ้าค่ะ!”“พ่อบ้านเฮ่อ ดูสิเจ้าคะ ครัวมีงานมากถึงเพียงนี้ หากไม่มีคนที่คล่องแคล่วมาช่วยบ่าวก็ทำมิเสร็จจริง ๆ เจ้าค่ะ! นางมาช่วยงานบ่าวไปได้มากทีเดียว!”“เช่นนั้นก็ให้นางอยู่เถิด!”เฮ่อเฉียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินถอยออกไปหลิงอวี๋เห็นว่าเขาไปไกลแล้วจึงกล้าที่จะลอบถอนหายใจสิ่งนี่พิสูจน์แล้วว่าตนปลอมตัวสำเร็จ อีกทั้งการเตรียมตัวก่อนหน้านี้ก็เต็มที่ด้วย ดังนั้นเฮ่อเฉียงจึงมิได้สงสัยตนที่เขาซักไซ้ตนก่อนหน้านี้ก็แค่มิคุ้นหน้าตนเท่านั้นแต่ในช่วงเวลาเล็กน้อยนี้ก็ทำให้หลิงอวี๋มองออกถึงความสามารถของเฮ่อเฉียงที่คนทั่วไปมิสังเกตข้อแรก เฮ่อเฉียงมิดูบันทึก แค่ฟังชื่อของตนแล้วก็มิได้ถามละเอียดนี่แสดงว่าเขามีความทรงจำที่ดีมาก สามารถจดจำข้อมูลของคนรับใช้ทุกคนในจวนได้ข้อสอง เฮ่อ
หลิงอวี๋สำรวจอยู่ในจวนอ๋องหรงทางด้านเซียวหลินเทียนก็มิได้ว่าง กำลังพลต่าง ๆ กำลังไล่ตามไป๋สั่วมิ่งอยู่ สุดท้ายก็เจอแหล่งกบดานของไป๋สั่วมิ่ง ก็คือเรือนที่อยู่บนถนนด้านหลังจวนอ๋องหรง ปี้ไห่เฟิงจึงรีบส่งคนไปแจ้งเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรีบมาทันทีแล้วก็เห็นว่าเรือนนั้นกับจวนอ๋องหรงอยู่ห่างกันแค่ถนนเส้นเดียวเท่านั้นหัวใจของเซียวหลินเทียนบีบแน่นทันที หรือหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีจะเป็นเฮ่อหรง?เป็นไปได้หรือ?เขานึกย้อนไปถึงการตรวจสอบหอเหยี่ยวราตรีก่อนหน้านี้ นักฆ่าที่เว่ยโจวครั้งที่แล้วบอกพวกเขาว่ามิเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหัวหน้าเลย ทุกครั้งที่หัวหน้าปรากฏตัวก็จะใส่หน้ากากปิดตลอดแสดงว่าเฮ่อหรงก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีตอนนั้นเฮ่อจิ้นผู้นำตระกูลเฮ่อสามารถควบคุมค่ายกองทหารเสือและมีองครักษ์ที่ฝึกฝนด้วยเฮ่อหรงก็อาจจะใช้วิธีนี้ฝึกนักฆ่าของหอเหยี่ยวราตรีได้!หรือกระทั่ง… นักฆ่าเหล่านี้อาจจะเป็นคนของค่ายกองทหารเสือก็เป็นได้!เพราะว่านอกจากองค์จักรพรรดิกับราชองครักษ์ของค่ายกองทหารเสือแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัดว่าสมาชิกของค่ายกองทหารเสือมีผู้ใดกันบ้าง!หลิงอว
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส