“นั่นสิ การแข่งขันในสามวันแรกก็ดูดีอยู่หรอก มาวันนี้มีพิรุธเสียแล้ว! ท่านอ๋องอี้ ท่านนำทัพมิได้จริง ๆ! ยอมรับความพ่ายแพ้ไปเถิด!”มีคนเอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูก “ดูกลุ่มขององค์ชายอิงสิ พวกเขาล้วนเป็นชายร่างกำยำทั้งนัน กลุ่มของท่านอ๋องอี้ ทหารเหล่านี้ล้วนดูป่วยไข้ เทียบมิได้เลยจริง ๆ!”องค์ชายหนิงเห็นว่ากลุ่มของมู่หรงเหยียนซงตามพวกเขามาทันแล้ว จึงทำท่าทางให้ทหารที่เข็นเกวียนเร่งความเร็วขึ้น“อ๋องอี้ ข้าขอไปก่อนแล้ว!”ตอนที่องค์ชายหนิงแซงหน้ารถของเซียวหลินเทียนไป สายตาก็จ้องมองโครงแปลก ๆ นั้นอีกครั้ง เขารู้สึกว่าของวิเศษที่เซียวหลินเทียนคิดว่าจะได้ชัยชนะคือโครงนี้เขาคิดมิออกถึงประโยชน์ของโครงนี้เลย จึงทำได้แค่แอบคาดเดาเท่านั้นเมื่อเห็นว่ามีเพียงระยะห่างห้าร้อยเมตรแล้ว เซียวหลินเทียนจึงสัญญาณมือ เมื่อเผยอวี้เห็นก็ฉายยิ้ม ตอนนี้ถึงคราวที่พวกเขาต้องแสดงบ้างแล้วสินะพวกทหารก้าวไปข้างหน้าทันที แล้วติดตั้งยางหุ้มไว้บนล้อแต่ละล้อด้วยความรวดเร็วคนที่มาดูความคึกคักอยู่ข้างนอกเห็นว่าเกวียนบรรทุกบันไดของท่านอ๋องอี้หยุดลง และทหารเหล่านั้นกำลังซ่อมล้ออยู่ คนที่ตั้งตารอให้เซียวหลินเทียนพ่ายแพ้ก็ก่
มันเป็นไปมิได้!คนจำนวนมิน้อยเบิกตาโตด้วยความงุนงง แม้ว่าพวกเขาจะมิได้ลงสนามด้วยตัวเอง แต่เกวียนบรรทุกบันไดหนัก ๆ นั่นดูทหารเข็นแล้วน่าจะออกแรงมากแล้วในชั่วพริบตามันจะง่ายดายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร“เมื่อครู่ทหารพวกนั้นดูเหมือนจะใส่อะไรไปที่ล้อรถนะ!”มีคนตาแหลมคมมองเห็น เพียงแต่มันอยู่ไกลจึงเห็นมิชัดเจนหนึ่งร้อยเมตร… สองร้อยเมตร...จากที่ทหารเข็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เกวียนบรรทุกบันไดของเซียวหลินเทียนจึงแซงหน้ารถของมู่หรงเหยียนซงไปแล้วมู่หรงเหยียนซงมองปราดเดียวก็เห็นความแตกต่างของล้อเกวียนบรรทุกบันไดของเซียวหลินเทียนกับของตนเองได้ในทันทีเดิมทีล้อรถเป็นล้อไม้ เมื่อหุ้มด้วยยางหนา ๆ เข้าไป ก็ทำให้ให้ล้อไม้หมุนได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้นด้วย!มู่หรงเหยียนซงมองล้อรถนั้นอย่างอึ้ง ๆ นี่มันหลักการอะไรกัน!เขามิเคยคิดฝันเลยว่า เซียวหลินเทียนจะคิดเรื่องการหุ้มยางที่ล้อรถออกมาได้แต่ต้องยอมรับว่า การหุ้มยางที่ล้อรถมันทำให้ล้อหมุนได้นุ่มนวลขึ้น แล้วทหารก็ดูประหยัดแรงไปได้เยอะเลยส่วนข้างหน้านั้น ความเร็วขององค์ชายหนิงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แล้วก็เร่งแซงองค์ชายอิงไปแล้วองค์ชายหนิงเพิ่งชนะการแข่งขันไ
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาก็ได้เห็นโครงแปลก ๆ นั้นค่อย ๆ ยกสูงขึ้นทีละนิดหลังจากนั้นมินาน ก็ข้ามบันไดที่พาดอยู่บนกำแพงขึ้นไป และเผยอวี้ก็ปีนขึ้นไปก่อนอย่างคล่องแคล่ว เอาบันไดเสริมไปติดไว้บนกำแพงเมือง“พี่น้องทั้งหลาย ลุกมา! ทำให้พวกเขาเห็นว่าเราได้สร้างยุคใหม่ขึ้นแล้ว!”เผยอวี้มิสามารถควบคุมความตื่นเต้นของตนได้อีกต่อไป บันไดเช่นนี้เป็นสิ่งที่กลุ่มพวกเขาสร้างขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์มิเหมือนใคร และล้ำหน้าทักษะการสร้างบันไดของแคว้นอื่นไปมาก!“ท่านอ๋องอี้ทรงทำดีมากพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”บรรดาคนที่มาดูความคึกคักเหล่านั้นเห็นว่าบันไดของฉินตะวันตกวางอยู่บนกำแพงเมืองแล้วก็ส่งเสียงชอบใจกันดังสนั่นทันที“รีบขึ้นไปเร็วเข้า! เอาธงของเราไปปักไว้บนกำแพงเมืองเสีย!”จักรพรรดิอู่อันเห็นว่าบันไดของอีกสามแคว้นยังประกอบมิเสร็จ ครั้งนี้เซียวหลินเทียนต้องชนะอย่างแน่นอน เขาจึงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น รอให้ธงฉินตะวันตกปักบนกำแพงเมืองแสดงชัยชนะห้าต่อสาม หากวันพรุ่งชนะอีกหนึ่งรายการองค์ชายหนิงก็จะพ่ายแพ้แล้ว!แต่องค์ชายเว่ยกลับแอบยิ้มร้ายตอนนี้จักรพรรดิอู่อันตื่นเต้นมากแค่ไหน อีกประเดี๋ยวเมื่อคนของเซี
เผยอวี้กับอันเจ๋อยืนอยู่บนกำแพงเมือง นอกจากพวกเขาที่อยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลือดที่ไหลลงมาที่แขนกับหน้าอกของเซียวหลินเทียนเลยเขาต้องใช้พลังใจอันน่าทึ่งเพื่อรองรับทหารเหล่านั้นมิให้ร่วงลงไปได้จักรพรรดิอู่อันกับองค์ชายเว่ยที่อยู่ห่างไกลมาก ๆ ก็ยิ่งไม่มีทางจะสังเกตเห็นเลยจักรพรรดิอู่อันเห็นว่ากลุ่มขององค์ชายหนิงปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วปักธงไว้บนกำแพงเมืองแล้วองค์ชายเว่ยก็ส่ายหน้าอย่างเสแสร้งแล้วทอดถอนใจพลางเอ่ย “น่าเสียดายจริง ๆ เกือบแล้วเชียว! เฮ่อ คิดว่าบันไดรูปแบบใหม่ของน้องสี่ในวันนี้ จะทำให้ฉินตะวันตกของเราชนะเสียอีก!”“คิดมิถึงเลยว่าจะพ่ายแพ้!”พรรคพวกขององค์ชายเว่ยใช้โอกาสนี้เอ่ยขึ้นมา “ก่อนหน้านี้หลี่ว์เซียงบอกว่า บันไดรูปแบบใหม่นี้ท่านอ๋องอี้เป็นผู้คิดขึ้นมา ยังมิได้ตรวจสอบเลย! เหตุใดท่านอ๋องอี้จึงทำเป็นเล่นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงเมืองสองเมืองเชียวหนา มิได้ตรวจสอบก็ยังกล้านำออกมาแข่งขันอีกหรือ!”หลี่ว์เซียงมิสามารถโต้แย้งให้เซียวหลินเทียนได้แล้วเมื่อเผชิญกับความจริง มิว่าจะพูดจาโน้มน้าวเก่งแค่ไหนก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้!
กระทั่งหลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้ทหารเสร็จแล้วเดินออกมา เผยอวี้ก็ก้าวไปเอ่ยเสียงเบา “ท่านไปดูท่านอ๋องเถิด เขาได้รับบาดเจ็บแล้วมิยอมให้พวกเราพันแผลให้เขา แล้วไปนอนอยู่คนเดียวในรถม้าขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้า แล้วเอาล่วมยาเดินไปที่รถม้าเมื่อเปิดม่านก็เห็นเซียวหลินเทียนนอนอยู่ เลือดบนท้องของเขาซึมมาถึงอาภรณ์ชั้นนอกของเขาแล้ว“นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่? แพ้มิเป็นหรือ?”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันทีแล้วดุเขาเสียงแข็ง “ท่านมิรู้หรือว่าเสียเลือดมากทำให้ตายได้? ท่านคิดว่าตัวท่านอยู่ยงคงกระพันเลือดออกได้โดยมิตายหรือไร!”เซียวหลินเทียนวางมือบนหน้าผาก มิสนใจฟังคำดุของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปบนรถม้าอย่างมิพอใจ จากนั้นก็มิพูดพร่ำทำเพลงดึงมือเขาลงทันที “ถอดฉลองพระองค์ออกเถิดเพคะ หม่อมฉันจะพันผ้าพันแผลให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน หากท่านจะตำหนิว่าการออกแบบของหม่อมฉันมีข้อบกพร่อง ท่านก็ดุด่าหม่อมฉันได้เลย แต่อย่าทำลายตัวเองเช่นนี้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกอดหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน เขากอดนางไว้แน่น มิพูดอะไรสักคำแล้วก็วางหัวไว้บนไหล่ของหลิงอวี๋หลิงอวี๋ถูกกอดไว้แน่นจนหายใจมิออก แล้วนางก็ได้ยิน
หลังจากที่จ้าวฮุยได้ถ่ายทอดคำสั่งของจักรพรรดิอู่อันที่เรียกพบท่านอ๋องอี้กับพระชายาแล้ว เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ก็ทำได้เพียงต้องกลับไปที่วังก่อนเซียวหลินเทียนได้รับการปลอบโยนจากหลิงอวี๋ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่เมื่อเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ก็เห็นใบหน้าที่มืดมนของจักรพรรดิอู่อันนอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มข้างนอกแต่ข้างในมิได้ยิ้มขององค์ชายเว่ย เซียวหลินเทียนจึงรู้สึกกลัดกลุ้มอีกครั้ง“เซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ พวกเจ้าได้คำมั่นสัญญาทางทหารไปแล้ว พวกเจ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล่น ๆ รึ?”จักรพรรดิอู่อันมิได้ให้ทั้งสองคนลุกขึ้นแล้วก็ดุด่าขึ้นมาเลย“บันไดใหม่ที่ยังมิได้ตรวจสอบ เจ้าก็กล้าเอาไปลองใช้ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ พวกเจ้าเห็นว่าสองเมืองของข้าเป็นอะไร? คิดจะทำลายตามใจชอบเยี่ยงนี้รึ?”องค์ชายเว่ยรีบซ้ำเติมทันทีด้วยท่าทางเคียดแค้นชิงชัง“น้องสี่ เสด็จพ่อหวังในตัวเจ้าไว้สูงมาก! เห็น ๆ อยู่ว่าตามขั้นตอนแล้วพวกเจ้าเองก็มีโอกาสชนะเช่นกัน เหตุใดเจ้าจึงประมาทเช่นนี้เล่า!”ขุนนางพรรคพวกขององค์ชายเว่ยเองก็เอ่ยแปลก ๆ เช่นกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่า บันไดใหม่ของท่านอ๋องอี้ได้พระชาย
ทันทีที่การแข่งขันสิ้นสุดลง จ้าวฮุยก็พาองค์ชายคังไปดูเกวียนบรรทุกบันได เขาสงสัยมาก ๆ ว่าเหตุใดตอนหลังเซียวหลินเทียนจึงได้ตามเกวียนขององค์ชายหนิงทันเมื่อเห็นยางหุ้มที่ด้านนอกล้อ จ้าวฮุยก็ตกใจในฐานะที่เป็นอัครเสนาบดีที่มีความสามารถที่แท้จริง จ้าวฮุยจึงเข้าใจถึงความล้ำหน้าของล้อหุ้มยางเช่นนี้ได้เลยเขายังครุ่นคิดด้วยว่าจะดึงตัวช่างฝีมือที่ออกแบบยางหุ้มเช่นนี้ให้ไปอยู่ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไรดี เช่นนี้ก็จะออกแบบของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ยิ่งขึ้นให้กับองค์ชายคัง เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนนที่จะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท!ความโกรธของจักรพรรดิอู่อันเบาบางลงไปบ้างแล้ว แม้ว่าท้ายที่สุดเซียวหลินเทียนจะพ่ายแพ้ แต่ตอนนั้นพวกเขาตามหลังอยู่ถึงเพียงนั้น พอเปลี่ยนยางหุ้มก็สามารถตามไปทัน มันก็เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าล้อแบบใหม่นี้ดีแค่ไหนหากไปอยู่ในสนามรบจริง ๆ ทุก ๆ วินาทีที่ต้องต่อสู้ล้วนต้องทำเพื่อชัยชนะ เช่นนั้นคงจะมีประโยชน์มากทีเดียว!หลิงอวี๋แอบเห็นว่าสีหน้าของจักรพรรดิอู่อันดีขึ้นบ้างแล้ว จึงเอ่ยโดยที่เจือความน้อยใจและ “ความกลัว” ไปด้วย“เสด็จพ่อเพคะ ที่หลิงอวี๋คิดค้นล้อเช่นนี้ออกมาได้ก
“สามีภรรยากันเมื่อมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ก็ต้องร่วมเผชิญพ่ะย่ะค่ะ! อาอวี๋ยอมถึงขั้นถูกตัดหัวต่อหน้าธารกำนัล ลูกมิให้นางต้องเผชิญเพียงลำพังหรอกพ่ะย่ะค่ะ! ลูกเองก็จะยอมรับโทษเหมือนกับที่หลิงอวี๋ยอม!”เซียวหลินเทียนมองเจตนาขององค์ชายเว่ยออกแต่ก็มิได้กลัว เขายืดหลังตรงแล้วมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิอู่อัน“หากเสด็จพ่อไม่มีคำตำหนิอื่นแล้ว ลูกกับหลิงอวี๋ขอทูลลา พวกเรายังต้องกลับไปเตรียมการแข่งขันของวันพรุ่งอีกพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพูดไปอย่างเยือกเย็นเช่นนี้ ทำให้จักรพรรดิอู่อันเองก็มิสะดวกที่จะตำหนิเขาแล้วการตัดหัวในที่สาธารณะนั้น เพราะเซียวหลินเทียนเป็นลูกชายของตน เขาจะกล้าร่วมกับทุกคนบีบให้ลูกตายหรือ?จักรพรรดิอู่อันมองลูกชายผู้นี้แล้วก็มีคาดหวังที่เต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้งชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า!การที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เอาชีวิตของตนมารับคำมั่นสัญญาทางทหารนั้นมิใช่เรื่องเล่น ๆ เช่นนั้นแล้วในการแข่งขันอีกสองรายการที่เหลือพวกเขาจะต้องทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อชีวิตของตนอย่างแน่นอนหลังจากเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษรแล้วเห็นแสงอาทิตย์ หลิงอวี๋ก็หยุดฝีเท้าไปทันทีแล้วหรี่ตามอง“
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ
ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้หลิงอวี๋ก็มิสะดวกจะรบกวนคนของคฤหาสน์อู๋ จึงรับปากว่ารอฟ้าสางแล้วจะทำไก่กังเปาให้หวงฝู่หมิงจูเห็นนางหิวมาก หลิงอวี๋จึงออกมาหาหานเหมย ให้นางพาตนไปที่ครัวเพื่อหาอะไรอย่างอื่นให้หวงฝู่หมิงจูกินก่อนหานเหมยรีบพาหลิงอวี๋ไปที่ครัว ในครัวยังคงวุ่นวาย กำลังทำอาหารให้พวกเผยอวี้หลิงอวี๋เห็นว่ามีกับข้าวทำไว้มากมายก็มิเกรงใจ เลือกกับข้าวที่หวงฝู่หมิงจูชอบตักไปให้หลายอย่าง ทั้งยังตักไปให้หวงฝู่หลินด้วยส่วนหนึ่งหานเหมยและเถาจื่อเห็นเข้ายิ่งใจคอมิดี ฮองเฮาคงมิได้ชอบหวงฝู่หลินเข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?นางดูแลเอาใจใส่หวงฝู่หลินถึงเพียงนี้ แต่กับเซียวหลินเทียนกลับมิไถ่ถามแม้แต่น้อยหานเหมยช่วยหลิงอวี๋ยกสำรับอาหารไประหว่างทาง หานเหมยก็อดมิได้ที่จะกล่าว "คุณหนู ท่านไปดูฝ่าบาทหน่อยเถอะเจ้าค่ะ พระองค์ยังมิฟื้นเลยตั้งแต่กลับมา!"หลิงอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา "สิ่งที่ข้าควรทำก็ทำไปแล้ว เส้นชีพจรหัวใจเขาขาดสะบั้น ต่อให้ข้าไปเฝ้าเขา เขาก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาทันทีได้!""กินยาตามเวลาก็พอแล้ว ค่อย ๆ พักฟื้นไป ประเดี๋ยวก็หายดีเอง!"หานเหมยถูกพูดขัดจนพูดมิออก พวกนางกำนัลที่มาทีหลังเหล่านี้ ก่
หวงฝู่หลินทั้งโกรธทั้งแค้นที่เสวี่ยเหมยยุยงให้ตนกับหมิงจูแตกแยกกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงกล่าวอย่างใจเย็น"หมิงจู พ่อเคยบอกเจ้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะมิแต่งภรรยาใหม่!""ยามที่เจ้าอยู่ในวังเทพ เจ้าก็เคยสนับสนุนให้พ่อแต่งกับอาอวี๋ พ่อก็เคยพูดกับเจ้าเช่นนี้! หมิงจู ชั่วชีวิตนี้พ่อไม่มีวันโกหกเจ้าเด็ดขาด!""ที่ภูเขาอนันต์ เดิมทีพ่อเจอเจ้าแล้ว แต่เสวี่ยเหมยวางยาพิษจื่อลู่กับเจ้า พิษจะกำเริบทุกวันในยามจื่อและยามอู่สองยาม หากกำเริบสามถึงสี่ครั้ง เจ้าก็จะถึงแก่ความตาย!""เป็นอาอวี๋ที่ใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปรุงโอสถแก้พิษให้เจ้า ทั้งยังช่วยพาเจ้าออกมาจากเงื้อมมือของผู้ที่ลักพาตัวเจ้าไป!""หมิงจู หากเจ้ามิเชื่อคำพูดของพ่อ จะให้ท่านอาปี้อธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดก็ได้ หรือว่าแม้แต่คำพูดของท่านอาปี้เจ้าก็มิเชื่อแล้ว?""พวกเราคือคนที่สนิทกับเจ้าที่สุด เจ้ากลับยอมเชื่อคนนอกมากกว่าที่จะเชื่อคนที่ใกล้ชิดกับเจ้ามากที่สุดอย่างนั้นหรือ?""อาอวี๋ ไปเรียกปี้ซงมาที!"หลิงอวี๋พยักหน้า เดินออกไปหานอวี้เฝ้าอยู่ข้างนอกตลอด เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จะไปตามปี้ซง นางก็รีบช่วยไปตามให้รอจนปี้ซงมาถึงห
หวงฝู่หมิงจูเห็นหวงฝู่หลินแวบเดียว ดวงตาสีดำขลับงดงามก็พลันมีม่านน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางร้องเรียกออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า "ท่านพ่อ!"น้ำตาใส ๆ ไหลรินลงมาจากหางตาของนาง ทำเอาทั้งหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ต่างรู้สึกปวดใจเหมือนกัน"พ่ออยู่นี่!"ดวงตาของหวงฝู่หลินก็ชื้นขึ้นมาเช่นกัน เขากอดหมิงจูเข้ามาในอ้อมอกพลางกล่าวเสียงสะอื้น"เป็นพ่อที่มิดีเอง ถึงทำให้หมิงจูต้องทนทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้ เป็นพ่อที่ผิดต่อเจ้า!"นับตั้งแต่หวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยพาตัวไป หวงฝู่หลินก็หวาดหวั่นใจอยู่ตลอด เกรงว่าตนจะมิได้พบหน้าธิดาสุดที่รักอีกแล้วเมื่อเห็นหวงฝู่หมิงจูถูกพิษจื่อลู่ทรมาน หวงฝู่หลินก็อยากจะรับความเจ็บปวดนั้นแทนเสียจริง ๆ ตอนนั้นเขาถึงกับสาบานว่า หากหมิงจูรอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ ต่อไปเขาจะต้องอยู่เคียงข้างลูกสาวให้ดี เฝ้ามองนางเติบโตอย่างปลอดภัยและสงบสุขสองพ่อลูกต่างก็ร้องไห้ออกมาหวงฝู่หมิงจูกอดหวงฝู่หลินแน่นพลางร้องไห้และกล่าวว่า "ท่านพ่อ หมิงจูคิดว่าจะมิได้เจอท่านพ่ออีกแล้ว หมิงจูกลัว... กลัวเหลือเกิน!""อย่ากลัวเลย ต่อไปพ่อจะมิจากเจ้าไปไหนอีกแล้ว!"หวงฝู่หลินลูบหลังหมิงจู
คนข้างนอกกำลังจัดแจงเรื่องการเดินทางของแต่ละคน หวงฝู่หลินฟังความเคลื่อนไหวแต่มิสนใจแม้แต่น้อย เขามองหลิงอวี๋ด้วยความคาดหวังและใจที่ร้อนรนระหว่างรอหลิงอวี๋ปรุงโอสถแก้พิษให้หมิงจูขณะที่หวงฝู่หลินกำลังร้อนใจดั่งไฟสุม หลิงอวี๋ก็พลันลืมตาขึ้น"ปรุงโอสถเสร็จแล้ว ป้อนให้หมิงจูเถอะ!"หลิงอวี๋ยื่นโอสถลูกกลอนสองเม็ด และตำรับยาแผ่นหนึ่งให้"พี่ใหญ่หวงฝู่ โอสถลูกกลอนนี้ใช้แก้พิษจื่อลู่ ส่วนตำรับยานี้ใช้รักษาอาการเลือดไหลมิหยุดของพวกท่าน รอให้มีเวลา ข้าจะเขียนตำรับอาหารบำบัดให้ท่าน พวกท่านใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ให้ดี คราวหน้าหากเลือดออกก็จะระงับได้ง่ายขึ้น!"หลิงอวี๋เป็นฝ่ายยื่นตำรับยาให้ หวงฝู่หลินรับมาอย่างตื่นเต้น"ขอบคุณ!"หวงฝู่หลินป้อนยาแก้พิษเข้าปากหมิงจูไปพลาง กล่าวไปพลางว่า "หลิงอวี๋ ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวบุญธรรม ข้ามิปฏิเสธว่าก่อนหน้านี้ข้าเพียงทำเช่นนั้นเพื่อผูกมิตรกับเจ้า!""แต่ยามนี้ข้าขอกล่าวอย่างจริงใจว่า ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ไปชั่วชีวิต! ต่อไปเรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า! วังเทพก็คือบ้านของเจ้า!"หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าการยอมรับหวงฝู่หลินเป็นพี่ใหญ่ก็
"ข้ามีวิธีช่วยหมิงจู พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ รอสักครู่!"หลิงอวี๋ยังไม่มีเวลาปรุงยาแก้พิษ ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า "อย่าเพิ่งรบกวนข้า มินานข้าก็จะปรุงยาแก้พิษให้หมิงจูสำเร็จแล้ว!"หลิงอวี๋พิงผนังรถม้าแล้วเข้าไปในมิติปี้ซงเห็นหลิงอวี๋ดูเหมือนหลับไปก็มองหวงฝู่หลินอย่างประหลาดใจเล็กน้อย"ท่านเจ้าวัง นางหลับได้อย่างไร? นางควรจะรีบปรุงยาให้เจ้าวังน้อยมิใช่หรือ?"หวงฝู่หลินเหลือบมองหลิงอวี๋แวบหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า "ใต้หล้านี้มีของวิเศษบางอย่างที่ภายในเป็นพระสุเมรุ บรรจุสรรพสิ่งไว้มากมาย หยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋ก็เป็นของวิเศษประเภทนี้!""นางต้องเข้าไปในนั้นเพื่อปรุงยาให้หมิงจูอย่างแน่นอน!""ข้าเชื่อในตัวนาง เจ้ารอดูเถอะ!"ปี้ซงก็เคยได้ยินตำนานทำนองนี้เช่นกันแต่มิเคยเห็นกับตา เขาจ้องมองหลิงอวี๋เขม็งก็มิเห็นนางขยับเขยื้อนเลยปี้ซงสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง ข้างในหยกหล้าสุขาวดีนั้นเป็นแบบไหนกันแน่?ด้านนอก หลงจิ้งตามหลงเพ่ยเพ่ยทันแล้ว หลงเพ่ยเพ่ยมองดูว่าไม่มีทหารไล่ตามมาจึงกล่าวเสียงเบา"พี่สาม ถึงแม้พวกเราจะมิได้เปิดเผยตัวตน แต่มิช้ามหาปราชญ์ก็ต้องเดาตัวตนของพวกเราออกแน่ แล้วพวกเราจ
หลงเพ่ยเพ่ยกวาดตามอง เห็นเจ้าสำนักซิงหลัวถอยห่างออกไปสิบกว่าเมตรแล้ว ส่วนมือสังหารเหล่านั้นถูกเสือปีกกาฬกัดทึ้งจนมิกล้าเข้าใกล้“พวกเราถอย!”หลงเพ่ยเพ่ยสั่งการองครักษ์เงาให้ดึงจ้าวซวนกับลู่หนานกลับมา และให้พลธนูคุ้มกันด้านหลังคนของเก๋อเฟิ่งฉิงได้หามเก๋อเฟิ่งฉิงรวมถึงเซียวหลินเทียนที่หมดสติไปด้านหลังแล้วหลิงเฟิงและหานอวี้ได้นำพลธนูมาถึงแล้ว ทั้งสองรีบสั่งการให้องครักษ์จัดวางแนวป้องกันของพลธนูหลิงเฟิงพุ่งเข้ามาสมทบกับหลิงอวี๋ ลู่หนานและคนอื่น ๆ พร้อมกับองครักษ์หลายนายเกือบจะพร้อมกันนั้น เย่หรงและหลงจิ้งก็มาถึงเช่นกัน ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือหามเซียวหลินเทียน เก๋อเฟิ่งฉิงที่สลบอยู่และคนอื่น ๆ ขึ้นรถม้า“พวกท่านไปก่อน พวกเราจะคุ้มกันด้านหลังให้!”หลงจิ้งประเมินสถานการณ์แล้วออกคำสั่งทันทีไหนเลยมหาปราชญ์จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้ เขารีบรวบรวมมือสังหารที่เหลืออยู่แล้วก็กระหนาบโจมตีเข้ามาทว่าพลธนูเหล่านี้ใช่พวกกระจอกเสียที่ไหน เมื่อมิสามารถโจมตีระยะประชิดได้ ก็แสดงอานุภาพของการโจมตีระยะไกลออกมา กอปรกับลูกศรของพลธนูหลิงเฟิงล้วนฉาบไว้ด้วยยาสลบชนิดรุนแรง ขอเพียงถูกยิงเข้า มือสังหารท
“พี่ใหญ่!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นท่ามิดี จึงพุ่งเข้ามาผลักเซียวหลินเทียนออกไปพร้อมใช้ร่างของตนเองรับฝ่ามือนี้แทนเซียวหลินเทียน...พลังฝ่ามือของเจ้าสำนักซิงหลัวกระแทกเข้าใส่ร่างของเก๋อเฟิ่งฉิง ร่างของนางราวกับปุยหลิวลอยออกไปเซียวหลินเทียนอยู่ในสภาพหมดแรงแล้ว การโจมตีเมื่อครู่ได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาไปจนหมดสิ้นเขามองตาค้างเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวออกไป แต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะเข้าไปกอดรับนางไว้ความรู้สึกที่เก๋อเฟิ่งฉิงมีต่อตนนั้นเซียวหลินเทียนจะมิเข้าใจได้อย่างไรเช่นเดียวกันกับหลิงอวี๋ในอดีต นางเองพยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำดีต่อเขาบัดนี้นางถึงขั้นสละชีวิตเพื่อช่วยตน หากในใจเขาไม่มีหลิงอวี๋อยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับความรักมั่นเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะมิซาบซึ้งใจได้อย่างไร!“หากข้ายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ สิ่งที่ติดค้างเจ้า ข้าจะชดเชยให้เจ้าแน่!”เซียวหลินเทียนเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอก ภาพเบื้องหน้ามืดลงและล้มตึงไปทันทีคนรอบข้างล้วนกำลังวุ่นอยู่กับการรับมือมหาปราชญ์และเจ้าสำนักซิงหลัว ไม่มีใครสามารถปลีกตัวไปดูอาการของเซียวหลินเทียนได้มู่ตงหัวหน้าองครักษ์ของหลงเพ่ยเพ่ยเห็นเก๋อเฟิ่งฉิงปลิวถอ
ภายใต้แสงสว่างของคบเพลิงโดยรอบ ตาข่ายยักษ์ผืนหนึ่งร่วงหล่นจากฟ้าพร้อมสะท้อนแสงโลหะอันเย็นเยียบออกมา…ตาข่ายยักษ์ครอบลงมายังเสือปีกกาฬหลิงอวี๋เห็นดังนั้นก็ใจหายวาบ นางพุ่งเข้าไปพร้อมกระบี่ในมือโดยมิลังเลก่อนหน้านี้นางเห็นสถานการณ์การต่อสู้ตึงเครียด จึงได้ส่งหวงฝู่หมิงจูให้เถาจื่อแบกไว้ก่อนแล้วบัดนี้หลิงอวี๋พุ่งเข้ามาใช้กระบี่ตวัดเกี่ยวตาข่ายนั้น พยายามจะฉีกเปิดช่องว่างให้เสือปีกกาฬหนีออกมาได้แต่ตาข่ายเหล็กของเจ้าสำนักซิงหลัวหนักเกินไป หลิงอวี๋ใช้สุดแรงกำลังก็ยังมิอาจดึงตาข่ายเหล็กให้เปิดออกได้หวงฝู่หลินก็รู้ว่าหากเสือปีกกาฬถูกตาข่ายคลุมไว้ ย่อมไม่มีทางหนีออกมาได้แน่นอน จึงล้มเลิกการโจมตีมหาปราชญ์ จึงหันมาอีกด้านหนึ่งแล้วใช้กระบี่ของตนตวัดเกี่ยวตาข่ายเหล็กเช่นกันหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ร่วมแรงกันอย่างหนักจนเปิดช่องแคบได้เสือปีกกาฬแสนรู้ ตาข้างเดียวกวาดมองแล้วก็พุ่งออกไปทางช่องนั้นทันทีเจ้าสำนักซิงหลัวเห็นดังนั้นก็ดึงตาข่ายสุดแรง แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เสือปีกกาฬขยับตัวกระแทกพื้นกระโจนออกไปทางช่องแคบนั้นด้วยความเร็วราวสายฟ้าแม้ว่าความเร็วของมันจะสูงมาก แต่ตาข่ายเหล็กที่รัด