ในฐานะที่เคยเป็นคนรักกัน จ้าวเจินเจินรู้สึกว่าตนเข้าใจเซียวหลินเทียนมากกว่าสตรีใดรู้เขารู้เรา หากมิใช้สิ่งที่รู้เหล่านี้ไปจัดการกับเซียวหลินเทียน แล้วจะสามารถชะล้างความอับอายที่หลิงอวี๋นำมาให้ตนได้เยี่ยงไร!ความเป็นหญิงงามมีความสามารถของนางถูกหลิงอวี๋แย่งความโดดเด่นไปแล้ว เมื่อตอนที่แจกโจ๊กก็ชื่อเสียงเสียหายอีก!คนอื่นสามารถลืมมันไป แต่จ้าวเจินเจินจดจำไว้อย่างฝังลึกแล้ว!‘หลิงอวี๋ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าได้อยู่บนใต้หล้านี้’‘เจ้าจงเพลิดเพลินกับเวลามิกี่ชั่วยามที่เหลืออยู่นี้เถอะ!’‘รอถึงตอนก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าจะทำให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแน่นอน!’‘ให้เจ้าได้รู้ว่า ข้าจ้าวเจินเจินคือคนที่เจ้ามิสามารถมีเรื่องด้วยได้!’“น้องสะใภ้สี่ อย่าได้โต้เถียงกับพี่สะใภ้ใหญ่เลย นางเองก็ร้อนใจเช่นกัน ฮองเฮาถูกกักบริเวณอยู่ ไม่มีใครคอยหนุนหลังนาง จึงมาพูดเหน็บแนมดูถูกเจ้าเช่นนี้!”จ้าวเจินเจินแสร้งทำเป็นดึงหลิงอวี๋มาอยู่ข้าง ๆ อย่างใจดีพลางกระซิบ “ได้ยินว่าเจ้ากับท่านอ๋องอี้รับคำมั่นสัญญาทางทหารหรือ ข้าเป็นห่วงพวกเจ้ายิ่งนัก!”“โธ่ เหตุใดไทเฮายังมิฟื้น หากพระนางฟื้นแล้วก็จะสามารถตัดสินให้พ
“ขอบคุณท่านปู่ที่ให้กำลังใจเจ้าค่ะ ข้าจะทำให้มันสมบูรณ์แน่นอน! ท่านปู่ รอกก็เหมือนกับล้อเกวียน ใช้งานได้ดีแล้วก็ใช้ทำได้หลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋พูดเจื้อยแจ้วบอกการใช้รอกให้ท่านอดีตเสนาบดีฟัง ท่านอดีตเสนาบดีก็ฟังอย่างให้ความร่วมมือเช่นกันเขามองไปที่สนามแข่งขันอยู่เป็นระยะ เมื่อได้ยินหลิงอวี๋พูดอย่างตื่นเต้น จู่ ๆ สายตาของท่านอดีตเสนาบดีก็มิสบายใจขึ้นมาเจ้าเด็กโง่ผู้นี้ นางคิดจะใช้วิธีนี้มาทำให้ตนมิต้องกังวลมากอย่างนั้นหรือ?แต่นางมิรู้หรือว่า หากนางถูกตัดหัวในที่สาธารณะจริง ๆ คำพูดที่นางพูดเหล่านี้จะทำให้ตนนึกถึงแล้วเศร้าใจ?เด็กที่ฉลาดและเข้าอกเข้าใจผู้อื่นถึงเพียงนี้ จักรพรรดิอู่อันและคนเหล่านั้นจะทนรับพวกเขาไว้มิได้ได้เยี่ยงไร?ในขณะที่หลิงอวี๋พูดเวลาก็ล่วงเลยไปการแข่งขันการขว้างเป็นไปตามที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋คาดการณ์ไว้ คือกลุ่มขององค์ชายอิงได้รับชัยชนะไปเซียวหลินเทียนได้มีการเตรียมใจเอาไว้แล้วจึงมิได้ผิดหวังมากนักแต่ผู้คนที่มาชมกลับมิได้คิดเช่นนั้น เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องอี้พ่ายแพ้อีกแล้วก็มีคนจำนวนมากตะโกนขึ้นมาทันที“ท่านอ๋องอี้ พวกท่านเป็นกลุ่มกระจอกหรือ?
กลิ่นอายสังหารเช่นนี้ หากเป็นคนทั่วไปคงรับมิไหวเป็นแน่!แต่ชายผู้นี้กลับมิกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองเซียวหลินเทียนพลางส่งนิ้วก้อยมาให้อย่างดูถูกด้วย“พวกท่านมันขี้ขลาด เป็นพวกมอดแมลงที่กินเมล็ดข้าว ปกติแล้วก็เอาแต่โอ้อวดว่ามีพละกำลัง แต่ยามต่อสู้นั้นหนีเร็วที่สุด...”ชายผู้นั้นพูดมิทันจบ คาดว่าเป็นเพราะการกระทำของเขาไปปลุกปั่นเข้าแล้ว คนในฝูงชนจึงโยนไข่เน่าเข้ามาอีกแล้ว“จะไปเสียน้ำลายพูดกับพวกเขาเพื่อสิ่งใด ขยะพวกนี้ควรจะกินไข่เน่าไปเสีย!”จากนั้นก็เกิดเสียงโยนเข้ามาติด ๆ กันไปหมด มิรู้ว่าคนเหล่านี้ไปเอาไข่เน่ามาจากที่ใดมากถึงเพียงนี้ พวกเขาโยนใส่พวกเซียวหลินเทียนราวกับสายฝนที่ตกลงมาเลยเซียวหลินเทียนกัดฟันกรอด ดึงอันเจ๋อไปข้างหลังแล้วชักกระบี่อ่อนที่เอวออกมา“ท่านอ๋องอี้โกรธจนจะฆ่าคนแล้ว...”“ขยะไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะศัตรูได้ แต่สามารถฆ่าคนของตนได้...”“ตุบ… วันนี้ต่อให้ต้องตายด้วยกระบี่ของเขาก็ต้องทำให้เขาเหม็นไปเป็นหมื่น ๆ ปีให้ได้...”หลิงอวี๋เห็นภาพนี้จากที่ไกล ๆ ก็ตกใจลุกขึ้นยืนแล้วก็รู้สึกจุกที่ลำคอทันทีเซียวหลินเทียนจะฆ่าพวกคนที่ทำให้อับอายเหล่านี้ด้วยความโกร
หลิงอวี๋เห็นภาพนี้บนอัฒจันทร์ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจเซียวหลินเทียนมิได้โกรธแล้วหุนหันพลันแล่นแบบเมื่อก่อนแล้ว!เขาพลิกวิกฤตที่มองมิเห็นได้อย่างยอดเยี่ยมมาก!วิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยมนี้ ทั้งสยบผู้ที่มีเจตนาร้ายได้ และยังปกป้องพวกอันเจ๋อมิให้โดนดูถูกได้ด้วยใต้หล้านี้จะมีกี่คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้เล่า!การกระทำเช่นนี้ทำให้จักรพรรดิอู่อันพยักหน้าอย่างพึงพอใจเช่นกันเดิมทีองค์ชายเว่ยคิดว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธคนฆ่าคน จึงพยายามจะใส่ไฟเขา ไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะใช้วิธีนี้แก้ปัญหาจ้าวฮุยมองแผ่นหลังของเซียวหลินเทียนด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วเขาก็ตัดสินได้อีกครั้งว่าตนเลือกผิดไปแล้วตอนแรกน่าจะเลือกเซียวหลินเทียนเป็นลูกเขยไปเสีย!องค์ชายคังกัดริมฝีปากล่างแน่น เรื่องปาไข่เน่านี่เป็นความคิดของจ้าวเจินเจินที่อยากจะป้องกันไว้สองชั้น‘หากเซียวหลินเทียนถูกไข่เน่าโยนใส่จนเต็มตัว จากนิสัยของเขาแล้วจะต้องโกรธแล้วฆ่าราษฎรเพื่อระบายความโกรธแน่นอนเพคะ!’‘เช่นนี้หากเซียวหลินเทียนพ่ายแพ้แล้วสูญเสียเมืองไปก็จะถูกตัดหัวต่อหน้าธารกำนัลซึ่งเป็นโทษที่ร้ายแรง!’‘ทว่าหากว่าเขาชนะ ก็จะมีความผิดฐานฆ่าราษฎร
เสียงขององค์ชายอิงดังกังวานราวระฆัง องค์ชายหนิงที่อยู่ไกลออกไปก็ยังได้ยินเลยเขาหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยด้วยความดังเท่า ๆ กัน “อ๋องอี้ องค์ชายอิงพูดถูก หากไม่มีเจ้า พวกเราก็คงจะเหงาแย่!”“เช่นนั้น การแข่งขันครั้งนี้ อ๋องอี้อย่าได้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ขึ้นอีกเป็นอันขาด! ข้ายอมเสียเมืองสองเมืองไป แต่มิอยากให้ใต้หล้านี้ต้องสูญเสียผู้นำทัพที่มีความสามารถเยี่ยงเจ้าไปหรอกนะ!”“เราต่างก็ชื่นชมกันและกัน ยุคนี้ควรจะเป็นของพวกเรา มีเพียงคนหนุ่มเยี่ยงพวกเราเท่านั้นจึงจะสามารถนำพาราษฎรของตนไปสู่เส้นทางแห่งความเจริญรุ่งเรืองได้!”คำพูดนี้ขององค์ชายหนิง เมื่อองค์ชายอิงฟังก็มิได้รู้สึกอะไร เหมือนเป็นคำพูดที่ให้กำลังใจทั้งหมดแต่องค์ชายหนิงกับองค์ชายอิงล้วนเป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นของตนแล้ว แตกต่างกับพวกเขาและฉินตะวันตก จักรพรรดิอู่อันกำลังอยู่ในวัยรุ่งโรจน์เลย!คำพูดของคนหนุ่มเช่นนี้มิได้เป็นการบอกเป็นนัย ๆ หรือว่าจักรพรรดิอู่อันควรจะสละราชสมบัติได้แล้ว?จักรพรรดิอู่อันประวิงเวลามิแต่งตั้งองค์รัชทายาทก็เพราะว่า เมื่อแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้วจะมาแทรกแซงบัลลังก์ของตนหากคำพูดนี้ไปเข้
“เดินหน้า!”เซียวหลินเทียนโบกธงส่งสัญญาณให้ผู้ถือหางเสือเรืออย่างเด็ดขาดลูกเรือทั้งหมดร่วมแรงร่วมใจกันพายเรืออย่างเต็มกำลังเพื่อให้เรือมุ่งไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ“ถึงท่านอ๋องอี้จะอยากชนะแต่จะบุกไปเช่นนี้มิได้นะ! นี่เพิ่งจะแล่นออกมาได้มิไกลเท่าไร หากเรือเสียหายขึ้นมาคาดว่าจะต้องรั่วแล้วจมลงกลางทางเป็นแน่!”ขุนนางผู้หนึ่งเห็นเช่นนั้นก็อดมิได้ที่จะส่ายหน้าหลี่ว์เซียงมองเขาอย่างเย็นชา ท่านอ๋องอี้มิใช่คนโง่ เขาจะมิเข้าใจเหตุผลข้อนี้ได้เยี่ยงไรกัน?ที่เขาทำเช่นนี้จะต้องมีเจตนาเป็นแน่จักรพรรดิอู่อันกำลังดูอยู่อย่างเป็นกังวล เมื่อถูกขุนนางผู้นี้เอ่ยทะลุกลางปล้องขึ้นมาเช่นนี้จึงตะคอกออกไปอย่างมิพอใจ “ดูการแข่งขันไปเงียบ ๆ มิต้องพูดมาก! อ๋องอี้มิใช่คนโง่เสียหน่อย หากเจ้ารู้จักเขาก็จะเข้าใจ!”“กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางผู้นั้นถูกจักรพรรดิอู่อันตำหนิไปเช่นนี้ก็หน้าแดงหูแดงขึ้นมาทันที จากนั้นก็โค้งตัวรับผิดแล้วถอยไปข้างหลังจ้าวฮุยยิ้มออกมาจาง ๆ มองไปข้างหน้าก็เห็นเซียวหลินเทียนที่บีบให้เรือรบขององค์ชายอิงหันหางเสือเรือหลบการชนของเซียวหลินเทียนด้วยท่าทางห้าวหาญจ้าวฮุยเห็นแล้
เรือรบทั้งสี่ลำแล่นออกห่างจากฝั่งไปเรื่อย ๆ คนที่อยู่บนภูเขาก็มองเห็นได้ดีขึ้นด้วย แต่ก็เห็นแค่เรือเท่านั้น มิสามารถเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ชัดเจนจักรพรรดิอู่อันเป็นกังวลมาก และในขณะที่กำลังร้อนใจอยู่ก็ได้เสียงของท่านอดีตเสนาบดีดังมาจากด้านหลัง “ฝ่าบาท กระหม่อมมีของกำนัลมาถวายฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เป็นสิ่งที่อาอวี๋ขอให้กระหม่อมนำมามอบให้พ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาททรงดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ นี่คือของล้ำค่าคล้ายกับแว่นตากระจ่างที่อาอวี๋ถวายให้ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ สิ่งนี้จะทำให้ฝ่าบาททรงเห็นเรือเหล่านั้นได้ชัดเจนขึ้น!”“น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? รีบส่งมาให้ข้าเร็วเข้า!”จักรพรรดิอู่อันได้ยินท่านอดีตเสนาบดีมารบกวนตน เดิมทีก็อยากจะด่าไป ครั้นได้ยินว่าของกำนัลนี้จะทำให้ตนเห็นเรือเหล่านั้นชัดขึ้น ความโกรธของเขาก็พลันสลายหายไป“นี่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท...”ท่านอดีตเสนาบดียื่นท่อไม้ที่มีความยาวเท่าแขนดูแปลกประหลาดให้พร้อมกับรอยยิ้มขันทีกำลังจะไปรับก็ได้ยินองค์ชายเว่ยเอ่ยขึ้นมาอย่างมิเกรงใจเสียก่อน “ท่านอดีตเสนาบดี ขาบาดเจ็บก็พักผ่อนอยู่เรือนดี ๆ ไปเถิด มามอบของกำนัลให้เสด็จพ่อถึงที่นี่เวลานี้ หรือกลัวว่าหลิงอวี
“เหล่าหลิง กลเม็ดของเซียวหลินเทียนยอดเยี่ยมมาก! เขาทำลูกเรือขององค์ชายหนิงตกน้ำไปสองคนแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันดูอย่างตื่นเต้นแล้วพูดคุยถึงภาพที่เห็นกับท่านอดีตเสนาบดีเวลานี้ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่มีกล้องส่องทางไกล จึงมีเพียงพวกเขาสองคนที่พูดคุยกันได้“ใช่ วรยุทธของเซียวหลินเทียนไร้ที่ติอยู่แล้ว แค่ประสบการณ์การต่อสู้ยังมิเพียงพอ!”ขณะที่ท่านอดีตเสนาบดีกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เห็นอะไรบางอย่างจึงตะโกนขึ้นมา “เหตุใดเซียวหลินเทียนมิฉลาดถึงเพียงนั้น หากจะกวาดล้างให้หมด กลเม็ดนี้ควรจะเข้าทางข้างหลังสิ เช่นนั้นจึงจะจัดการได้อีกสองคน!”“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา เจ้ามิเห็นหรือว่าข้างหน้ามีทหารนายหนึ่งเกี่ยวที่กราบเรืออยู่? หากถูกจับไปที่กราบเรือ ลูกเรือขององค์ชายสี่ก็จะถูกจัดการ! แล้วก็จะถูกพวกเขาโจมตีเอาได้!”จักรพรรดิอู่อันตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “องค์ชายสี่กลับมาป้องกันเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว… เอ๊ะ สู้สิ… จัดการพวกเขาให้ตกน้ำกันไปให้หมดเลย!”ขุนนางโดยรอบมองหน้ากันไปมา แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าสงสัยแล้วว่าจักรพรรดิอู่อันกับท่านอดีตเสนาบดีเล่นละครกันอยู่ท่านอ๋องเฉิงได้ยินเช่นนั้นก
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ
เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของเก๋อเฟิ่งฉิง ในใจกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเก๋อเฟิ่งฉิงเสี่ยงตายช่วยตนไว้ ยามนี้ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เมื่อครู่ตนคิดเพียงแค่ให้นางออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับมิได้คิดว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเซียวหลินเทียนลังเล มิได้ยื่นแผ่นป้ายไม้ออกไป กล่าวว่า “ซูจู๋พูดถูก เจ้าออกไปเช่นนี้จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอลองคิดหาวิธีอื่นดูก่อน!”เก๋อเฟิ่งฉิงร้อนใจ ยื่นมือออกไปคว้าแผ่นป้ายไม้ในมือของเซียวหลินเทียนมาทันที“พี่ใหญ่ ยามนี้พวกเราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หากมิร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ ก็คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ทั้งนั้น!”“ท่านอย่าคิดมากเลย ต่อให้ไม่มีพวกท่าน มิช้าก็เร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์อยู่ดี ยามนี้แค่ก้าวล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้น มินับว่าถูกพวกท่านทำให้เดือดร้อนหรอก!”“ข้าไปก่อน! พวกท่านรอข่าวดีจากข้าเถิด”เก๋อเฟิ่งฉิงถือแผ่นป้ายไม้ ตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไปในใจของหลิงอวี๋รู้สึกหลากหลายปนเป การขอความช่วยเหลือจากภายนอกอาจจะเป็นทางรอดทางหนึ่ง แต่การกระทำขอ
ยาฉีดกระตุ้นหัวใจเพิ่งฉีดเข้าไปได้เพียงมิกี่นาที เซียวหลินเทียนก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ข้างเตียง ในใจของเซียวหลินเทียนก็พลันยินดี อาอวี๋อยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยหรือ?“เซียวหลินเทียน คนของเจ้าแห่งทะเลล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เผยอวี้ได้ให้คนของหลงเพ่ยเพ่ยไปรายงานเจ้าแห่งทิศใต้แล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าตอนนี้จะยังมิใช่เวลาฝ่าวงล้อม แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งเฉยมิเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!”“เส้นชีพจรหัวใจของท่านขาดสะบั้น ข้าให้ยาท่านแล้ว ท่านหมุนเวียนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เตรียมความพร้อมที่จะหลบหนีไปพร้อมพวกเรา!”เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูสิง พี่ใหญ่ของข้ายังเคลื่อนไหวหนัก ๆ มิได้ การออกไปจากที่นี่อาจจะคร่าชีวิตเขา! ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าเป็นหมอ จะมิรู้สถานการณ์ของเขาได้อย่างไร?”“ข้าก็มิต้องการให้คนไข้ตายเช่นกัน แต่มหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลจะยอมให้เขานอนพักรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ หรือไร?”“คุณหนูใหญ่เก๋อ ข้าไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงแดนเทพเช่นเจ้า หากเจ้าแห่งทิศใต้ช่วยมิได้ บางทีเจ้าอาจจะคิ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้หานอวี้ตกใจจนมิกล้าพูดอะไรอีก รับยามาอย่างว่าง่ายแล้วมองหลิงอวี๋เดินจากไปอย่างมิแยแสแย่แล้ว คุณหนูโกรธ ๆ จริงแล้ว!คราวนี้องค์จักรพรรดิยิ่งอธิบายความสัมพันธ์กับเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยากขึ้นไปอีก!หานอวี้เริ่มเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างสุดซึ้งแต่หลิงอวี๋ยังมิทันเดินพ้นลานเรือนของเซียวหลินเทียน ก็เห็นเผยอวี้และจ้าวซวนรีบร้อนวิ่งเข้ามา“พี่หญิงหลิงหลิง เกิดเรื่องแล้ว กองทหารกลุ่มหนึ่งล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เป็นคนของจวนเจ้าแห่งทะเล!”“ว่ากระไรนะ?”หลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยนไป รีบถามทันที “แจ้งคนของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง?”“ข้าบอกพวกเขาแล้ว มู่ตงบอกว่าเขาได้ส่งคนไปรายงานท่านหญิง และบอกให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก!”“มู่ตงและองครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลายคนไปเจรจากับแม่ทัพที่นำกองกำลังมาแล้ว!”เผยอวี้รายงานหลิงอวี๋รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที สภาพของเซียวหลินเทียนยามนี้มิสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย นับประสาอะไรกับการหนีเอาชีวิตรอด นั่นจะทำให้เขาตายได้ทันที!ส่วนเผยอวี้และหวงฝู่หลินต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากต้องบุกฝ่าออกไป ย่อมมิสามารถหนีพ้นจากเมืองหลวงแดนเทพไปได้แน่นอนยามน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ
ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้หลิงอวี๋ก็มิสะดวกจะรบกวนคนของคฤหาสน์อู๋ จึงรับปากว่ารอฟ้าสางแล้วจะทำไก่กังเปาให้หวงฝู่หมิงจูเห็นนางหิวมาก หลิงอวี๋จึงออกมาหาหานเหมย ให้นางพาตนไปที่ครัวเพื่อหาอะไรอย่างอื่นให้หวงฝู่หมิงจูกินก่อนหานเหมยรีบพาหลิงอวี๋ไปที่ครัว ในครัวยังคงวุ่นวาย กำลังทำอาหารให้พวกเผยอวี้หลิงอวี๋เห็นว่ามีกับข้าวทำไว้มากมายก็มิเกรงใจ เลือกกับข้าวที่หวงฝู่หมิงจูชอบตักไปให้หลายอย่าง ทั้งยังตักไปให้หวงฝู่หลินด้วยส่วนหนึ่งหานเหมยและเถาจื่อเห็นเข้ายิ่งใจคอมิดี ฮองเฮาคงมิได้ชอบหวงฝู่หลินเข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?นางดูแลเอาใจใส่หวงฝู่หลินถึงเพียงนี้ แต่กับเซียวหลินเทียนกลับมิไถ่ถามแม้แต่น้อยหานเหมยช่วยหลิงอวี๋ยกสำรับอาหารไประหว่างทาง หานเหมยก็อดมิได้ที่จะกล่าว "คุณหนู ท่านไปดูฝ่าบาทหน่อยเถอะเจ้าค่ะ พระองค์ยังมิฟื้นเลยตั้งแต่กลับมา!"หลิงอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา "สิ่งที่ข้าควรทำก็ทำไปแล้ว เส้นชีพจรหัวใจเขาขาดสะบั้น ต่อให้ข้าไปเฝ้าเขา เขาก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาทันทีได้!""กินยาตามเวลาก็พอแล้ว ค่อย ๆ พักฟื้นไป ประเดี๋ยวก็หายดีเอง!"หานเหมยถูกพูดขัดจนพูดมิออก พวกนางกำนัลที่มาทีหลังเหล่านี้ ก่
หวงฝู่หลินทั้งโกรธทั้งแค้นที่เสวี่ยเหมยยุยงให้ตนกับหมิงจูแตกแยกกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงกล่าวอย่างใจเย็น"หมิงจู พ่อเคยบอกเจ้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะมิแต่งภรรยาใหม่!""ยามที่เจ้าอยู่ในวังเทพ เจ้าก็เคยสนับสนุนให้พ่อแต่งกับอาอวี๋ พ่อก็เคยพูดกับเจ้าเช่นนี้! หมิงจู ชั่วชีวิตนี้พ่อไม่มีวันโกหกเจ้าเด็ดขาด!""ที่ภูเขาอนันต์ เดิมทีพ่อเจอเจ้าแล้ว แต่เสวี่ยเหมยวางยาพิษจื่อลู่กับเจ้า พิษจะกำเริบทุกวันในยามจื่อและยามอู่สองยาม หากกำเริบสามถึงสี่ครั้ง เจ้าก็จะถึงแก่ความตาย!""เป็นอาอวี๋ที่ใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปรุงโอสถแก้พิษให้เจ้า ทั้งยังช่วยพาเจ้าออกมาจากเงื้อมมือของผู้ที่ลักพาตัวเจ้าไป!""หมิงจู หากเจ้ามิเชื่อคำพูดของพ่อ จะให้ท่านอาปี้อธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดก็ได้ หรือว่าแม้แต่คำพูดของท่านอาปี้เจ้าก็มิเชื่อแล้ว?""พวกเราคือคนที่สนิทกับเจ้าที่สุด เจ้ากลับยอมเชื่อคนนอกมากกว่าที่จะเชื่อคนที่ใกล้ชิดกับเจ้ามากที่สุดอย่างนั้นหรือ?""อาอวี๋ ไปเรียกปี้ซงมาที!"หลิงอวี๋พยักหน้า เดินออกไปหานอวี้เฝ้าอยู่ข้างนอกตลอด เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จะไปตามปี้ซง นางก็รีบช่วยไปตามให้รอจนปี้ซงมาถึงห
หวงฝู่หมิงจูเห็นหวงฝู่หลินแวบเดียว ดวงตาสีดำขลับงดงามก็พลันมีม่านน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางร้องเรียกออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า "ท่านพ่อ!"น้ำตาใส ๆ ไหลรินลงมาจากหางตาของนาง ทำเอาทั้งหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ต่างรู้สึกปวดใจเหมือนกัน"พ่ออยู่นี่!"ดวงตาของหวงฝู่หลินก็ชื้นขึ้นมาเช่นกัน เขากอดหมิงจูเข้ามาในอ้อมอกพลางกล่าวเสียงสะอื้น"เป็นพ่อที่มิดีเอง ถึงทำให้หมิงจูต้องทนทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้ เป็นพ่อที่ผิดต่อเจ้า!"นับตั้งแต่หวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยพาตัวไป หวงฝู่หลินก็หวาดหวั่นใจอยู่ตลอด เกรงว่าตนจะมิได้พบหน้าธิดาสุดที่รักอีกแล้วเมื่อเห็นหวงฝู่หมิงจูถูกพิษจื่อลู่ทรมาน หวงฝู่หลินก็อยากจะรับความเจ็บปวดนั้นแทนเสียจริง ๆ ตอนนั้นเขาถึงกับสาบานว่า หากหมิงจูรอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ ต่อไปเขาจะต้องอยู่เคียงข้างลูกสาวให้ดี เฝ้ามองนางเติบโตอย่างปลอดภัยและสงบสุขสองพ่อลูกต่างก็ร้องไห้ออกมาหวงฝู่หมิงจูกอดหวงฝู่หลินแน่นพลางร้องไห้และกล่าวว่า "ท่านพ่อ หมิงจูคิดว่าจะมิได้เจอท่านพ่ออีกแล้ว หมิงจูกลัว... กลัวเหลือเกิน!""อย่ากลัวเลย ต่อไปพ่อจะมิจากเจ้าไปไหนอีกแล้ว!"หวงฝู่หลินลูบหลังหมิงจู
คนข้างนอกกำลังจัดแจงเรื่องการเดินทางของแต่ละคน หวงฝู่หลินฟังความเคลื่อนไหวแต่มิสนใจแม้แต่น้อย เขามองหลิงอวี๋ด้วยความคาดหวังและใจที่ร้อนรนระหว่างรอหลิงอวี๋ปรุงโอสถแก้พิษให้หมิงจูขณะที่หวงฝู่หลินกำลังร้อนใจดั่งไฟสุม หลิงอวี๋ก็พลันลืมตาขึ้น"ปรุงโอสถเสร็จแล้ว ป้อนให้หมิงจูเถอะ!"หลิงอวี๋ยื่นโอสถลูกกลอนสองเม็ด และตำรับยาแผ่นหนึ่งให้"พี่ใหญ่หวงฝู่ โอสถลูกกลอนนี้ใช้แก้พิษจื่อลู่ ส่วนตำรับยานี้ใช้รักษาอาการเลือดไหลมิหยุดของพวกท่าน รอให้มีเวลา ข้าจะเขียนตำรับอาหารบำบัดให้ท่าน พวกท่านใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ให้ดี คราวหน้าหากเลือดออกก็จะระงับได้ง่ายขึ้น!"หลิงอวี๋เป็นฝ่ายยื่นตำรับยาให้ หวงฝู่หลินรับมาอย่างตื่นเต้น"ขอบคุณ!"หวงฝู่หลินป้อนยาแก้พิษเข้าปากหมิงจูไปพลาง กล่าวไปพลางว่า "หลิงอวี๋ ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวบุญธรรม ข้ามิปฏิเสธว่าก่อนหน้านี้ข้าเพียงทำเช่นนั้นเพื่อผูกมิตรกับเจ้า!""แต่ยามนี้ข้าขอกล่าวอย่างจริงใจว่า ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ไปชั่วชีวิต! ต่อไปเรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า! วังเทพก็คือบ้านของเจ้า!"หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าการยอมรับหวงฝู่หลินเป็นพี่ใหญ่ก็