เพราะองค์หญิงหกเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของไทเฮา ไทเฮารักนางมากมาโดยตลอด นางมิหวังให้หลานสาวเดินเส้นทางที่ผิดไปอีกแล้วหลังจากที่ไทเฮาตำหนิองค์หญิงหก ในที่สุดนางก็ยอมใจอ่อน อนุญาตให้นางเข้ามาเฝ้านางกังวลว่าองค์หญิงหกจะจำได้มินาน จึงตั้งใจใช้คำที่รุนแรง“เซียวทง ข้าขอเตือนเจ้า การแข่งขันทางทหารครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากเจ้ากล้าทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ ก็รอถูกตัดหัวได้เลย!”ไทเฮาเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามิได้ขู่เจ้า! ตราบใดที่ฉินตะวันตกมิได้อยู่ในตำแหน่งที่จะมิแพ้ เสด็จพ่อของเจ้ายังคงมีองค์หญิงได้อีกมากมาย!”“แต่หากความเห็นแก่ตัวของเจ้าส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของฉินตะวันตก อย่าว่าแต่เสด็จพ่อจะมิปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เลย ข้าก็มิอยากมีหลานสาวเยี่ยงเจ้าอีก!”คำพูดเหล่านี้จริงจังมากพอ อย่างน้อยก็ทำให้เซียวทงยับยั้งความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจไปได้มากคราวนี้นางมาดูการแข่งขัน และจงใจพาเจียงอวี้กับเถาลี่มาด้วยตอนนี้สองคนนี้กลายเป็นนางรับใช้ส่วนตัวของเซียวทงแล้วแม้ว่าในนามแล้วพวกนางจะเป็นเพื่อนกัน แต่เซียวทงเกลียดพวกนางทั้งสองที่เข้าข้างหลิงอวี๋ในงานวันเกิดของเซี่ยโฮ่วตานรั่วและจงใจทำตามความปร
“ไม่มีใครได้เข้าไปในวังมาหลายปีแล้ว คนเช่นพระชายาเส้า ฮองเฮาเว่ยและพระสนมฮุ่ยล้วนแต่เป็นดอกไม้ในวันวาน! ทว่าเจ้าแตกต่างออกไป เจ้ายังสาวอยู่! เจ้าสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อเหยียบพวกนางทั้งหมดไว้ใต้ฝ่าเท้าของเจ้าได้!”“เมื่อถึงเวลาเจ้ากลายเป็นสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดิแล้วองค์หญิงหกจะยังกล้าทำให้เจ้าอับอายหรือ? ข้าเกรงว่าหากเจ้าพูดหนึ่ง นางก็จะมิกล้าพูดสองแล้ว!”เพื่อช่วยให้ลูกสาวของนางตั้งหลักในวังได้อย่างรวดเร็ว ฮูหยินเถาจึงสอนทุกสิ่งที่นางได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตเกี่ยวกับวิธีทำให้บุรุษมีความสุขและวิธีปรนนิบัติบุรุษ...เพียงข้ามคืน เถาลี่ก็กระโดดออกจากความคิดที่เรียบง่ายของสตรีวัยเยาว์ไปสู่ความคิดของสตรีที่เป็นผู้ใหญ่ พลังงานทั้งหมดในร่างกายของนางก็กลายเป็นความทะเยอทะยานอันแรงกล้าแล้ว...เมื่อเผชิญกับความอับอายขององค์หญิงหก ภายนอกเถาลี่ก็ดูเหมือนจะยอมจำนน นางรู้ว่าตอนนี้ตนต้องทนทุกข์ทรมานก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีขององค์จักรพรรดิ!กระทั่งวันหนึ่งที่นางจะได้ผงาดขึ้นเป็นนางพญา นางจะทำให้องค์หญิงหกต้องชดใช้สำหรับการทำให้นางอับอายในวันนี้!เจียงอวี้กับเถาลี่คุกเข่าอยู่ทั้งคืน กระทั่งรุ่งสางขาข
เจียงอวี้มิรับรู้ความคิดของเถาลี่เลย นางยังรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องให้เถาลี่ได้กลิ่นเเหม็นเช่นนี้ไปกับตนเองด้วยจากแนวคิดนี้ เจียงอวี้จึงเริ่มที่จะทำงานบ้านส่วนใหญ่ รีบยกน้ำมาทำความสะอาดห้องกับเตียงนางยังใส่ใจย้ายเตียงของเถาลี่ไปไว้ใกล้หน้าต่างอย่างรอบคอบเพื่อที่นางจะได้กลิ่นน้อยลงด้วย...วันรุ่งขึ้น การแข่งขันทางทหารเริ่มขึ้นแล้วผู้เข้าร่วมจากสี่แคว้นมารวมตัวกันที่จัตุรัสคฤหาสน์ตระกูลกวนปัจจุบันคฤหาสน์ตระกูลกวนเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม บรรดาผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงก็เดินทางด้วยรถม้ามาชมกันแต่เช้าในด้านหนึ่งพวกเขาอยากรู้ว่าการแข่งขันทางทหารเป็นเยี่ยงไร ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาก็มาเพื่อให้กำลังใจกองทัพของฉินตะวันตกและส่งเสียงให้กำลังใจจัตุรัสที่สามารถรองรับคนได้หลายพันคนทำให้ผู้มั่งคั่งบางคนประหลาดใจกับความมั่งคั่งของตระกูลกวนแต่ตอนนี้จัตุรัสยังคงอยู่ แต่คฤหาสน์ตระกูลกวนบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้วทำให้คนที่รู้เรื่องวงในบางส่วนเศร้ามาก!เซียวหลินเทียน องค์ชายคัง องค์ชายเว่ย องค์ชายเย่ต่างพากลุ่มของตนมาเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าร่วมแข่งขัน เดิมทีองค์ชายรุ่ยก็สมัครเข้าร่วมด้วย แต่สุดท้า
จ้าวฮุยพ่อของจ้าวเจินเจินก็เห็นท่าทางของกลุ่มของเซียวหลินเทียน ในฐานะอัครเสนาบดี เขาชอบที่ฉินตะวันตกมีกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้!แต่ในฐานะพ่อตาขององค์ชายคัง จ้าวฮุยยิ่งระมัดระวังเซียวหลินเทียนมากขึ้นไปอีกจากสี่กลุ่มจากฉินตะวันตกนั้น เซียวหลินเทียนกดอีกสามกลุ่มลงได้ทันทีที่พวกเขาออกมาตอนนี้จักรพรรดิอู่อันสนใจแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนเท่านั้น!แม้ว่าจ้าวฮุยจะระมัดระวัง แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขาพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยชื่นชม“มิเลว ๆ ท่านอ๋องอี้ทำให้ฝ่าบาทมีหน้ามีตา! กระหม่อมเดิมพันได้เลยว่า พลังที่กลุ่มของท่านอ๋องอี้ปรากฏตัวในสนามนั้น สามแคว้นอื่น ๆ มิสามารถเทียบเทียมได้!”คำชื่นชมของจ้าวฮุยได้รับการเห็นด้วยจากขุนนางหลายคน“ใช่ ยังมิทันที่การแข่งขันจะเริ่มต้น พวกเราฉินตะวันตกก็ชนะกระบวนท่าแรกแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มจนตาหยี เซียวหลินเทียนทำให้ตนมีหน้ามีตาจริง ๆ!มีกลุ่มของท่านอ๋องอี้ที่ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การปรากฏตัวของกลุ่มที่เหลือจากสามแคว้นจึงมิเป็นที่พอใจแล้วจะมองทางไหนก็ยังมิเท่ากลุ่มท่านอ๋องอี้การแข่งขันมีทั้งหมดสี่รายการ รายการแรกคือการแข่งข
หลิงอวี๋ตกใจ อาเจียนเป็นเลือด? นี่มันหนักมากนะ!“มิได้เชิญหมอหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามขณะเดินไปที่เตียง“เชิญแล้วเจ้าค่ะ วันนี้หมอต่งเข้าเวร เขาได้ตรวจไทเฮาแล้ว...”“พระชายาอ๋องอี้...”หมอหลวงที่ยืนอยู่ข้างเตียงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับอาการของไทเฮา แม่นมเว่ย เจ้ารีบส่งคนไปกราบทูลองค์จักรพรรดิเถิด!”“ตรวจแล้วหรือ? ไทเฮาทรงพระประชวรด้วยโรคอะไร? เหตุใดจึงกะทันหันนัก?”หลิงอวี๋เหลือบมองหมอต่ง เขาเป็นชายวัยสี่สิบกว่า รูปร่างสูงผอม และมีเคราแพะ“ชีพจรของไทเฮาผิดปกติ สติมิชัดเจน ดูเหมือนเลือดชะงักงัน แต่ก็ดูมิเหมือน ข้ามิสามารถบอกได้ว่านางเป็นโรคอะไร! พระชายาอ๋องอี้ท่านก็น่าจะทำมิได้เช่นกัน!”หมอต่งมองหลิงอวี๋พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “พระชายาอ๋องอี้อย่าทรมานไทเฮาเลย รอให้องค์จักรพรรดิมาตัดสินพระทัยดีกว่า!”หลิงอวี๋มิสนใจเขา แล้วนั่งลงข้างเตียงเมื่อมิกี่วันก่อนยังเห็นไทเฮามีกำลังวังชาดี ตอนนี้ดูเหมือนชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้วยังคงมีเลือดอยู่ตรงมุมปากของพระนางที่มิได้เช็ดออก ใบหน้าของพระนางก็ซีดเซียวราวกับกระดาษ ประกอบกับผมสีขาวยุ่ง ๆ
“ท่านเป็นคนพูดเองนะว่าหากเกิดอะไรขึ้นท่านจะรับผิดชอบ! ข้าก็เตือนไปแล้ว แต่ท่านยืนกรานที่จะดำเนินการตามแบบของตัวท่านเอง! หากเกิดอะไรขึ้นกับไทเฮา ท่านจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”หลังจากที่หมอต่งเอ่ยอย่างดุเดือดจบ ก็ก้าวออกไปหลิงอวี๋นั่งลงฉีดยาเข้าไปในร่างกายของไทเฮาแม่นมเว่ย ไป๋ซุ่ยและคนอื่น ๆ ต่างมองอย่างกังวลขันทีเฒ่าวัยหกสิบกว่ารออยู่ข้าง ๆ และมองอย่างเงียบ ๆหลิงอวี๋มิได้สังเกตว่า แม้ขันทีเฒ่าผู้นี้จะแก่แล้ว แต่กลับมีรูปร่างผอมเพรียวและมีพลัง ผมของเขาขาวไปหมดทั้งหัว และมีรอยย่นมากมายบนใบหน้า เขาหรี่ตาหดมือและเท้า และมองด้วยความระมัดระวังแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองโดยบังเอิญ ดวงตากลับมิได้ขุ่นมัวเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่เป็นประกายอยู่หลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว มิกี่นาทีต่อมา ชีพจรของไทเฮาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก แล้วเหลือบมองหมอต่งที่กำลังจ้องนางอย่างใกล้ชิด แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางเอ่ย“หมอต่ง ข้ามิรู้ว่าตอนนี้ไทเฮาได้รับพิษชนิดใด แต่ตอนนี้ชีพจรของนางเริ่มเป็นปกติแล้ว มิเชื่อเจ้าก็เข้ามาดู ข้าเชื่อว่าอีกเดี๋ยวไทเฮาจะฟื้นขึ้นมา!”หมอตงมิได้จริงจังกับคำพูดของหลิงอวี๋ “พร
เถาจื่อรีบขวางหน้าหลิงอวี๋ทันทีเห็นได้ชัดว่าฮองเฮาเว่ยเตรียมพร้อมมาอย่างดี คนที่นำมาเป็นทหารและแม่ทัพชั้นยอดทั้งนั้นเลยเถาจื่อนั้นสองกำปั้นเอาชนะสี่มือได้ยาก พวกทหารหลายคนรุมเข้ามาก็จับนางไว้ได้ในทันทีหลิงอวี๋เห็นการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของลู่หยางที่มิสนใจว่าอยู่ในวังกันเลย เถาจื่อถูกเขาเหวี่ยงดาบใส่อย่างไร้ความปรานีในระหว่างการต่อสู้แม้ว่าเถาจื่อจะหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงถูกดาบฟังเข้าที่แขน เลือดออกมาจนแขนเป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่งทันที...“เถาจื่อ หยุด!”หลิงอวี๋มองออกแล้วว่า วันนี้ฮองเฮาเว่ยจงใจที่จะโยนความผิดมาไว้กับตน การต่อต้านรังแต่จะทำให้พวกของลู่หยางมีข้ออ้างที่จะฆ่าพวกนางไปก็เท่านั้นนางมิสามารถปล่อยให้เถาจื่อต้องเสียสละโดยมิจำเป็นได้!เถาจื่อเห็นคนของอีกฝ่ายกรูเข้ามาก็กังวลว่าจะทำร้ายหลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ จึงหยุดแต่ลู่หยางกลับมิเกรงใจ เตะที่ขาเถาจื่อ ทำให้เถาจื่อคุกเข่าลงบนพื้นพวกกองทัพหลวงหลายคนจ่อมีดไปที่คอของเถาจื่อ“สารเลว เจ้ายังกล้าต่อสู้กับข้าอีกหรือ? หากกล้าก็มาสู้เลย! ลองดูว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือไม่!”ลู่หยางเอ่ยพลางเหวี่ยงดาบไปที่เถาจื่อหลิงอวี๋โกรธมากจน
“ฮองเฮา หลิงอวี๋ไม่มีทางวางยาไทเฮา! ไทเฮายังมิสิ้นพระชนม์ ขอเพียงท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาต่อ หม่อมฉันสามารถรักษาไทเฮาได้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋มิอยากโต้เถียงอะไรกับนาง จึงเพียงแค่เอ่ยอย่างกังวล “อาการของไทเฮานั้นอันตรายมาก หากยังมิช่วยพระนาง ไทเฮาจะต้องสิ้นพระชนม์เป็นแน่เพคะ!”“หุบปาก!”จู่ ๆ ฮองเฮาเว่ยก็ยกมือขึ้นตบหน้าหลิงอวี๋อย่างแรง พลางตะคอก “เจ้าเป็นสตรีใจดำอำมหิต เจ้าวางยาพิษไทเฮาเอง ยังจะมาพูดว่าสามารถช่วยไทเฮาได้อีกรึ!”“ข้าว่าเจ้าก็แค่อาศัยฐานะพระชายามาเป็นคนนอกกฎหมาย เจ้าคิดว่าข้าจะจัดการเจ้ามิได้รึ?”“ใครก็ได้ ลากหลิงซวนออกไปฆ่าที!”ทันทีที่เอ่ยจบ กองทัพหลวงสองคนก็ลากหลิงซวนออกไปหลิงอวี๋เห็นแล้วใจสลายทันที ตนคือพระชายาอ๋องอี้ แม้ว่าจะมีความผิด ก็ต้องถูกส่งตัวไปที่พิจารณาคดีที่ราชสำนักฝ่ายในฮองเฮาเว่ยมิกล้าฆ่าตนง่าย ๆ นี่คือการเอาชีวิตของหลิงซวนกับคนอื่น ๆ มาบีบให้ตนยอมรับผิด!แต่จะยอมรับความผิดนี้ง่าย ๆ ได้เยี่ยงไร!หากยอมรับ ฮองเฮาเว่ยจะยิ่งใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้มาฆ่าตนได้!เมื่อถึงตอนนั้นมิเพียงแต่ตนจะตายเท่านั้น แต่หลิงซวนกับคนอื่น ๆ ก็จะตายด้วย!“หลิงอว
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต