แชร์

บทที่ 1009

ผู้เขียน: กานเฟย
จ้าวฮุยพ่อของจ้าวเจินเจินก็เห็นท่าทางของกลุ่มของเซียวหลินเทียน ในฐานะอัครเสนาบดี เขาชอบที่ฉินตะวันตกมีกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้!

แต่ในฐานะพ่อตาขององค์ชายคัง จ้าวฮุยยิ่งระมัดระวังเซียวหลินเทียนมากขึ้นไปอีก

จากสี่กลุ่มจากฉินตะวันตกนั้น เซียวหลินเทียนกดอีกสามกลุ่มลงได้ทันทีที่พวกเขาออกมา

ตอนนี้จักรพรรดิอู่อันสนใจแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนเท่านั้น!

แม้ว่าจ้าวฮุยจะระมัดระวัง แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขาพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยชื่นชม

“มิเลว ๆ ท่านอ๋องอี้ทำให้ฝ่าบาทมีหน้ามีตา! กระหม่อมเดิมพันได้เลยว่า พลังที่กลุ่มของท่านอ๋องอี้ปรากฏตัวในสนามนั้น สามแคว้นอื่น ๆ มิสามารถเทียบเทียมได้!”

คำชื่นชมของจ้าวฮุยได้รับการเห็นด้วยจากขุนนางหลายคน

“ใช่ ยังมิทันที่การแข่งขันจะเริ่มต้น พวกเราฉินตะวันตกก็ชนะกระบวนท่าแรกแล้ว!”

จักรพรรดิอู่อันยิ้มจนตาหยี เซียวหลินเทียนทำให้ตนมีหน้ามีตาจริง ๆ!

มีกลุ่มของท่านอ๋องอี้ที่ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การปรากฏตัวของกลุ่มที่เหลือจากสามแคว้นจึงมิเป็นที่พอใจแล้ว

จะมองทางไหนก็ยังมิเท่ากลุ่มท่านอ๋องอี้

การแข่งขันมีทั้งหมดสี่รายการ รายการแรกคือการแข่งข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1010

    หลิงอวี๋ตกใจ อาเจียนเป็นเลือด? นี่มันหนักมากนะ!“มิได้เชิญหมอหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามขณะเดินไปที่เตียง“เชิญแล้วเจ้าค่ะ วันนี้หมอต่งเข้าเวร เขาได้ตรวจไทเฮาแล้ว...”“พระชายาอ๋องอี้...”หมอหลวงที่ยืนอยู่ข้างเตียงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับอาการของไทเฮา แม่นมเว่ย เจ้ารีบส่งคนไปกราบทูลองค์จักรพรรดิเถิด!”“ตรวจแล้วหรือ? ไทเฮาทรงพระประชวรด้วยโรคอะไร? เหตุใดจึงกะทันหันนัก?”หลิงอวี๋เหลือบมองหมอต่ง เขาเป็นชายวัยสี่สิบกว่า รูปร่างสูงผอม และมีเคราแพะ“ชีพจรของไทเฮาผิดปกติ สติมิชัดเจน ดูเหมือนเลือดชะงักงัน แต่ก็ดูมิเหมือน ข้ามิสามารถบอกได้ว่านางเป็นโรคอะไร! พระชายาอ๋องอี้ท่านก็น่าจะทำมิได้เช่นกัน!”หมอต่งมองหลิงอวี๋พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “พระชายาอ๋องอี้อย่าทรมานไทเฮาเลย รอให้องค์จักรพรรดิมาตัดสินพระทัยดีกว่า!”หลิงอวี๋มิสนใจเขา แล้วนั่งลงข้างเตียงเมื่อมิกี่วันก่อนยังเห็นไทเฮามีกำลังวังชาดี ตอนนี้ดูเหมือนชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้วยังคงมีเลือดอยู่ตรงมุมปากของพระนางที่มิได้เช็ดออก ใบหน้าของพระนางก็ซีดเซียวราวกับกระดาษ ประกอบกับผมสีขาวยุ่ง ๆ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1011

    “ท่านเป็นคนพูดเองนะว่าหากเกิดอะไรขึ้นท่านจะรับผิดชอบ! ข้าก็เตือนไปแล้ว แต่ท่านยืนกรานที่จะดำเนินการตามแบบของตัวท่านเอง! หากเกิดอะไรขึ้นกับไทเฮา ท่านจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”หลังจากที่หมอต่งเอ่ยอย่างดุเดือดจบ ก็ก้าวออกไปหลิงอวี๋นั่งลงฉีดยาเข้าไปในร่างกายของไทเฮาแม่นมเว่ย ไป๋ซุ่ยและคนอื่น ๆ ต่างมองอย่างกังวลขันทีเฒ่าวัยหกสิบกว่ารออยู่ข้าง ๆ และมองอย่างเงียบ ๆหลิงอวี๋มิได้สังเกตว่า แม้ขันทีเฒ่าผู้นี้จะแก่แล้ว แต่กลับมีรูปร่างผอมเพรียวและมีพลัง ผมของเขาขาวไปหมดทั้งหัว และมีรอยย่นมากมายบนใบหน้า เขาหรี่ตาหดมือและเท้า และมองด้วยความระมัดระวังแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองโดยบังเอิญ ดวงตากลับมิได้ขุ่นมัวเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่เป็นประกายอยู่หลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว มิกี่นาทีต่อมา ชีพจรของไทเฮาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก แล้วเหลือบมองหมอต่งที่กำลังจ้องนางอย่างใกล้ชิด แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางเอ่ย“หมอต่ง ข้ามิรู้ว่าตอนนี้ไทเฮาได้รับพิษชนิดใด แต่ตอนนี้ชีพจรของนางเริ่มเป็นปกติแล้ว มิเชื่อเจ้าก็เข้ามาดู ข้าเชื่อว่าอีกเดี๋ยวไทเฮาจะฟื้นขึ้นมา!”หมอตงมิได้จริงจังกับคำพูดของหลิงอวี๋ “พร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1012

    เถาจื่อรีบขวางหน้าหลิงอวี๋ทันทีเห็นได้ชัดว่าฮองเฮาเว่ยเตรียมพร้อมมาอย่างดี คนที่นำมาเป็นทหารและแม่ทัพชั้นยอดทั้งนั้นเลยเถาจื่อนั้นสองกำปั้นเอาชนะสี่มือได้ยาก พวกทหารหลายคนรุมเข้ามาก็จับนางไว้ได้ในทันทีหลิงอวี๋เห็นการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมของลู่หยางที่มิสนใจว่าอยู่ในวังกันเลย เถาจื่อถูกเขาเหวี่ยงดาบใส่อย่างไร้ความปรานีในระหว่างการต่อสู้แม้ว่าเถาจื่อจะหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงถูกดาบฟังเข้าที่แขน เลือดออกมาจนแขนเป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่งทันที...“เถาจื่อ หยุด!”หลิงอวี๋มองออกแล้วว่า วันนี้ฮองเฮาเว่ยจงใจที่จะโยนความผิดมาไว้กับตน การต่อต้านรังแต่จะทำให้พวกของลู่หยางมีข้ออ้างที่จะฆ่าพวกนางไปก็เท่านั้นนางมิสามารถปล่อยให้เถาจื่อต้องเสียสละโดยมิจำเป็นได้!เถาจื่อเห็นคนของอีกฝ่ายกรูเข้ามาก็กังวลว่าจะทำร้ายหลิงอวี๋กับคนอื่น ๆ จึงหยุดแต่ลู่หยางกลับมิเกรงใจ​ เตะที่ขาเถาจื่อ ทำให้เถาจื่อคุกเข่าลงบนพื้นพวกกองทัพหลวงหลายคนจ่อมีดไ​ปที่คอของเถาจื่อ“สารเลว เจ้ายังกล้าต่อสู้กับข้าอีกหรือ? หากกล้าก็มาสู้เลย! ลองดูว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือไม่!”ลู่หยางเอ่ยพลางเหวี่ยงดาบไปที่เถาจื่อหลิงอวี๋โกรธมากจน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1013

    “ฮองเฮา หลิงอวี๋ไม่มีทางวางยาไทเฮา! ไทเฮายังมิสิ้นพระชนม์ ขอเพียงท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาต่อ หม่อมฉันสามารถรักษาไทเฮาได้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋มิอยากโต้เถียงอะไรกับนาง จึงเพียงแค่เอ่ยอย่างกังวล “อาการของไทเฮานั้นอันตรายมาก หากยังมิช่วยพระนาง ไทเฮาจะต้องสิ้นพระชนม์เป็นแน่เพคะ!”“หุบปาก!”จู่​ ๆ ฮองเฮาเว่ยก็ยกมือขึ้นตบหน้าหลิงอวี๋อย่างแรง​ พลางตะคอก “เจ้าเป็นสตรีใจดำอำมหิต เจ้าวางยาพิษไทเฮาเอง ยังจะมาพูดว่าสามารถช่วยไทเฮาได้อีกรึ!”“ข้าว่าเจ้าก็แค่อาศัยฐานะพระชายามาเป็นคนนอกกฎหมาย เจ้าคิดว่าข้าจะจัดการเจ้ามิได้รึ?”“ใครก็ได้ ลากหลิงซวนออกไปฆ่าที!”ทันทีที่เอ่ยจบ กองทัพหลวงสองคนก็ลากหลิงซวนออกไปหลิงอวี๋เห็นแล้วใจสลายทันที​ ตนคือพระชายาอ๋องอี้ แม้ว่าจะมีความผิด ก็ต้องถูกส่งตัวไปที่พิจารณาคดีที่ราชสำนักฝ่ายในฮองเฮาเว่ยมิกล้าฆ่าตนง่าย​ ๆ​ นี่คือการเอาชีวิตของหลิงซวนกับคนอื่น ๆ มาบีบให้ตนยอมรับผิด!แต่จะยอมรับความผิดนี้ง่าย​ ๆ ได้เยี่ยงไร!หากยอมรับ ฮองเฮาเว่ยจะยิ่งใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้มาฆ่าตนได้!เมื่อถึงตอนนั้นมิเพียงแต่ตนจะตายเท่านั้น แต่หลิงซวนกับคนอื่น ๆ ก็จะตายด้วย!“หลิงอว

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1014

    ฮองเฮาเว่ยโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว​ เดิมทีวันนี้นางวางแผนมาอย่างดี ขอเพียงหลิงอวี๋ยอมรับผิดและลงนาม นางก็สามารถฆ่าหลิงอวี๋ได้แล้วไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะมา แล้วตอนนี้ชายชราท่านอ๋องเฉิงก็มาก่อกวนด้วยอีก ทั้งยังนำพระราชโองการขององค์จักรพรรดิมาด้วย!ฮองเฮาเว่ยแอบกัดฟัน​ แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ท่านอ๋องเฉิง ท่านมาทันเวลาพอดี หลิงอวี๋วางยาพิษสังหารไทเฮา ไทเฮามิไหวแล้ว!”“ท่านรีบไปกราบทูลองค์จักรพรรดิสิ​ ให้เขามาพบไทเฮาเป็นครั้งสุดท้าย!”“ใครว่าไทเฮาสิ้นหวังแล้ว! หม่อมฉันสามารถช่วยไทเฮาได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างวิตกกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หม่อมฉันมิได้สังหารไทเฮาเพคะ! ท่านให้หม่อมฉันช่วยไทเฮาเถิด หากถ่วงเวลาออกไปอีก จะช่วยไทเฮามิได้จริง​ ๆ!”ท่านอ๋องเฉิงโกรธจนหายใจติดขัด แล้วรีบไปข้างเตียง​ เห็นว่าไทเฮาเลือดอาบเต็มตัว​ และหายใจรวยรินแล้วเขาตะคอกอย่างรุนแรง “ออกไป… ไสหัวออกไปให้หมด​ ให้พระชายาอ๋องอี้ช่วยไทเฮา... “เมื่อฮองเฮาเว่ยได้ยินสิ่งที่ท่านอ๋องเฉิงพูดนางก็เอ่ยอย่างกังวล “ท่านอ๋องเฉิง หลิงอวี๋เป็นคนวางยาพิษไทเฮา! ท่านจะวางใจให้นางรักษาไทเฮาได้เยี่ยงไร!”“ปล่อยพระชายาอ๋องอี้!”ท่านอ๋

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1015

    เซียวหลินเทียนเหลือบมองไทเฮาด้วยความกังวล แล้วเอ่ย “ข้าได้รับข้อความจากสุ่ยหลิง จึงไปถามขันทีเซี่ย ถึงได้รู้ว่าองค์จักรพรรดิมิรู้เรื่องนี้!”“ตอนนั้นข้ารู้สึกแปลก​ ๆ!​ ไทเฮากำลังทรงพระประชวรหนัก ด้วยนิสัยของฮองเฮาเว่ยแล้ว นางมิกล้าปกปิดองค์จักรพรรดิหรอก แต่นางกลับแค่ให้คนมาเชิญเจ้าไปเท่านั้น!”“ข้ากลัวว่าฮองเฮาจะทำอะไรมิดีกับเจ้า จึงรีบเชิญท่านอ๋องเฉิงไปขอพระราชโองการ!”ท่านอ๋องเฉิงพยักหน้า “จักรพรรดิได้ยินก็กังวล เดิมทีเขาจะมาด้วยตนเอง แต่การแข่งขันอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เขาจึงให้ข้ามาดูก่อน เมื่อการแข่งขันจบลงเขาจะรีบกลับมา!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างขอบคุณ “โชคดีที่ท่านมาทันเวลา มิเช่นนั้นหลิงซวนคงตายแล้ว!”เซียวหลินเทียนมองรอยฝ่ามือบนใบหน้าของหลิงอวี๋​ แล้วดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธแม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้เล่าเรื่องทั้งหมด แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในเวลานั้น มิต้องคิดก็รู้ว่าฮองเฮาเว่ยกำลังเตรียมที่จะใช้ชีวิตของหลิงซวนมาบีบให้หลิงอวี๋ยอมรับผิด!“ไปล้างหน้า​ จัดผมเผ้าเสีย ข้าจะเฝ้าไทเฮาเอง!”หลิงอวี๋เดินไปด้านข้าง แม่นมเว่ยก็รีบให้ไป๋ซุ่ยไปเอาน้ำมาให้หลิงอวี๋ล้าง“แม่นมเว่ย เมื่อคืนไทเฮาม

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1016

    หลิงอวี๋เพิ่งจะพูดจบ ฮองเฮาเว่ยก็หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “ยาแก้พิษที่ดีที่สุดหรือ? หลิงอวี๋ มันเป็นยาพิษที่เจ้าให้ไทเฮาเอง อย่าแสร้งทำเป็นว่าเจ้าล้างพิษให้กับไทเฮาเลย!”“องค์จักรพรรดิ​ เมื่อครู่หม่อมฉันถามแล้ว​ อาหารที่ไทเฮากินนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างทำในครัวหลวง! มีเพียงยาบำรุงร่างกายที่หลิงอวี๋ให้ไทเฮาเท่านั้นที่มิได้รับการตรวจสอบ!”“แม่นมเว่ย เจ้าเอายาบำรุงร่างกายออกมาแล้วให้ถังถีเตี่ยนกับหมอต่งตรวจดูก็รู้!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมองหน้ากัน ใบหน้ามืดมนลงจักรพรรดิอู่อันเหลือบมองหลิงอวี๋อย่างเย็นชา​แล้วพยักหน้าเล็กน้อยแม่นมเว่ยจึงทำได้เพียงต้องหยิบยาบำรุงร่างกายออกมาถังถีเตี่ยนมากับองค์จักรพรรดิ เขารับยาจากแม่นมเว่ยแล้วนำไปให้หมอต่งตรวจดูหลิงอวี๋มิได้พูดอะไร แค่มองอย่างเย็นชาหมอหลวงทั้งสองตรวจดูอยู่พักหนึ่งแล้วจึงมารายงานถังถีเตี่ยนเอ่ย “องค์จักรพรรดิ​ กระหม่อมได้ตรวจสอบแล้วพบว่ายาบำรุงร่างกายนี้มีสารพิษอยู่ส่วนหนึ่ง​ มันคือมะเค็ดพ่ะย่ะค่ะ... “ยังมิทันที่ถังถีเตี่ยนจะพูดจบ ฮองเฮาเว่ยก็ตะโกนขึ้นมา “ฝ่าบาท​ ได้ยินหรือไม่เพคะ ถังถีเตี่ยนบอกว่ายาบำรุงร่างกายที่หลิงอวี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1017

    หมอต่งมองถังทีเดียนแล้วเอ่ย “สิ่งที่กระหม่อมพบก็คือมะเค็ดเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋ยกริมฝีปากขึ้นเยาะเย้ยทันที “หมอต่ง เจ้ามาก่อนถังถีเตี่ยน เจ้าได้ตรวจสอบอาการของไทเฮาแล้ว เจ้าแน่ใจหรือว่าไทเฮากินยาบำรุงร่างกายแล้วเป็นพิษ”หมอต่งพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ไทเฮาถูกพิษของมะเค็ด!”“ไร้สาระ!”หลิงอวี๋มิเกรงใจแล้ว นางตะคอกด้วยความโกรธ แล้วเอ่ยกับจักรพรรดิอู่อัน “เสด็จพ่อ หลิงอวี๋ขอเชิญถังถีเตี่ยนไปดูอาเจียนของไทเฮาได้หรือไม่เพคะ?”“หากไทเฮาถูกพิษของมะเค็ด มันจะพบได้ในอาเจียนของพระนาง!”จักรพรรดิอู่อันเอ่ยเสียงเรียบ “ถังถีเตี่ยน ไปตรวจดูสิ!”ถังถีเตี่ยนเดินเข้าไปตรวจอาเจียนกับผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดของไทเฮาทันที หลังจากตรวจอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยอย่างสงสัย “กราบทูลองค์จักรพรรดิ กระหม่อมตรวจอาเจียนของไทเฮาแล้วมิพบพิษของมะเค็ดพ่ะย่ะค่ะ!”“หมอต่ง เจ้าก็ไปดูได้เช่นกัน!” หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “อย่ามาเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีก!”หมอต่งเหลือบมองฮองเฮาเว่ยอย่างมิสบายใจ ภายใต้สายตาจ้องมองที่เย็นชาของจักรพรรดิอู่อัน เขาทำได้เพียงเดินเข้าไปหลังจากตรวจสอบไปครู่หนึ่ง หมอต่งก็เอ่ย “กราบทูลองค์จักรพรรดิ

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status