“นั่นสิ การแข่งขันในสามวันแรกก็ดูดีอยู่หรอก มาวันนี้มีพิรุธเสียแล้ว! ท่านอ๋องอี้ ท่านนำทัพมิได้จริง ๆ! ยอมรับความพ่ายแพ้ไปเถิด!”มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูก “ดูกลุ่มขององค์ชายอิงสิ พวกเขาล้วนเป็นชายร่างกำยำทั้งนัน กลุ่มของท่านอ๋องอี้ ทหารเหล่านี้ล้วนดูป่วยไข้ เทียบมิได้เลยจริง ๆ!”องค์ชายหนิงเห็นว่ากลุ่มของมู่หรงเหยียนซงตามพวกเขามาทันแล้ว จึงทำท่าทางให้ทหารที่เข็นเกวียนเร่งความเร็วขึ้น“อ๋องอี้ ข้าขอไปก่อนแล้ว!”ตอนที่องค์ชายหนิงแซงหน้ารถของเซียวหลินเทียนไป สายตาก็จ้องมองโครงแปลก ๆ นั้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่าของวิเศษที่เซียวหลินเทียนคิดว่าจะได้ชัยชนะคือโครงนี้เขาคิดมิออกถึงประโยชน์ของโครงนี้เลย จึงทำได้แค่แอบคาดเดาเท่านั้นเมื่อเห็นว่ามีเพียงระยะห่างห้าร้อยเมตรแล้ว เซียวหลินเทียนจึงสัญญาณมือ เมื่อเผยอวี้เห็นก็ฉายยิ้ม ตอนนี้ถึงคราวที่พวกเขาต้องแสดงบ้างแล้วสินะพวกทหารก้าวไปข้างหน้าทันที แล้วติดตั้งยางหุ้มไว้บนล้อแต่ละล้อด้วยความรวดเร็วคนที่มาดูความคึกคักอยู่ข้างนอกเห็นว่าเกวียนบรรทุกบันไดของท่านอ๋องอี้หยุดลง และทหารเหล่านั้นกำลังซ่อมล้ออยู่ คนที่ตั้งตารอให้เซียวหลินเทียนพ่ายแพ้ก็ก่
มันเป็นไปมิได้!คนจำนวนมิน้อยเบิกตาโตด้วยความงุนงง แม้ว่าพวกเขาจะมิได้ลงสนามด้วยตัวเอง แต่เกวียนบรรทุกบันไดหนัก ๆ นั่นดูทหารเข็นแล้วน่าจะออกแรงมากแล้วในชั่วพริบตามันจะง่ายดายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร“เมื่อครู่ทหารพวกนั้นดูเหมือนจะใส่อะไรไปที่ล้อรถนะ!”มีคนตาแหลมคมมองเห็น เพียงแต่มันอยู่ไกลจึงเห็นมิชัดเจนหนึ่งร้อยเมตร… สองร้อยเมตร...จากที่ทหารเข็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เกวียนบรรทุกบันไดของเซียวหลินเทียนจึงแซงหน้ารถของมู่หรงเหยียนซงไปแล้วมู่หรงเหยียนซงมองปราดเดียวก็เห็นความแตกต่างของล้อเกวียนบรรทุกบันไดของเซียวหลินเทียนกับของตนเองได้ในทันทีเดิมทีล้อรถเป็นล้อไม้ เมื่อหุ้มด้วยยางหนา ๆ เข้าไป ก็ทำให้ให้ล้อไม้หมุนได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้นด้วย!มู่หรงเหยียนซงมองล้อรถนั้นอย่างอึ้ง ๆ นี่มันหลักการอะไรกัน!เขามิเคยคิดฝันเลยว่า เซียวหลินเทียนจะคิดเรื่องการหุ้มยางที่ล้อรถออกมาได้แต่ต้องยอมรับว่า การหุ้มยางที่ล้อรถมันทำให้ล้อหมุนได้นุ่มนวลขึ้น แล้วทหารก็ดูประหยัดแรงไปได้เยอะเลยส่วนข้างหน้านั้น ความเร็วขององค์ชายหนิงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แล้วก็เร่งแซงองค์ชายอิงไปแล้วองค์ชายหนิงเพิ่งชนะการแข่งขันไ
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาก็ได้เห็นโครงแปลก ๆ นั้นค่อย ๆ ยกสูงขึ้นทีละนิดหลังจากนั้นมินาน ก็ข้ามบันไดที่พาดอยู่บนกำแพงขึ้นไป และเผยอวี้ก็ปีนขึ้นไปก่อนอย่างคล่องแคล่ว เอาบันไดเสริมไปติดไว้บนกำแพงเมือง“พี่น้องทั้งหลาย ลุกมา! ทำให้พวกเขาเห็นว่าเราได้สร้างยุคใหม่ขึ้นแล้ว!”เผยอวี้มิสามารถควบคุมความตื่นเต้นของตนได้อีกต่อไป บันไดเช่นนี้เป็นสิ่งที่กลุ่มพวกเขาสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์มิเหมือนใคร และล้ำหน้าทักษะการสร้างบันไดของแคว้นอื่นไปมาก!“ท่านอ๋องอี้ทรงทำดีมากพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”บรรดาคนที่มาดูความคึกคักเหล่านั้นเห็นว่าบันไดของฉินตะวันตกวางอยู่บนกำแพงเมืองแล้วก็ส่งเสียงชอบใจกันดังสนั่นทันที“รีบขึ้นไปเร็วเข้า! เอาธงของเราไปปักไว้บนกำแพงเมืองเสีย!”จักรพรรดิอู่อันเห็นว่าบันไดของอีกสามแคว้นยังประกอบมิเสร็จ ครั้งนี้เซียวหลินเทียนต้องชนะอย่างแน่นอน เขาจึงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น รอให้ธงฉินตะวันตกปักบนกำแพงเมืองแสดงชัยชนะห้าต่อสาม หากวันพรุ่งชนะอีกหนึ่งรายการองค์ชายหนิงก็จะพ่ายแพ้แล้ว!แต่องค์ชายเว่ยกลับแอบยิ้มร้ายตอนนี้จักรพรรดิอู่อันตื่นเต้นมากแค่ไหน อีกประเดี๋ยวเมื่อคนของเซี
เผยอวี้กับอันเจ๋อยืนอยู่บนกำแพงเมือง นอกจากพวกเขาที่อยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลือดที่ไหลลงมาที่แขนกับหน้าอกของเซียวหลินเทียนเลยเขาต้องใช้พลังใจอันน่าทึ่งเพื่อรองรับทหารเหล่านั้นมิให้ร่วงลงไปได้จักรพรรดิอู่อันกับองค์ชายเว่ยที่อยู่ห่างไกลมาก ๆ ก็ยิ่งไม่มีทางจะสังเกตเห็นเลยจักรพรรดิอู่อันเห็นว่ากลุ่มขององค์ชายหนิงปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วปักธงไว้บนกำแพงเมืองแล้วองค์ชายเว่ยก็ส่ายหน้าอย่างเสแสร้งแล้วทอดถอนใจพลางเอ่ย “น่าเสียดายจริง ๆ เกือบแล้วเชียว! เฮ่อ คิดว่าบันไดรูปแบบใหม่ของน้องสี่ในวันนี้ จะทำให้ฉินตะวันตกของเราชนะเสียอีก!”“คิดมิถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้!”พรรคพวกขององค์ชายเว่ยใช้โอกาสนี้เอ่ยขึ้นมา “ก่อนหน้านี้หลี่ว์เซียงบอกว่า บันไดรูปแบบใหม่นี้ท่านอ๋องอี้เป็นผู้คิดขึ้นมา ยังมิได้ตรวจสอบเลย! เหตุใดท่านอ๋องอี้จึงทำเป็นเล่นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงเมืองสองเมืองเชียวหนา มิได้ตรวจสอบก็ยังกล้านำออกมาแข่งขันอีกหรือ!”หลี่ว์เซียงมิสามารถโต้แย้งให้เซียวหลินเทียนได้แล้วเมื่อเผชิญกับความจริง มิว่าจะพูดจาโน้มน้าวเก่งแค่ไหนก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้!
กระทั่งหลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้ทหารเสร็จแล้วเดินออกมา เผยอวี้ก็ก้าวไปเอ่ยเสียงเบา “ท่านไปดูท่านอ๋องเถิด เขาได้รับบาดเจ็บแล้วมิยอมให้พวกเราพันแผลให้เขา แล้วไปนอนอยู่คนเดียวในรถม้าขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้า แล้วเอาล่วมยาเดินไปที่รถม้าเมื่อเปิดม่านก็เห็นเซียวหลินเทียนนอนอยู่ เลือดบนท้องของเขาซึมมาถึงอาภรณ์ชั้นนอกของเขาแล้ว“นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่? แพ้มิเป็นหรือ?”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันทีแล้วดุเขาเสียงแข็ง “ท่านมิรู้หรือว่าเสียเลือดมากทำให้ตายได้? ท่านคิดว่าตัวท่านอยู่ยงคงกระพันเลือดออกได้โดยมิตายหรือไร!”เซียวหลินเทียนวางมือบนหน้าผาก มิสนใจฟังคำดุของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปบนรถม้าอย่างมิพอใจ จากนั้นก็มิพูดพร่ำทำเพลงดึงมือเขาลงทันที “ถอดฉลองพระองค์ออกเถิดเพคะ หม่อมฉันจะพันผ้าพันแผลให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน หากท่านจะตำหนิว่าการออกแบบของหม่อมฉันมีข้อบกพร่อง ท่านก็ดุด่าหม่อมฉันได้เลย แต่อย่าทำลายตัวเองเช่นนี้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกอดหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน เขากอดนางไว้แน่น มิพูดอะไรสักคำแล้วก็วางหัวไว้บนไหล่ของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ถูกกอดไว้แน่นจนหายใจมิออก แล้วนางก็ได้ยิน
หลังจากที่จ้าวฮุยได้ถ่ายทอดคำสั่งของจักรพรรดิอู่อันที่เรียกพบท่านอ๋องอี้กับพระชายาแล้ว เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ก็ทำได้เพียงต้องกลับไปที่วังก่อนเซียวหลินเทียนได้รับการปลอบโยนจากหลิงอวี๋ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่เมื่อเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ก็เห็นใบหน้าที่มืดมนของจักรพรรดิอู่อันนอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มข้างนอกแต่ข้างในมิได้ยิ้มขององค์ชายเว่ย เซียวหลินเทียนจึงรู้สึกกลัดกลุ้มอีกครั้ง“เซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ พวกเจ้าได้คำมั่นสัญญาทางทหารไปแล้ว พวกเจ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล่น ๆ รึ?”จักรพรรดิอู่อันมิได้ให้ทั้งสองคนลุกขึ้นแล้วก็ดุด่าขึ้นมาเลย“บันไดใหม่ที่ยังมิได้ตรวจสอบ เจ้าก็กล้าเอาไปลองใช้ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ พวกเจ้าเห็นว่าสองเมืองของข้าเป็นอะไร? คิดจะทำลายตามใจชอบเยี่ยงนี้รึ?”องค์ชายเว่ยรีบซ้ำเติมทันทีด้วยท่าทางเคียดแค้นชิงชัง“น้องสี่ เสด็จพ่อหวังในตัวเจ้าไว้สูงมาก! เห็น ๆ อยู่ว่าตามขั้นตอนแล้วพวกเจ้าเองก็มีโอกาสชนะเช่นกัน เหตุใดเจ้าจึงประมาทเช่นนี้เล่า!”ขุนนางพรรคพวกขององค์ชายเว่ยเองก็เอ่ยแปลก ๆ เช่นกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่า บันไดใหม่ของท่านอ๋องอี้ได้พระชาย
ทันทีที่การแข่งขันสิ้นสุดลง จ้าวฮุยก็พาองค์ชายคังไปดูเกวียนบรรทุกบันได เขาสงสัยมาก ๆ ว่าเหตุใดตอนหลังเซียวหลินเทียนจึงได้ตามเกวียนขององค์ชายหนิงทันเมื่อเห็นยางหุ้มที่ด้านนอกล้อ จ้าวฮุยก็ตกใจในฐานะที่เป็นอัครเสนาบดีที่มีความสามารถที่แท้จริง จ้าวฮุยจึงเข้าใจถึงความล้ำหน้าของล้อหุ้มยางเช่นนี้ได้เลยเขายังครุ่นคิดด้วยว่าจะดึงตัวช่างฝีมือที่ออกแบบยางหุ้มเช่นนี้ให้ไปอยู่ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไรดี เช่นนี้ก็จะออกแบบของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ยิ่งขึ้นให้กับองค์ชายคัง เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนที่จะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท!ความโกรธของจักรพรรดิอู่อันเบาบางลงไปบ้างแล้ว แม้ว่าท้ายที่สุดเซียวหลินเทียนจะพ่ายแพ้ แต่ตอนนั้นพวกเขาตามหลังอยู่ถึงเพียงนั้น พอเปลี่ยนยางหุ้มก็สามารถตามไปทัน มันก็เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าล้อแบบใหม่นี้ดีแค่ไหนหากไปอยู่ในสนามรบจริง ๆ ทุก ๆ วินาทีที่ต้องต่อสู้ล้วนต้องทำเพื่อชัยชนะ เช่นนั้นคงจะมีประโยชน์มากทีเดียว!หลิงอวี๋แอบเห็นว่าสีหน้าของจักรพรรดิอู่อันดีขึ้นบ้างแล้ว จึงเอ่ยโดยที่เจือความน้อยใจและ “ความกลัว” ไปด้วย“เสด็จพ่อเพคะ ที่หลิงอวี๋คิดค้นล้อเช่นนี้ออกมาได้ก
“สามีภรรยากันเมื่อมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ก็ต้องร่วมเผชิญพ่ะย่ะค่ะ! อาอวี๋ยอมถึงขั้นถูกตัดหัวต่อหน้าธารกำนัล ลูกมิให้นางต้องเผชิญเพียงลำพังหรอกพ่ะย่ะค่ะ! ลูกเองก็จะยอมรับโทษเหมือนกับที่หลิงอวี๋ยอม!”เซียวหลินเทียนมองเจตนาขององค์ชายเว่ยออกแต่ก็มิได้กลัว เขายืดหลังตรงแล้วมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิอู่อัน“หากเสด็จพ่อไม่มีคำตำหนิอื่นแล้ว ลูกกับหลิงอวี๋ขอทูลลา พวกเรายังต้องกลับไปเตรียมการแข่งขันของวันพรุ่งอีกพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพูดไปอย่างเยือกเย็นเช่นนี้ ทำให้จักรพรรดิอู่อันเองก็มิสะดวกที่จะตำหนิเขาแล้วการตัดหัวในที่สาธารณะนั้น เพราะเซียวหลินเทียนเป็นลูกชายของตน เขาจะกล้าร่วมกับทุกคนบีบให้ลูกตายหรือ?จักรพรรดิอู่อันมองลูกชายผู้นี้แล้วก็มีคาดหวังที่เต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้งชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า!การที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เอาชีวิตของตนมารับคำมั่นสัญญาทางทหารนั้นมิใช่เรื่องเล่น ๆ เช่นนั้นแล้วในการแข่งขันอีกสองรายการที่เหลือพวกเขาจะต้องทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อชีวิตของตนอย่างแน่นอนหลังจากเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษรแล้วเห็นแสงอาทิตย์ หลิงอวี๋ก็หยุดฝีเท้าไปทันทีแล้วหรี่ตามอง“
เซียวหลินเทียนผลักดันการแสดงที่หลิงอวี๋เป็นผู้นำให้ไปถึงจุดสูงสุด หลิงอวี๋รู้อยู่แก่ใจ แล้วจะลบความดีของเขาออกไปอย่างขัดกับความรู้สึกได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองอยู่ที่ด้านข้าง เดิมทีนางคิดว่าด้วยนิสัยของหลิงอวี๋แล้ว เมื่อเห็นว่าฮูหยินเฉียวใช้ชีวิตของสิงจั๋วมาข่มขู่ นางจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนไหนเลยจะคิดว่าเรื่องราวจะหลุดจากการควบคุมแล้วกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ล้มเหลวในตอนสุดท้ายเสียได้!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าฮูหยินเฉียวทำให้ทุกคนโกรธ ก็รู้สึกเสียดายอยู่ในใจ แต่สายตาก็มองไปทางแม่ทัพเฉิงวันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าสิงอวี๋คือหลิงอวี๋หรือไม่ หากพลาดโอกาสนี้ไป ต่อไปหากจะพิสูจน์อีกก็ยากแล้วไหน ๆ แม่ทัพเฉิงก็มาแล้ว จะมิใช้ให้คุ้มค่าได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิกลัวที่จะเป็นจุดเด่นแล้ว เพื่อที่จะจับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน วันนี้ตระกูลเฉียวจึงนำยอดฝีมือจำนวนมากมาสำนักศึกษาชิงหลงด้วยแม่ทัพเฉิงเองก็นำกลุ่มทหารมาเช่นกัน หากวันนี้มิสามารถจับทั้งสองคนได้ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสแล้ว“สิงอวี๋ สิ่งที่ฮูหยินเฉียวทำนั้นมิถูกต้อง นางมิควรจับตัวพี่ชายเจ้ามาข่มขู่เจ้า! พฤติกรรมเช
พวกเหลยเหวินมองสถานการณ์บานปลายไปจนถึงจุดที่สิงอวี๋ใช้การปลิดชีพตนมาต่อต้านอย่างตกตะลึง พวกเขารู้สึกกังวลมาก มิรู้ว่าจะช่วยให้สิงอวี๋ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่ามีคนเป็นผู้นำบีบฮูหยินเฉียว เหลยเหวินก็มิสนใจอะไรแล้ว จึงวิ่งออกไปหาฮูหยินเฉียว“ฮูหยินเฉียว ใช้ข้าแทนพี่ใหญ่สิงเถิด ข้าเป็นสหายสนิทของสิงอวี๋ นางคงมิยอมเห็นข้าตายแน่ ๆ!”“ข้าด้วย!”หลงเพ่ยเพ่ยหรือจะยอมล้าหลัง นางรู้สึกผิดต่อสิงอวี๋ที่ปล่อยให้สิงจั๋วตกอยู่ในมือของฮูหยินเฉียว นางจะยืนดูเฉย ๆ ได้อย่างไร เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้นางก็เดินเข้าไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน“ข้าเป็นท่านหญิง ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าพวกเจ้า สิงอวี๋จะต้องมิปล่อยให้ข้าตายอย่างแน่นอน ข้าจะเปลี่ยนตัวกับสิงจั๋วเอง!”“จะขาดข้าไปได้อย่างไรเล่า! สิงอวี๋กับข้าเป็นสหายสนิทกันก็ควรจะถูกฮูหยินเฉียวใช้ข่มขู่สิงอวี๋จึงจะถูก มิเช่นนั้นความสำคัญของข้าก็มิถูกเปิดเผยสิ!”จงเจิ้งเฟยตามมาอย่างมิยอมแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว อู่เถาและบัณฑิตบางส่วนจากหอโอสถซ่างกู่ก็พากันเดินไปหาฮูหยินเฉียวเช่นกัน“พวกเราเป็นศิษย์น้อง
“เสี่ยวชี อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!”เย่หรงร้อนใจจนอยากจะพุ่งเข้าไปห้ามหลิงอวี๋ถอยหลังไปหลายก้าวแล้วตะคอกออกมา “เย่หรง อย่าเข้ามา! ท่านช่วยข้ามิได้หรอก!”“ดูหลงเพ่ยเพ่ยเถิด มีอำนาจมีอิทธิพล ตระกูลเฉียวยังมิเห็นนางอยู่ในสายตาเลย ยังสามารถพาตัวพี่ชายของข้าไปจากมือของนางได้ แล้วท่านจะทำกระไรได้?”“ข้ามิอยากทำให้พวกท่านต้องลำบาก ข้ากับพี่ชายยอมตายไปด้วยกันก็จบแล้ว!”เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมาด้วยความอายหลิงอวี๋ไม่มีอำนาจและอิทธิพลจึงต่อสู้กับตระกูลเฉียวมิไหวก็พอจะเข้าใจได้ แต่นางเป็นบุตรีของเจ้าแห่งทิศใต้ เป็นท่านหญิงของราชวงศ์ แต่กลับปกป้องคนที่อยากปกป้องไว้มิได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก!ท่านผู้เฒ่าเย่โกรธจนเคราสั่น “ฮูหยินเฉียว เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว เกินไปจริง ๆ… หากเจ้ากล้าลงมือในวันนี้ ตระกูลเย่ของข้าและตระกูลเฉียวของพวกเจ้าก็คงมิอาจอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันแล้ว!”เย่ซื่อเจียงก็ตะโกนออกมาด้วยท่าทางจริงจังเช่นกัน “ฮูหยินเฉียว อย่าทำให้เรื่องร้ายแรงเลย หากเจ้าบีบให้สิงอวี๋ตาย นับจากนี้ตระกูลเย่ของข้าและตระกูลเฉียวของเจ้าจะอยู่ร่วมแผ่นดิน
ฮูหยินเฉียวเอ่ยออกมาอย่างมิปรานี “สิงอวี๋ วิชาพิษของเจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น วิชาแปลงโฉมก็ต้องแข็งแกร่งเช่นกัน พวกเรานำน้ำยามามิอาจล้างการแปลงโฉมของเจ้าได้ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะยอมรับว่าเจ้าคือหลิงอวี๋!”ขณะที่พูดอยู่นั้นฮูหยินเฉียวก็ชักกระบี่ออกมา แล้วจ่อไปที่คอของสิงจั๋ว “ข้าจะนับถึงสิบ หากเจ้ายอมรับว่าเจ้าคือหลิงอวี๋ ข้าก็จะปล่อยเขาไป!”“มิเช่นนั้น ข้าก็จะสังหารเขา!”“หลิงอวี๋ หรือว่าเจ้ายอมให้คนบริสุทธิ์คนหนึ่งต้องตายไปภายใต้กระบี่ของข้า เพื่อการปกปิดของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”คนจำนวนมิน้อยที่ดูอยู่ต่างก็รู้สึกกังวลขึ้นมา พฤติกรรมเช่นนี้ของฮูหยินเฉียวเกินไปจริง ๆ!นี่ก็พอ ๆ กันกับท่าทางบ้าคลั่งของไป่หลี่ไห่เมื่อครู่ เพียงเพื่อการแก้แค้นสติปัญญาก็หายไปจนหมดเจ้าสำนักศึกษาจินและต่งเฉิงล้วนคาดมิถึงว่าการประลองจะวุ่นวายจนเป็นเช่นนี้ นี่จะจบลงอย่างไรกัน?เซียวหลินเทียนมองไปทางหลิงอวี๋ เขารู้จักหลิงอวี๋ดี อย่าว่าแต่สิงจั๋วกับนางที่มีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันเลย แม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นคนที่มิเกี่ยวข้องอะไรกับนาง นางก็จะไม่มีทางเห็นแก่ตัวเพิกเฉยเป็นแน่“เตรียมตัว!”เซียวหลินเทียนทำสัญญาณมื
“แม่ทัพเฉิง ข้ามิใช่คนที่ท่านตามหา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไปอย่างเย็นชา “ฮูหยินเฉียวติดหมายจับค่าหัวไว้มากมายถึงเพียงนั้น ทุกคนคงคุ้นเคยกับใบหน้าของหลิงอวี๋กันไปหมดแล้วกระมัง!”“บนใบหน้าของหลิงอวี๋มีรอยแผลอยู่มาก มิอาจพึ่งการแปลงโฉมและหน้ากากผิวหนังมนุษย์มาปกปิดได้หรอก เช่นเดียวกันกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย สวมผ้าคลุมหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์!”“เมื่อครู่ฮูหยินเฉียวสั่งให้คนรับใช้ตระกูลเหมียวสาดน้ำยาใส่ข้าไปแล้วข้าก็มิได้เปลี่ยนแปลงไป นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าข้ามิได้แปลงโฉมมา!”“พวกท่านยืนกรานที่จะบอกว่าข้าคือหลิงอวี๋ นี่มิเป็นการกลับผิดให้เป็นถูกแล้วจะเป็นอะไรได้?”เหล่าบัณฑิตที่ดูอยู่พยักหน้าเห็นด้วยก็จริง พวกของฮูหยินเฉียวสาดน้ำยาล้างหน้าของสิงอวี๋ไปแล้วแต่ก็ยังมิเห็นว่าสิงอวี๋จะมีการเปลี่ยนแปลงใด เห็นได้ชัดว่านางมิได้แปลงโฉมจริง ๆการจะบีบให้นางยอมรับให้ได้ว่านางคือหลิงอวี๋เช่นนี้ มันมากเกินไปแล้ว!หลงเพ่ยเพ่ยก็ก้าวออกไปเช่นกัน แล้วก็เอ่ยออกมา “แม่ทัพเฉิง ความแค้นคงทำให้ฮูหยินเฉียวสับสนแล้ว ท่านอย่าได้ถูกนางหลอกจนตามนางมารังแกสิงอวี๋เลย!”“อาการป่วยของฮูหยินท่าน ข้าจะคิดวิธีไปหาหมอมาให้ท่านเอ
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวล้วนมองไปทางสิงอวี๋อย่างภูมิใจคราวนี้แม่ทัพเฉิงออกโรงเอง วิธีการก็รวดเร็วและเด็ดขาด สิงอวี๋จะยังสามารถพูดแก้ตัวไปได้อีกหรือ?แต่สิงอวี๋ที่ควรจะแสดงท่าทีตื่นตระหนก กลับสีหน้าเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง แล้วมองไปทางแม่ทัพเฉิงอย่างเฉยเมย“แม่ทัพเฉิง ท่านบอกว่าข้าคือหลิงอวี๋หรือ? ฮองเฮาแห่งฉินตะวันตกผู้นั้น? สตรีที่สังหารเฉียวเค่อและตระกูลเฉียวออกหมายจับค่าหัวห้าล้าน?”“หรือสตรีที่ช่วยท่านแม่ของข้าหลวงเก๋อ?”แม่ทัพเฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาแผดเผา “ใช่แล้ว!”“เหอะ ๆ!” หลิงอวี๋หัวเราะออกมา “แม่ทัพเฉิง ท่านบอกแหล่งข่าวของท่านให้ข้ารู้ได้หรือไม่?”“แหล่งข่าวน่าเชื่อถือที่ว่านี้คือฮูหยินเฉียวเป็นคนบอกท่านใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ประเมินสถานการณ์ในทันที แม้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเป็นศิษย์ของเจ้าวังเทียนจี แต่นางก็ไม่มีครอบครัวอยู่ที่ที่เมืองหลวงแดนเทพ แม่ทัพเฉิงไม่มีทางเชื่อคำพูดของนางได้ง่าย ๆ มีเพียงตระกูลสูงศักดิ์เช่นตระกูลเฉียวเท่านั้นที่เมื่อพูดอะไรแล้วแม่ทัพเฉิงจะเก็บมาใส่ใจแม่ทัพเฉิงนับว่าเป็นคนตรงไปตรงมา มิรู้สึกว่าจำเป็นต้องโกหกใน
เหล่าบัณฑิตที่กำลังจะเดินออกไปข้างนอกล้วนหยุดฝีเท้า แล้วมองกลุ่มของแม่ทัพเฉิงอย่างสงสัยนี่จะทำอะไร?หลิงอวี๋และเย่หรงก็ตะลึงไปเช่นกัน ทั้งสองคนล้วนคาดมิถึงว่าแม่ทัพเฉิงจะมาที่นี่ในเวลานี้ก่อนหน้านี้เย่หรงอยากให้หลิงอวี๋ไปช่วยฮูหยินเฉิง เพื่อที่จะโน้มน้าวให้แม่ทัพเฉิงเป็นสายลับช่วยท่านแม่ของตนและหลิงอวี๋ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เพียงแต่นางกังวลว่าหากตนลงมือก็อาจจะไปดึงดูดความสงสัยของพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ตอนนี้แม่ทัพเฉิงมาด้วยตนเองแล้วหลิงอวี๋จึงนึกถึงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยขึ้นมาทันที ต้องเป็นฝีมือนางกับฮูหยินเฉียวแน่ ๆ ที่พาแม่ทัพเฉิงมาจุดประสงค์ก็คือบีบให้ตนลงมือ เพื่อตรวจสอบตัวตนของตน“เจ้าสำนักศึกษาจิน รองเจ้าสำนักศึกษาต่ง เฉิงโหม่วขอคารวะ!”แม่ทัพเฉิงเดินไปด้านหน้าแล้วประสานกำปั้นทำความเคารพเจ้าสำนักศึกษาจินและรองเจ้าสำนักศึกษาต่งเมื่อเจ้าสำนักศึกษาจินเห็นแม่ทัพเฉิง เขาก็นึกโยงไปถึงเรื่องที่พวกฮูหยินเฉียวสาดน้ำยาใส่สิงอวี๋ แล้วจึงคาดเดาจุดประสงค์ของแม่ทัพเฉิงแต่ต่งเฉิงมิรู้เรื่อง และรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับเหล่าบัณฑิต “แม่ทัพเฉิงมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือ?”แม่ทัพเฉิงจึงเอ่ยขึ
“พวกเราเคยเจอกันทั้งหมดกี่ครั้ง?”หลิงอวี๋มิสามารถปล่อยไปได้ง่าย ๆ เช่นนี้ จึงเอ่ยถามไปตามตรง “ครั้งแรกเจ้าบังคับให้ข้าเปลี่ยนไปร่วมกับหอโอสถไป๋เป่าใช่หรือไม่?”“ใช่!”เหมียวหยางยังคงปกป้องไป่หลี่ไห่ต่อ “ข้าทำเอง มิได้เกี่ยวอะไรกับอาจารย์ข้า!”การซักถามของหลิงอวี๋แสดงให้ทุกคนเห็นถึงความเคียดแค้นระหว่างนางกับเหมียวหยาง และเหล่าบัณฑิตต่างก็รู้เรื่องนี้ สิงอวี๋มิได้โกหกเป็นเพราะเหมียวหยางดึงตัวสิงอวี๋ไปมิสำเร็จจริง ๆ เขาจึงมีความแค้นต่อสิงอวี๋อยู่ในใจ ดังนั้นหลังจากที่สัญญากับต่งเฉิงแล้วว่าจะมิทำให้สิงอวี๋เดือดร้อน เขาก็ยังไประบายความโกรธโดยการทำลายเรือนของสิงอวี๋อีกคำพูดที่ว่าสิงอวี๋คอยเกาะแกะเหมียวหยางอะไรนั่น ล้วนเป็นสิ่งที่ฮูหยินเหมียวแต่งขึ้นมาใส่ร้ายสิงอวี๋ทั้งสิ้นเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ความจริงก็ได้เปิดเผยแล้วเหล่าบัณฑิตเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มิน่า ในตอนแรกสิงอวี๋จึงมิได้อธิบายแล้วบอกว่ารอให้ชนะก่อนแล้วค่อยพูดหากสิงอวี๋อธิบายตั้งแต่แรก หลายคนก็คงจะมิเชื่อทว่ายามนี้เหมียวหยางออกมาพูดเอง คำอธิบายเช่นนี้จึงมีความน่าเชื่อถือสูงต่งเฉิงจึงเอ่ยขึ้นมาโดยมิแสดงสีห
แต่ไป่หลี่ไห่มิกล้า แม้ว่าในใจของเขาจะมีเสียงนับหมื่นเรียกร้องให้เขาทำเช่นนั้น แต่เมื่อเขาเห็นสายตาของหลิงอวี๋เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาเช่นกันดูภายนอกหลิงอวี๋ยิ้มให้ทุกคน แต่ดวงตาของนางกลับจ้องเขาอย่างเย็นชาสายตานั้นราวกับจะบอกไป่หลี่ไห่ว่า นางมิได้ล้อเล่น นางมียาพิษเช่นนั้นอยู่จริง ๆ!หลิงอวี๋เองก็มีอยู่จริง ๆ แต่สุดท้ายก็บอกกับทุกคนไปว่าล้อเล่นเพื่อที่จะทิ้งทางหนีไว้ให้ตนเองหากเรื่องที่นางมียาพิษเช่นนั้นแพร่ออกไป เช่นนั้นจะเป็นการทำให้คนบางส่วนหวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็จะดึงดูดความสนใจของราชสำนักด้วยจักรพรรดิองค์ใดเล่าจะยอมทนให้ราษฎรของตนมียาพิษที่มีพลังทำลายที่รุนแรงเช่นนี้อยู่!โดยเฉพาะที่นางสนิทกับบุคคลมีอำนาจเช่นหลงเพ่ยเพ่ยด้วย!ดังนั้นเพื่อมิให้ตนถูกคนวางแผนร้าย มหาเทพหลงก็จะต้องหาวิธีกำจัดนางไปเช่นกัน!“ปรมาจารย์ไป่หลี่ ทำตามสัญญาของท่านด้วย! ให้เหมียวหยางออกมายอมรับสิ่งที่เขาทำกับข้าไว้เสีย!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างเย็นชาฮูหยินเหมียวกับเถ้าแก่เหมียวมองไป่หลี่ไห่พ่ายแพ้อย่างตะลึงนี่ก็หมายความว่า พวกเขาจำเป็นต้องยอมรับความผิด มิฉะนั้นพวกเขาก็จะมิได้ยาแก้พิษจากหลิงอวี๋