แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: ซูเหยียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-05 14:57:54
จวินจิ๋วอิ่นสะบัดมือ พัดคลี่อันงดงามที่เปล่งประกายความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

พัดคลี่หมุนอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากพัดคลี่ของเขา

ลำแสงหนาแน่น พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีช่องว่าง

คนชุดดำที่พุ่งตัวขึ้นฟ้า จำต้องหลบหลีกอย่างรวดเร็ว

ลำแสงที่ดูธรรมดา ๆ นั้น กลับมีความคมกริบมากจนสามารถตัดเหล็กราวกับตัดโคลน

แม้แต่ต้นไม้ใหญ่รอบข้าง หลังจากที่ถูกความเย็นเยียบกวาดผ่าน ก็หักโค่นลงราวกับถูกดาบฟัน

มือสังหารชุดดำคนหนึ่งย่องเข้ามาทางด้านหลังของจวินจิ๋วอิ่นอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับง้างธนูในมือเล็งไปที่เป้าหมาย

ในชั่วพริบตา ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกก็พุ่งทะลุอากาศเข้าโจมตี

จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกถึงคลื่นพลังวิญญาณที่ส่งมาจากด้านหลัง จึงพลิกตัวกลับหลังอย่างรวดเร็ว

จากนั้น ก็สะบัดพัดคลี่โบกจากบนลงล่าง

แสงสีทองอันเย็นเยียบพลันแปรเปลี่ยนเป็นโล่สีทอง!

เสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้น ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกพุ่งเข้าปะทะกับโล่สีทองพร้อมกัน

มือสังหารชุดดำเห็นดังนั้น ก็เปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง

ลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นจากทุกทิศทาง

มือสังหารคนอื่น ๆ ต่างใช้อาวุธลับของตัวเองเช่นกัน

แส้บิน ดาวกระจาย กระบี่ ต่างประสานกัน

โจมตีไปมา เจ้าแทงข้าปัด!

จวินจิ๋วอิ่นเห็นว่าพวกเขาใช้อาวุธลับกันจนเกือบหมดแล้ว จึงแค่นเสียงเย็นชา พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม

“วังเงาปีศาจ ก็แค่นี้เอง!”

เขาแค่อยากดูว่า มือสังหารเงาปีศาจที่ทำให้ผู้คนในยุทธภพหวาดกลัวนั้น จะมีฝีมือเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ก็แค่ชื่อเสียงเกินจริงเท่านั้น

และมือสังหารของวังเงาปีศาจก็คิดไม่ถึงเลยว่า แค่องค์ชายคนหนึ่ง

จะฝึกปรือพลังวิญญาณได้ถึงระดับสูงเช่นนี้

พวกเขาประมาทศัตรูเกินไป ไม่ควรส่งมาแค่หกคน

เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถสังหารจวินจิ๋วอิ่นได้

“ถอย!”

เสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ก็จนปัญญาดังขึ้น

ทันใดนั้น คนชุดดำก็หยุดโจมตี หันหลังกลับแล้วเตรียมตัวหลบหนี

วันนี้พวกเขาสังหารจวินจิ๋วอิ่นไม่ได้ ต้องรีบกลับไปรายงานเจ้าสำนักทราบ

พวกเขาประเมินความสามารถของจวินจิ๋วอิ่นต่ำไป!

แต่ว่า จวินจิ๋วอิ่นไม่อยากปล่อยพวกเขาไป

“จะถอยไปไหน? พวกเจ้าคิดว่าหากคิดจะสังหารข้าแล้ว จะหนีไปได้งั้นหรือ?”

จวินจิ๋วอิ่นพูดจบ ก็สะบัดพัดคลี่อีกครั้ง

พัดคลี่ในมือเขา หมุนอย่างรวดเร็ว

ราวกับลูกข่าง ในขณะที่หมุน ก็มีแสงสีทองอันเย็นเยียบนับไม่ถ้วน พุ่งโจมตีกลุ่มมือสังหารชุดดำ

เหมือนกับดอกไม้ไฟที่กำลังเบ่งบานโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง

ทุกที่ที่ลำแสงเย็นเยียบพุ่งผ่าน ต้นไม้หักโค่นและหินแตกกระจาย ฝุ่นตลบอบอวล

และเหล่ามือสังหารชุดดำ กลับไม่ทันได้หลบ หรืออาจจะหลบไม่พ้นเลย

ทุกคนล้วนถูกลำแสงเย็นเยียบตัดร่างเป็นชิ้น ๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน

ขณะเดียวกันก็มีเงาร่างคุ้นเคยสองสามร่างพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“คารวะท่านอ๋อง ข้าน้อยมารับท่านอ๋องกลับวัง”

คนที่มาคือมู่ซือและเหลิ่งเย่ องครักษ์เงาของจวินจิ๋วอิ่น

จวินจิ๋วอิ่นหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าช้า ๆ

ขณะที่กำลังจะหันหลังจากไป ก็รู้สึกถึงคลื่นพลังวิญญาณอีกครั้ง

มู่ซือและเหลิ่งเย่เข้าสู่ท่าสภาพพร้อมรบในทันที ยืนขนาบข้างจวินจิ๋วอิ่นซ้ายขวาเพื่อคุ้มกัน

“ปล่อยท่านพ่อของข้า!”

เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้น มู่ซือและเหลิ่งเย่พลันรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลพุ่งโจมตีเข้ามา

พวกเขารีบสร้างเกราะป้องกันขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงฝืนรับฝ่ามือนี้ไว้ได้

“ท่านอ๋อง พลังวิญญาณของผู้มาเยือนแข็งแกร่งยิ่ง ท่านอ๋องโปรดไปกับมู่ซือก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

เหลิ่งเย่กล่าวพลางก้าวไปข้างหน้า ตั้งใจจะเข้าขัดขวางคนผู้นั้นไว้

ในชั่วพริบตาที่จวินจิ๋วอิ่นได้ยินเสียงนั้น พลังที่เหมือนกับหนามแหลมคมรอบตัวเขาก็พลันอ่อนลง

ทั่วทั้งร่างกายของเขา ราวกับกำลังจมอยู่ในมหาสมุทรที่อ่อนโยน

ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับดวงดาวที่เต็มไปด้วยความหวัง

ไม่สนใจมู่ซือและเหลิ่งเย่ รีบสาวเท้าไปข้างหน้าสองก้าว

ทันใดนั้นเอง ไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ

จวินจิ๋วอิ่นก็ถูกมือเล็ก ๆ ข้างหนึ่ง ดึงไปอยู่ข้างหลังของซวี่เป่า

เขาปลดปล่อยพลัง ทั่วทั้งร่างกายแผ่รังสีอำมหิต

อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด บนพื้นเต็มไปด้วยศพของคนชุดดำ

ที่นี่เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มาอย่างแน่นอน

บาดแผลของท่านพ่อ ยังไม่หายดีเลยนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าของซวี่เป่าก็มืดมนอย่างมาก

เหมือนกับสัตว์ร้ายที่ลูกน้อยของมันได้รับบาดเจ็บ ทั่วทั้งร่างกายแผ่รังสีอำมหิตออกมา

“ซวี่เป่า เจ้ามาได้อย่างไร?”

จวินจิ๋วอิ่นย่อตัวลงด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและโกรธเกรี้ยวของซวี่เป่า นัยน์ตาผุดหมอกบาง ๆ ขึ้นมาหนึ่งชั้น

ความรู้สึกที่มีบุตรชายปกป้องช่างดีจริง ๆ

“แผลเก่าของท่านพ่อยังไม่หายดี ซวี่เป่ามาคุ้มครองส่งท่านพ่อกลับไป”

ซวี่เป่าตอบกลับพลางจ้องมองมู่ซือและเหลิ่งเย่ที่ยืนตกตะลึงไปตั้งนานแล้วด้วยความโกรธเกรี้ยว

ท่านอ๋องมีลูกตั้งแต่เมื่อไรกัน?

เขาไม่ใช่คนที่ไม่แตะต้องแม้แต่สตรีหรอกหรือ?

ปกติแล้ว สตรีที่คิดจะแตะต้องเขา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด

ก็จะถูกทำร้าย ถูกตีจนพิการก็มีไม่น้อย

หรือถูกตีตายไปเลยก็มี

เหตุใดพวกเขาถึงไม่รู้ว่าท่านอ๋องแอบมีภรรยาตั้งแต่เมื่อไร?

แม้แต่บุตรชายก็โตขนาดนี้แล้ว?

จวินจิ๋วอิ่นเอื้อมมือแล้วค่อย ๆ อุ้มซวี่เป่าขึ้นมา ปลอบอย่างอ่อนโยน

“ซวี่เป่าไม่ต้องห่วง พวกเขาสองคนเป็นคนของพ่อ เมื่อครู่นี้พวกเขากำลังปกป้องพ่ออยู่”

จวินจิ๋วอิ่นพูดจบ ก็เหลือบมองทั้งสองคนด้วยสายตาเยือกเย็น

ทั้งสองคนติดตามจวินจิ๋วอิ่นมานานหลายปี ย่อมเข้าใจความหมายของสายตานั้น

ดังนั้น จึงรีบคารวะพลางเอ่ยขึ้น

“ข้าน้อยมู่ซือ คารวะองค์...องค์ชายน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าน้อยเหลิ่งเย่ คารวะองค์...องค์...องค์ชายน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

คำว่าองค์ชายน้อยสามคำ พวกเขาไม่เคยเรียกมาก่อน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจมากเกินไป หรือว่าตื่นเต้น พวกเขาจึงพูดติดอ่างเล็กน้อย

จวินจิ๋วอิ่นขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“หลังจากกลับไปแล้ว ก็รับโทษเสีย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

มู่ซือและเหลิ่งเย่สบตากัน จากนั้นรีบก้มศีรษะตอบรับ

เมื่อเห็นว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน ซวี่เป่าจึงลดความระแวดระวังทั้งหมดลง

ดวงตาเล็ก ๆ ที่กลมโตมองท่านพ่อด้วยความเป็นห่วง

นิ้วมือเล็ก ๆ แตะที่ข้อมือของเขาเบา ๆ

“ท่านพ่อรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”

“ร่างกายไม่เป็นไร เพียงแต่ในใจคิดถึงซวี่เป่าและท่านแม่ของเจ้า”

จวินจิ๋วอิ่นมองซวี่เป่าด้วยสายตาอ่อนโยน ความอ่อนโยนในดวงตาแทบจะเอ่อล้นออกมาแล้ว

มู่ซือและเหลิ่งเย่เห็นแล้วก็รู้สึกหนาวเย็นไปจนถึงกระดูกสันหลัง หากมิใช่เพราะเห็นพัดเฉียนคุนที่อยู่ในมือ

พวกเขาคงจะสงสัยว่า ท่านอ๋องถูกสลับตัวไปแล้วหรือไม่?

พวกเขาเคยเห็นท่านอ๋องที่อ่อนโยนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“ฮึ คิดถึงซวี่เป่าแล้วยังแอบหนีไปอีก?”

ซวี่เป่าตรวจชีพจร หลังจากที่รู้ว่าท่านพ่อไม่เป็นอะไร จึงเบะปาก แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ

จวินจิ๋วอิ่นลูบหน้าผากของเขาเบา ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างจนปัญญา

“พ่อกลัวว่าจะนำอันตรายมาให้พวกเจ้า พวกเจ้าเคยชินกับชีวิตที่สงบสุขแล้ว พ่อไม่อยากให้พวกเจ้าเข้ามาพัวพันกับการต่อสู้แย่งชิงที่นองเลือดเช่นนี้”

“ท่านพ่ออย่าดูถูกซวี่เป่านะ!”

ซวี่เป่ายื่นมือเล็ก ๆ ของตัวเองออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ บนนั้นมีรากวิญญาณธาตุดินและธาตุไม้ตั้งตระหง่านอยู่

มู่ซือและเหลิ่งเย่ที่อยู่ไม่ไกล ถึงกับแข็งเป็นหินอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง!

ท่านอ๋องเป็นอัจฉริยะที่ฝืนชะตาฟ้าลิขิตก็พอแล้ว เหตุใดองค์ชายน้อยถึงได้ฝืนชะตาฟ้าลิขิตเช่นนี้

พวกเขาฝึกฝนมาเนิ่นนานเพียงใด ได้รับการชี้แนะและช่วยเหลือจากท่านอ๋อง จึงมีรากวิญญาณสองสายได้อย่างยากลำบาก

แต่เด็กน้อยที่นุ่มนิ่มและน่ารักที่อยู่ตรงหน้านี้ กลับมีรากวิญญาณสองสายเช่นกัน?

ดวงตาของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“พ่อรู้ว่าซวี่เป่าเก่งที่สุด! ซวี่เป่าออกจากเขาหลิงอิ่น ได้บอกท่านแม่ของเจ้าแล้วหรือยัง?”

เขารู้ว่าหากไป๋ซวงรู้ คงไม่ยอมให้ซวี่เป่าออกจากภูเขามาแน่

แต่ไม่คิดเลยว่า ซวี่เป่าจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ท่านแม่รู้ พวกเราเดินทางเร็วหน่อยเถิด ซวี่เป่าส่งท่านพ่อกลับบ้านแล้ว ก็ต้องกลับไปหาท่านแม่ ซวี่เป่าเตรียมอาหารไว้ให้ท่านแม่แค่เจ็ดวัน ถ้ากลับไปช้า ท่านแม่จะต้องหิวแน่ ๆ ”

ทันใดนั้น น้ำเสียงที่ทั้งโมโหทั้งกลัดกลุ้มก็ดังขึ้นมา

“รู้ว่าแม่จะหิว แล้วเจ้ายังตัดใจจากไปอีกหรือ?”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 9

    เมื่อซวี่เป่าได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันฉายแววไม่สบายใจขึ้นมาตึก ๆ ๆ รีบลงมาจากตัวท่านพ่อ จากนั้นทำท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนกับเด็กที่ทำผิด“ท่านแม่...”น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น ซวี่เป่ามองสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกผิดสตรีในชุดขาวเดินมาจากป่าลึก!บนร่างกายของนางเปล่งประกายแสงสว่างจาง ๆ ใบหน้างดงาม ปรากฏให้เห็นอยู่รำไรก้าวเดินราวกับมีลมพัดใต้เท้า เสื้อผ้าปลิวไสวราวกับเทพธิดาจากป่าลึก ที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์สมองของมู่ซือและเหลิ่งเย่ไม่พอใช้แล้วเพียงจ้องมองสตรีผู้ราวกับเทพเซียนลงมาจุติบนโลกอย่างเหม่อลอย ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนี่คือสตรีที่ท่านอ๋องแอบซ่อนเอาไว้หรือ?ไป๋ซวงเหลือบมองมู่ซือและเหลิ่งเย่ด้วยสายตาเย็นชาเมื่อหันไปมองจวินจิ๋วอิ่น สายตาของนางก็ยิ่งเย็นชาขึ้น“ในเมื่อคนที่มารับพ่อของเจ้ามาแล้ว ซวี่เป่ากลับภูเขากับแม่ได้แล้วสินะ!”“ท่านแม่...”ซวี่เป่าก้าวขาเล็ก ๆ อย่างยากลำบาก แล้วค่อย ๆ เข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ท่านแม่ ท่านดูองครักษ์สองคนของท่านพ่อสิ อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่าบนภูเขาเลย ซวี่เป่าไม่วางใจที่จะให้ท่านพ่อไปกับพวกเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 10

    บ่าวไพร่ที่กำลังวุ่นวายในลานบ้าน ต่างหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด แล้วหมอบคลานลงกับพื้นต่อมาก็มีเสียงดังกึกก้อง แสดงความยินดีกับจวินจิ๋วอิ่นที่พาองค์ชายน้อยกลับจวนเนื่องจากไป๋ชวงยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงเรียกนางว่าแม่นางเท่านั้น“ยินดีกับท่านอ๋องที่ได้พาองค์ชายน้อยและแม่นางไป๋กลับจวน”นี่เป็นครั้งแรกที่ซวี่เป่าได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไป๋ซวงเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่จวินจิ๋วอิ่น ราวกับกำลังรอคำอธิบายพวกนางสองแม่ลูก ก็แค่มาส่งคนเท่านั้นเหตุใดถึงต้องเตรียมการใหญ่โตเช่นนี้จวินจิ๋วอิ่นยิ้มกระอักกระอ่วน จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น“ข้าแค่อยากให้พวกเจ้าสองแม่ลูกกินอิ่ม นอนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยไป ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้”เขาให้มู่ซือส่งข่าวไปที่จวน จริง ๆ แล้วก็แค่ต้องการต้อนรับไป๋ชวงกับบุตรชายอย่างดีเท่านั้นเมื่อมองดูผู้คนในจวน บรรยากาศก็เหมือนกับวันปีใหม่เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน!ไป๋ซวงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เพียงแต่ก้มลงมองซวี่เป่าที่ใบหน้าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 11

    จีหรงเดินมาหยุดตรงหน้าของไป๋ซวงด้วยสีหน้าร้อนรน มือทั้งสองข้างดึงมือของนางไว้อย่างแน่นหนา“ซวงเอ๋อร์ ข้าทำสิ่งใดไม่ดีหรือไม่? หรือว่าจิ๋วอิ่นทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ?”“หาไม่เพคะ เพียงแต่เมืองหลวงอันรุ่งเรืองนี้ ไม่เหมาะกับพวกเราสองแม่ลูก”จีหรงพลันรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำมองไปยังซวี่เป่า“แต่ว่า ข้าเพิ่งได้พบกับซวี่เป่า ยังมิทันได้ใกล้ชิดกับเขาเท่าใดเลย ข้าเฝ้ารอคอยมาหลายปีเพื่อจะได้พบหลาน ซวงเอ๋อร์จะยอมให้เวลาข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับซวี่เป่าอีกสักสองสามวันได้หรือไม่?”ขณะที่จีหรงกล่าวอยู่ ซวี่เป่าก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบงัน แล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆเมื่อซวี่เป่าเห็นน้ำตาคลอในดวงตาของเสด็จย่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองไป๋ซวงไป๋ซวงเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า พระสนมผู้เอกสูงศักดิ์จะทรงสุภาพและอ่อนโยนกับนางถึงเพียงนี้หากพระสนมแสดงความแข็งกร้าวหรือเข้มงวดกับนางสักหน่อยนางคงจะพาบุตรชายเดินจากไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยแต่ในตอนนี้ ความอ่อนโยนและความเมตตาของพระสนมจี รวมถึงดวงตาเล็ก ๆ ของซวี่เป่าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังไป๋ซวงมิอาจตัดสินใจเด็ดขาดได้อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ปกต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 12

    ไป๋ซวงยกมุมปากขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างไม่แยแสจากนั้นค่อย ๆ โบกมือ พลางมองดูจวินหงคังที่ทำหน้าเย็นชาด้วยความสนใจเพียงชั่วพริบตา ลมจากฝ่ามืออันแข็งกร้าวก็ปะทะเข้ากับน้ำที่เย็นยะเยือกน้ำที่เย็นยะเหยือกดูดซับแรงลมฝ่ามือ แต่ก็ถูกแรงปะทะจนน้ำกระเซ็นไปทั่วทว่าละอองน้ำที่สาดกระจายออกไปนั้น ไม่ได้เปียกแม้แต่ชายกระโปรงของไป๋ซวงเลยแต่จวินหงคังที่ยืนอยู่ไม่ไกล กลับถูกละอองน้ำสาดซัดจนเปียกโชกไปทั้งร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีแม้แต่ส่วนใดที่ยังคงแห้งอยู่เลยภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กันจวินหงคังคือใครกัน?นั่นคือโอรสแท้ ๆของฮ่องเต้และฮองเฮา เป็นถึงองค์ชายสามผู้สูงศักดิ์ไม่เคยมีใครกล้ากระทำเช่นนี้กับจวินหงคังมาก่อน“บังอาจนัก! กล้าลงมือทำร้ายองค์ชายสาม ยังไม่รีบจับตัวนางอีก!”ซินฮุย ข้ารับใช้คนสนิทของจวินหงคังเอ่ยขึ้นก่อน แล้วสั่งบรรดาทหารองครักษ์ที่ติดตามมาไปจับตัวไป๋ซวงส่วนตัวเขาเองก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าบนตัวออกมา แล้วช่วยเช็ดน้ำบนใบหน้าของจวินหงคังอย่างลนลานจวินหงคังถูกเล่นงานเป็นครั้งแรก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สายต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 13

    เมื่อรับรู้ถึงปฏิกิริยาของตนเอง จวินหงคังก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้นิ้วไปที่จวินจิ๋วอิ่นด้วยความโกรธแล้วโต้แย้ง“นางอ่อนโยนและใจดี? เจอข้าแล้วยังไม่แสดงความเคารพก็พอว่า แต่แค่โบกมือก็สังหารองครักษ์สิบคนของข้า โดยที่ไม่แม้แต่จะกะพริบตา! คนใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าน้องเก้าไปหามาจากที่ใดกัน!”ทันทีที่จวินหงคังพูดจบ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจโดยความจนใจเสียงอ่อนเยาว์นั้นเต็มไปด้วยความจนใจและความเศร้าใจ“เฮ้อ...”ซวี่เป่าก้าวไปข้างหน้าสองก้าวด้วยสายตาเศร้าหมอง มองดูจวินหงคังที่โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ“ท่านลุงลูกหมาตกน้ำ สตรีใจดำอำมหิตที่ท่านกล่าวถึงนั้น ใช่คนที่สวมชุดสีขาว งดงามราวกับเทพธิดาใช่หรือไม่?”“บังอาจนัก! เด็กไร้มารยาทจากที่ไหนกัน ถึงกล้าพูดกับข้าเช่นนี้?”จวินหงคังเพียงมองแค่แวบเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือเด็กที่เล่าลือว่าเป็นบุตรของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่า เขามีหน้าตาคล้ายกับจวินจิ๋วอินมากเหลือเกินจริง ๆเมื่อคิดถึงสตรีอำมหิตนางนั้น เขาย่อมไม่ทำสีหน้าดี ๆ อะไรให้กับเด็กนอกคอกคนนี้อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เด็กคนนี้ถึงกับกล้าบอกเขาว่าลูกหมาตกน้ำด้วยช่างเป็นเรื่องที่ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 14

    ในยามดึกสงัด ไป๋ซวงกอดซวี่เป่าพลางพูดคุยอยู่เนิ่นนาน แต่ซวี่เป่าก็ไม่มีท่าทีง่วงนอนซวี่เป่าเล่าเรื่องราวสนุกสนานในวังหลวงให้นางฟังด้วยความตื่นเต้นดูออกว่าซวี่เป่าชื่นชอบท่านปู่กับท่านย่าที่เพิ่งได้พบกันเป็นอย่างมากหากมิใช่เพราะซวี่เป่ายืนกรานจะกลับมานอนกับนางให้ได้ เกรงว่าคืนนี้ซวี่เป่าคงไม่ได้กลับมาศีรษะน้อย ๆ ของซวี่เป่าหนุนแขนของไป๋ซวงไป๋ซวงมีรอยยิ้มที่หางตา นิ้วเรียวบางลูบไล้ท้องน้อยของเขาเบา ๆ“ซวี่เป่า ยังจำเรื่องการอยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือได้หรือไม่?”ฝ่ามือน้อย ๆ ของซวี่เป่าตบแขนของขอท่านแม่เบา ๆใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส เอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “อยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือ ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว”ซวี่เป่าพลิกตัว เอามือทั้งสองข้างเท้าคางพลางยิ้มมองท่านแม่“เรื่องที่ท่านแม่เล่าให้ซวี่เป่าฟังนั้น ซวี่เป่าจดจำไว้ในใจเสมอ ท่านแม่ ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่ ท่านย่า หรือว่าท่านพ่อ พวกเขาดีกับซวี่เป่า ดีกับท่านแม่ เป็นญาติใกล้ชิดของซวี่เป่า ซวี่เป่าย่อมเคารพรัก”ซวี่เป่ากล่าว ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึม ริมฝีปากเล็ก ๆ ก็เบะขึ้นมา“แต่ว่า หากพวกเขาทำไม่ดีกับท่านแม่หรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 15

    ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาคมกริบหันไปมองเฝิงหมัวมัวเสียงฝ่ามือที่ควรจะดังก้องกลับเงียบงัน สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเพียงเสียงร้องโหยหวนของเฝิงหมัวมัวที่ดังขึ้นแทนเพราะว่า ฝ่ามือที่นางยกขึ้นมาเมื่อครู่นี้ เมื่อสบกับสายตาของไป๋ซวงในชั่วพริบตานั้นกลับถูกแช่เย็นจนกลายเป็นน้ำแข็ง!ถึงขนาดที่ทั่วทั้งแขนเริ่มเย็นยะเยือกจนหนาวสะท้านถึงกระดูกร่างกายครึ่งซีกก็เริ่มแข็งทื่อช้า ๆ“บังอาจนัก กล้าลงมือทำร้ายคนในตำหนักเฟิ่งหลิน ใครก็ได้ จับตัวนางให้ข้า”เสียงที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามดังเข้ามา เจียงเถียนค่อย ๆ เดินเข้ามาท่ามกลางผู้คนที่ล้อมรอบนางเห็นเฝิงหมัวมัวที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแล้ว นึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจที่บุตรชายได้รับเมื่อวานทันใดนั้น โทสะในใจก็ยิ่งลุกโชนขึ้น“กล้าฆ่านางกำนันของข้า ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”ขณะที่พูด เจียงเถียนก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแค้นทันใดนั้น เหล่าทหารองครักษ์ที่ประจำการอยู่ในตำหนักเฟิ่งหลินต่างชักอาวุธและกระโจนออกมาทหารแต่ละคนมีพลังวิญญาณพลันพุ่งทะลักออกมา ดูน่าเกรงขามไม่หยุดไป๋ซวงมองเหล่าองครักษ์ที่ล้อมตัวนางไว้ มุมปากยกขึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 16  

    ซวี่เป่าซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจวินฉงอย่างว่าง่าย ในมือยังอุ้มกล่องอาหารที่เตรียมไว้ให้ท่านแม่ เมื่อจวินฉงเห็นภาพสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วตำหนัก ซากศพและเศษอวัยวะที่เกลื่อนเต็มพื้น เขาหันสายตาไปมองสตรีที่จวินจิ๋วอิ่นปกป้องอยู่ในอ้อมกอด สูงโปร่งอรชร รูปโฉมเจิดจรัส แววตาเยียบเย็นราวมิใช่ปุถุชน เปล่งความน่าเกรงขามที่ทำให้คนยากจะเข้าใกล้ ในมือของนางยังกุมกระบี่เสินอิ่นที่เปล่งรัศมีสีทองแวววาว เสียงกระบี่ยังคงกระเพื่อม กังวานอยู่ในอากาศอย่างแผ่วเบา เมื่อเจียงเถียนเห็นจวินฉงมาแล้ว ก็รีบร้องไห้มาที่เบื้องหน้าของเขา จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ “ฝ่าบาท ต้องทรงให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ แม่นางน้อยผู้นี้ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ถึงกับทำการเข่นฆ่าในตำหนักเฟิ่งหลิน ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยเพคะ!” เจียงเถียนร้องไห้กระซิกกระซิก หยาดน้ำตาพรมหน้าดั่งดอกสาลี่ในสายฝน ทำให้ผู้บนเห็นเกิดความสงสาร โดยเฉพาะกระโปรงที่เปรอะเปื้อนเลือดตัวนั้น ยังมีรอยเลือดที่หลงเหลืออยู่บนแก้ม ยิ่งทำให้นางดูเปราะบางช่วยตนเองไม่ได้ ทั้งน้อยใจ ทั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05

บทล่าสุด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 80

    รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 79

    ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 78

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 77

    “พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 76

    ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 75

    “รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 74

    “เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 73

    จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 72

    พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ

DMCA.com Protection Status