หลิงอวี๋มิอยากแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงแสร้งทำเป็นมิเห็นสิ่งใด นางเลื่อนสายตาไปที่หน้าของไทเฮา แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“พระชายาอ๋องอี้ พระอาการของไทเฮาเป็นอย่างไรเจ้าคะ? เมื่อใดพระนางจึงจะฟื้นขึ้นมา?”แม่นมเว่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋แล้วก็ใจเต้น จึงเอ่ยถามอย่างรีบร้อนหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่นแล้วส่ายหน้าพลางเอ่ย “การหายใจและการเต้นของหัวใจไทเฮาเป็นปกติมาก ๆ แต่ข้าเองก็มิรู้ว่าเหตุใดพระนางจึงยังมิฟื้นขึ้นมา! หรือเพราะไทเฮามีพระชนมายุมากแล้ว เมื่อถูกยาพิษเข้าไปจึงได้รับบาดเจ็บไปถึงหัวใจและปอดด้วย!”“หา… พระชายาอ๋องอี้จะหมายความว่า… ไทเฮาอาจจะบรรทมไปเช่นนี้… แล้วจากไปเลยหรือเจ้าคะ?”แม่นมเว่ยน้ำตาร่วงลงมา ร่างกายก็สั่นเทาแล้วล้มหงายหลังลงไป...“แม่นมเว่ย!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนรีบเข้าไปประคองแม่นมเว่ยพร้อม ๆ กัน แต่แม่นมเว่ยกลับล้มลงไปที่ตัวของไป่ซุ่ยไป่ซุ่ยจึงกอดแม่นมเว่ยเอาไว้โดยมิรู้ตัว“แม่นมเว่ย เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”หลิงอวี๋รู้สึกว่าแม่นมเว่ยคว้าแขนเสื้อของตนเองเอาไว้เล็กน้อย พอเงยหน้ามองก็เห็นว่าแม่นมเว่ยหลับตาสนิท นางจึงใจเต้นพลางเอ่ย“หลิงซวน ไป่ซุ่ย พวกเจ้าสองคนประคองแม่นมไปข้างนอกก
แต่นี่คือโอกาสที่ตนจะสามารถจับพฤติกรรมในปัจจุบันของไป่ซุ่ยได้ หลิงอวี๋มิอยากปล่อยมันไปในหัวของนางรีบคิดทันทีว่าจะทำเยี่ยงไรจึงจะสามารถทำให้ไป่ซุ่ยเผยคนที่สั่งการให้นางวางยาพิษไทเฮาออกมาได้ พร้อมทั้งสามารถรับรองความปลอดภัยของไทเฮาได้ด้วย?มินานหลิงอวี๋ก็คิดออก นางยิ้มปลอบโยนไป่ซุ่ยพลางเอ่ย “มิต้องร้อนใจไป ยังมิถึงขั้นนั้นหรอก! เมื่อครู่ข้าก็บอกกับแม่นมเว่ยแล้วมิใช่หรือว่าวันพรุ่งข้าจะมาตรวจไทเฮาอีกที?”“สองวันมานี้ข้ากำลังเตรียมยาแก้พิษให้ไทเฮาอยู่ ยังขาดตัวยาอีกหนึ่งตัว ร้านขายเครื่องยาสมุนไพรบอกว่า วันพรุ่งรับรองว่าจะเอามาส่งให้ข้าแน่นอน ทันทีที่ยามาถึงแล้วข้าเตรียมเสร็จก็จะสามารถทำให้ไทเฮาฟื้นขึ้นมาได้!”ไป่ซุ่ยตาเป็นประกาย แล้วจ้องมองหลิงอวี๋พลางเอ่ย “ขอบคุณฟ้าดิน พระชายาอ๋องอี้ บ่าวก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าท่านจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน ท่านเป็นหมอชั้นเซียน! ครั้งที่แล้วไทเฮาทรงสลบไปก็เป็นท่านที่ช่วยพระชนม์ชีพพระนางไว้ได้!”“บ่าวจะกลับไปบอกข่าวดีนี้กับแม่นมเว่ยเจ้าค่ะ!”“ช้าก่อน...”หลิงอวี๋ดึงนางเอาไว้“พระชายาอ๋องอี้มีเรื่องอันใดอีกหรือเจ้าคะ?”ใจของไป่ซุ่ยเต้นแรง หรือว่าหลิงอ
หลังจากที่เซียวหลินเทียนกับราชองครักษ์ผางจัดเตรียมเรื่องไทเฮาในวังเรียบร้อยแล้วก็กลับไปที่ค่ายทหารชั่วคราวที่คฤหาสน์ตระกูลกวนหลิงอวี๋ก็กลับมาแล้วเช่นกัน กำลังประกอบลูกรอกบันไดใหม่อีกครั้งกับพวกช่างฝีมือ การประกอบอยู่ในช่วงท้ายแล้วนี่เป็นการประกอบใหม่เพื่อตรวจสอบดูจุดที่ปัญหาเซียวหลินเทียนเดินเข้ามาดูก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “พบความผิดปกติหรือไม่?”หลิงอวี๋ลูบใบหน้าอย่างแรงแล้วยิ้มขมขื่นพลางตอบ “ไม่เพคะ!”“เซียวหลินเทียน บางทีอาจจะเป็นความผิดพลาดที่การออกแบบของหม่อมฉันจริง ๆ ก็ได้ที่มิได้พิจารณาถึงสภาพการณ์ที่แท้จริง ทำให้วางแผนผิดพลาดไป… นี่เป็นความผิดของหม่อมฉันทั้งหมดเลยเพคะ ท่านลงโทษหม่อมฉันเถิด!”“ครั้งที่แล้วที่ท่านกับอันเจ๋อทำผิดพลาดไปก็จดบันทึกเอาไว้ว่าโบยแบบทหารสิบไม้! วันพรุ่งหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง หม่อมฉันก็จะรับการโบยสิบไม้เช่นกันเพคะ!”ทันทีที่หลิงอวี๋พูดออกมาเช่นนี้ อันเจ๋อกับเผยอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โวยขึ้นมา “มิได้ เรื่องนี้จะไปโทษท่านได้เยี่ยงไร! ท่านก็มิได้คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นนี่!”เผยอวี้ก็เอ่ยอย่างรีบร้อน “ท่านคิดค้นล้อเกวียนออกมาเพื่อพวกเราก็เป็นความสำเร็จ
“ช่างฝีมือที่มีอยู่สิบกว่าคนนี้ ตอนการต่อสู้ทางน้ำพรุ่งนี้ยังต้องการให้พวกเขาเป็นกำลังให้พวกเราอยู่ พวกเราจะจับตัวพวกเขาสิบกว่าคนไปทรมานเพื่อบีบเอาคำสารภาพมิได้!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ “ช่างฝีมือสิบกว่าคนนี้ส่วนใหญ่แล้วล้วนดีทั้งนั้น มิจำเป็นต้องจับตัวพวกเขาทั้งหมดเพื่อจะหาหนอนบ่อนไส้คนเดียวหรอก ทำเช่นนี้จะเป็นการทำลายความเชื่อใจของพวกเขาเสียเปล่า ๆ”“ข้าจะบอกชื่อพวกเจ้าไปหนึ่งชื่อแล้วคอยสังเกตเขาไว้ให้มาก ๆ ก็พอแล้ว!”“ผู้ใดหรือ?” อันเจ๋อกับเผยอวี้เอ่ยถามอย่างร้อนใจ“จู้เต๋อ! ตอนที่ข้ากำลังตรวจสอบรอกที่มีปัญหา เขาเอาแต่จ้องข้าเขม็งอยู่ตลอดราวกับว่ากลัวข้าจะพบสิ่งผิดปกติ!” “ตอนนั้นข้าแสร้งเดินออกไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาก็ถอนหายใจโล่งอก”ความสามารถในการรับรู้ของหลิงอวี๋แข็งแกร่งมาก การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของจู้เต๋อในเวลานั้นก็ถูกนางพบเข้าแล้วหลังจากนั้นนางจึงถือโอกาสในตอนที่จู้เต๋อมิทันได้สังเกตเดินไปตรวจสอบเพลาในส่วนนั้น ผลก็เป็นอย่างที่ตนคิดไว้จริง ๆอันเจ๋อกับเผยอวี้ต่างก็ตกตะลึง แม้แต่เซียวหลินเทียนก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงงเช่นกันจะเป็นจู้เต๋อไปได้เยี่
เซียวหลินเทียนเอ่ยทันที “เผยอวี้ ไปตรวจสอบคนที่เข้าร่วมการแข่งขันวันพรุ่งอีกที แม้แต่รายละเอียดของช่างฝีมือและคนในครอบครัวของพวกเราก็ด้วย...”“หากข้าถูกพวกเขาวางแผนร้ายใส่อีก มิต้องให้เสด็จพ่อลงโทษข้า ข้าก็ไม่มีหน้าจะไปเจอใครแล้ว!”“พ่ะย่ะค่ะ...”เผยอวี้กับอันเจ๋อก็รู้สึกละอายเหมือนกับเซียวหลินเทียนเช่นกัน ยังดีที่นี่เป็นการแข่งขัน แพ้แล้วยังสามารถกลับมาแก้ตัวได้หากอยู่ในสนามรบ พวกเขาก็คงจะถูกกวาดล้างไปทั้งกองทัพแล้ว...ทั้งสามคนยุ่งกันอยู่ทั้งคืน จนฟ้าเกือบจะสว่างแล้วเซียวหลินเทียนถึงได้ให้เผยอวี้กับอันเจ๋อไปพักผ่อนเซียวหลินเทียนยังคงรอฟังข่าวอยู่ เขาดูภาพวาดเรือรบพลางครุ่นคิดว่ายังมีสิ่งใดที่ตนละเลยไปอีกหรือไม่กระทั่งฟ้าสว่างแล้ว ผู้ที่มาชมการแข่งขันก็หลั่งไหลกันเข้ามามิหยุดวันนี้เป็นเวลาสุดท้ายในการสู้แล้ว ผู้ที่เข้ามาชมจึงมากกว่าวันก่อน ๆ เป็นเท่าตัวหลิงอวี๋ยังคงอยู่ที่ค่าย แล้วเถาจื่อก็มารายงาน “พระชายาเจ้าคะ ท่านอดีตเสนาบดีกับคุณหนูหลิงหว่านก็มาแล้วเจ้าค่ะ ส่วนพระชายาคังกับพระชายาเว่ยก็มาแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีกับหลิงหว่านมาชมนั้นเป็นเจตนาที่ดี พวกเราร
ในฐานะที่เคยเป็นคนรักกัน จ้าวเจินเจินรู้สึกว่าตนเข้าใจเซียวหลินเทียนมากกว่าสตรีใดรู้เขารู้เรา หากมิใช้สิ่งที่รู้เหล่านี้ไปจัดการกับเซียวหลินเทียน แล้วจะสามารถชะล้างความอับอายที่หลิงอวี๋นำมาให้ตนได้เยี่ยงไร!ความเป็นหญิงงามมีความสามารถของนางถูกหลิงอวี๋แย่งความโดดเด่นไปแล้ว เมื่อตอนที่แจกโจ๊กก็ชื่อเสียงเสียหายอีก!คนอื่นสามารถลืมมันไป แต่จ้าวเจินเจินจดจำไว้อย่างฝังลึกแล้ว!‘หลิงอวี๋ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าได้อยู่บนใต้หล้านี้’‘เจ้าจงเพลิดเพลินกับเวลามิกี่ชั่วยามที่เหลืออยู่นี้เถอะ!’‘รอถึงตอนก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าจะทำให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแน่นอน!’‘ให้เจ้าได้รู้ว่า ข้าจ้าวเจินเจินคือคนที่เจ้ามิสามารถมีเรื่องด้วยได้!’“น้องสะใภ้สี่ อย่าได้โต้เถียงกับพี่สะใภ้ใหญ่เลย นางเองก็ร้อนใจเช่นกัน ฮองเฮาถูกกักบริเวณอยู่ ไม่มีใครคอยหนุนหลังนาง จึงมาพูดเหน็บแนมดูถูกเจ้าเช่นนี้!”จ้าวเจินเจินแสร้งทำเป็นดึงหลิงอวี๋มาอยู่ข้าง ๆ อย่างใจดีพลางกระซิบ “ได้ยินว่าเจ้ากับท่านอ๋องอี้รับคำมั่นสัญญาทางทหารหรือ ข้าเป็นห่วงพวกเจ้ายิ่งนัก!”“โธ่ เหตุใดไทเฮายังมิฟื้น หากพระนางฟื้นแล้วก็จะสามารถตัดสินให้พ
“ขอบคุณท่านปู่ที่ให้กำลังใจเจ้าค่ะ ข้าจะทำให้มันสมบูรณ์แน่นอน! ท่านปู่ รอกก็เหมือนกับล้อเกวียน ใช้งานได้ดีแล้วก็ใช้ทำได้หลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พูดเจื้อยแจ้วบอกการใช้รอกให้ท่านอดีตเสนาบดีฟัง ท่านอดีตเสนาบดีก็ฟังอย่างให้ความร่วมมือเช่นกันเขามองไปที่สนามแข่งขันอยู่เป็นระยะ เมื่อได้ยินหลิงอวี๋พูดอย่างตื่นเต้น จู่ ๆ สายตาของท่านอดีตเสนาบดีก็มิสบายใจขึ้นมาเจ้าเด็กโง่ผู้นี้ นางคิดจะใช้วิธีนี้มาทำให้ตนมิต้องกังวลมากอย่างนั้นหรือ?แต่นางมิรู้หรือว่า หากนางถูกตัดหัวในที่สาธารณะจริง ๆ คำพูดที่นางพูดเหล่านี้จะทำให้ตนนึกถึงแล้วเศร้าใจ?เด็กที่ฉลาดและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นถึงเพียงนี้ จักรพรรดิอู่อันและคนเหล่านั้นจะทนรับพวกเขาไว้มิได้ได้เยี่ยงไร?ในขณะที่หลิงอวี๋พูดเวลาก็ล่วงเลยไปการแข่งขันการขว้างเป็นไปตามที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋คาดการณ์ไว้ คือกลุ่มขององค์ชายอิงได้รับชัยชนะไปเซียวหลินเทียนได้มีการเตรียมใจเอาไว้แล้วจึงมิได้ผิดหวังมากนักแต่ผู้คนที่มาชมกลับมิได้คิดเช่นนั้น เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องอี้พ่ายแพ้อีกแล้วก็มีคนจำนวนมากตะโกนขึ้นมาทันที“ท่านอ๋องอี้ พวกท่านเป็นกลุ่มกระจอกหรือ?
กลิ่นอายสังหารเช่นนี้ หากเป็นคนทั่วไปคงรับมิไหวเป็นแน่!แต่ชายผู้นี้กลับมิกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองเซียวหลินเทียนพลางส่งนิ้วก้อยมาให้อย่างดูถูกด้วย“พวกท่านมันขี้ขลาด เป็นพวกมอดแมลงที่กินเมล็ดข้าว ปกติแล้วก็เอาแต่โอ้อวดว่ามีพละกำลัง แต่ยามต่อสู้นั้นหนีเร็วที่สุด...”ชายผู้นั้นพูดมิทันจบ คาดว่าเป็นเพราะการกระทำของเขาไปปลุกปั่นเข้าแล้ว คนในฝูงชนจึงโยนไข่เน่าเข้ามาอีกแล้ว“จะไปเสียน้ำลายพูดกับพวกเขาเพื่อสิ่งใด ขยะพวกนี้ควรจะกินไข่เน่าไปเสีย!”จากนั้นก็เกิดเสียงโยนเข้ามาติด ๆ กันไปหมด มิรู้ว่าคนเหล่านี้ไปเอาไข่เน่ามาจากที่ใดมากถึงเพียงนี้ พวกเขาโยนใส่พวกเซียวหลินเทียนราวกับสายฝนที่ตกลงมาเลยเซียวหลินเทียนกัดฟันกรอด ดึงอันเจ๋อไปข้างหลังแล้วชักกระบี่อ่อนที่เอวออกมา“ท่านอ๋องอี้โกรธจนจะฆ่าคนแล้ว...”“ขยะไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะศัตรูได้ แต่สามารถฆ่าคนของตนได้...”“ตุบ… วันนี้ต่อให้ต้องตายด้วยกระบี่ของเขาก็ต้องทำให้เขาเหม็นไปเป็นหมื่น ๆ ปีให้ได้...”หลิงอวี๋เห็นภาพนี้จากที่ไกล ๆ ก็ตกใจลุกขึ้นยืนแล้วก็รู้สึกจุกที่ลำคอทันทีเซียวหลินเทียนจะฆ่าพวกคนที่ทำให้อับอายเหล่านี้ด้วยความโกร
เมื่อมีท่าทีเล็ก ๆ นี้ หลิงอวี๋จึงยิ่งระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเพียงแต่ของที่ตนกินดื่ม แม้แต่ของที่ไทฮองไทเฮากินและดื่ม หลิงอวี๋ก็จะระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมากแต่ท่าทีที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสดงออกมานั้นปกติมาก มิได้แตะต้องของกินของทั้งสองคนแต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็ยังมิอาจวางใจได้นางรู้สึกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลึกลับมาก ยอดฝีมือในดินแดนที่หก หากจะลงมือต้องมิทันได้รู้ตัวอย่างแน่นอน นางมิอยากให้ตนตายไปแบบมิรู้เรื่องใดที่จริงแล้วสตรีทั้งสี่ก็มิได้มีสิ่งใดให้พูดคุยกัน ภายนอกพวกนางคือครอบครัวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นศัตรู เมื่อถอดหน้ากากความเป็นครอบครัวออกก็ล้วนเกลียดกันจนมิใครก็มิใครต้องตายหลังจากคุยกันไปสักพัก และรับประทานอาหารเสร็จ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ขอตัวลาหลิงอวี๋รอให้พวกนางไป แล้วให้หลิงซวนกับแม่นมเว่ยรีบตรวจสอบในจุดที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าแตะต้องอย่างละเอียดทันทีไทฮองไทเฮาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “อาอวี๋ เจ้ากังวลมากเกินไปหรือไม่? พวกนางสองคนมิได้ไปที่อื่นเลยนอกจากโถงใหญ่ ในโถงใหญ่เองก็มีทุกคนจับตามองอยู่ พวกนางจะทำสิ่งใดได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “
“ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อน!”“อาอวี๋ เจ้าอยู่กินอาหารกับไท่เฟยเส้าและไทฮองไทเฮาเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นพี่สะใภ้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงบอกกับหลิงอวี๋และไทฮองไทเฮาแล้วกำลังจะไป“ฝ่าบาท หรุ่ยหรุ่ยรบกวนการเสวยของพวกท่านหรือเพคะ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าที่อึดอัดเจือความรู้สึกผิด “หรุ่ยหรุ่ยแค่อยากจะมาคารวะไทฮองไทเฮาเพคะ หากมิสะดวก เช่นนั้นหรุ่ยหรุ่ยขอทูลลา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ระดับความเสแสร้งของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิได้ด้อยไปว่าจ้าวเจินเจินเลยแม้แต่น้อย!เซียวหลินเทียนกำลังหลีกเลี่ยง แม้ว่าคนที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นเพียงข้ออ้างก็มิควรเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับหยิบยกมาพูดแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยผู้ไร้เดียงสา!“พี่สะใภ้รอง องค์จักรพรรดิมีธุระจริง ๆ เมื่อครู่ก็บอกไว้แล้ว ให้เขาไปเถิด พวกเราบรรดาสตรีกินด้วยกันก็พอแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยพลางเอ่ย “ฝ่าบาท กลางคืนหม่อมฉันจะเตรียมพระกระยาหารมื้อดึกไว้ให้ ท่านจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จแล้วก็มาเสวยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนสับสนไปในทันที เข
ไท่เฟยเส้ามิได้พอใจกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้เป็นสะใภ้มากนัก ก่อนหน้านี้นางหวังให้ตระกูลจ้าวให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานเข้ามาและสามารถช่วยให้องค์ชายคังประสบความสำเร็จได้แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋ครั้งแรกก็พ่ายแพ้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ไท่เฟยเส้าผิดหวังเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะมาไหว้ตน ไท่เฟยเส้าก็เรียกเข้ามาตำหนิภายนอกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยฟังอย่างนอบน้อม แต่ในใจอยากจะจัดการนางดังเช่นที่ทำกับองค์ชายคัง“สิ่งที่หมู่เฟยสอนก็คือ คราวนี้หรุ่ยหรุ่ยไม่มีประสบการณ์ เตรียมการมิมากพอ ครั้งต่อไปจะมิให้หลิงอวี๋รอดไปได้แล้วเพคะ!”คำพูดอ่อนโยนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ความโกรธของไท่เฟยเส้าเบาบางลงไปมาก อย่างน้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็สามารถบีบให้หลิงอวี๋อยู่ในสถานการณ์อับจนได้ เมื่อเทียบกับจ้าวเจินเจินแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยดีมากแล้วไท่เฟยเส้าได้ต่อว่าไปแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลงมา แล้วก็เอ่ยด้วยความเกลียด “ตอนนี้ในวังอยู่ในการควบคุมของหลิงอวี๋กับยายเฒ่านั่น หมู่เฟยจะทำอะไรก็มิได้สะดวกนัก”“หมู่เฟยอยากให้ยายแก่นั่นตายไปเร็ว ๆ เช่นนี้แล้วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็จะไม่มียายเฒ่าคอยหนุนหลัง ก็จะจัดการได้ง่
สำหรับคำถามของหลิงอวี๋ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยได้หารือกันในบ้านแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็รู้ว่า หากเอาเรื่องที่หลิงหว่านต้องไว้ทุกข์แม่สามปีมาถอนหมั้นนั้นฟังมิขึ้น แต่นางกับตระกูลเผยล้วนมิชอบหลิงหว่าน จึงยอมที่จะถูกด่าลับหลังและยืนกรานที่จะถอนหมั้นฮูหยินผู้เฒ่าเผยมิกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา จึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ฮองเฮา การแต่งงานเป็นการผูกสัมพันธ์ที่ดีของสองตระกูล มิใช่การผูกความโกรธแค้น...”“ถือเสียว่าตระกูลเผยขอโทษคุณหนูหลิง ขอร้องให้ฮองเฮาทรงเห็นใจ ตกลงกับคำร้องที่จะถอนพระราชโองการด้วยเถิดเพคะ สินสอดก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นการชดใช้ให้คุณหนูหลิงเถิด!”หลิงหว่านได้ยินก็โกรธมาก จึงเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิต้องการการชดใช้! ฮองเฮา ท่านตกลงเถิดเพคะ! หม่อมฉันหลิงหว่าน แม้ว่าชีวิตนี้จะมิได้แต่งงานก็ไม่มีทางร้องขอแต่งงานเข้าตระกูลเผย!”หลิงอวี๋ทอดถอนใจอยู่ในใจ แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเผยอวี้คือคนที่หลิงหว่านสามารถไว้วางใจไปได้ตลอดชีวิต แต่ตระกูลเผยทั้งหลายต่อต้านหลิงหว่านเช่นนี้ หากหลิงหว่านแต่งงานเข้าไปก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขการแต่งงานมิใช่การแต่งกับคนคนเดียว โดยเฉพา
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้