แชร์

บทที่ 1133

ผู้เขียน: กานเฟย
ในการแข่งขันวันที่สี่ เพราะสามวันแรกเซียวหลินเทียนชนะไปสี่รายการ จึงเพิ่มขวัญกำลังใจได้มาก คนที่มาดูความคึกคักก็เพิ่มมากขึ้นแล้ว ทุกคนต่างตั้งตารอกลุ่มของเซียวหลินเทียนคว้าอันดับหนึ่งในสองรายการของวันนี้

แม้ว่าจะมิสามารถเป็นที่หนึ่งได้ทั้งสองรายการ ทว่าหากได้มาหนึ่งในนั้น ก็จะแซงหน้ากลุ่มขององค์ชายหนิงอย่างมั่นคงแล้ว

แต่การแข่งขันแรกคือการขุดอุโมงค์ ทุกคนในกลุ่มขององค์ชายอิงล้วนแข็งแกร่งมาก แต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนกับองค์ชายหนิงมิสามารถเอาชนะความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขาได้เลย เซียวหลินเทียนกับองค์ชายหนิงจึงยังคงเป็นคะแนนสี่ต่อสามอยู่

การแข่งขันที่สองคือการปีนป่าย นี่คือการแข่งขันความเร็วของแต่ละกลุ่มในการประกอบและสร้างบันได

หากเซียวหลินเทียนชนะการแข่งขันนี้ก็จะเป็นห้าต่อสาม เว้นเสียแต่ว่าองค์ชายหนิงจะคว้าอันดับหนึ่งได้ทั้งสองรายการแข่งขันในวันที่ห้า มิเช่นนั้นก็จะแพ้เซียวหลินเทียนขาดลอย

ดังนั้น การแข่งขันปีนป่ายจึงเป็นรายการที่สำคัญมาก

ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยบอกเซียวหลินเทียนกับท่านจินต้าถึงสิ่งที่ตนรู้เกี่ยวกับบันไดแล้ว หลังจากที่ทั้งสามคนทำงานร่วมกับช่างฝีมือแล้วก็ปรับเปลี่ย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1134

    ยังมิทันที่องค์ชายเว่ยจะได้โต้แย้งหลี่ว์เซียง องค์ชายคังก็ยิ้มพลางเอ่ย “พี่ใหญ่ น้องสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกออกไปสู้ พวกเราก็ควรรอดูชัยชนะของเขาสิ!”“เขาสามารถคิดบันไดที่ล้ำหน้าออกมาได้ นี่คือความภาคภูมิใจของเสด็จพ่อ และเป็นความโชคดีของฉินตะวันตกของเราด้วย!”จ้าวฮุยพยักหน้า ในที่สุดองค์ชายคังก็เปิดกว้างแล้วตอนนี้จักรพรรดิอู่อันคิดถึงแค่การชนะแล้วได้สองเมืองมาเท่านั้น เขามีความคาดหวังกับเซียวหลินเทียนเป็นอย่างมากเขาจะฟังคำพูดที่มิเป็นผลดีต่อเซียวหลินเทียนไปได้เยี่ยงไร!มีสุภาษิตพื้นบ้านกล่าวไว้ว่า ยิ่งปีนขึ้นไปสูง เมื่อตกลงมาก็จะยิ่งน่าสงสารในทำนองเดียวกัน ต่อหน้าจักรพรรดิอู่อัน ยิ่งยกเซียวหลินเทียนขึ้นสูงเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาที่เซียวหลินเทียนพ่ายแพ้ ช่องว่างในใจของจักรพรรดิอู่อันก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นแล้วก็จะยิ่งโกรธเซียวหลินเทียนมากขึ้นแน่นอนว่าจักรพรรดิอู่อันชื่นชมในคำพูดขององค์ชายคัง เขาเหลือบมององค์ชายเว่ยอย่างมิพอใจ พลางตำหนิ“น้องสองของเจ้าพูดถูก ตอนนี้องค์ชายสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกไปแข่งขัน เขาสามารถคิดค้นบันไดที่สู้อีกสามแคว้นได้ พวกเราก็ควรจะมีความสุขไปกับเขา!”“เหตุใดเล

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1135

    “นั่นสิ การแข่งขันในสามวันแรกก็ดูดีอยู่หรอก มาวันนี้มีพิรุธเสียแล้ว! ท่านอ๋องอี้ ท่านนำทัพมิได้จริง ๆ! ยอมรับความพ่ายแพ้ไปเถิด!”มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูก “ดูกลุ่มขององค์ชายอิงสิ พวกเขาล้วนเป็นชายร่างกำยำทั้งนัน กลุ่มของท่านอ๋องอี้ ทหารเหล่านี้ล้วนดูป่วยไข้ เทียบมิได้เลยจริง ๆ!”องค์ชายหนิงเห็นว่ากลุ่มของมู่หรงเหยียนซงตามพวกเขามาทันแล้ว จึงทำท่าทางให้ทหารที่เข็นเกวียนเร่งความเร็วขึ้น“อ๋องอี้ ข้าขอไปก่อนแล้ว!”ตอนที่องค์ชายหนิงแซงหน้ารถของเซียวหลินเทียนไป สายตาก็จ้องมองโครงแปลก ๆ นั้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่าของวิเศษที่เซียวหลินเทียนคิดว่าจะได้ชัยชนะคือโครงนี้เขาคิดมิออกถึงประโยชน์ของโครงนี้เลย จึงทำได้แค่แอบคาดเดาเท่านั้นเมื่อเห็นว่ามีเพียงระยะห่างห้าร้อยเมตรแล้ว เซียวหลินเทียนจึงสัญญาณมือ เมื่อเผยอวี้เห็นก็ฉายยิ้ม ตอนนี้ถึงคราวที่พวกเขาต้องแสดงบ้างแล้วสินะพวกทหารก้าวไปข้างหน้าทันที แล้วติดตั้งยางหุ้มไว้บนล้อแต่ละล้อด้วยความรวดเร็วคนที่มาดูความคึกคักอยู่ข้างนอกเห็นว่าเกวียนบรรทุกบันไดของท่านอ๋องอี้หยุดลง และทหารเหล่านั้นกำลังซ่อมล้ออยู่ คนที่ตั้งตารอให้เซียวหลินเทียนพ่ายแพ้ก็ก่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1136

    มันเป็นไปมิได้!คนจำนวนมิน้อยเบิกตาโตด้วยความงุนงง แม้ว่าพวกเขาจะมิได้ลงสนามด้วยตัวเอง แต่เกวียนบรรทุกบันไดหนัก ๆ นั่นดูทหารเข็นแล้วน่าจะออกแรงมากแล้วในชั่วพริบตามันจะง่ายดายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร“เมื่อครู่ทหารพวกนั้นดูเหมือนจะใส่อะไรไปที่ล้อรถนะ!”มีคนตาแหลมคมมองเห็น เพียงแต่มันอยู่ไกลจึงเห็นมิชัดเจนหนึ่งร้อยเมตร… สองร้อยเมตร...จากที่ทหารเข็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เกวียนบรรทุกบันไดของเซียวหลินเทียนจึงแซงหน้ารถของมู่หรงเหยียนซงไปแล้วมู่หรงเหยียนซงมองปราดเดียวก็เห็นความแตกต่างของล้อเกวียนบรรทุกบันไดของเซียวหลินเทียนกับของตนเองได้ในทันทีเดิมทีล้อรถเป็นล้อไม้ เมื่อหุ้มด้วยยางหนา ๆ เข้าไป ก็ทำให้ให้ล้อไม้หมุนได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้นด้วย!มู่หรงเหยียนซงมองล้อรถนั้นอย่างอึ้ง ๆ นี่มันหลักการอะไรกัน!เขามิเคยคิดฝันเลยว่า เซียวหลินเทียนจะคิดเรื่องการหุ้มยางที่ล้อรถออกมาได้แต่ต้องยอมรับว่า การหุ้มยางที่ล้อรถมันทำให้ล้อหมุนได้นุ่มนวลขึ้น แล้วทหารก็ดูประหยัดแรงไปได้เยอะเลยส่วนข้างหน้านั้น ความเร็วขององค์ชายหนิงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แล้วก็เร่งแซงองค์ชายอิงไปแล้วองค์ชายหนิงเพิ่งชนะการแข่งขันไ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1137

    ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาก็ได้เห็นโครงแปลก ๆ นั้นค่อย ๆ ยกสูงขึ้นทีละนิดหลังจากนั้นมินาน ก็ข้ามบันไดที่พาดอยู่บนกำแพงขึ้นไป และเผยอวี้ก็ปีนขึ้นไปก่อนอย่างคล่องแคล่ว เอาบันไดเสริมไปติดไว้บนกำแพงเมือง“พี่น้องทั้งหลาย ลุกมา! ทำให้พวกเขาเห็นว่าเราได้สร้างยุคใหม่ขึ้นแล้ว!”เผยอวี้มิสามารถควบคุมความตื่นเต้นของตนได้อีกต่อไป บันไดเช่นนี้เป็นสิ่งที่กลุ่มพวกเขาสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์มิเหมือนใคร และล้ำหน้าทักษะการสร้างบันไดของแคว้นอื่นไปมาก!“ท่านอ๋องอี้ทรงทำดีมากพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”บรรดาคนที่มาดูความคึกคักเหล่านั้นเห็นว่าบันไดของฉินตะวันตกวางอยู่บนกำแพงเมืองแล้วก็ส่งเสียงชอบใจกันดังสนั่นทันที“รีบขึ้นไปเร็วเข้า! เอาธงของเราไปปักไว้บนกำแพงเมืองเสีย!”จักรพรรดิอู่อันเห็นว่าบันไดของอีกสามแคว้นยังประกอบมิเสร็จ ครั้งนี้เซียวหลินเทียนต้องชนะอย่างแน่นอน เขาจึงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น รอให้ธงฉินตะวันตกปักบนกำแพงเมืองแสดงชัยชนะห้าต่อสาม หากวันพรุ่งชนะอีกหนึ่งรายการองค์ชายหนิงก็จะพ่ายแพ้แล้ว!แต่องค์ชายเว่ยกลับแอบยิ้มร้ายตอนนี้จักรพรรดิอู่อันตื่นเต้นมากแค่ไหน อีกประเดี๋ยวเมื่อคนของเซี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1138

    เผยอวี้กับอันเจ๋อยืนอยู่บนกำแพงเมือง นอกจากพวกเขาที่อยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลือดที่ไหลลงมาที่แขนกับหน้าอกของเซียวหลินเทียนเลยเขาต้องใช้พลังใจอันน่าทึ่งเพื่อรองรับทหารเหล่านั้นมิให้ร่วงลงไปได้จักรพรรดิอู่อันกับองค์ชายเว่ยที่อยู่ห่างไกลมาก ๆ ก็ยิ่งไม่มีทางจะสังเกตเห็นเลยจักรพรรดิอู่อันเห็นว่ากลุ่มขององค์ชายหนิงปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วปักธงไว้บนกำแพงเมืองแล้วองค์ชายเว่ยก็ส่ายหน้าอย่างเสแสร้งแล้วทอดถอนใจพลางเอ่ย “น่าเสียดายจริง ๆ เกือบแล้วเชียว! เฮ่อ คิดว่าบันไดรูปแบบใหม่ของน้องสี่ในวันนี้ จะทำให้ฉินตะวันตกของเราชนะเสียอีก!”“คิดมิถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้!”พรรคพวกขององค์ชายเว่ยใช้โอกาสนี้เอ่ยขึ้นมา “ก่อนหน้านี้หลี่ว์เซียงบอกว่า บันไดรูปแบบใหม่นี้ท่านอ๋องอี้เป็นผู้คิดขึ้นมา ยังมิได้ตรวจสอบเลย! เหตุใดท่านอ๋องอี้จึงทำเป็นเล่นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงเมืองสองเมืองเชียวหนา มิได้ตรวจสอบก็ยังกล้านำออกมาแข่งขันอีกหรือ!”หลี่ว์เซียงมิสามารถโต้แย้งให้เซียวหลินเทียนได้แล้วเมื่อเผชิญกับความจริง มิว่าจะพูดจาโน้มน้าวเก่งแค่ไหนก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้!

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1139

    กระทั่งหลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้ทหารเสร็จแล้วเดินออกมา เผยอวี้ก็ก้าวไปเอ่ยเสียงเบา “ท่านไปดูท่านอ๋องเถิด เขาได้รับบาดเจ็บแล้วมิยอมให้พวกเราพันแผลให้เขา แล้วไปนอนอยู่คนเดียวในรถม้าขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้า แล้วเอาล่วมยาเดินไปที่รถม้าเมื่อเปิดม่านก็เห็นเซียวหลินเทียนนอนอยู่ เลือดบนท้องของเขาซึมมาถึงอาภรณ์ชั้นนอกของเขาแล้ว“นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่? แพ้มิเป็นหรือ?”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันทีแล้วดุเขาเสียงแข็ง “ท่านมิรู้หรือว่าเสียเลือดมากทำให้ตายได้? ท่านคิดว่าตัวท่านอยู่ยงคงกระพันเลือดออกได้โดยมิตายหรือไร!”เซียวหลินเทียนวางมือบนหน้าผาก มิสนใจฟังคำดุของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปบนรถม้าอย่างมิพอใจ จากนั้นก็มิพูดพร่ำทำเพลงดึงมือเขาลงทันที “ถอดฉลองพระองค์ออกเถิดเพคะ หม่อมฉันจะพันผ้าพันแผลให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน หากท่านจะตำหนิว่าการออกแบบของหม่อมฉันมีข้อบกพร่อง ท่านก็ดุด่าหม่อมฉันได้เลย แต่อย่าทำลายตัวเองเช่นนี้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกอดหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน เขากอดนางไว้แน่น มิพูดอะไรสักคำแล้วก็วางหัวไว้บนไหล่ของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ถูกกอดไว้แน่นจนหายใจมิออก แล้วนางก็ได้ยิน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1140

    หลังจากที่จ้าวฮุยได้ถ่ายทอดคำสั่งของจักรพรรดิอู่อันที่เรียกพบท่านอ๋องอี้กับพระชายาแล้ว เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ก็ทำได้เพียงต้องกลับไปที่วังก่อนเซียวหลินเทียนได้รับการปลอบโยนจากหลิงอวี๋ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่เมื่อเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ก็เห็นใบหน้าที่มืดมนของจักรพรรดิอู่อันนอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มข้างนอกแต่ข้างในมิได้ยิ้มขององค์ชายเว่ย เซียวหลินเทียนจึงรู้สึกกลัดกลุ้มอีกครั้ง“เซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ พวกเจ้าได้คำมั่นสัญญาทางทหารไปแล้ว พวกเจ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล่น ๆ รึ?”จักรพรรดิอู่อันมิได้ให้ทั้งสองคนลุกขึ้นแล้วก็ดุด่าขึ้นมาเลย“บันไดใหม่ที่ยังมิได้ตรวจสอบ เจ้าก็กล้าเอาไปลองใช้ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ พวกเจ้าเห็นว่าสองเมืองของข้าเป็นอะไร? คิดจะทำลายตามใจชอบเยี่ยงนี้รึ?”องค์ชายเว่ยรีบซ้ำเติมทันทีด้วยท่าทางเคียดแค้นชิงชัง“น้องสี่ เสด็จพ่อหวังในตัวเจ้าไว้สูงมาก! เห็น ๆ อยู่ว่าตามขั้นตอนแล้วพวกเจ้าเองก็มีโอกาสชนะเช่นกัน เหตุใดเจ้าจึงประมาทเช่นนี้เล่า!”ขุนนางพรรคพวกขององค์ชายเว่ยเองก็เอ่ยแปลก ๆ เช่นกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่า บันไดใหม่ของท่านอ๋องอี้ได้พระชาย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1141

    ทันทีที่การแข่งขันสิ้นสุดลง จ้าวฮุยก็พาองค์ชายคังไปดูเกวียนบรรทุกบันได เขาสงสัยมาก ๆ ว่าเหตุใดตอนหลังเซียวหลินเทียนจึงได้ตามเกวียนขององค์ชายหนิงทันเมื่อเห็นยางหุ้มที่ด้านนอกล้อ จ้าวฮุยก็ตกใจในฐานะที่เป็นอัครเสนาบดีที่มีความสามารถที่แท้จริง จ้าวฮุยจึงเข้าใจถึงความล้ำหน้าของล้อหุ้มยางเช่นนี้ได้เลยเขายังครุ่นคิดด้วยว่าจะดึงตัวช่างฝีมือที่ออกแบบยางหุ้มเช่นนี้ให้ไปอยู่ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไรดี เช่นนี้ก็จะออกแบบของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ยิ่งขึ้นให้กับองค์ชายคัง เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนที่จะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท!ความโกรธของจักรพรรดิอู่อันเบาบางลงไปบ้างแล้ว แม้ว่าท้ายที่สุดเซียวหลินเทียนจะพ่ายแพ้ แต่ตอนนั้นพวกเขาตามหลังอยู่ถึงเพียงนั้น พอเปลี่ยนยางหุ้มก็สามารถตามไปทัน มันก็เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าล้อแบบใหม่นี้ดีแค่ไหนหากไปอยู่ในสนามรบจริง ๆ ทุก ๆ วินาทีที่ต้องต่อสู้ล้วนต้องทำเพื่อชัยชนะ เช่นนั้นคงจะมีประโยชน์มากทีเดียว!หลิงอวี๋แอบเห็นว่าสีหน้าของจักรพรรดิอู่อันดีขึ้นบ้างแล้ว จึงเอ่ยโดยที่เจือความน้อยใจและ “ความกลัว” ไปด้วย“เสด็จพ่อเพคะ ที่หลิงอวี๋คิดค้นล้อเช่นนี้ออกมาได้ก

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1893

    เมื่อครอบครัวของเจี่ยงหัวกลับมาที่เรือ พวกเขาก็พบศพไร้หัวในห้องของเขา มีคราบเลือดยาวบนผนังไม้ของห้องโดยสาร ซึ่งเป็นประโยคที่ถูกสลักด้วยกระบี่อาบเลือด“จุดจบของคนทรยศ!”ครอบครัวของเจี่ยงหัวตกใจกลัวมากจนสละเรือและหนีไปในคืนนั้นพวกเขามิรู้ว่าที่จริงแล้วเซียวหลินเทียนมิคิดจะเอาผิดพวกเขา ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และการสังหารเจี่ยงหัวนั้นก็เพียงพอแล้วเซียวหลินเทียนส่งศีรษะของเจี่ยงหัวให้สือหรง ทันใดนั้นสือหรงก็ร้องไห้เศร้าโศกและนำศีรษะของเจี่ยงหัวไปเซ่นให้กับครอบครัวของตนหลังจากนั้น สือหรงก็กระทำการบางอย่าง เขาเขียนจดหมายเลือดเรื่องที่เจี่ยงหัวสมคบคิดกับมหาปราชญ์สังหารเหล่าศิษย์ของตำหนักปีกเงิน และคัดลอกสำเนาไปหลายสิบฉบับภายในคืนเดียววันรุ่งขึ้น ที่ประตูเมืองในพื้นที่นั้นมีพ่อค้าจำนวนมากกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง แล้วก็มีคนพบศีรษะของเจี่ยงหัวที่แขวนอยู่บนกำแพงเมือง และยังมีจดหมายเลือดที่สือหรงเป็นคนเขียน ซึ่งเขียนประณามความผิดของเจี่ยงหัวขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็มีจดหมายเลือดมากมายปลิวลงมาจากกำแพงเมืองทันใดนั้นความผิดฐานทรยศอาจารย์และสมคบคิดกับมหาปราชญ์ของเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1892

    หลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วสารพัดและสังหารผู้คนเป็นผักปลาแต่หลิงอวี๋กลับมิรู้เลยว่ามหาปราชญ์เป็นผู้สั่งให้คนบิดเบือนและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปหลังจากที่เขากลับไปถึงเมืองหลวงแดนเทพเซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินนั้นคนหนึ่งทำให้มหาปราชญ์ตาบอด และอีกคนก็ตัดแขนข้างหนึ่งของมหาปราชญ์ มหาปราชญ์จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรหากเขามิแก้แค้น!เขาทำให้เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินเสียชื่อเสียงและทำให้ผู้คนทั่วหล้าลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา ส่วนมหาปราชญ์ใช้โอกาสนี้พักฟื้นและหาโอกาสเหมาะเพื่อช่วงชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคือ กระบี่คุณอู่ของเซียวหลินเทียนอีกครั้งมหาปราชญ์มิได้บอกใครเกี่ยวกับการค้นพบกระบี่อายุนับพันปีเล่มนี้ ด้วยคิดว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของตน จึงมิอยากให้ใครมาแย่งชิงมันไปการแพร่กระจายข่าวลือเป็นหนึ่งในอุบายของมหาปราชญ์ที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเซียวหลินเทียนและป้องกันมิให้เขาพบกับเหล่าศิษย์จากตำหนักปีกเงินซึ่งเป็นไปตามคาดว่าข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปยังวงกว้างด้วยความรวดเร็วบรรดาศิษย์ตำหนักปีกเงินบางส่วนที่กระจายอยู่ตามสถาน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1891

    ผู้รอบรู้ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล เมื่อไรกันที่เขาได้รับความเชื่อใจจากใครบางคนมากมายถึงเพียงนี้!หลิงอวี๋พูดไปตามตรง “พี่ใหญ่ มีเรื่องบางอย่างที่ตอนนี้ข้ายังบอกท่านมิได้ มิใช่ว่าข้ามิไว้ใจท่าน แต่หากพูดไปแล้วมันอาจสร้างปัญหามากมายให้ท่านได้!”“เชื่อใจข้าเถิด สักวันข้าจะเล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง!”ผู้รอบรู้มองตั๋วเงินในมือของตนพลางพูดอย่างใจกว้างว่า “ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง หากเจ้ามิอยากพูดก็มิต้องพูดหรอก พี่ใหญ่เชื่อใจเจ้า!”หลิงอวี๋ถึงกับยอมมอบของมีค่าทั้งหมดให้กับตนเช่นนี้ แม้จะมีความลับปิดบังต่อตนผู้รอบรู้ก็ย่อมยอมรับได้ขอแค่เขาเชื่อใจว่าหลิงอวี๋ไม่มีเจตนาร้ายก็พอแล้วสองพี่น้องพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน ต่อมาในวันรุ่งขึ้นที่ฟ้ายังมิสว่าง ผู้รอบรู้ก็รีบรุดไปเช่ารถม้ามาหนึ่งคันโชคดีที่รถม้าเพิ่งส่งผู้โดยสารเพื่อขึ้นเรือไป ผู้รอบรู้จึงได้เช่ารถม้ามาในราคาสิบตำลึงส่วนหลิงอวี๋นั้นเพิ่งตื่น และผู้รอบรู้ก็วิ่งเข้ามาเคาะประตูด้วยความลิงโลด “น้องชาย รีบลุกเถิด พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว! รถม้ากำลังรออยู่ข้างนอก”หลิงอวี๋รีบอาบน้ำแต่งตัวและแบกห่อผ้าของตนออกมา ผู้รอบรู้ยัดถุงกระดาษไขใบห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1890

    ผู้รอบรู้พูดมิออกแล้ว หลิงอวี๋มิรู้อะไรเลย แล้วจะจ่ายยาที่ถูกต้องได้อย่างไร!“พี่สิง ข้าอยากรู้มากว่าท่านรู้เรื่องมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าผู้รอบรู้ลำบากใจ นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงแดนเทพหรือ?”ใบหน้าของผู้รอบรู้กระตุก เขาหันมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง เมื่อก่อนข้าเป็นคนของตำหนักปีกเงิน ข้าเป็นคนของเจี่ยงฮั๋วผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา เมื่อสองปีก่อนข้าทำงานพลาดไป ทำให้เจี่ยงฮั๋วโกรธ เขาจึงไล่ข้าออกจากตำหนักปีกเงิน!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังคิดจะหาโอกาสขอพบท่านเจ้าตำหนักเก่า แล้วกลับไปที่ตำหนักปีกเงินอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตำหนักปีกเงินเสื่อมโทรมลงไปแล้ว ได้ยินว่าเจ้าตำหนักเก่าป่วยหนักและมิรับงานแล้ว ข้าจึงได้เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตลอดเช่นนี้!”“คนที่ออกมาจากตำหนักปีกเงินล้วนเก่งในการสืบหาข้อมูล แม้ว่าข้าจะออกจากตำหนักปีกเงินไปแล้ว แต่ข้าก็เคยชินกับสัญชาตญาณนี้ ดังนั้นข้าจึงใส่ใจกับข้อมูลแต่ละประเภทมาก อยากจะรู้มากแค่ไหนก็มิยาก!”หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าผู้รอบรู้ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังเช่นก

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1889

    ทุกคนต่างก็พูดคุยกันไป มีทุกเรื่องที่พูดคุยกัน หลิงอวี๋ฟังอยู่สักพักหนึ่งก็เห็นว่าไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ นางจึงออกไปพร้อมกับผู้รอบรู้ทั้งสองหาอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะพบโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ยังมีผู้เข้าพักมิเต็ม แล้วหลิงอวี๋ก็เปิดห้องพักสองห้องผู้รอบรู้เข้าใจนิสัยของหลิงอวี๋ที่มิชอบความวุ่นวายดีอยู่แล้ว จึงมิได้ใส่ใจอะไรในช่วงนี้ผู้รอบรู้ได้ประโยชน์จากหลิงอวี๋ จึงสามารถมาเมืองหลวงแดนเทพได้โดยมิต้องกังวลเรื่องอาหารและอาภรณ์เขาจึงจะตอบแทนโดยการเชิญหลิงอวี๋ออกไปกินข้าวหลิงอวี๋รู้สึกกังวลใจ ทางหนึ่งคิดว่าการแก้แค้นนั้นหมดหวัง และอีกทางหนึ่งคือมิรู้ว่าเมืองหลวงแดนเทพใหญ่ถึงเพียงนี้ควรจะตามหาน้องสาวอย่างไรสำหรับผนึกบนร่างกายของตน หลิงอวี๋เองก็เคยพยายามที่จะเอาเข็มเงินที่ผนึกอยู่ใกล้กับตันเถียนของตนออกแต่ขณะที่นางใช้กริชผ่าบริเวณที่เข็มเงินและพยายามดึงมันออก มันกลับเจ็บปวดจนรู้สึกว่าเลือดในร่างกายพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง แล้วตอนนั้นก็สลบไปนำเข็มเงินออกมามิได้อีกทั้งยังต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้!สิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋เชื่อในเรื่องที่หวงฝู่หลินเคยบอก หากมิเข้าใจว่าจะดึงออกได้อย่างไร อาจจ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1888

    หลิงอวี๋เห็นรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้าของฮูหยินเว่ยเช่นนั้น สุดท้ายนางจึงรับมาฮูหยินเว่ยสามารถดูแลลูกด้วยตัวคนเดียวมาหลายปีเช่นนี้ นางคงจะมีความสามารถพอสมควร หลิงอวี๋จะไปเมืองหลวงแดนเทพก็ต้องใช้เงิน ดังนั้นนางจึงรับมาใช้กรณีฉุกเฉินก่อน หากในภายหน้าฮูหยินเว่ยต้องการความช่วยเหลือ นางค่อยมอบให้เป็นการตอบแทนบุญคุณของฮูหยินเว่ย!หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ขึ้นฝั่งไป แล้วแทรกตัวผ่านฝูงชนที่เบียดเข้ามาเพื่อมารับญาติและสหายของพวกเขาหลังจากที่เบียดเสียดกันออกมาอย่างยากลำบาก ก็มิสามารถเช่ารถม้าได้ เนื่องจากรถม้าเหล่านี้ถูกจองไปหมดแล้ว“น้องอวี๋ เราไปพักที่โรงเตี๊ยมชั่วคราวสักคืนเถิด แล้ววันพรุ่งค่อยเข้าไปที่เมืองหลวงแดนเทพกัน!”ตรงข้ามท่าเรือมีหมู่บ้านขนาดใหญ่มากอยู่ ซึ่งล้วนสร้างเป็นโรงเตี๊ยมไปแล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการเข้าพักของเหล่าพ่อค้าที่เดินทางกันทั่วทุกสารทิศหลิงอวี๋เห็นว่าอีกประเดี๋ยวฟ้าก็จะมืดแล้ว อีกทั้งเช่ารถม้ามิได้ด้วย ดังนั้นจึงทำได้เพียงทำตามที่ผู้รอบรู้บอกเท่านั้นกระทั่งเดินมาถึงหมู่บ้าน หลิงอวี๋ก็เห็นว่ากำแพงด้านนอกนั้นติดประกาศไว้เต็มไปหมด มีทั้งประกาศเสนอรางวัล ประกาศคนร้ายแ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1887

    “หมออวี๋ ดวงตาของข้ามิเป็นอะไรมากแล้ว ทักษะการแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ! แต่เจ้ารับปากกับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”ฮูหยินเว่ยเอ่ยเรื่องนี้กับหลิงอวี๋ตามลำพัง“เรื่องอันใดหรือ?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นฮูหยินเว่ยมีท่าทางจริงจัง จึงเอ่ยถามออกมา“เรื่องนี้อาจจะทำลายชื่อเสียงของเจ้า!”ฮูหยินเว่ยเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ข้าคิดว่าเมื่อไปถึงที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ก่อนที่เจ้าจะลงจากเรือ ให้เจ้าประกาศออกมาว่าเจ้าจนปัญญากับโรคตาของข้า และมิอาจรักษาตาของข้าให้หายดีได้!”“หมออวี๋ มิใช่ว่าข้ามิรู้จักบุญคุณแล้วมิอยากยอมรับเรื่องที่เจ้ารักษาตาของข้าจนหายได้!”“ทว่า ข้ามิอยากให้คนสารเลวผู้นั้นระมัดระวังต่อข้า คนตาบอดคนหนึ่งมิเป็นภัยคุกคามกับเขา บางทีเขาอาจจะลดความระมัดระวังที่มีต่อข้าลงก็ได้!”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว ฮูหยินเว่ยวางแผนที่จะใช่ตัวตนที่อ่อนแอเข้าหาแม่ทัพเว่ยตัวตนเช่นนี้ยังช่วยให้ฮูหยินเว่ยได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคนทั่วไปอีกด้วย แล้วฮูหยินเว่ยก็ดำเนินการแก้แค้นแม่ทัพเว่ยไปทีละขั้นหลิงอวี๋มิใช่คนที่แสวงหาชื่อเสียงและเกียรติยศอยู่แล้ว หากความเงียบสามารถช่วยฮูหยินเว่ยได้ ก็ถือเสียว่าเป็นข

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1886

    “ฮูหยินเว่ย ข้าเป็นหมอ ข้ารู้ว่าการตั้งใจทำร้ายผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่มิควรมี แต่ข้าก็ยิ่งรู้เช่นกันว่าการระวังผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่มิควรขาด!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้าเองก็ได้ยินเรื่องของฮูหยินเว่ยกับแม่ทัพเว่ยมาบ้าง ข้ากังวลว่าเว่ยเผิงและท่านจะใจดีมากเกินไป จนมิรู้ว่าจิตใจคนนั้นอันตราย หากไปที่จวนแม่ทัพแล้วพวกท่านอาจจะถูกวางแผนทำร้าย ข้าจึงสอนให้เว่ยเผิงรู้เรื่องยาพิษไว้ล่วงหน้า เป็นการป้องกันไว้!”ฮูหยินเว่ยหน้าซีดเผือด นางมองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คนภายนอกเอ่ยถึงพวกเราว่าอย่างไรบ้าง?”หลิงอวี๋มิรู้ว่าฮูหยินเว่ยมิรู้จริง ๆ ว่าแม่ทัพเว่ยแต่งงานใหม่แล้ว หรือว่านางแกล้งทำเป็นมิรู้แต่สิ่งนี้คือเนื้อร้าย หากมิตัดเรื่องการหลอกตัวเองและผู้อื่นออกไป ก็รังแต่จะทำให้เรื่องราวยิ่งแย่หลิงอวี๋จึงบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้รอบรู้เล่าให้ตนฟังออกไปอย่างมิลังเลฮูหยินเว่ยตัวสั่นไปหมด สีหน้าของนางดูแย่ยิ่ง นางก็กลั้นน้ำตาไว้มิอยู่แล้ว จึงปล่อยให้ไหลลงมาบนใบหน้าอย่างเงียบ ๆ“ข้าคาดเดาไว้แล้ว… ข้าเดาไว้แล้วว่าเขาคงแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว!”“แต่ข้า… ข้าคิดว่าถึงเขาจะไร้คว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status