เจียงอวี้มิรับรู้ความคิดของเถาลี่เลย นางยังรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องให้เถาลี่ได้กลิ่นเเหม็นเช่นนี้ไปกับตนเองด้วยจากแนวคิดนี้ เจียงอวี้จึงเริ่มที่จะทำงานบ้านส่วนใหญ่ รีบยกน้ำมาทำความสะอาดห้องกับเตียงนางยังใส่ใจย้ายเตียงของเถาลี่ไปไว้ใกล้หน้าต่างอย่างรอบคอบเพื่อที่นางจะได้กลิ่นน้อยลงด้วย...วันรุ่งขึ้น การแข่งขันทางทหารเริ่มขึ้นแล้วผู้เข้าร่วมจากสี่แคว้นมารวมตัวกันที่จัตุรัสคฤหาสน์ตระกูลกวนปัจจุบันคฤหาสน์ตระกูลกวนเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม บรรดาผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงก็เดินทางด้วยรถม้ามาชมกันแต่เช้าในด้านหนึ่งพวกเขาอยากรู้ว่าการแข่งขันทางทหารเป็นเยี่ยงไร ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาก็มาเพื่อให้กำลังใจกองทัพของฉินตะวันตกและส่งเสียงให้กำลังใจจัตุรัสที่สามารถรองรับคนได้หลายพันคนทำให้ผู้มั่งคั่งบางคนประหลาดใจกับความมั่งคั่งของตระกูลกวนแต่ตอนนี้จัตุรัสยังคงอยู่ แต่คฤหาสน์ตระกูลกวนบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้วทำให้คนที่รู้เรื่องวงในบางส่วนเศร้ามาก!เซียวหลินเทียน องค์ชายคัง องค์ชายเว่ย องค์ชายเย่ต่างพากลุ่มของตนมาเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าร่วมแข่งขัน เดิมทีองค์ชายรุ่ยก็สมัครเข้าร่วมด้วย แต่สุดท้า
จ้าวฮุยพ่อของจ้าวเจินเจินก็เห็นท่าทางของกลุ่มของเซียวหลินเทียน ในฐานะอัครเสนาบดี เขาชอบที่ฉินตะวันตกมีกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้!แต่ในฐานะพ่อตาขององค์ชายคัง จ้าวฮุยยิ่งระมัดระวังเซียวหลินเทียนมากขึ้นไปอีกจากสี่กลุ่มจากฉินตะวันตกนั้น เซียวหลินเทียนกดอีกสามกลุ่มลงได้ทันทีที่พวกเขาออกมาตอนนี้จักรพรรดิอู่อันสนใจแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนเท่านั้น!แม้ว่าจ้าวฮุยจะระมัดระวัง แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขาพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยชื่นชม“มิเลว ๆ ท่านอ๋องอี้ทำให้ฝ่าบาทมีหน้ามีตา! กระหม่อมเดิมพันได้เลยว่า พลังที่กลุ่มของท่านอ๋องอี้ปรากฏตัวในสนามนั้น สามแคว้นอื่น ๆ มิสามารถเทียบเทียมได้!”คำชื่นชมของจ้าวฮุยได้รับการเห็นด้วยจากขุนนางหลายคน“ใช่ ยังมิทันที่การแข่งขันจะเริ่มต้น พวกเราฉินตะวันตกก็ชนะกระบวนท่าแรกแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มจนตาหยี เซียวหลินเทียนทำให้ตนมีหน้ามีตาจริง ๆ!มีกลุ่มของท่านอ๋องอี้ที่ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การปรากฏตัวของกลุ่มที่เหลือจากสามแคว้นจึงมิเป็นที่พอใจแล้วจะมองทางไหนก็ยังมิเท่ากลุ่มท่านอ๋องอี้การแข่งขันมีทั้งหมดสี่รายการ รายการแรกคือการแข่งข
หลิงอวี๋ตกใจ อาเจียนเป็นเลือด? นี่มันหนักมากนะ!“มิได้เชิญหมอหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามขณะเดินไปที่เตียง“เชิญแล้วเจ้าค่ะ วันนี้หมอต่งเข้าเวร เขาได้ตรวจไทเฮาแล้ว...”“พระชายาอ๋องอี้...”หมอหลวงที่ยืนอยู่ข้างเตียงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับอาการของไทเฮา แม่นมเว่ย เจ้ารีบส่งคนไปกราบทูลองค์จักรพรรดิเถิด!”“ตรวจแล้วหรือ? ไทเฮาทรงพระประชวรด้วยโรคอะไร? เหตุใดจึงกะทันหันนัก?”หลิงอวี๋เหลือบมองหมอต่ง เขาเป็นชายวัยสี่สิบกว่า รูปร่างสูงผอม และมีเคราแพะ“ชีพจรของไทเฮาผิดปกติ สติมิชัดเจน ดูเหมือนเลือดชะงักงัน แต่ก็ดูมิเหมือน ข้ามิสามารถบอกได้ว่านางเป็นโรคอะไร! พระชายาอ๋องอี้ท่านก็น่าจะทำมิได้เช่นกัน!”หมอต่งมองหลิงอวี๋พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “พระชายาอ๋องอี้อย่าทรมานไทเฮาเลย รอให้องค์จักรพรรดิมาตัดสินพระทัยดีกว่า!”หลิงอวี๋มิสนใจเขา แล้วนั่งลงข้างเตียงเมื่อมิกี่วันก่อนยังเห็นไทเฮามีกำลังวังชาดี ตอนนี้ดูเหมือนชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้วยังคงมีเลือดอยู่ตรงมุมปากของพระนางที่มิได้เช็ดออก ใบหน้าของพระนางก็ซีดเซียวราวกับกระดาษ ประกอบกับผมสีขาวยุ่ง ๆ
“ท่านเป็นคนพูดเองนะว่าหากเกิดอะไรขึ้นท่านจะรับผิดชอบ! ข้าก็เตือนไปแล้ว แต่ท่านยืนกรานที่จะดำเนินการตามแบบของตัวท่านเอง! หากเกิดอะไรขึ้นกับไทเฮา ท่านจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”หลังจากที่หมอต่งเอ่ยอย่างดุเดือดจบ ก็ก้าวออกไปหลิงอวี๋นั่งลงฉีดยาเข้าไปในร่างกายของไทเฮาแม่นมเว่ย ไป๋ซุ่ยและคนอื่น ๆ ต่างมองอย่างกังวลขันทีเฒ่าวัยหกสิบกว่ารออยู่ข้าง ๆ และมองอย่างเงียบ ๆหลิงอวี๋มิได้สังเกตว่า แม้ขันทีเฒ่าผู้นี้จะแก่แล้ว แต่กลับมีรูปร่างผอมเพรียวและมีพลัง ผมของเขาขาวไปหมดทั้งหัว และมีรอยย่นมากมายบนใบหน้า เขาหรี่ตาหดมือและเท้า และมองด้วยความระมัดระวังแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองโดยบังเอิญ ดวงตากลับมิได้ขุ่นมัวเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่เป็นประกายอยู่หลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว มิกี่นาทีต่อมา ชีพจรของไทเฮาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก แล้วเหลือบมองหมอต่งที่กำลังจ้องนางอย่างใกล้ชิด แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางเอ่ย“หมอต่ง ข้ามิรู้ว่าตอนนี้ไทเฮาได้รับพิษชนิดใด แต่ตอนนี้ชีพจรของนางเริ่มเป็นปกติแล้ว มิเชื่อเจ้าก็เข้ามาดู ข้าเชื่อว่าอีกเดี๋ยวไทเฮาจะฟื้นขึ้นมา!”หมอตงมิได้จริงจังกับคำพูดของหลิงอวี๋ “พร
เถาจื่อรีบขวางหน้าหลิงอวี๋ทันทีเห็นได้ชัดว่าฮองเฮาเว่ยเตรียมพร้อมมาอย่างดี คนที่นำมาเป็นทหารและแม่ทัพชั้นยอดทั้งนั้นเลยเถาจื่อนั้นสองกำปั้นเอาชนะสี่มือได้ยาก พวกทหารหลายคนรุมเข้ามาก็จับนางไว้ได้ในทันทีหลิงอวี๋เห็นการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของลู่หยางที่มิสนใจว่าอยู่ในวังกันเลย เถาจื่อถูกเขาเหวี่ยงดาบใส่อย่างไร้ความปรานีในระหว่างการต่อสู้แม้ว่าเถาจื่อจะหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงถูกดาบฟังเข้าที่แขน เลือดออกมาจนแขนเป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่งทันที...“เถาจื่อ หยุด!”หลิงอวี๋มองออกแล้วว่า วันนี้ฮองเฮาเว่ยจงใจที่จะโยนความผิดมาไว้กับตน การต่อต้านรังแต่จะทำให้พวกของลู่หยางมีข้ออ้างที่จะฆ่าพวกนางไปก็เท่านั้นนางมิสามารถปล่อยให้เถาจื่อต้องเสียสละโดยมิจำเป็นได้!เถาจื่อเห็นคนของอีกฝ่ายกรูเข้ามาก็กังวลว่าจะทำร้ายหลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ จึงหยุดแต่ลู่หยางกลับมิเกรงใจ เตะที่ขาเถาจื่อ ทำให้เถาจื่อคุกเข่าลงบนพื้นพวกกองทัพหลวงหลายคนจ่อมีดไปที่คอของเถาจื่อ“สารเลว เจ้ายังกล้าต่อสู้กับข้าอีกหรือ? หากกล้าก็มาสู้เลย! ลองดูว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือไม่!”ลู่หยางเอ่ยพลางเหวี่ยงดาบไปที่เถาจื่อหลิงอวี๋โกรธมากจน
“ฮองเฮา หลิงอวี๋ไม่มีทางวางยาไทเฮา! ไทเฮายังมิสิ้นพระชนม์ ขอเพียงท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาต่อ หม่อมฉันสามารถรักษาไทเฮาได้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋มิอยากโต้เถียงอะไรกับนาง จึงเพียงแค่เอ่ยอย่างกังวล “อาการของไทเฮานั้นอันตรายมาก หากยังมิช่วยพระนาง ไทเฮาจะต้องสิ้นพระชนม์เป็นแน่เพคะ!”“หุบปาก!”จู่ ๆ ฮองเฮาเว่ยก็ยกมือขึ้นตบหน้าหลิงอวี๋อย่างแรง พลางตะคอก “เจ้าเป็นสตรีใจดำอำมหิต เจ้าวางยาพิษไทเฮาเอง ยังจะมาพูดว่าสามารถช่วยไทเฮาได้อีกรึ!”“ข้าว่าเจ้าก็แค่อาศัยฐานะพระชายามาเป็นคนนอกกฎหมาย เจ้าคิดว่าข้าจะจัดการเจ้ามิได้รึ?”“ใครก็ได้ ลากหลิงซวนออกไปฆ่าที!”ทันทีที่เอ่ยจบ กองทัพหลวงสองคนก็ลากหลิงซวนออกไปหลิงอวี๋เห็นแล้วใจสลายทันที ตนคือพระชายาอ๋องอี้ แม้ว่าจะมีความผิด ก็ต้องถูกส่งตัวไปที่พิจารณาคดีที่ราชสำนักฝ่ายในฮองเฮาเว่ยมิกล้าฆ่าตนง่าย ๆ นี่คือการเอาชีวิตของหลิงซวนกับคนอื่น ๆ มาบีบให้ตนยอมรับผิด!แต่จะยอมรับความผิดนี้ง่าย ๆ ได้เยี่ยงไร!หากยอมรับ ฮองเฮาเว่ยจะยิ่งใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้มาฆ่าตนได้!เมื่อถึงตอนนั้นมิเพียงแต่ตนจะตายเท่านั้น แต่หลิงซวนกับคนอื่น ๆ ก็จะตายด้วย!“หลิงอว
ฮองเฮาเว่ยโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว เดิมทีวันนี้นางวางแผนมาอย่างดี ขอเพียงหลิงอวี๋ยอมรับผิดและลงนาม นางก็สามารถฆ่าหลิงอวี๋ได้แล้วไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะมา แล้วตอนนี้ชายชราท่านอ๋องเฉิงก็มาก่อกวนด้วยอีก ทั้งยังนำพระราชโองการขององค์จักรพรรดิมาด้วย!ฮองเฮาเว่ยแอบกัดฟัน แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ท่านอ๋องเฉิง ท่านมาทันเวลาพอดี หลิงอวี๋วางยาพิษสังหารไทเฮา ไทเฮามิไหวแล้ว!”“ท่านรีบไปกราบทูลองค์จักรพรรดิสิ ให้เขามาพบไทเฮาเป็นครั้งสุดท้าย!”“ใครว่าไทเฮาสิ้นหวังแล้ว! หม่อมฉันสามารถช่วยไทเฮาได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างวิตกกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หม่อมฉันมิได้สังหารไทเฮาเพคะ! ท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาเถิด หากถ่วงเวลาออกไปอีก จะช่วยไทเฮามิได้จริง ๆ!”ท่านอ๋องเฉิงโกรธจนหายใจติดขัด แล้วรีบไปข้างเตียง เห็นว่าไทเฮาเลือดอาบเต็มตัว และหายใจรวยรินแล้วเขาตะคอกอย่างรุนแรง “ออกไป… ไสหัวออกไปให้หมด ให้พระชายาอ๋องอี้ช่วยไทเฮา... “เมื่อฮองเฮาเว่ยได้ยินสิ่งที่ท่านอ๋องเฉิงพูดนางก็เอ่ยอย่างกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หลิงอวี๋เป็นคนวางยาพิษไทเฮา! ท่านจะวางใจให้นางรักษาไทเฮาได้เยี่ยงไร!”“ปล่อยพระชายาอ๋องอี้!”ท่านอ๋
เซียวหลินเทียนเหลือบมองไทเฮาด้วยความกังวล แล้วเอ่ย “ข้าได้รับข้อความจากสุ่ยหลิง จึงไปถามขันทีเซี่ย ถึงได้รู้ว่าองค์จักรพรรดิมิรู้เรื่องนี้!”“ตอนนั้นข้ารู้สึกแปลก ๆ! ไทเฮากำลังทรงพระประชวรหนัก ด้วยนิสัยของฮองเฮาเว่ยแล้ว นางมิกล้าปกปิดองค์จักรพรรดิหรอก แต่นางกลับแค่ให้คนมาเชิญเจ้าไปเท่านั้น!”“ข้ากลัวว่าฮองเฮาจะทำอะไรมิดีกับเจ้า จึงรีบเชิญท่านอ๋องเฉิงไปขอพระราชโองการ!”ท่านอ๋องเฉิงพยักหน้า “จักรพรรดิได้ยินก็กังวล เดิมทีเขาจะมาด้วยตนเอง แต่การแข่งขันอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เขาจึงให้ข้ามาดูก่อน เมื่อการแข่งขันจบลงเขาจะรีบกลับมา!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างขอบคุณ “โชคดีที่ท่านมาทันเวลา มิเช่นนั้นหลิงซวนคงตายแล้ว!”เซียวหลินเทียนมองรอยฝ่ามือบนใบหน้าของหลิงอวี๋ แล้วดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธแม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้เล่าเรื่องทั้งหมด แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในเวลานั้น มิต้องคิดก็รู้ว่าฮองเฮาเว่ยกำลังเตรียมที่จะใช้ชีวิตของหลิงซวนมาบีบให้หลิงอวี๋ยอมรับผิด!“ไปล้างหน้า จัดผมเผ้าเสีย ข้าจะเฝ้าไทเฮาเอง!”หลิงอวี๋เดินไปด้านข้าง แม่นมเว่ยก็รีบให้ไป๋ซุ่ยไปเอาน้ำมาให้หลิงอวี๋ล้าง“แม่นมเว่ย เมื่อคืนไทเฮาม