หลิงอวี๋มิอยากแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงแสร้งทำเป็นมิเห็นสิ่งใด นางเลื่อนสายตาไปที่หน้าของไทเฮา แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“พระชายาอ๋องอี้ พระอาการของไทเฮาเป็นอย่างไรเจ้าคะ? เมื่อใดพระนางจึงจะฟื้นขึ้นมา?”แม่นมเว่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋แล้วก็ใจเต้น จึงเอ่ยถามอย่างรีบร้อนหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วส่ายหน้าพลางเอ่ย “การหายใจและการเต้นของหัวใจไทเฮาเป็นปกติมาก ๆ แต่ข้าเองก็มิรู้ว่าเหตุใดพระนางจึงยังมิฟื้นขึ้นมา! หรือเพราะไทเฮามีพระชนมายุมากแล้ว เมื่อถูกยาพิษเข้าไปจึงได้รับบาดเจ็บไปถึงหัวใจและปอดด้วย!”“หา… พระชายาอ๋องอี้จะหมายความว่า… ไทเฮาอาจจะบรรทมไปเช่นนี้… แล้วจากไปเลยหรือเจ้าคะ?”แม่นมเว่ยน้ำตาร่วงลงมา ร่างกายก็สั่นเทาแล้วล้มหงายหลังลงไป...“แม่นมเว่ย!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนรีบเข้าไปประคองแม่นมเว่ยพร้อม ๆ กัน แต่แม่นมเว่ยกลับล้มลงไปที่ตัวของไป่ซุ่ยไป่ซุ่ยจึงกอดแม่นมเว่ยเอาไว้โดยมิรู้ตัว“แม่นมเว่ย เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”หลิงอวี๋รู้สึกว่าแม่นมเว่ยคว้าแขนเสื้อของตนเองเอาไว้เล็กน้อย พอเงยหน้ามองก็เห็นว่าแม่นมเว่ยหลับตาสนิท นางจึงใจเต้นพลางเอ่ย“หลิงซวน ไป่ซุ่ย พวกเจ้าสองคนประคองแม่นมไปข้างนอกก
แต่นี่คือโอกาสที่ตนจะสามารถจับพฤติกรรมในปัจจุบันของไป่ซุ่ยได้ หลิงอวี๋มิอยากปล่อยมันไปในหัวของนางรีบคิดทันทีว่าจะทำเยี่ยงไรจึงจะสามารถทำให้ไป่ซุ่ยเผยคนที่สั่งการให้นางวางยาพิษไทเฮาออกมาได้ พร้อมทั้งสามารถรับรองความปลอดภัยของไทเฮาได้ด้วย?มินานหลิงอวี๋ก็คิดออก นางยิ้มปลอบโยนไป่ซุ่ยพลางเอ่ย “มิต้องร้อนใจไป ยังมิถึงขั้นนั้นหรอก! เมื่อครู่ข้าก็บอกกับแม่นมเว่ยแล้วมิใช่หรือว่าวันพรุ่งข้าจะมาตรวจไทเฮาอีกที?”“สองวันมานี้ข้ากำลังเตรียมยาแก้พิษให้ไทเฮาอยู่ ยังขาดตัวยาอีกหนึ่งตัว ร้านขายเครื่องยาสมุนไพรบอกว่า วันพรุ่งรับรองว่าจะเอามาส่งให้ข้าแน่นอน ทันทีที่ยามาถึงแล้วข้าเตรียมเสร็จก็จะสามารถทำให้ไทเฮาฟื้นขึ้นมาได้!”ไป่ซุ่ยตาเป็นประกาย แล้วจ้องมองหลิงอวี๋พลางเอ่ย “ขอบคุณฟ้าดิน พระชายาอ๋องอี้ บ่าวก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าท่านจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน ท่านเป็นหมอชั้นเซียน! ครั้งที่แล้วไทเฮาทรงสลบไปก็เป็นท่านที่ช่วยพระชนม์ชีพพระนางไว้ได้!”“บ่าวจะกลับไปบอกข่าวดีนี้กับแม่นมเว่ยเจ้าค่ะ!”“ช้าก่อน...”หลิงอวี๋ดึงนางเอาไว้“พระชายาอ๋องอี้มีเรื่องอันใดอีกหรือเจ้าคะ?”ใจของไป่ซุ่ยเต้นแรง หรือว่าหลิงอ
หลังจากที่เซียวหลินเทียนกับราชองครักษ์ผางจัดเตรียมเรื่องไทเฮาในวังเรียบร้อยแล้วก็กลับไปที่ค่ายทหารชั่วคราวที่คฤหาสน์ตระกูลกวนหลิงอวี๋ก็กลับมาแล้วเช่นกัน กำลังประกอบลูกรอกบันไดใหม่อีกครั้งกับพวกช่างฝีมือ การประกอบอยู่ในช่วงท้ายแล้วนี่เป็นการประกอบใหม่เพื่อตรวจสอบดูจุดที่ปัญหาเซียวหลินเทียนเดินเข้ามาดูก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “พบความผิดปกติหรือไม่?”หลิงอวี๋ลูบใบหน้าอย่างแรงแล้วยิ้มขมขื่นพลางตอบ “ไม่เพคะ!”“เซียวหลินเทียน บางทีอาจจะเป็นความผิดพลาดที่การออกแบบของหม่อมฉันจริง ๆ ก็ได้ที่มิได้พิจารณาถึงสภาพการณ์ที่แท้จริง ทำให้วางแผนผิดพลาดไป… นี่เป็นความผิดของหม่อมฉันทั้งหมดเลยเพคะ ท่านลงโทษหม่อมฉันเถิด!”“ครั้งที่แล้วที่ท่านกับอันเจ๋อทำผิดพลาดไปก็จดบันทึกเอาไว้ว่าโบยแบบทหารสิบไม้! วันพรุ่งหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง หม่อมฉันก็จะรับการโบยสิบไม้เช่นกันเพคะ!”ทันทีที่หลิงอวี๋พูดออกมาเช่นนี้ อันเจ๋อกับเผยอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โวยขึ้นมา “มิได้ เรื่องนี้จะไปโทษท่านได้เยี่ยงไร! ท่านก็มิได้คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นนี่!”เผยอวี้ก็เอ่ยอย่างรีบร้อน “ท่านคิดค้นล้อเกวียนออกมาเพื่อพวกเราก็เป็นความสำเร็จ
“ช่างฝีมือที่มีอยู่สิบกว่าคนนี้ ตอนการต่อสู้ทางน้ำพรุ่งนี้ยังต้องการให้พวกเขาเป็นกำลังให้พวกเราอยู่ พวกเราจะจับตัวพวกเขาสิบกว่าคนไปทรมานเพื่อบีบเอาคำสารภาพมิได้!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ “ช่างฝีมือสิบกว่าคนนี้ส่วนใหญ่แล้วล้วนดีทั้งนั้น มิจำเป็นต้องจับตัวพวกเขาทั้งหมดเพื่อจะหาหนอนบ่อนไส้คนเดียวหรอก ทำเช่นนี้จะเป็นการทำลายความเชื่อใจของพวกเขาเสียเปล่า ๆ”“ข้าจะบอกชื่อพวกเจ้าไปหนึ่งชื่อแล้วคอยสังเกตเขาไว้ให้มาก ๆ ก็พอแล้ว!”“ผู้ใดหรือ?” อันเจ๋อกับเผยอวี้เอ่ยถามอย่างร้อนใจ“จู้เต๋อ! ตอนที่ข้ากำลังตรวจสอบรอกที่มีปัญหา เขาเอาแต่จ้องข้าเขม็งอยู่ตลอดราวกับว่ากลัวข้าจะพบสิ่งผิดปกติ!” “ตอนนั้นข้าแสร้งเดินออกไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาก็ถอนหายใจโล่งอก”ความสามารถในการรับรู้ของหลิงอวี๋แข็งแกร่งมาก การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของจู้เต๋อในเวลานั้นก็ถูกนางพบเข้าแล้วหลังจากนั้นนางจึงถือโอกาสในตอนที่จู้เต๋อมิทันได้สังเกตเดินไปตรวจสอบเพลาในส่วนนั้น ผลก็เป็นอย่างที่ตนคิดไว้จริง ๆอันเจ๋อกับเผยอวี้ต่างก็ตกตะลึง แม้แต่เซียวหลินเทียนก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงงเช่นกันจะเป็นจู้เต๋อไปได้เยี่
เซียวหลินเทียนเอ่ยทันที “เผยอวี้ ไปตรวจสอบคนที่เข้าร่วมการแข่งขันวันพรุ่งอีกที แม้แต่รายละเอียดของช่างฝีมือและคนในครอบครัวของพวกเราก็ด้วย...”“หากข้าถูกพวกเขาวางแผนร้ายใส่อีก มิต้องให้เสด็จพ่อลงโทษข้า ข้าก็ไม่มีหน้าจะไปเจอใครแล้ว!”“พ่ะย่ะค่ะ...”เผยอวี้กับอันเจ๋อก็รู้สึกละอายเหมือนกับเซียวหลินเทียนเช่นกัน ยังดีที่นี่เป็นการแข่งขัน แพ้แล้วยังสามารถกลับมาแก้ตัวได้หากอยู่ในสนามรบ พวกเขาก็คงจะถูกกวาดล้างไปทั้งกองทัพแล้ว...ทั้งสามคนยุ่งกันอยู่ทั้งคืน จนฟ้าเกือบจะสว่างแล้วเซียวหลินเทียนถึงได้ให้เผยอวี้กับอันเจ๋อไปพักผ่อนเซียวหลินเทียนยังคงรอฟังข่าวอยู่ เขาดูภาพวาดเรือรบพลางครุ่นคิดว่ายังมีสิ่งใดที่ตนละเลยไปอีกหรือไม่กระทั่งฟ้าสว่างแล้ว ผู้ที่มาชมการแข่งขันก็หลั่งไหลกันเข้ามามิหยุดวันนี้เป็นเวลาสุดท้ายในการสู้แล้ว ผู้ที่เข้ามาชมจึงมากกว่าวันก่อน ๆ เป็นเท่าตัวหลิงอวี๋ยังคงอยู่ที่ค่าย แล้วเถาจื่อก็มารายงาน “พระชายาเจ้าคะ ท่านอดีตเสนาบดีกับคุณหนูหลิงหว่านก็มาแล้วเจ้าค่ะ ส่วนพระชายาคังกับพระชายาเว่ยก็มาแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีกับหลิงหว่านมาชมนั้นเป็นเจตนาที่ดี พวกเราร
ในฐานะที่เคยเป็นคนรักกัน จ้าวเจินเจินรู้สึกว่าตนเข้าใจเซียวหลินเทียนมากกว่าสตรีใดรู้เขารู้เรา หากมิใช้สิ่งที่รู้เหล่านี้ไปจัดการกับเซียวหลินเทียน แล้วจะสามารถชะล้างความอับอายที่หลิงอวี๋นำมาให้ตนได้เยี่ยงไร!ความเป็นหญิงงามมีความสามารถของนางถูกหลิงอวี๋แย่งความโดดเด่นไปแล้ว เมื่อตอนที่แจกโจ๊กก็ชื่อเสียงเสียหายอีก!คนอื่นสามารถลืมมันไป แต่จ้าวเจินเจินจดจำไว้อย่างฝังลึกแล้ว!‘หลิงอวี๋ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าได้อยู่บนใต้หล้านี้’‘เจ้าจงเพลิดเพลินกับเวลามิกี่ชั่วยามที่เหลืออยู่นี้เถอะ!’‘รอถึงตอนก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าจะทำให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแน่นอน!’‘ให้เจ้าได้รู้ว่า ข้าจ้าวเจินเจินคือคนที่เจ้ามิสามารถมีเรื่องด้วยได้!’“น้องสะใภ้สี่ อย่าได้โต้เถียงกับพี่สะใภ้ใหญ่เลย นางเองก็ร้อนใจเช่นกัน ฮองเฮาถูกกักบริเวณอยู่ ไม่มีใครคอยหนุนหลังนาง จึงมาพูดเหน็บแนมดูถูกเจ้าเช่นนี้!”จ้าวเจินเจินแสร้งทำเป็นดึงหลิงอวี๋มาอยู่ข้าง ๆ อย่างใจดีพลางกระซิบ “ได้ยินว่าเจ้ากับท่านอ๋องอี้รับคำมั่นสัญญาทางทหารหรือ ข้าเป็นห่วงพวกเจ้ายิ่งนัก!”“โธ่ เหตุใดไทเฮายังมิฟื้น หากพระนางฟื้นแล้วก็จะสามารถตัดสินให้พ
“ขอบคุณท่านปู่ที่ให้กำลังใจเจ้าค่ะ ข้าจะทำให้มันสมบูรณ์แน่นอน! ท่านปู่ รอกก็เหมือนกับล้อเกวียน ใช้งานได้ดีแล้วก็ใช้ทำได้หลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พูดเจื้อยแจ้วบอกการใช้รอกให้ท่านอดีตเสนาบดีฟัง ท่านอดีตเสนาบดีก็ฟังอย่างให้ความร่วมมือเช่นกันเขามองไปที่สนามแข่งขันอยู่เป็นระยะ เมื่อได้ยินหลิงอวี๋พูดอย่างตื่นเต้น จู่ ๆ สายตาของท่านอดีตเสนาบดีก็มิสบายใจขึ้นมาเจ้าเด็กโง่ผู้นี้ นางคิดจะใช้วิธีนี้มาทำให้ตนมิต้องกังวลมากอย่างนั้นหรือ?แต่นางมิรู้หรือว่า หากนางถูกตัดหัวในที่สาธารณะจริง ๆ คำพูดที่นางพูดเหล่านี้จะทำให้ตนนึกถึงแล้วเศร้าใจ?เด็กที่ฉลาดและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นถึงเพียงนี้ จักรพรรดิอู่อันและคนเหล่านั้นจะทนรับพวกเขาไว้มิได้ได้เยี่ยงไร?ในขณะที่หลิงอวี๋พูดเวลาก็ล่วงเลยไปการแข่งขันการขว้างเป็นไปตามที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋คาดการณ์ไว้ คือกลุ่มขององค์ชายอิงได้รับชัยชนะไปเซียวหลินเทียนได้มีการเตรียมใจเอาไว้แล้วจึงมิได้ผิดหวังมากนักแต่ผู้คนที่มาชมกลับมิได้คิดเช่นนั้น เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องอี้พ่ายแพ้อีกแล้วก็มีคนจำนวนมากตะโกนขึ้นมาทันที“ท่านอ๋องอี้ พวกท่านเป็นกลุ่มกระจอกหรือ?
กลิ่นอายสังหารเช่นนี้ หากเป็นคนทั่วไปคงรับมิไหวเป็นแน่!แต่ชายผู้นี้กลับมิกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองเซียวหลินเทียนพลางส่งนิ้วก้อยมาให้อย่างดูถูกด้วย“พวกท่านมันขี้ขลาด เป็นพวกมอดแมลงที่กินเมล็ดข้าว ปกติแล้วก็เอาแต่โอ้อวดว่ามีพละกำลัง แต่ยามต่อสู้นั้นหนีเร็วที่สุด...”ชายผู้นั้นพูดมิทันจบ คาดว่าเป็นเพราะการกระทำของเขาไปปลุกปั่นเข้าแล้ว คนในฝูงชนจึงโยนไข่เน่าเข้ามาอีกแล้ว“จะไปเสียน้ำลายพูดกับพวกเขาเพื่อสิ่งใด ขยะพวกนี้ควรจะกินไข่เน่าไปเสีย!”จากนั้นก็เกิดเสียงโยนเข้ามาติด ๆ กันไปหมด มิรู้ว่าคนเหล่านี้ไปเอาไข่เน่ามาจากที่ใดมากถึงเพียงนี้ พวกเขาโยนใส่พวกเซียวหลินเทียนราวกับสายฝนที่ตกลงมาเลยเซียวหลินเทียนกัดฟันกรอด ดึงอันเจ๋อไปข้างหลังแล้วชักกระบี่อ่อนที่เอวออกมา“ท่านอ๋องอี้โกรธจนจะฆ่าคนแล้ว...”“ขยะไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะศัตรูได้ แต่สามารถฆ่าคนของตนได้...”“ตุบ… วันนี้ต่อให้ต้องตายด้วยกระบี่ของเขาก็ต้องทำให้เขาเหม็นไปเป็นหมื่น ๆ ปีให้ได้...”หลิงอวี๋เห็นภาพนี้จากที่ไกล ๆ ก็ตกใจลุกขึ้นยืนแล้วก็รู้สึกจุกที่ลำคอทันทีเซียวหลินเทียนจะฆ่าพวกคนที่ทำให้อับอายเหล่านี้ด้วยความโกร
ในเวลานี้ เย่หรงผู้มิเอาไหนที่เย่ซื่อเจียงเกลียดชังก็กำลังเตรียมตัวอยู่กับเผยอวี้และฉินซานเพื่อเตรียมที่จะเข้าไปในบ้านตระกูลเหมียวแล้วหลอกเอาเงินที่พวกเขาจะให้ไป่หลี่ไห่ไปถึงแม้ว่าเผยอวี้และฉินซานจะมีประสบการณ์ในการรบมามากมาย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ จึงค่อนข้างกังวลเย่หรงแต่งตัวเป็นพ่อบ้านของไป่หลี่ไห่ และดูคล้ายกับตัวจริงมากเขาจึงเอ่ยปลอบใจทั้งสองคน “อย่าได้กังวลไปเลย รอหลังจากหลอกเอาเงินออกมาและเปลี่ยนรถม้าไปแล้ว จากนั้นพวกเราจะรีบไปที่สำนักศึกษาชิงหลง เช่นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวพวกเราแล้ว!”“พวกเจ้าทั้งสองมิต้องพูดอะไร แค่ฟังข้าก็พอ!”เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เย่หรงก็นำทุกคนมุ่งไปที่บ้านตระกูลเหมียวเผยอวี้ให้ลู่หนานไปสืบข้อมูลมาแล้วว่า สามีภรรยาตระกูลเหมียวพาเหมียวหยางไปที่สำนักศึกษาชิงหลงแล้ว จึงรู้สึกสบายใจมากขึ้นพวกเขาจึงเดินทางมาที่บ้านตระกูลเหมียวอย่างสบาย ๆ เย่หรงก็อาศัยใบหน้าของพ่อบ้านไป่หลี่ไห่พาทุกคนเข้าไปได้อย่างราบรื่นเมื่อพ่อบ้านเหมียวได้ยินข่าวก็ออกมาต้อนรับ แล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “ท่านพ่อบ้านใหญ่ ตกลงกันไว้ว่าต
ท่านผู้เฒ่าเย่เข้าใจทันทีแล้วมองไปทางห้องปรุงโอสถอย่างครุ่นคิดนี่คือหลักการเข้าใจลึกซึ้งถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่เย่ซื่อฝานบอกไว้กระมัง!ไป่หลี่ไห่เชื่อมั่นว่าตนเป็นปรมาจารย์และรู้มากกว่าสิงอวี๋ แต่จากตัวอย่างของหยางหงหนิงแล้ว เขาก็ยังป้องกันมิให้หลิงอวี๋เปลี่ยนยาแก้พิษของเขาให้กลายเป็นยาพิษได้ด้วยการที่มีสิ่งที่ต้องป้องกันมากเกินไป นั่นก็คือข้อจำกัด...ขอเพียงหลิงอวี๋เข้าใจลักษณะนิสัยของไป่หลี่ไห่ นางก็จะสามารถใช้จุดแข็งของตนวางกับดักไป่หลี่ไห่ซ้ำ ๆ ได้แล้ว...เหอะ ๆ!ท่านผู้เฒ่าเย่ยิ้มออกมา และมีความคิดอยากจะผูกมิตรกับพ่อแม่และปู่ของหลิงอวี๋เสียหน่อยครอบครัวแบบใดกัน จึงสามารถเลี้ยงเด็กสาวมาได้ฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้?“ซื่อเจียง หากครานี้เสี่ยวชีสามารถเอาชนะได้ ข้าจะตัดสินใจพูดกับนางให้นางมาเป็นภรรยาของเย่หรง!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองไปทางเย่ซื่อเจียงเขาเป็นพ่อของเย่หรง และเรื่องการแต่งงานก็จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากเย่ซื่อเจียงด้วยเย่ซื่อเจียงตะลึงไปครู่หนึ่ง เขามิให้ความสำคัญกับลูกนอกสมรสที่มิเอาไหนผู้นี้มาโดยตลอด และมิสนิทกับเย่หรงด้วย เขาจึงเอ่ยออกไปโดยสัญชาตญาณ“หากเ
กฎการประลองที่ต่งเฉิงประกาศมานั้นที่จริงแล้วยังมีช่องโหว่อยู่ แต่โดยทั่วไปก็มีความยุติธรรม ท่านผู้เฒ่าเย่และเย่ซื่อฝานจึงมิได้เสนอแนะใด ๆห้องปรุงโอสถทั้งสองห้องเป็นห้องที่จัดเตรียมขึ้นมาชั่วคราวอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหอปรุงโอสถ หลังจากที่ระฆังการประลองดังขึ้น หลิงอวี๋และไป่หลี่ไห่ต่างก็เดินเข้าไปในห้องปรุงโอสถคนละห้องในห้องเป็นเช่นเดียวกับห้องปรุงโอสถอื่น ๆ ตรงผนังก็เต็มไปด้วยตู้ยา และหน้าต่างก็ถูกปิดไว้เพื่อป้องกันมิให้มีคนแอบดูหลิงอวี๋ดูเครื่องยาสมุนไพรทั้งหมดก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ออกแบบยาพิษของตนในใจก่อนที่จะเริ่มปรุงเนื่องจากเวลาในการปรุงคือสองชั่วยาม บรรดาคนที่มาดูบางส่วนจึงรอมิไหวแล้วเดินไปเดินมารอบ ๆ บางส่วนก็มาหาเจ้าสำนักศึกษาจินเพราะอยากได้คำชี้แนะแต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับลากท่านซ่งสหายของเขาไปหาห้องจิบชาเดิมทีท่านผู้เฒ่าเย่อยากจะพูดกับเจ้าสำนักศึกษาจินสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้เขาจึงมิเข้าไปรบกวนเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงออกไปเดินกับท่านผู้เฒ่าเย่ เมื่อเดินออกจากกลุ่มคนมาเย่ซื่อเจียงก็เอ่ยถามไปตามตรง “ท่านพ่อ ท่านซ่งผู้นั้นคือใครหรือขอรับ?”นี่ก็คือสิ
ไป่หลี่ไห่ตะลึง สายตาของเขามองไปทางตาเฒ่าประหลาดเทียนซูและสามีภรรยาตระกูลเจียวโดยมิรู้ตัวคนที่เข้าใจเรื่องเครื่องยาสมุนไพรต่างก็รู้ว่า เครื่องยาสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นพิษ แต่พิษกับพิษเจอกันก็ออกฤทธิ์ต้านกันได้แม้ว่าพวกเขาจะสามารถผสมพิษหลายชนิดเข้าด้วยกันได้ แต่สูงที่สุดก็คือสิบชนิด เป็นไปมิได้ที่ยาพิษหนึ่งตำรับจะมีพิษหลายสิบชนิดอยู่ด้วยกัน!สิงอวี๋ สตรีที่เพิ่งมาใหม่ผู้นี้ นางสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ?“นางกำลังพูดโอ้อวดอยู่กระมัง! จะมีพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”มีคนอดมิได้ที่จะตะโกนขึ้นมา“ต้องเป็นการขู่ให้กลัวแน่ ๆ! อยากจะชนะครั้งหนึ่งเพราะโชคช่วยจึงได้บอกว่าจะยอมประลองเพียงแค่รอบเดียว!”“ประลองสามรอบสิ สิงอวี๋ หากเจ้าสามารถชนะได้ทั้งสามรอบ พวกเราจึงจะยอมรับ!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองพวกที่สนับสนุนไป่หลี่ไห่ในการประลองสามรอบ แล้วเอ่ยกับเจ้าสำนักศึกษาจินอย่างเย็นชา“เหล่าจิน ข้าคิดว่าที่สิงอวี๋พูดมาก็มีเหตุผล เรื่องที่สามารถทำได้ในรอบเดียวเหตุใดต้องทำถึงสามรอบด้วยเล่า! แค่รอบเดียวก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้วมิใช่หรือ!”เจ้าสำนักศึกษาจินพยักหน้า “คำพู
หลิงอวี๋เอ่ยออกไปอย่างเยาะเย้ย “นี่ยังมิทันได้เริ่มการประลอง แต่ละคนก็โจมตีข้าราวกับกลัวว่าข้าจะชนะเสียแล้ว โจมตีข้าก็มิเป็นไรหรอก แต่ยังจะโจมตีอาจารย์ของข้าอีก!”“ไยเล่า จากความคิดสกปรกของพวกเจ้า ขอเพียงแค่รับศิษย์ที่เป็นสตรีก็คือมีเจตนามิดีแล้วรึ เช่นนั้นปรมาจารย์ไป่หลี่ ศิษย์ที่ท่านรับมีมากกว่าอาจารย์ของข้าสองเท่ากระมังเจ้าคะ!”“ศิษย์ที่เป็นสตรีก็มีมากกว่าอาจารย์ของข้า หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ของพวกท่านมิปกติกันหนอ? บางทีศิษย์ของท่านอาจจะเห็นท่านทำเรื่องเช่นนั้น ดังนั้นจึงได้ใช้ความคิดสกปรกเช่นนี้ไปตัดสินผู้อื่น!”ไป่หลี่ไห่โกรธจนตัวสั่น แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “เจ้าพูดไร้สาระอะไร! หากกล้าใส่ร้ายข้าอีก ข้าจะมิปล่อยเจ้าไปแน่!”หลิงอวี๋หัวเราะออกมา “ปรมาจารย์ไป่หลี่ร้อนใจเสียแล้วหรือเจ้าคะ ท่านเป็นแบบอย่างของอาจารย์ ศิษย์ของท่านใส่ร้ายอาจารย์ของข้า ท่านมิเห็นจะห้ามปราม!”“แล้วเหตุใดเล่า ข้าเพียงเปรียบเทียบท่านก็ร้อนใจแล้วหรือ? หรือว่าข้าพูดถูกจริง ๆ ดังนั้นท่านจึงอับอายจนโกรธ?”“ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว มิรู้หลักการที่ว่า ตนมิชอบสิ่งใดก็จงอย่าทำกับผู้อื่นหรือ?”หลง
ไป่หลี่ไห่เผชิญกับความดูถูกของหลิงอวี๋ แต่สีหน้าก็ยังคงมิเปลี่ยนแปลง“สิงอวี๋ เจ้าต้องรู้ว่าการประลองของข้ากับเจ้านั้นแตกต่างจากการประลองอื่น คนที่เข้าใจเครื่องยาสมุนไพรต่างก็รู้กันดีว่ายามีทั้งคุณและโทษ เมื่อกินยาพิษเข้าไป อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้แม้ว่าจะแก้พิษไปแล้วก็ตาม!”“ดังนั้นหากเจ้ากลัว ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง!”“ขอเพียงเจ้ายอมรับผิดต่อหน้าธารกำนัล แล้วมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง การประลองวันนี้ก็จะจบลงตรงนี้!”“ถึงอย่างไรเจ้าก็ได้เห็ดหยกไปแล้ว เมื่อมีโอกาสก็ควรหยุดก่อนจะสาย!”ไป่หลี่ไห่จ้องมองบีบบังคับหลิงอวี๋ด้วยสายตาดุร้าย เขามิเชื่อว่าหลิงอวี๋จะโง่เขลาทั้งที่เห็นอยู่ว่าตาเฒ่าประหลาดแห่งวังเทียนซูและสามีภรรยาตระกูลเจียวยืนอยู่ข้างตน แล้วจะยังต้องการประลองกับตนโดยมิรู้ว่าจะเป็นหรือตายหลิงอวี๋มองไป่หลี่ไห่แล้วยิ้มอย่างเย็นชานี่ไป่หลี่ไห่กำลังชี้แจงเรื่องยาพิษของเขาล่วงหน้าอยู่หรือไร?หลังจากนี้หากเขาวางยาพิษตนจนตาย ก็สามารถพูดได้ว่าเขาเตือนตนไปแล้ว!นางจึงเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ปรมาจารย์ไป่หลี่ นับตั้งแต่ข้าเข้ามาในสำนักศึกษาชิงหลง ข้าก็ปฏิบัติต่อท่านดังเช่นอาจารย์ของข้า
บุรุษผู้นี้เมินเฉยต่อทุกสิ่งรอบตัวแล้วเดินตามเจ้าสำนักศึกษาจินตรงไปข้างหน้าเมื่อตาเฒ่าประหลาดเทียนซูและเจียวหัวกับภรรยาเห็นเจ้าสำนักศึกษาจินปรากฏตัวก็ลุกยืนขึ้น เจ้าสำนักศึกษาจินเป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งยวดในเมืองหลวงแดนเทพ และพวกเขาทั้งสามคนก็มิจำเป็นต้องไปทำให้เจ้าสำนักศึกษาจินขุ่นเคืองทั้งสามคนทักทายเจ้าสำนักศึกษาจิน สายตามองไปทางบุรุษที่สวมหน้ากากด้วยความสงสัย และรอฟังคำแนะนำจากเจ้าสำนักศึกษาจินเจ้าสำนักศึกษาจินเอ่ยออกมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น “เขาเป็นสหายของข้า พวกเจ้าเรียกเขาว่าท่านซ่งก็แล้วกัน!”ท่านซ่ง?ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูดึงเปียเล็ก ๆ ที่เคราของตนอย่างมิพอใจ เขาก็แก่แล้ว ยังต้องเรียกบุรุษแปลกหน้าว่าท่านอีกหรือนี่?หรือว่าบุรุษผู้นี้อายุมากกว่าตน?เจียวหัวเองก็รู้สึกมิค่อยพอใจเช่นกัน ถึงอย่างไรตนก็เป็นเจ้าวังคนหนึ่ง เมื่อออกมาข้างนอกก็เป็นที่เคารพนับถือของทุกคน แต่บุรุษผู้นี้แม้แต่หน้าตาก็มิเปิดเผย จะให้ตนเรียกเขาว่าท่านหรือ?แต่ทั้งสองคนคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดมิออกว่าในเมืองหลวงแดนเทพนี้มีผู้ที่มีความสามารถแก่กล้าที่สกุลซ่งด้วยหรือรองเจ้าสำนักศึกษาต่งเฉิงและเจ้า
บุรุษผู้นี้ประณีตเกินไปแล้ว!ขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่นั้น เจียวหัวก็เดินผ่านพวกนางไปข้างหน้าแล้ว หลิงอวี๋สังเกตเห็นจากหางตาว่ามือเรียวยาวของเขายกขึ้นแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อกว้างแต่ในช่วงเวลานี้ หลิงอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าเล็บของเขาถูกทาสีเป็นสีแดงเลือดเช่นกันสีนั้นตัดกับมือขาว ๆ ของเขา เมื่อดูไปแล้วก็งดงามยิ่งนัก ทว่าหากเป็นสตรีที่ทาสีเล็บ หลิงอวี๋ก็คงมิรู้สึกแปลกใจแต่เมื่อเป็นเจียวหัว ความรู้สึกแรกของหลิงอวี๋ก็คือแปลกประหลาด!นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋เห็นบุรุษทาสีเล็บในเมืองหลวงแดนเทพ!เหตุใดบุรุษผู้นี้จึงมีลักษณะไปทางสตรีกันนะ?ส่วนเฟิงหลานนั้นดูปกติมาก เนื่องจากดูแลตัวเองเป็นอย่างดีนางจึงมีรูปลักษณ์ที่งดงามนางสวมชุดกระโปรงสีแดงกุหลาบซึ่งช่วยขับให้ผิวของนางดูผ่องใสดวงตาหงส์คู่นั้นดูแวววาวเป็นประกายระยิบ มองไปแล้วดูมีเสน่ห์เหลือหลายคนกลุ่มนี้มาด้วยกัน และเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับฝั่งของหลิงอวี๋แล้วก็คือกลุ่มที่มีความเหนือกว่าเถาจื่อเหงื่อตกแทนหลิงอวี๋ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้ ฮองเฮาของนางควรจะรับมืออย่างไรดีเล่า!เย่ซื
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู