ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาก็ได้เห็นโครงแปลก ๆ นั้นค่อย ๆ ยกสูงขึ้นทีละนิดหลังจากนั้นมินาน ก็ข้ามบันไดที่พาดอยู่บนกำแพงขึ้นไป และเผยอวี้ก็ปีนขึ้นไปก่อนอย่างคล่องแคล่ว เอาบันไดเสริมไปติดไว้บนกำแพงเมือง“พี่น้องทั้งหลาย ลุกมา! ทำให้พวกเขาเห็นว่าเราได้สร้างยุคใหม่ขึ้นแล้ว!”เผยอวี้มิสามารถควบคุมความตื่นเต้นของตนได้อีกต่อไป บันไดเช่นนี้เป็นสิ่งที่กลุ่มพวกเขาสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์มิเหมือนใคร และล้ำหน้าทักษะการสร้างบันไดของแคว้นอื่นไปมาก!“ท่านอ๋องอี้ทรงทำดีมากพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”บรรดาคนที่มาดูความคึกคักเหล่านั้นเห็นว่าบันไดของฉินตะวันตกวางอยู่บนกำแพงเมืองแล้วก็ส่งเสียงชอบใจกันดังสนั่นทันที“รีบขึ้นไปเร็วเข้า! เอาธงของเราไปปักไว้บนกำแพงเมืองเสีย!”จักรพรรดิอู่อันเห็นว่าบันไดของอีกสามแคว้นยังประกอบมิเสร็จ ครั้งนี้เซียวหลินเทียนต้องชนะอย่างแน่นอน เขาจึงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น รอให้ธงฉินตะวันตกปักบนกำแพงเมืองแสดงชัยชนะห้าต่อสาม หากวันพรุ่งชนะอีกหนึ่งรายการองค์ชายหนิงก็จะพ่ายแพ้แล้ว!แต่องค์ชายเว่ยกลับแอบยิ้มร้ายตอนนี้จักรพรรดิอู่อันตื่นเต้นมากแค่ไหน อีกประเดี๋ยวเมื่อคนของเซี
เผยอวี้กับอันเจ๋อยืนอยู่บนกำแพงเมือง นอกจากพวกเขาที่อยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลือดที่ไหลลงมาที่แขนกับหน้าอกของเซียวหลินเทียนเลยเขาต้องใช้พลังใจอันน่าทึ่งเพื่อรองรับทหารเหล่านั้นมิให้ร่วงลงไปได้จักรพรรดิอู่อันกับองค์ชายเว่ยที่อยู่ห่างไกลมาก ๆ ก็ยิ่งไม่มีทางจะสังเกตเห็นเลยจักรพรรดิอู่อันเห็นว่ากลุ่มขององค์ชายหนิงปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วปักธงไว้บนกำแพงเมืองแล้วองค์ชายเว่ยก็ส่ายหน้าอย่างเสแสร้งแล้วทอดถอนใจพลางเอ่ย “น่าเสียดายจริง ๆ เกือบแล้วเชียว! เฮ่อ คิดว่าบันไดรูปแบบใหม่ของน้องสี่ในวันนี้ จะทำให้ฉินตะวันตกของเราชนะเสียอีก!”“คิดมิถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้!”พรรคพวกขององค์ชายเว่ยใช้โอกาสนี้เอ่ยขึ้นมา “ก่อนหน้านี้หลี่ว์เซียงบอกว่า บันไดรูปแบบใหม่นี้ท่านอ๋องอี้เป็นผู้คิดขึ้นมา ยังมิได้ตรวจสอบเลย! เหตุใดท่านอ๋องอี้จึงทำเป็นเล่นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงเมืองสองเมืองเชียวหนา มิได้ตรวจสอบก็ยังกล้านำออกมาแข่งขันอีกหรือ!”หลี่ว์เซียงมิสามารถโต้แย้งให้เซียวหลินเทียนได้แล้วเมื่อเผชิญกับความจริง มิว่าจะพูดจาโน้มน้าวเก่งแค่ไหนก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้!
กระทั่งหลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้ทหารเสร็จแล้วเดินออกมา เผยอวี้ก็ก้าวไปเอ่ยเสียงเบา “ท่านไปดูท่านอ๋องเถิด เขาได้รับบาดเจ็บแล้วมิยอมให้พวกเราพันแผลให้เขา แล้วไปนอนอยู่คนเดียวในรถม้าขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้า แล้วเอาล่วมยาเดินไปที่รถม้าเมื่อเปิดม่านก็เห็นเซียวหลินเทียนนอนอยู่ เลือดบนท้องของเขาซึมมาถึงอาภรณ์ชั้นนอกของเขาแล้ว“นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่? แพ้มิเป็นหรือ?”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันทีแล้วดุเขาเสียงแข็ง “ท่านมิรู้หรือว่าเสียเลือดมากทำให้ตายได้? ท่านคิดว่าตัวท่านอยู่ยงคงกระพันเลือดออกได้โดยมิตายหรือไร!”เซียวหลินเทียนวางมือบนหน้าผาก มิสนใจฟังคำดุของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปบนรถม้าอย่างมิพอใจ จากนั้นก็มิพูดพร่ำทำเพลงดึงมือเขาลงทันที “ถอดฉลองพระองค์ออกเถิดเพคะ หม่อมฉันจะพันผ้าพันแผลให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน หากท่านจะตำหนิว่าการออกแบบของหม่อมฉันมีข้อบกพร่อง ท่านก็ดุด่าหม่อมฉันได้เลย แต่อย่าทำลายตัวเองเช่นนี้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกอดหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน เขากอดนางไว้แน่น มิพูดอะไรสักคำแล้วก็วางหัวไว้บนไหล่ของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ถูกกอดไว้แน่นจนหายใจมิออก แล้วนางก็ได้ยิน
หลังจากที่จ้าวฮุยได้ถ่ายทอดคำสั่งของจักรพรรดิอู่อันที่เรียกพบท่านอ๋องอี้กับพระชายาแล้ว เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ก็ทำได้เพียงต้องกลับไปที่วังก่อนเซียวหลินเทียนได้รับการปลอบโยนจากหลิงอวี๋ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่เมื่อเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ก็เห็นใบหน้าที่มืดมนของจักรพรรดิอู่อันนอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มข้างนอกแต่ข้างในมิได้ยิ้มขององค์ชายเว่ย เซียวหลินเทียนจึงรู้สึกกลัดกลุ้มอีกครั้ง“เซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ พวกเจ้าได้คำมั่นสัญญาทางทหารไปแล้ว พวกเจ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล่น ๆ รึ?”จักรพรรดิอู่อันมิได้ให้ทั้งสองคนลุกขึ้นแล้วก็ดุด่าขึ้นมาเลย“บันไดใหม่ที่ยังมิได้ตรวจสอบ เจ้าก็กล้าเอาไปลองใช้ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ พวกเจ้าเห็นว่าสองเมืองของข้าเป็นอะไร? คิดจะทำลายตามใจชอบเยี่ยงนี้รึ?”องค์ชายเว่ยรีบซ้ำเติมทันทีด้วยท่าทางเคียดแค้นชิงชัง“น้องสี่ เสด็จพ่อหวังในตัวเจ้าไว้สูงมาก! เห็น ๆ อยู่ว่าตามขั้นตอนแล้วพวกเจ้าเองก็มีโอกาสชนะเช่นกัน เหตุใดเจ้าจึงประมาทเช่นนี้เล่า!”ขุนนางพรรคพวกขององค์ชายเว่ยเองก็เอ่ยแปลก ๆ เช่นกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่า บันไดใหม่ของท่านอ๋องอี้ได้พระชาย
ทันทีที่การแข่งขันสิ้นสุดลง จ้าวฮุยก็พาองค์ชายคังไปดูเกวียนบรรทุกบันได เขาสงสัยมาก ๆ ว่าเหตุใดตอนหลังเซียวหลินเทียนจึงได้ตามเกวียนขององค์ชายหนิงทันเมื่อเห็นยางหุ้มที่ด้านนอกล้อ จ้าวฮุยก็ตกใจในฐานะที่เป็นอัครเสนาบดีที่มีความสามารถที่แท้จริง จ้าวฮุยจึงเข้าใจถึงความล้ำหน้าของล้อหุ้มยางเช่นนี้ได้เลยเขายังครุ่นคิดด้วยว่าจะดึงตัวช่างฝีมือที่ออกแบบยางหุ้มเช่นนี้ให้ไปอยู่ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไรดี เช่นนี้ก็จะออกแบบของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ยิ่งขึ้นให้กับองค์ชายคัง เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนที่จะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท!ความโกรธของจักรพรรดิอู่อันเบาบางลงไปบ้างแล้ว แม้ว่าท้ายที่สุดเซียวหลินเทียนจะพ่ายแพ้ แต่ตอนนั้นพวกเขาตามหลังอยู่ถึงเพียงนั้น พอเปลี่ยนยางหุ้มก็สามารถตามไปทัน มันก็เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าล้อแบบใหม่นี้ดีแค่ไหนหากไปอยู่ในสนามรบจริง ๆ ทุก ๆ วินาทีที่ต้องต่อสู้ล้วนต้องทำเพื่อชัยชนะ เช่นนั้นคงจะมีประโยชน์มากทีเดียว!หลิงอวี๋แอบเห็นว่าสีหน้าของจักรพรรดิอู่อันดีขึ้นบ้างแล้ว จึงเอ่ยโดยที่เจือความน้อยใจและ “ความกลัว” ไปด้วย“เสด็จพ่อเพคะ ที่หลิงอวี๋คิดค้นล้อเช่นนี้ออกมาได้ก
“สามีภรรยากันเมื่อมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ก็ต้องร่วมเผชิญพ่ะย่ะค่ะ! อาอวี๋ยอมถึงขั้นถูกตัดหัวต่อหน้าธารกำนัล ลูกมิให้นางต้องเผชิญเพียงลำพังหรอกพ่ะย่ะค่ะ! ลูกเองก็จะยอมรับโทษเหมือนกับที่หลิงอวี๋ยอม!”เซียวหลินเทียนมองเจตนาขององค์ชายเว่ยออกแต่ก็มิได้กลัว เขายืดหลังตรงแล้วมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิอู่อัน“หากเสด็จพ่อไม่มีคำตำหนิอื่นแล้ว ลูกกับหลิงอวี๋ขอทูลลา พวกเรายังต้องกลับไปเตรียมการแข่งขันของวันพรุ่งอีกพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพูดไปอย่างเยือกเย็นเช่นนี้ ทำให้จักรพรรดิอู่อันเองก็มิสะดวกที่จะตำหนิเขาแล้วการตัดหัวในที่สาธารณะนั้น เพราะเซียวหลินเทียนเป็นลูกชายของตน เขาจะกล้าร่วมกับทุกคนบีบให้ลูกตายหรือ?จักรพรรดิอู่อันมองลูกชายผู้นี้แล้วก็มีคาดหวังที่เต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้งชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า!การที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เอาชีวิตของตนมารับคำมั่นสัญญาทางทหารนั้นมิใช่เรื่องเล่น ๆ เช่นนั้นแล้วในการแข่งขันอีกสองรายการที่เหลือพวกเขาจะต้องทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อชีวิตของตนอย่างแน่นอนหลังจากเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษรแล้วเห็นแสงอาทิตย์ หลิงอวี๋ก็หยุดฝีเท้าไปทันทีแล้วหรี่ตามอง“
“เหตุใดจึงเดินไปทางนี้เล่า ออกจากวังต้องไปทางนี้สิ!”เซียวหลินเทียนเห็นว่าหลิงอวี๋เดินไปอีกทางจึงรีบตามไปคว้าตัวนางไว้“ไปเยี่ยมไทเฮากันเถิดเพคะ! ในวันพรุ่งล้วนเกิดสิ่งมิคาดฝันขึ้นได้ทั้งนั้น ถือโอกาสที่วันนี้ว่าง หม่อมฉันจะทำให้พระนางฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุดเพคะ!”มีเพียงแค่ไทเฮาต้องฟื้นขึ้นมาเท่านั้น จึงจะสามารถให้ความเป็นธรรมกับตนและเซียวหลินเทียนได้หลิงอวี๋กลัวว่าสิ่งมิคาดฝันที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นสิ่งที่ตนกับเซียวหลินเทียนควบคุมมิได้ หากจะมีคนช่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนางก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน“ได้ ข้าว่าตามเจ้า!”สายตาของเซียวหลินเทียนเลื่อนลงไปที่ปากของหลิงอวี๋โดยมิรู้ตัว นางจูบตนเองแล้ว!เหอะ ๆ ...รางวัลเช่นนี้ยิ่งได้เยอะก็ยิ่งดี...สองวันมานี้หลิงซวนอยู่ในตำหนักของไทเฮาตลอด และมีขันทีเซี่ยคอยดูแลอยู่จึงไม่มีใครกล้าไปทำให้นางต้องเดือดร้อนเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมา หลิงซวนก็ดีใจมาก พุ่งเข้าไปกอดหลิงอวี๋ทันที“อาจารย์ ข้าคิดถึงท่านมาก! คิดถึงท่าน… แล้วก็คิดถึงแม่นมกับเยวี่ยเยวี่ยด้วย เมื่อใดข้าจะได้กลับไปหรือ!”“รอให้ไทเฮาฟื้น และการแข่งขันจบลงก่อน แล
หลิงอวี๋มิอยากแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงแสร้งทำเป็นมิเห็นสิ่งใด นางเลื่อนสายตาไปที่หน้าของไทเฮา แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“พระชายาอ๋องอี้ พระอาการของไทเฮาเป็นอย่างไรเจ้าคะ? เมื่อใดพระนางจึงจะฟื้นขึ้นมา?”แม่นมเว่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋แล้วก็ใจเต้น จึงเอ่ยถามอย่างรีบร้อนหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วส่ายหน้าพลางเอ่ย “การหายใจและการเต้นของหัวใจไทเฮาเป็นปกติมาก ๆ แต่ข้าเองก็มิรู้ว่าเหตุใดพระนางจึงยังมิฟื้นขึ้นมา! หรือเพราะไทเฮามีพระชนมายุมากแล้ว เมื่อถูกยาพิษเข้าไปจึงได้รับบาดเจ็บไปถึงหัวใจและปอดด้วย!”“หา… พระชายาอ๋องอี้จะหมายความว่า… ไทเฮาอาจจะบรรทมไปเช่นนี้… แล้วจากไปเลยหรือเจ้าคะ?”แม่นมเว่ยน้ำตาร่วงลงมา ร่างกายก็สั่นเทาแล้วล้มหงายหลังลงไป...“แม่นมเว่ย!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนรีบเข้าไปประคองแม่นมเว่ยพร้อม ๆ กัน แต่แม่นมเว่ยกลับล้มลงไปที่ตัวของไป่ซุ่ยไป่ซุ่ยจึงกอดแม่นมเว่ยเอาไว้โดยมิรู้ตัว“แม่นมเว่ย เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”หลิงอวี๋รู้สึกว่าแม่นมเว่ยคว้าแขนเสื้อของตนเองเอาไว้เล็กน้อย พอเงยหน้ามองก็เห็นว่าแม่นมเว่ยหลับตาสนิท นางจึงใจเต้นพลางเอ่ย“หลิงซวน ไป่ซุ่ย พวกเจ้าสองคนประคองแม่นมไปข้างนอกก
แต่ไป่หลี่ไห่มิกล้า แม้ว่าในใจของเขาจะมีเสียงนับหมื่นเรียกร้องให้เขาทำเช่นนั้น แต่เมื่อเขาเห็นสายตาของหลิงอวี๋เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาเช่นกันดูภายนอกหลิงอวี๋ยิ้มให้ทุกคน แต่ดวงตาของนางกลับจ้องเขาอย่างเย็นชาสายตานั้นราวกับจะบอกไป่หลี่ไห่ว่า นางมิได้ล้อเล่น นางมียาพิษเช่นนั้นอยู่จริง ๆ!หลิงอวี๋เองก็มีอยู่จริง ๆ แต่สุดท้ายก็บอกกับทุกคนไปว่าล้อเล่นเพื่อที่จะทิ้งทางหนีไว้ให้ตนเองหากเรื่องที่นางมียาพิษเช่นนั้นแพร่ออกไป เช่นนั้นจะเป็นการทำให้คนบางส่วนหวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็จะดึงดูดความสนใจของราชสำนักด้วยจักรพรรดิองค์ใดเล่าจะยอมทนให้ราษฎรของตนมียาพิษที่มีพลังทำลายที่รุนแรงเช่นนี้อยู่!โดยเฉพาะที่นางสนิทกับบุคคลมีอำนาจเช่นหลงเพ่ยเพ่ยด้วย!ดังนั้นเพื่อมิให้ตนถูกคนวางแผนร้าย มหาเทพหลงก็จะต้องหาวิธีกำจัดนางไปเช่นกัน!“ปรมาจารย์ไป่หลี่ ทำตามสัญญาของท่านด้วย! ให้เหมียวหยางออกมายอมรับสิ่งที่เขาทำกับข้าไว้เสีย!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างเย็นชาฮูหยินเหมียวกับเถ้าแก่เหมียวมองไป่หลี่ไห่พ่ายแพ้อย่างตะลึงนี่ก็หมายความว่า พวกเขาจำเป็นต้องยอมรับความผิด มิฉะนั้นพวกเขาก็จะมิได้ยาแก้พิษจากหลิงอวี๋
ใบหน้าของไป่หลี่ไห่ยิ่งดูมิเชื่อกว่าเดิมเสียอีก “เจ้าวังฉู่ ท่านคงถูกวิธีการแปลกประหลาดของสิงอวี๋ทำให้สับสนเป็นแน่!”“สิงอวี๋มีกลอุบายมากมายนัก นางจะต้องอาศัยวิธีนี้มาทำให้ท่านกลัวแล้วอาศัยปากของท่านมาข่มขู่พวกเราอย่างแน่นอน!”ทันใดนั้น เสียงของสิงอวี๋ก็ดังมาจากด้านหลัง “เหอะ ๆ เจ้าวังฉู่ คาดมิถึงว่าท่านต่างหากที่เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพวกเขา! แค่ดูจากวิธีการของข้า ท่านก็คิดได้มากมายถึงเพียงนี้แล้ว!”“การคาดเดาของท่านถูกต้องแล้ว หากใช้ทักษะของข้าสกัดพิษออกมา มิต้องใช้ถึงครึ่งถ้วยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ!”“ข้าบอกท่านได้อย่างภาคภูมิใจเลยว่า ขอเพียงอุปกรณ์ของข้าดีกว่านี้อีกสักหน่อย ข้าจะสามารถกลั่นยาพิษที่สามารถสังหารคนได้ด้วยการใช้เพียงมิกี่หยดเท่านั้น!”หลิงอวี๋มองใบหน้าของไป่หลี่ไห่ด้วยสายตาเย็นชา นางก็แค่ต้องอวดดีเนื่องจากก่อนหน้านี้นางสาบานไว้ว่า หลังจากวันนี้ไป นางต้องการให้คนเหล่านี้กลัวตน และมิกล้าที่จะยั่วยุนางได้ง่าย ๆ อีก...“เจ้าพูดจาไร้สาระ! ข้ามิเชื่อหรอก!”ไป่หลี่ไห่ตะคอกออกมาด้วยความโกรธเมื่อครู่ศิษย์คนหนึ่งมากระซิบเล่าเรื่องที่เกิดอะไรขึ้นก่
ต้องยอมรับว่ากลยุทธ์การถอยเพื่อก้าวไปข้างหน้าของหลงอิงนั้นได้รับการยอมรับจากบัณฑิตจำนวนมากทีเดียวทั้งยังถือเป็นการชะล้างความเสื่อมเสียที่ตนจะต้องแบกรับในภายภาคหน้าทางอ้อมอีกด้วยบัณฑิตบางคนตะโกนขึ้นมา “โจวจาง หลงอิง พวกเจ้ามิต้องตาย! คนที่ควรตายคือไป่หลี่ไห่ต่างหาก!”“พวกเจ้าออกจากสำนักเสียเถิด! ข้าเชื่อว่าจะต้องมีคนสายตาเฉียบแหลมเห็นความสามารถและรับพวกเจ้าเป็นศิษย์อีกอย่างแน่นอน!”“ใช่ ออกจากสำนักเถิด...ไป่หลี่ไห่ในฐานะที่เป็นอาจารย์ยังมิเคารพรองเจ้าสำนักศึกษาต่ง หากออกจากสำนักตอนนี้ก็มิถือว่าเป็นการทรยศสำนักหรอก!”ต่งเฉิงเหลือบมองไป่หลี่ไห่ด้วยสายตาเย็นชา ในใจของเขาค่อนข้างสงสัย ไป่หลี่ไห่ได้รับการแก้พิษไปแล้ว เหตุใดจึงยังดื้อรั้นเช่นนี้เล่า?เป็นเพราะยังมีพิษที่หลงเหลืออยู่มิได้ขจัดไป หรือว่านิสัยของเขาเป็นเช่นนี้กัน?แต่แม้ว่าจะมีพิษที่ยังมิถูกขจัดไป ต่งเฉิงก็จะมิเปิดเผยออกไปต่อหน้าธารกำนัลเช่นกัน ความแค้นที่ไป่หลี่ไห่ดูถูกตนและเจ้าสำนักศึกษาจินเมื่อครู่นี้นั้น เขายังคงจำได้ดี!การถือโอกาสนี้ทำให้ไป่หลี่ไห่ถูกทุกคนทอดทิ้งไปก็มิแน่ว่าจะมิใช่เรื่องดีเช่นกัน“แน่นอนว่ามินับ!
เมื่อตาเฒ่าประหลาดเทียนซูได้ยินคำพูดไร้ยางอายของไป่หลี่ไห่ เขาก็หน้าแดงขึ้นมาแม้ว่าเขาจะช่วยเหลือไป่หลี่ไห่ แต่ก็ทำเพื่อสนับสนุนหยางหงหนิงศิษย์ของตนเช่นกัน แต่นี่มิได้หมายความว่าตาเฒ่าประหลาดเทียนซูจะไร้ยางอายเช่นเดียวกับไป่หลี่ไห่เขามองใบหน้าซีดเผือดของโจวจางแล้วก็นึกถึงที่ศิษย์ผู้นี้เอาชีวิตของตนเป็นประกันให้กับไป่หลี่ไห่เพื่อรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่ และหยุดมิให้เขาทำผิดพลาดต่อไปอีก!ไหนเลยจะคาดคิดว่าไป่หลี่ไห่จะตบเขาโดยที่มิเอ่ยถามเรื่องราวใด ๆ ทั้งยังใส่ร้ายว่าเขาถูกสิงอวี๋ซื้อตัวไปอีก“พอได้แล้ว!”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูตะคอกออกมาด้วยความโกรธ “ไป่หลี่ไห่ เดิมทีเจ้าก็แพ้ไปแล้ว! โจวจางช่วยขอยาแก้พิษให้เจ้ามิได้ผิดเลยแม้แต่น้อย เมื่อดูจากท่าทีของเจ้าเมื่อครู่แล้ว แม้ว่าเจ้าจะมิได้หมดสติไป เจ้าก็มิสามารถเอาชนะสิงอวี๋ได้!”“ทักษะการปรุงยาพิษของสิงอวี๋เก่งกว่าเจ้าจริง ๆ แม้จะให้เวลาเจ้าสิบปี เจ้าก็มิสามารถเหนือกว่านางได้!”“เจ้ายอมแพ้ไปแต่โดยดีเถิด อย่าให้โจวจางต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องเจ้าเลย!”ยังมิทันที่ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูจะพูดจบ ไป่หลี่ไห่ก็มองไปทางตาเฒ่าประหลาดเทียนซูอย่าง
ต่งเฉิงโกรธกับคำพูดบ้าบอของไป่หลี่ไห่อยู่นานจนสีหน้ามืดมนลงแม้ว่าไป่หลี่ไห่ดูเหมือนจะเป็นบ้า แต่ใครจะรู้เล่าว่านี่มิใช่สิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงพูดความจริงออกมาท่ามกลางความบ้าคลั่งนั้น!เมื่อได้ยินคำพูดของโจวจาง เหล่าบัณฑิตที่รู้สึกมิพอใจไป่หลี่ไห่เหล่านั้นก็ตะโกนกันขึ้นมา“โจวจาง เจ้าสามารถเป็นตัวแทนของอาจารย์เจ้าได้จริงหรือ?”“มิใช่ว่าเมื่อสิงอวี๋แก้พิษให้เขาแล้วเขาจะมาบอกว่าเขามิได้เป็นคนขอยอมแพ้แล้วมาทำให้สิงอวี๋ต้องลำบากอีกหรอกใช่หรือไม่!”“เฮ้อ ปรมาจารย์ไป่หลี่ดูถูกพวกเราว่าเป็นพวกคนไร้ระเบียบ ก็มิรู้ว่าพวกบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าทุกคนจะเป็นคนที่มีความสามารถสูงกันทั้งหมดหรือไม่!”มีคนหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นมา “พวกเรามิได้โกรธที่ถูกว่าเป็นพวกคนไร้ระเบียบหรอกนะ เพราะในสายตาของปรมาจารย์ไป่หลี่นั้นมิเห็นค่าแม้แต่รองเจ้าสำนักศึกษาต่งและเจ้าสำนักศึกษาจิน เจ้าฟังสิ เมื่อครู่เขาบอกว่าต้องการให้เจ้าสำนักศึกษาจินกับรองเจ้าสำนักศึกษาต่งมาเลียรองเท้าให้เขานั่น!”“ความคิดเช่นนี้ยิ่งใหญ่จนเกินไปท่านมหาเทพหลงยังทรงปฏิบัติต่อเจ้าสำนักศึกษาจินอย่างให้ความเคารพ หรือว่าปรมาจารย์ไป
“เจ้าวังฉู่ เด็กสิงอวี๋ผู้นั้นน่าจะแย่กว่าไป่หลี่ไห่อีกกระมัง นางยังมิยอมแพ้อีกรึ?”เจ้าวังเจียวเบ้ปากอย่างดูถูก “เช่นนั้นก็มาดูกันว่านางจะทนไปได้นานแค่ไหนกันเชียว!”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูไม่มีความมั่นใจดังเช่นเมื่อครู่แล้ว สิงอวี๋แก้พิษหลายชนิดที่พวกเขาออกแบบไว้ได้อย่างราบรื่น เมื่อเห็นท่าทางสงบของนาง พิษอีกหลายชนิดหลังจากนี้ก็มิน่าจะเป็นปัญหาแต่ไป่หลี่ไห่อยู่ในสภาพนี้ หากเขาผ่านด่านนี้ไปได้ก็นับว่ามิเลวแล้ว ยิ่งมิต้องพูดถึงว่าหลังจากนี้ยังมีพิษร้ายแรงยิ่งกว่ารอเขาอยู่อีก!“ไป๋ลี่ไห่!”ทันทีที่ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูเรียกชื่อเขาออกมา ต่งเฉิงก็เอ่ยปากห้าม “เจ้าวังฉู่ อย่าให้คำใบ้ใด ๆ ทั้งสิ้น มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นฝ่าฝืนกฎ และจะปรับแพ้!”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูจ้องมองต่งเฉิง แล้วก็ยังคงตะโกนออกไป “ไป่หลี่ไห่ วิธีการปรุงยาของสิงอวี๋แตกต่างจากพวกเราทุกคน วิธีการแก้พิษก็แตกต่างเช่นกัน หากเจ้าทนมิไหวจริง ๆ ก็ยอมแพ้ไปเสียเถิด!”“ชู่ว… นี่คือการโกงหรือไม่?”พวกของเย่หรงรออยู่ข้างนอกโดยตลอด พวกเขากังวลว่าสิงอวี๋จะแก้พิษมิได้จึงรอช่วยเหลือนาง แต่เมื่อได้ยินตาเฒ่าประหลาดเทียนซูเอ่ยเตือนไป่หลี่
ตระกูลหลงได้กระทำสิ่งใดลงไปหรือไม่?ไยจึงได้ยับยั้งสถานการณ์การเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกของดาวจักรพรรดิไว้ได้!เจ้าสำนักศึกษาจินครุ่นคิดอยู่หลายรอบก็ยังมิสามารถหาคำตอบได้ในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ นอกจากการทำนายตามกำหนดแล้ว เขายังให้ความสนใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในราชสำนักด้วย โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของเหล่าองค์ชายตระกูลหลงแต่องค์ชายเหล่านี้ดูจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร!ทว่ารูปแบบการทำนายที่ออกมาในช่วงนี้กลับทำให้เจ้าสำนักศึกษาจินมิเข้าใจ ในเมื่อเหล่าองค์ชายตระกูลหลงมิได้เคลื่อนไหวอะไร เช่นนั้นใครกันที่ทำให้เกิดสถานการณ์ดาวจักรพรรดิเคลื่อนตัวไปทางศูนย์กลางอีกครั้ง?หรือว่าจะเป็นจริงดังรูปแบบการทำนายครั้งแรกที่ตนทำนายไว้ว่า ผู้ที่จะช่วยเหลือใต้หล้าคือสตรีผู้หนึ่ง อีกทั้งยังเป็นสตรีจากตระกูลหลงด้วยหรือ?ในช่วงเวลานี้เจ้าสำนักศึกษาจินจึงเปลี่ยนไปศึกษาเกี่ยวกับองค์หญิงและท่านหญิงตระกูลหลงแทน และอันดับแรกสายตาของเขาก็มุ่งความสนใจไปที่หลงเพ่ยเพ่ยลูกสาวคนเล็กของเจ้าแห่งทิศใต้เหล่าองค์หญิงของมหาเทพหลงล้วนแต่งงานกันไปหมดแล้วและใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบาย สิ่งที่พวกนางต้องยุ่งอยู่ทุกวันค
นี่มิได้เป็นเพียงสายรุ้งที่ส่องสว่างเส้นหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นสายรุ้งที่มีรูปร่างคล้ายหงส์อีกด้วยสายรุ้งยาวที่รวมตัวกันเหล่านั้นคือปีกและหางของหงส์ และมันก็กำลังเต้นรำอยู่บนท้องฟ้าราวกับหงส์ตัวหนึ่งที่กำลังร่ายรำอยู่ตอนนั้นทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกตะลึง มหาเทพหลงเองก็ตะลึงไปเช่นกัน จากนั้นเขาก็เกิดความรู้สึกมิสบายใจขึ้นมาในใจทันทียามเกิดปรากฏการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า เจ้าสำนักศึกษาจินก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาจึงได้รับมอบหมายจากมหาเทพหลงให้ทำนายดวงชะตาหลังจากที่เจ้าสำนักศึกษาจินทำนายดวงชะตาแล้ว เขาก็มองรูปแบบการทำนายนั้นอยู่เงียบ ๆ สักพักมิพูดมิจาใด ๆมหาเทพหลงมองสีหน้าเคร่งขรึมของเขา แล้วในใจก็รู้สึกมิดี จึงไล่คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาออกไป จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียด “เจ้าสำนักศึกษาจิน ผลการทำนายว่าอย่างไร เจ้าจงบอกข้ามาตามความจริงเถิด!”เจ้าสำนักศึกษาจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกมา “กลางวันแสก ๆ จู่ ๆ ก็มีฝนตกหนักในตอนที่ท้องฟ้าแจ่มใสอย่างน่าประหลาด ดาวจื่อเวยเคลื่อนออกจากตำแหน่ง และดาวจักรพรรดิเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออก สิ่งนี้เป็นลางร้ายอย่างยิ่ง จ
ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นสิงอวี๋เหม่ออยู่ที่ตู้ยาก็ยิ้มเยาะออกมา แล้วก็อดมิได้ที่จะพูดเยาะเย้ยออกไป“สาวน้อย มิได้มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่รู้หลักการผสมเครื่องยาสมุนไพรหรอกนะ ดูเอาเถิด การใช้วิธีของเจ้ามาตอบกลับเจ้ามันมิได้รู้สึกดีเลยใช่หรือไม่!”หลิงอวี๋มีอาการปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่นางก็ยิ้มเหยียดกับการเยาะเย้ยของตาเฒ่าประหลาดเทียนซู“เจ้าวังฉู่ หยางหงหนิงบอกวิธีนี้กับท่านกระมัง! ท่านบอกว่าข้าสามารถใช้วิธีนี้จัดการกับนางได้ แล้วข้าจะคาดมิถึงหรือว่าพวกท่านจะใช้มาจัดการกับข้าได้?”“เจ้าวังฉู่ วันนี้ข้าจะทำให้พวกท่านรู้ว่าอะไรคือเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”หลิงอวี๋พูดไปก็รีบหยิบผงยาหลายชนิดออกมาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ใส่ลงในเครื่องกลั่นง่าย ๆ ที่นางเพิ่งทำขึ้นเมื่อครู่ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูมองขวดยาที่ถูกสิงอวี๋เผาอยู่บนไฟด้วยความประหลาดใจ ยาหยดแล้วหยดเล่าหยดลงมาจากปากขวด และรวมเข้าด้วยกันในถ้วยยาด้านล่าง“นี่มันหมายความว่าอะไร?”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูมิเคยเห็นวิธีการปรุงยาเช่นนี้มาก่อน จึงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้เจ้าสำนักศึกษาจินมองเขาอย่างหมดค