Share

บทที่ 9

Author: ซูเหยียน
เมื่อซวี่เป่าได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันฉายแววไม่สบายใจขึ้นมา

ตึก ๆ ๆ รีบลงมาจากตัวท่านพ่อ จากนั้นทำท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนกับเด็กที่ทำผิด

“ท่านแม่...”

น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น ซวี่เป่ามองสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกผิด

สตรีในชุดขาวเดินมาจากป่าลึก!

บนร่างกายของนางเปล่งประกายแสงสว่างจาง ๆ

ใบหน้างดงาม ปรากฏให้เห็นอยู่รำไร

ก้าวเดินราวกับมีลมพัดใต้เท้า เสื้อผ้าปลิวไสว

ราวกับเทพธิดาจากป่าลึก ที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์

สมองของมู่ซือและเหลิ่งเย่ไม่พอใช้แล้ว

เพียงจ้องมองสตรีผู้ราวกับเทพเซียนลงมาจุติบนโลกอย่างเหม่อลอย ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

นี่คือสตรีที่ท่านอ๋องแอบซ่อนเอาไว้หรือ?

ไป๋ซวงเหลือบมองมู่ซือและเหลิ่งเย่ด้วยสายตาเย็นชา

เมื่อหันไปมองจวินจิ๋วอิ่น สายตาของนางก็ยิ่งเย็นชาขึ้น

“ในเมื่อคนที่มารับพ่อของเจ้ามาแล้ว ซวี่เป่ากลับภูเขากับแม่ได้แล้วสินะ!”

“ท่านแม่...”

ซวี่เป่าก้าวขาเล็ก ๆ อย่างยากลำบาก แล้วค่อย ๆ เข้าไปใกล้ไป๋ซวง

“ท่านแม่ ท่านดูองครักษ์สองคนของท่านพ่อสิ อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่าบนภูเขาเลย ซวี่เป่าไม่วางใจที่จะให้ท่านพ่อไปกับพวกเขา”

มู่ซือและเหลิ่งเย่ที่อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่า มองไปยังซวี่เป่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

พวกเขาอ่อนแอกว่าท่านอ๋องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่าอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาสิ้นหวังก็คือ ไป๋ซวงกลับพยักหน้าอย่างดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย

“พวกเขาอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง! แต่เขาเก่งก็พอแล้ว!”

สายตาของไป๋ซวงมองไปยังจวินจิ๋วอิ่นที่มองนางด้วยสายตาอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา

รอยยิ้มที่หางตานั้น ทำให้ไป๋ซวงรู้สึกอึดอัด

นางหลบสายตาของจวินจิ๋วอิ่น แล้วมองไปยังศพมากมายที่อยู่บนพื้น

“ท่านแม่ ท่านพ่อมีบาดแผลบนตัวอยู่ ไม่สามารถใช้พลังได้”

ซวี่เป่ามองไป๋ซวงด้วยแววตาเว้าวอน ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ท่านแม่ ซวี่เป่าจะพาท่านพ่อกลับไปอย่างปลอดภัย แล้วจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ที่เขาหลิงอิ่นได้หรือไม่?”

“ไม่สามารถใช้พลังได้งั้นหรือ? ศพเหล่านี้ล้วนตายด้วยพัดเฉียนคุน ไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งสอง ใครกันที่ถือพัดเฉียนคุน?”

ไป๋ซวงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา มองไปยังมู่ซือและเหลิ่งเย่ที่ได้ยินคำพูดแล้วพยายามจะซ่อนอาวุธของตนเอง

ซวี่เป่าจึงหันไปมองศพเหล่านั้น รวมถึงมู่ซือและเหลิ่งเย่ที่กำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ

ท่านพ่อหลอกลวงเขางั้นหรือ แล้วยังบอกอีกว่าคนสองคนนั้นคอยปกป้องเขา

จริง ๆ แล้วเป็นท่านพ่อต่างหากที่ปกป้องพวกเขา!

เช่นนี้แล้ว เขาก็ยิ่งไม่อาจวางใจ

“ท่านแม่ท่านดูสิ พวกเขาอ่อนแอกว่าไก่ป่าอีกมิใช่หรือ? ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังต้องพยายามปกป้องพวกเขาอีก? การต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้ท่านพ่อใช้พลังวิญญาณไปมาก ซวี่เป่ายิ่งไม่อาจทิ้งท่านพ่อไปในเวลานี้ได้”

ซวี่เป่ามองไปยังจวินจิ๋วอิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ ในใจจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ

และแสร้งทำท่าเซไปเล็กน้อยในจังหวะที่เหมาะเจาะ

“ท่านพ่อ”

ซวี่เป่าก้าวขาเล็ก ๆ ของตัวเอง แล้ววิ่งไปหาจวินจิ๋วอิ่นอย่างรวดเร็ว

จากนั้นรีบหยิบยาบำรุงชั้นยอดเม็ดหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ แล้วป้อนให้เขากิน

ไป๋ซวงมองไปที่จวินจิ๋วอิ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางมองออกว่าร่างกายของคนผู้นี้ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ เลย

กลอุบายทำร้ายตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ!

คนผู้นี้ ช่าง...

ไร้ยางอาย!

แต่เวลานี้ นางยังไม่สามารถพูดอะไรได้

เพราะว่า ซวี่เป่าตัดสินใจที่จะไปส่งเขาแล้ว

หากนางยังคัดค้านต่อไป ก็จะทำให้ซวี่เป่าลำบากใจมากขึ้น

“เอาละ รีบเดินทางเถอะ”

ไป๋ซวงเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา เมื่อซวี่เป่าได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็นประกาย

ท่านแม่หมายความว่า ยอมให้เขาไปส่งท่านพ่อแล้ว

เขาดีใจจนยิ้มแก้มปริ แล้วก็ก้าวขาเล็ก ๆ ของตัวเอง ปีนต้วมเตี้ยมขึ้นไปอยู่ในอ้อมอกของท่านแม่

“ขอบคุณท่านแม่ ซวี่เป่าจะรีบกลับมา”

พูดจบ ก็จุ๊บแก้มของไป๋ซวงไปหลายฟอด

ไป๋ซวงมองซวี่เป่าด้วยความเอ็นดู แล้วจูบลงบนแก้มยุ้ย ๆ ของเขาหนึ่งที

“แม่ไปกับเจ้าด้วย ซวี่เป่าไม่อยู่ แม่กลัวจะหิว”

ซวี่เป่ายิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม เก็บคำพูดที่อยากจะกำชับท่านแม่ว่าให้กินข้าวอย่างว่านอนสอนง่าย รวมถึงที่ที่จัดเตรียมอาหารไว้ กลับไปอย่างเงียบ ๆ

“เย่!”

ซวี่เป่าร้องตะโกนด้วยความดีใจ จูงมือท่านแม่ไว้ข้างหนึ่ง แล้วจูงมือท่านพ่อไว้อีกข้างหนึ่ง เดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุข

มู่ซือและเหลิ่งเย่ผู้อ่อนแอเหมือนกับไก่ที่เดินตามมาข้างหลัง ไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจเช่นนี้มาก่อน...

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังจะต้องแบกฉายาไก่ผู้อ่อนแอไปตลอด

เนื่องจากคนที่มาลอบสังหารทั้งหมด

ล้วนถูกองค์ชายน้อยและว่าที่พระชายาจัดการเรียบร้อยแล้ว

ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงฝีมือเลยแม้แต่น้อย

องครักษ์อันดับหนึ่งผู้สง่าผ่าเผย ผู้ช่วยคนสำคัญของจวินจิ๋วอิ่น

เวลานี้กลับกลายเป็นสารถีและข้ารับใช้อย่างน่าเวทนา

จวินจิ๋วอิ่นผู้มีร่างกาย ‘อ่อนแอ’ เพลิดเพลินกับการได้รับการดูแลเอาใจใส่จากซวี่เป่าอย่างสบายใจ

การนองเลือดตลอดเส้นทางนี้ ไม่ได้ทำลายอารมณ์ดี ๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย

กลับกัน เขาหวังว่าเส้นทางจะยาวไกลกว่านี้อีกสักหน่อย

แบบนี้ เขาจะได้เพลิดเพลินไปกับการดูแลเอาใจใส่จากซวี่เป่าต่อไป รวมถึงท่าทางดูถูก โมโห แต่กลับจนปัญญาของไป๋ซวง

ส่วนจวินจิ๋วอิ่นที่ฝ่าฟันอุปสรรคด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทานได้มาตลอดทาง ได้สร้างความตกตะลึงแก่ศัตรูทั้งหมดของเขา

คนที่ส่งออกไปทั้งหมดเหมือนกับโยนก้อนหินลงทะเล ไร้ซึ่งข่าวคราว

ความน่าสะพรึงกลัวราวกับความตาย!

และในเวลานี้ จวินจิ๋วอิ่นเข้าสู่เมืองหลวงแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยินยอมอีกแค่ไหน แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยไป

ภายในพระราชวัง ฮองเฮาเจียงเถียนนั่งอยู่ข้างโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนแรง

บนพื้นเต็มไปด้วยเศษถ้วยชาและเครื่องหยก

นางกำนัลที่ถูกตีจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล กำลังเก็บกวาดเศษแก้วอย่างระมัดระวัง

ถึงแม้เศษแก้วจะบาดนิ้วจนเลือดไหลออกมา

พวกนางก็ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมา มิเช่นนั้นก็จะถูกทุบตีอีก

เจียงเถียนมองเลือดที่ไหลจากนิ้วของนางกำนัล และเศษกระเบื้องที่เปื้อนเลือดสีแดงฉาน

เหตุใดเลือดบนเศษกระเบื้องนั้น ถึงไม่ใช่ของจวินจิ๋วอิ่น!

หอราตรีของนางถูกทำลายจนหมดสิ้น แม้แต่จ้างวานวังเงาปีศาจด้วยทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่ง ก็ล้วนถูกส่งออกไปแล้วไม่ได้กลับมา

จวินจิ๋วอิ่นพบเจอปาฏิหาริย์อะไรกันแน่?

มิฉะนั้น ต่อให้เขาเก่งกาจมากเพียงใด ก็ไม่มีทางกลับมาได้

“ใครก็ได้”

พูดจบ เฝิงหมัวมัวที่อยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม

“ฮองเฮา”

“เฝิงหมัวมัว ส่งคนไปแจ้งข่าวกับคังเอ๋อร์ ในเมื่อคนผู้นั้นมาถึงเมืองหลวงแล้ว ก็อย่าได้ลงมือทำอะไรอีก”

“เพคะ”

เฝิงหมัวมัวรับคำสั่งแล้วกำลังจะหมุนตัวกลับ แต่เจียงเถียนก็เรียกนางไว้

“บอกคังเอ๋อร์ ให้กำจัดหลักฐานก่อนหน้านี้ให้เรียบร้อย แล้วก็สืบให้รู้ว่าเหตุใดครั้งนี้จวินจิ๋วอิ่นถึงกลับมาได้อย่างราบรื่น”

นางต่อสู้กับจวินจิ๋วอิ่นมานานกว่าสิบปี ไม่มีใครรู้จักเขาดีไปกว่านางอีกแล้ว

หากไม่มีคนคอยช่วยเหลือ ครั้งนี้เขาคงกลับมาอย่างราบรื่นไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่ขวางทางนางกับคังเอ๋อร์

นางจะฆ่าอีกฝ่ายอย่างแน่นอน!

จวนขององค์ชายเก้า บรรยากาศแตกต่างจากตำหนักเฟิ่งหลินอย่างสิ้นเชิง

ที่นี่กำลังตกแต่งลานบ้านกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นเพราะมู่ซือส่งข่าวกลับมา

บอกว่าท่านอ๋องพาองค์ชายน้อยและว่าที่พระชายากลับมาด้วย

เรื่องนี้ทำให้คนในจวนขององค์ชายเก้าต่างยุ่งกันไปหมด รีบจัดเตรียมห้องหับให้องค์ชายน้อยและพระชายา

แม้แต่พระสนมเอกจีที่อยู่ในวังก็ยังตกตะลึง!

นางไม่สนใจคำทัดทานของฮ่องเต้ แอบหนีออกจากวังหลวง

บัญชาพวกบ่าวไพร่ด้วยตนเอง เพื่อตกแต่งห้องหับให้หลานชายและลูกสะใภ้

ยิ่งอยากจะขนของดี ๆ ทั้งหมดในจวนขององค์ชายเก้าและตำหนักเฉาเยวี่ยมาไว้ที่นี่ด้วยซ้ำ

ส่วนคนที่เพิ่งมาถึงจวนขององค์ชายเก้า กลับไม่รู้เลยว่าภายในวังจะมีบรรยากาศเช่นนี้

เมื่อมู่ซือและเหลิ่งเย่เปิดประตูออก ซวี่เป่าจูงมือท่านพ่อและท่านแม่เดินเข้ามา ทุกคนต่างตกตะลึง!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Tantip thongpetch
ดำเนินเรื่องดีสนุกน่าติดตามมาก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 10

    บ่าวไพร่ที่กำลังวุ่นวายในลานบ้าน ต่างหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด แล้วหมอบคลานลงกับพื้นต่อมาก็มีเสียงดังกึกก้อง แสดงความยินดีกับจวินจิ๋วอิ่นที่พาองค์ชายน้อยกลับจวนเนื่องจากไป๋ชวงยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงเรียกนางว่าแม่นางเท่านั้น“ยินดีกับท่านอ๋องที่ได้พาองค์ชายน้อยและแม่นางไป๋กลับจวน”นี่เป็นครั้งแรกที่ซวี่เป่าได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไป๋ซวงเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่จวินจิ๋วอิ่น ราวกับกำลังรอคำอธิบายพวกนางสองแม่ลูก ก็แค่มาส่งคนเท่านั้นเหตุใดถึงต้องเตรียมการใหญ่โตเช่นนี้จวินจิ๋วอิ่นยิ้มกระอักกระอ่วน จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น“ข้าแค่อยากให้พวกเจ้าสองแม่ลูกกินอิ่ม นอนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยไป ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้”เขาให้มู่ซือส่งข่าวไปที่จวน จริง ๆ แล้วก็แค่ต้องการต้อนรับไป๋ชวงกับบุตรชายอย่างดีเท่านั้นเมื่อมองดูผู้คนในจวน บรรยากาศก็เหมือนกับวันปีใหม่เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน!ไป๋ซวงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เพียงแต่ก้มลงมองซวี่เป่าที่ใบหน้าเ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 11

    จีหรงเดินมาหยุดตรงหน้าของไป๋ซวงด้วยสีหน้าร้อนรน มือทั้งสองข้างดึงมือของนางไว้อย่างแน่นหนา“ซวงเอ๋อร์ ข้าทำสิ่งใดไม่ดีหรือไม่? หรือว่าจิ๋วอิ่นทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ?”“หาไม่เพคะ เพียงแต่เมืองหลวงอันรุ่งเรืองนี้ ไม่เหมาะกับพวกเราสองแม่ลูก”จีหรงพลันรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำมองไปยังซวี่เป่า“แต่ว่า ข้าเพิ่งได้พบกับซวี่เป่า ยังมิทันได้ใกล้ชิดกับเขาเท่าใดเลย ข้าเฝ้ารอคอยมาหลายปีเพื่อจะได้พบหลาน ซวงเอ๋อร์จะยอมให้เวลาข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับซวี่เป่าอีกสักสองสามวันได้หรือไม่?”ขณะที่จีหรงกล่าวอยู่ ซวี่เป่าก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบงัน แล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆเมื่อซวี่เป่าเห็นน้ำตาคลอในดวงตาของเสด็จย่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองไป๋ซวงไป๋ซวงเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า พระสนมผู้เอกสูงศักดิ์จะทรงสุภาพและอ่อนโยนกับนางถึงเพียงนี้หากพระสนมแสดงความแข็งกร้าวหรือเข้มงวดกับนางสักหน่อยนางคงจะพาบุตรชายเดินจากไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยแต่ในตอนนี้ ความอ่อนโยนและความเมตตาของพระสนมจี รวมถึงดวงตาเล็ก ๆ ของซวี่เป่าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังไป๋ซวงมิอาจตัดสินใจเด็ดขาดได้อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ปกต

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 12

    ไป๋ซวงยกมุมปากขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างไม่แยแสจากนั้นค่อย ๆ โบกมือ พลางมองดูจวินหงคังที่ทำหน้าเย็นชาด้วยความสนใจเพียงชั่วพริบตา ลมจากฝ่ามืออันแข็งกร้าวก็ปะทะเข้ากับน้ำที่เย็นยะเยือกน้ำที่เย็นยะเหยือกดูดซับแรงลมฝ่ามือ แต่ก็ถูกแรงปะทะจนน้ำกระเซ็นไปทั่วทว่าละอองน้ำที่สาดกระจายออกไปนั้น ไม่ได้เปียกแม้แต่ชายกระโปรงของไป๋ซวงเลยแต่จวินหงคังที่ยืนอยู่ไม่ไกล กลับถูกละอองน้ำสาดซัดจนเปียกโชกไปทั้งร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีแม้แต่ส่วนใดที่ยังคงแห้งอยู่เลยภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กันจวินหงคังคือใครกัน?นั่นคือโอรสแท้ ๆของฮ่องเต้และฮองเฮา เป็นถึงองค์ชายสามผู้สูงศักดิ์ไม่เคยมีใครกล้ากระทำเช่นนี้กับจวินหงคังมาก่อน“บังอาจนัก! กล้าลงมือทำร้ายองค์ชายสาม ยังไม่รีบจับตัวนางอีก!”ซินฮุย ข้ารับใช้คนสนิทของจวินหงคังเอ่ยขึ้นก่อน แล้วสั่งบรรดาทหารองครักษ์ที่ติดตามมาไปจับตัวไป๋ซวงส่วนตัวเขาเองก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าบนตัวออกมา แล้วช่วยเช็ดน้ำบนใบหน้าของจวินหงคังอย่างลนลานจวินหงคังถูกเล่นงานเป็นครั้งแรก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สายต

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 13

    เมื่อรับรู้ถึงปฏิกิริยาของตนเอง จวินหงคังก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้นิ้วไปที่จวินจิ๋วอิ่นด้วยความโกรธแล้วโต้แย้ง“นางอ่อนโยนและใจดี? เจอข้าแล้วยังไม่แสดงความเคารพก็พอว่า แต่แค่โบกมือก็สังหารองครักษ์สิบคนของข้า โดยที่ไม่แม้แต่จะกะพริบตา! คนใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าน้องเก้าไปหามาจากที่ใดกัน!”ทันทีที่จวินหงคังพูดจบ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจโดยความจนใจเสียงอ่อนเยาว์นั้นเต็มไปด้วยความจนใจและความเศร้าใจ“เฮ้อ...”ซวี่เป่าก้าวไปข้างหน้าสองก้าวด้วยสายตาเศร้าหมอง มองดูจวินหงคังที่โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ“ท่านลุงลูกหมาตกน้ำ สตรีใจดำอำมหิตที่ท่านกล่าวถึงนั้น ใช่คนที่สวมชุดสีขาว งดงามราวกับเทพธิดาใช่หรือไม่?”“บังอาจนัก! เด็กไร้มารยาทจากที่ไหนกัน ถึงกล้าพูดกับข้าเช่นนี้?”จวินหงคังเพียงมองแค่แวบเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือเด็กที่เล่าลือว่าเป็นบุตรของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่า เขามีหน้าตาคล้ายกับจวินจิ๋วอินมากเหลือเกินจริง ๆเมื่อคิดถึงสตรีอำมหิตนางนั้น เขาย่อมไม่ทำสีหน้าดี ๆ อะไรให้กับเด็กนอกคอกคนนี้อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เด็กคนนี้ถึงกับกล้าบอกเขาว่าลูกหมาตกน้ำด้วยช่างเป็นเรื่องที่ไม่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 14

    ในยามดึกสงัด ไป๋ซวงกอดซวี่เป่าพลางพูดคุยอยู่เนิ่นนาน แต่ซวี่เป่าก็ไม่มีท่าทีง่วงนอนซวี่เป่าเล่าเรื่องราวสนุกสนานในวังหลวงให้นางฟังด้วยความตื่นเต้นดูออกว่าซวี่เป่าชื่นชอบท่านปู่กับท่านย่าที่เพิ่งได้พบกันเป็นอย่างมากหากมิใช่เพราะซวี่เป่ายืนกรานจะกลับมานอนกับนางให้ได้ เกรงว่าคืนนี้ซวี่เป่าคงไม่ได้กลับมาศีรษะน้อย ๆ ของซวี่เป่าหนุนแขนของไป๋ซวงไป๋ซวงมีรอยยิ้มที่หางตา นิ้วเรียวบางลูบไล้ท้องน้อยของเขาเบา ๆ“ซวี่เป่า ยังจำเรื่องการอยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือได้หรือไม่?”ฝ่ามือน้อย ๆ ของซวี่เป่าตบแขนของขอท่านแม่เบา ๆใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส เอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “อยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือ ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว”ซวี่เป่าพลิกตัว เอามือทั้งสองข้างเท้าคางพลางยิ้มมองท่านแม่“เรื่องที่ท่านแม่เล่าให้ซวี่เป่าฟังนั้น ซวี่เป่าจดจำไว้ในใจเสมอ ท่านแม่ ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่ ท่านย่า หรือว่าท่านพ่อ พวกเขาดีกับซวี่เป่า ดีกับท่านแม่ เป็นญาติใกล้ชิดของซวี่เป่า ซวี่เป่าย่อมเคารพรัก”ซวี่เป่ากล่าว ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึม ริมฝีปากเล็ก ๆ ก็เบะขึ้นมา“แต่ว่า หากพวกเขาทำไม่ดีกับท่านแม่หรือ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 15

    ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาคมกริบหันไปมองเฝิงหมัวมัวเสียงฝ่ามือที่ควรจะดังก้องกลับเงียบงัน สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเพียงเสียงร้องโหยหวนของเฝิงหมัวมัวที่ดังขึ้นแทนเพราะว่า ฝ่ามือที่นางยกขึ้นมาเมื่อครู่นี้ เมื่อสบกับสายตาของไป๋ซวงในชั่วพริบตานั้นกลับถูกแช่เย็นจนกลายเป็นน้ำแข็ง!ถึงขนาดที่ทั่วทั้งแขนเริ่มเย็นยะเยือกจนหนาวสะท้านถึงกระดูกร่างกายครึ่งซีกก็เริ่มแข็งทื่อช้า ๆ“บังอาจนัก กล้าลงมือทำร้ายคนในตำหนักเฟิ่งหลิน ใครก็ได้ จับตัวนางให้ข้า”เสียงที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามดังเข้ามา เจียงเถียนค่อย ๆ เดินเข้ามาท่ามกลางผู้คนที่ล้อมรอบนางเห็นเฝิงหมัวมัวที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแล้ว นึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจที่บุตรชายได้รับเมื่อวานทันใดนั้น โทสะในใจก็ยิ่งลุกโชนขึ้น“กล้าฆ่านางกำนันของข้า ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”ขณะที่พูด เจียงเถียนก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแค้นทันใดนั้น เหล่าทหารองครักษ์ที่ประจำการอยู่ในตำหนักเฟิ่งหลินต่างชักอาวุธและกระโจนออกมาทหารแต่ละคนมีพลังวิญญาณพลันพุ่งทะลักออกมา ดูน่าเกรงขามไม่หยุดไป๋ซวงมองเหล่าองครักษ์ที่ล้อมตัวนางไว้ มุมปากยกขึ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 16  

    ซวี่เป่าซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจวินฉงอย่างว่าง่าย ในมือยังอุ้มกล่องอาหารที่เตรียมไว้ให้ท่านแม่ เมื่อจวินฉงเห็นภาพสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วตำหนัก ซากศพและเศษอวัยวะที่เกลื่อนเต็มพื้น เขาหันสายตาไปมองสตรีที่จวินจิ๋วอิ่นปกป้องอยู่ในอ้อมกอด สูงโปร่งอรชร รูปโฉมเจิดจรัส แววตาเยียบเย็นราวมิใช่ปุถุชน เปล่งความน่าเกรงขามที่ทำให้คนยากจะเข้าใกล้ ในมือของนางยังกุมกระบี่เสินอิ่นที่เปล่งรัศมีสีทองแวววาว เสียงกระบี่ยังคงกระเพื่อม กังวานอยู่ในอากาศอย่างแผ่วเบา เมื่อเจียงเถียนเห็นจวินฉงมาแล้ว ก็รีบร้องไห้มาที่เบื้องหน้าของเขา จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ “ฝ่าบาท ต้องทรงให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ แม่นางน้อยผู้นี้ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ถึงกับทำการเข่นฆ่าในตำหนักเฟิ่งหลิน ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยเพคะ!” เจียงเถียนร้องไห้กระซิกกระซิก หยาดน้ำตาพรมหน้าดั่งดอกสาลี่ในสายฝน ทำให้ผู้บนเห็นเกิดความสงสาร โดยเฉพาะกระโปรงที่เปรอะเปื้อนเลือดตัวนั้น ยังมีรอยเลือดที่หลงเหลืออยู่บนแก้ม ยิ่งทำให้นางดูเปราะบางช่วยตนเองไม่ได้ ทั้งน้อยใจ ทั้ง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 17  

    ในตำหนักของจีหรง มีห้องครัวเล็กอยู่ ในเวลานี้ ซวี่เป่ากำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวเล็ก บริเวณหน้าเตา จวินจิ๋วอิ่นกำลังหาเก้าอี้ม้านั่งตัวเล็ก ๆ มาให้เขาอย่างคุ้นชิน ซวี่เป่าเหยียบอยู่บนม้านั่งไม้ตัวน้อย ด้านหนึ่งตวัดกระบวยขนาดใหญ่ อีกด้านก็เติมเครื่องปรุงชนิดต่างๆ ลงไปไม่หยุด ท่าทางที่แสนชำนาญนั่น ทำให้จวินฉงและจีหรงปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจ “ซวี่เป่าทำอาหารเป็นจริง ๆ หรือ?” จีหรงแอบสะกิดแขนของจวินจิ๋วอิ่นอย่างอดไม่ได้ จวินจิ๋วอิ่นพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจเป็นที่สุด และกล่าวชมอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อยประโยคหนึ่งว่า “รสชาติยอดเยี่ยมเป็นที่สุดด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของจีหรงพลันเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมแล้ว จวินจิ๋วอิ่นเป็นคนที่พิถีพิถันอย่างมาก จะให้เขาชมว่ารสชาติเลิศล้ำได้ เทียบกับการขึ้นสวรรค์แล้วยังยากกว่าเสียอีก เดิมจีหรงยังคิดในใจว่า คำชมนี้น่าจะมาจากการที่จวินจิ๋วอิ่นหลงลูกมากเกินไป แต่เมื่อกลิ่นหอมนั่นลอยมา นางก็รู้ว่าตนเองผิดไปแล้ว กลิ่นหอมที่เย้ายวนนั่น แม้แต่จวินฉงก็ยังต้องแอบกลืนน้ำลาย เมื่ออาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อย จวินฉงและจีหรงพลันไม่สนใจสิ่งอื่

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status