แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: ซูเหยียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-05 14:57:54
กรงแห่งสวรรค์และปฐพี เป็นท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของพลังวิญญาณธาตุทอง

ใช้สวรรค์และปฐพีเป็นจุดค้ำยัน คนที่อยู่ภายในกรงเหล็กล้วนไม่ต่างอะไรกับปลาบนเขียง

ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตไปจากกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้!

ดังนั้น เย่หลิ่นถึงได้ใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อที่จะสังหารในคราเดียว

กำจัดภัยอันตรายอย่างไป๋ซวงให้สิ้นซาก!

แต่น่าเสียดาย ไป๋ซวงไม่ได้เป็นไปตามที่เขาต้องการ

ขณะที่กรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังจะปิดลง

ก็เห็นว่าไป๋ซวงกำลังจะถูกกรงแห่งสวรรค์และปฐพีบดขยี้จนกลายเป็นกองเลือด

ทันใดนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีที่กำลังจะปิดลง จู่ ๆ ก็สั่นไหวสองสามครั้งโดยที่ไม่อาจควบคุมได้

จากนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีก็เปลี่ยนทิศทาง

ราวกับคนที่มีจิตวิญญาณ ก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวใหญ่

ครอบคลุมเย่หลิ่นที่ยังคงตกตะลึงไว้ภายในนั้น

และสตรีที่เกือบจะถูกกลืนกินเมื่อครู่นี้ ก็กำลังขยับนิ้วกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

เข็มทิศที่ไร้ลักษณ์นั้น สามารถควบคุมกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้สำเร็จ!

เป็นไปได้อย่างไร!

เย่หลิ่นไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นกรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังหดตัวลงเรื่อย ๆ

เขาก็ไม่มีเวลาคิด รีบหมุนเข็มทิศอย่างรวดเร็วโดยสัญชาตญาณ

ทว่าเข็มทิศที่เขาอุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจดัดแปลงขึ้นมานั้น กลับใช้การไม่ได้แล้ว

กรงแห่งสวรรค์และปฐพีที่เขาเพิ่งสร้างขึ้น กลับถูกไป๋ซวงควบคุมอย่างสมบูรณ์

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

เย่หลิ่นตะโกนอย่างบ้าคลั่ง รวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดของตนเอง ต่อต้านกรงแห่งสวรรค์และปฐพี

“คนที่กำลังจะตาย ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ”

ไป๋ซวงวาดเส้นสุดท้ายกลางอากาศ

จากนั้นก็ค่อย ๆ เข้าไปใกล้พร้อมกับท่าทางหยิ่งยโส

ลมพายุรอบ ๆ พัดชายกระโปรงและเส้นผมของนางขึ้น

แต่ก็ไม่อาจปกปิดสายตาอันเฉียบคมและความน่าเกรงขามที่แผ่ไปทั่วหล้าของนางได้

หนามดินที่แหลมคม แทงทะลุร่างของคนชุดดำส่วนใหญ่ไปแล้ว

ส่วนที่เหลือ ดูเหมือนจะหาวิธีรับมือกับหนามดินแหลมคมได้แล้ว

ถือว่าปลอดภัยชั่วคราว

เมื่อไป๋ซวงเห็นดังนั้น มุมปากก็เผยรอยยิ้มดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย

ปลอดภัย?

นางจะปล่อยให้พวกเขาปลอดภัยได้อย่างไร?

ดังนั้น ราวกับในชั่วพริบตา

หนามดินแหลมคมก็หายวับไปในทันที และถูกแทนที่ด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน

ราวกับสัตว์ร้ายที่สูญเสียการควบคุม อ้าปากกว้างที่ดูน่ากลัว ล้อมคนชุดดำที่เหลืออยู่ทั้งหมดเอาไว้ภายใน

ด้วยแรงลมที่โหมกระหน่ำ เปลวเพลิงยิ่งลุกโชนมากขึ้นเรื่อยๆ

คนชุดดำที่ถูกล้อมเอาไว้ ราวกับกลายเป็นเนื้อย่างในกระทะน้ำมัน

พวกเขาถึงขนาดมองเห็นควันไฟที่ลอยขึ้นมาจากร่างกายของตนเองได้

พวกเขาไม่สามารถสนใจอะไรได้มากนัก ได้แต่พุ่งตัวออกจากเกราะป้องกัน ทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะฝ่าวงล้อมของพายุเพลิงของไป๋ซวงออกไป

ทว่า ร่างของพวกเขาเพิ่งจะฝ่าวงล้อมของพายุเพลิงออกมาได้

กลับไม่ทันตั้งตัว ถูกหนามดินแหลมคมผุดขึ้นมาจากพื้นและแทงทะลุ

คนชุดดำทั้งหมด ถูกตรึงไว้บนหนามดินแหลมคมยาว ๆ โดยไม่มีข้อยกเว้น

เย่หลิ่นที่อยู่ในกรงแห่งสวรรค์และปฐพี มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง

ทอง ดิน ไฟ รากวิญญาณสามสาย!

นางมีรากวิญญาณถึงสามสาย

เดี๋ยวก่อน แคว้นเทียนจีเหมือนจะมีผู้ที่มีรากวิญญาณสามสายเพียงแค่สองคนเท่านั้น

คนแรกคือจวินจิ๋วอิ่น ท่านอ๋องเก้าแห่งแคว้นเทียนจี!

ส่วนอีกคน ก็คือ...

ไป๋ซวงที่ถูกล้อมปราบเมื่อสี่ปีก่อน!

นางคือไป๋ซวง!

ในที่สุดเย่หลิ่นก็รู้ตัวตนของนาง แต่เขากลับสายเกินกว่าที่จะเสียใจแล้ว

เพราะกรงแห่งสวรรค์และปฐพีค่อย ๆ ปิดลง

เขาถูกบังคับให้คุกเข่าลงตรงนั้น!

แขนและขาทั้งสองของเขาถูกหักไปแล้ว

ตอนนี้เขาอาศัยพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของตนเอง ฝืนประคองไว้

“เจ้าคือไป๋ซวง!”

เลือดไหลรินจากมุมปากของเขา แววตาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความโกรธแค้น

ไป๋ซวงโบกมืออีกครั้ง ลมพายุทรายก็พัดกระหน่ำขึ้นมาทันที

พัดพาเอาศพของคนชุดดำทั้งหมด ฝังกลบจนหมดสิ้น

นางก้าวเท้าอย่างสง่าผ่าเผย ค่อย ๆ เข้าไปใกล้

ดวงตาไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย

“รู้จักด้วยหรือ?”

นางขมวดคิ้ว มุมปากก็ค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้เจ้าตายอย่างสบาย ๆ ก็แล้วกัน!”

พูดจบ ข้อมือเรียวเล็กของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งก็ตกลงมาจากฟากฟ้า

ไม่ให้โอกาสเย่หลิ่นได้เอ่ยปาก กรงแห่งสวรรค์และปฐพีก็ปิดลงทันที

และเย่หลิ่นก็กลายเป็นเนื้อบดกองหนึ่ง

กรงแห่งสวรรค์และปฐพีก็หายไปในพริบตา

ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

พร้อมกับการสะบัดแขนเสื้อของนาง ลมและดินก็พัดขึ้นมาอีกครั้ง ซ่อนรอยเลือดจนหมดสิ้น

จวินจิ๋วอิ่นต้องไปจากที่นี่!

ไป๋ซวงครุ่นคิดด้วยความโมโห หากเขาไม่จากไป การลอบสังหารแบบนี้ก็คงจะเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน

แม้ว่านางจะไม่กลัว แต่ก็ไม่อยากรบกวนชีวิตอันสงบสุขของบุตรชาย

เมื่อคิดดังนั้น ไป๋ซวงก็รีบกลับไปที่กระท่อมอย่างรวดเร็ว

“จวินจิ๋วอิ่น!”

นางตะโกนเสียงดัง ท่าทางไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่า นางไม่ได้ยินคำตอบที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของจวินจิ๋วอิ่น

นางเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นในใจ จึงค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้อง

ภายในห้องไม่มีใครอยู่เลย

จวินจิ๋วอิ่นไม่อยู่!

ซวี่เป่าก็ไม่อยู่!

คนไปไหนกันหมดแล้ว?

ไป๋ซวงยิ่งรู้สึกโกรธแค้นมากขึ้น จวินจิ๋วอิ่นไอ้สารเลวนี่ พาลูกของนางไปไหนแล้ว?

นางกำลังจะหันหลังกลับไปตามหาบุตรชาย ก็เห็นกระดาษสามสี่แผ่นวางอยู่บนเตียงของบุตรชาย

นางจึงรีบเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย ก็เห็นภาพวาดที่ดูยุ่งเหยิงที่บุตรชายวาดไว้

มีภาพวาดทั้งหมดสี่ภาพ!

ภาพแรก คือภาพของผู้ใหญ่คนหนึ่งกำลังแอบหนีไป

ภาพที่สอง คือภาพที่ผู้ใหญ่ได้รับบาดเจ็บ ถูกคนชั่วตามไล่ล่า

ภาพที่สาม คือเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งถือห่อผ้าตามไปปกป้องผู้ใหญ่คนนั้น

ภาพที่สี่ คือผู้ใหญ่และเด็กกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย เด็กน้อยถือห่อผ้ารีบกลับมา

ไป๋ซวงมองภาพวาดที่ดูยุ่งเหยิง แต่กลับเป็นภาพที่เล่าเรื่องได้อย่างชัดเจน

ในใจทั้งขำทั้งโมโห!

จวินจิ๋วอิ่นน่าจะรู้ตัวดีแล้วจึงจากไป ส่วนซวี่เป่าก็เป็นห่วงเลยตามไปส่งจวินจิ๋วอิ่น

เจ้าเด็กบ้านี่ การฝึกปรือของจวินจิ๋วอิ่นเหนือกว่าเขา จะต้องให้เขาไปส่งทำไมกัน

ไป๋ซวงกุมขมับ นั่งลงข้างโต๊ะเตี้ย ๆ อย่างจนปัญญา

ข้างบนยังมีลูกหม่อนป่าที่จวินจิ๋วอิ่นล้างให้นางในตอนเช้า

ไป๋ซวงเหลือบมองลูกหม่อนป่า แล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา

บุตรชายเป็นห่วงพ่อ นางผู้เป็นแม่ก็เป็นห่วงบุตรชายเหมือนกัน

ไป๋ซวงเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เก็บลูกหม่อนป่าที่อยู่บนโต๊ะ ใส่ลงในกำไลหยกลึกลับ แล้วหันหลังเดินจากไป

ซวี่เป่าสะพายห่อผ้าเล็ก ๆ ของตัวเอง ก้าวขาเล็ก ๆ ของตัวเอง ตามรอยที่ท่านพ่อทิ้งไว้ แล้วไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว

ในใจก็อดเป็นห่วงท่านพ่อไม่ได้

ท่านพ่อยังบาดเจ็บอยู่เลย ตอนนี้กลับต้องรีบเดินทางเช่นนี้

เขาต้องเร่งความเร็วกว่านี้สักหน่อยแล้ว!

มิฉะนั้น หากท่านพ่อเจอคนไม่ดีจะทำอย่างไรเล่า?

และจวินจิ๋วอิ่นที่ซวี่เป่าเป็นห่วงอยู่นั้น เวลานี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ไล่ล่าเขาอีกกลุ่มหนึ่ง

เจียงเถียนไม่ยอมให้จวินจิ๋วอิ่นมีชีวิตรอดกลับไป ดังนั้น ครั้งนี้นางจึงใช้อำนาจทั้งหมดที่มี

ไม่ใช่เพียงแค่หอราตรี แต่ยังมีกลุ่มมือสังหารที่ใหญ่ที่สุดในยุทธภพ

วังเงาปีศาจ!

มือสังหารจากวังเงาปีศาจ ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอดในยุทธภพ

การฝึกปรือของพวกเขาอาจจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่วิธีการสังหารของพวกเขา กลับทำให้ผู้คนตั้งรับไม่ทัน

แทบจะไม่มีใครที่สามารถมีชีวิตรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาได้

ดังนั้น ค่าจ้างของพวกเขา จึงไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะจ่ายไหว

จวินจิ๋วอิ่นเก็บแมลงปอไม้ไผ่ที่ซวี่เป่ามอบให้เขาลงในถุงเก็บของอย่างระมัดระวัง

ดวงตาของเขา เผยให้เห็นความอ่อนโยนและความรักใคร่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่เมื่อแมลงปอไม้ไผ่ถูกเก็บเข้าไปในถุงเก็บของเรียบร้อยแล้ว สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

เฉียบคมและเย็นชา!

“วังเงาปีศาจ? ดูเหมือนว่านางจะทุ่มทุนจริง ๆ !”

“อย่าพูดมาก ในเมื่อพวกข้ารับเงินมาแล้ว ก็ต้องเอาชีวิตเจ้า!”

สายตาของมือสังหารชุดดำเต็มไปด้วยความเยือกเย็น จิตสังหารทั่วร่างแผ่ซ่านออกมาในทันที

เขาสบตากับพรรคพวกที่อยู่รอบข้าง ก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นฟ้าในทันที...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 8

    จวินจิ๋วอิ่นสะบัดมือ พัดคลี่อันงดงามที่เปล่งประกายความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาพัดคลี่หมุนอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากพัดคลี่ของเขาลำแสงหนาแน่น พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีช่องว่างคนชุดดำที่พุ่งตัวขึ้นฟ้า จำต้องหลบหลีกอย่างรวดเร็วลำแสงที่ดูธรรมดา ๆ นั้น กลับมีความคมกริบมากจนสามารถตัดเหล็กราวกับตัดโคลนแม้แต่ต้นไม้ใหญ่รอบข้าง หลังจากที่ถูกความเย็นเยียบกวาดผ่าน ก็หักโค่นลงราวกับถูกดาบฟันมือสังหารชุดดำคนหนึ่งย่องเข้ามาทางด้านหลังของจวินจิ๋วอิ่นอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับง้างธนูในมือเล็งไปที่เป้าหมายในชั่วพริบตา ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกก็พุ่งทะลุอากาศเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นรู้สึกถึงคลื่นพลังวิญญาณที่ส่งมาจากด้านหลัง จึงพลิกตัวกลับหลังอย่างรวดเร็วจากนั้น ก็สะบัดพัดคลี่โบกจากบนลงล่างแสงสีทองอันเย็นเยียบพลันแปรเปลี่ยนเป็นโล่สีทอง!เสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้น ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกพุ่งเข้าปะทะกับโล่สีทองพร้อมกันมือสังหารชุดดำเห็นดังนั้น ก็เปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่องลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นจากทุกทิศทางมือสังหารคนอื่น ๆ ต่างใช้อาวุธล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 9

    เมื่อซวี่เป่าได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันฉายแววไม่สบายใจขึ้นมาตึก ๆ ๆ รีบลงมาจากตัวท่านพ่อ จากนั้นทำท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนกับเด็กที่ทำผิด“ท่านแม่...”น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น ซวี่เป่ามองสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกผิดสตรีในชุดขาวเดินมาจากป่าลึก!บนร่างกายของนางเปล่งประกายแสงสว่างจาง ๆ ใบหน้างดงาม ปรากฏให้เห็นอยู่รำไรก้าวเดินราวกับมีลมพัดใต้เท้า เสื้อผ้าปลิวไสวราวกับเทพธิดาจากป่าลึก ที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์สมองของมู่ซือและเหลิ่งเย่ไม่พอใช้แล้วเพียงจ้องมองสตรีผู้ราวกับเทพเซียนลงมาจุติบนโลกอย่างเหม่อลอย ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนี่คือสตรีที่ท่านอ๋องแอบซ่อนเอาไว้หรือ?ไป๋ซวงเหลือบมองมู่ซือและเหลิ่งเย่ด้วยสายตาเย็นชาเมื่อหันไปมองจวินจิ๋วอิ่น สายตาของนางก็ยิ่งเย็นชาขึ้น“ในเมื่อคนที่มารับพ่อของเจ้ามาแล้ว ซวี่เป่ากลับภูเขากับแม่ได้แล้วสินะ!”“ท่านแม่...”ซวี่เป่าก้าวขาเล็ก ๆ อย่างยากลำบาก แล้วค่อย ๆ เข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ท่านแม่ ท่านดูองครักษ์สองคนของท่านพ่อสิ อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่าบนภูเขาเลย ซวี่เป่าไม่วางใจที่จะให้ท่านพ่อไปกับพวกเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 10

    บ่าวไพร่ที่กำลังวุ่นวายในลานบ้าน ต่างหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด แล้วหมอบคลานลงกับพื้นต่อมาก็มีเสียงดังกึกก้อง แสดงความยินดีกับจวินจิ๋วอิ่นที่พาองค์ชายน้อยกลับจวนเนื่องจากไป๋ชวงยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงเรียกนางว่าแม่นางเท่านั้น“ยินดีกับท่านอ๋องที่ได้พาองค์ชายน้อยและแม่นางไป๋กลับจวน”นี่เป็นครั้งแรกที่ซวี่เป่าได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไป๋ซวงเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่จวินจิ๋วอิ่น ราวกับกำลังรอคำอธิบายพวกนางสองแม่ลูก ก็แค่มาส่งคนเท่านั้นเหตุใดถึงต้องเตรียมการใหญ่โตเช่นนี้จวินจิ๋วอิ่นยิ้มกระอักกระอ่วน จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น“ข้าแค่อยากให้พวกเจ้าสองแม่ลูกกินอิ่ม นอนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยไป ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้”เขาให้มู่ซือส่งข่าวไปที่จวน จริง ๆ แล้วก็แค่ต้องการต้อนรับไป๋ชวงกับบุตรชายอย่างดีเท่านั้นเมื่อมองดูผู้คนในจวน บรรยากาศก็เหมือนกับวันปีใหม่เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน!ไป๋ซวงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เพียงแต่ก้มลงมองซวี่เป่าที่ใบหน้าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 11

    จีหรงเดินมาหยุดตรงหน้าของไป๋ซวงด้วยสีหน้าร้อนรน มือทั้งสองข้างดึงมือของนางไว้อย่างแน่นหนา“ซวงเอ๋อร์ ข้าทำสิ่งใดไม่ดีหรือไม่? หรือว่าจิ๋วอิ่นทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ?”“หาไม่เพคะ เพียงแต่เมืองหลวงอันรุ่งเรืองนี้ ไม่เหมาะกับพวกเราสองแม่ลูก”จีหรงพลันรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำมองไปยังซวี่เป่า“แต่ว่า ข้าเพิ่งได้พบกับซวี่เป่า ยังมิทันได้ใกล้ชิดกับเขาเท่าใดเลย ข้าเฝ้ารอคอยมาหลายปีเพื่อจะได้พบหลาน ซวงเอ๋อร์จะยอมให้เวลาข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับซวี่เป่าอีกสักสองสามวันได้หรือไม่?”ขณะที่จีหรงกล่าวอยู่ ซวี่เป่าก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบงัน แล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆเมื่อซวี่เป่าเห็นน้ำตาคลอในดวงตาของเสด็จย่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองไป๋ซวงไป๋ซวงเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า พระสนมผู้เอกสูงศักดิ์จะทรงสุภาพและอ่อนโยนกับนางถึงเพียงนี้หากพระสนมแสดงความแข็งกร้าวหรือเข้มงวดกับนางสักหน่อยนางคงจะพาบุตรชายเดินจากไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยแต่ในตอนนี้ ความอ่อนโยนและความเมตตาของพระสนมจี รวมถึงดวงตาเล็ก ๆ ของซวี่เป่าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังไป๋ซวงมิอาจตัดสินใจเด็ดขาดได้อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ปกต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 12

    ไป๋ซวงยกมุมปากขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างไม่แยแสจากนั้นค่อย ๆ โบกมือ พลางมองดูจวินหงคังที่ทำหน้าเย็นชาด้วยความสนใจเพียงชั่วพริบตา ลมจากฝ่ามืออันแข็งกร้าวก็ปะทะเข้ากับน้ำที่เย็นยะเยือกน้ำที่เย็นยะเหยือกดูดซับแรงลมฝ่ามือ แต่ก็ถูกแรงปะทะจนน้ำกระเซ็นไปทั่วทว่าละอองน้ำที่สาดกระจายออกไปนั้น ไม่ได้เปียกแม้แต่ชายกระโปรงของไป๋ซวงเลยแต่จวินหงคังที่ยืนอยู่ไม่ไกล กลับถูกละอองน้ำสาดซัดจนเปียกโชกไปทั้งร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีแม้แต่ส่วนใดที่ยังคงแห้งอยู่เลยภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กันจวินหงคังคือใครกัน?นั่นคือโอรสแท้ ๆของฮ่องเต้และฮองเฮา เป็นถึงองค์ชายสามผู้สูงศักดิ์ไม่เคยมีใครกล้ากระทำเช่นนี้กับจวินหงคังมาก่อน“บังอาจนัก! กล้าลงมือทำร้ายองค์ชายสาม ยังไม่รีบจับตัวนางอีก!”ซินฮุย ข้ารับใช้คนสนิทของจวินหงคังเอ่ยขึ้นก่อน แล้วสั่งบรรดาทหารองครักษ์ที่ติดตามมาไปจับตัวไป๋ซวงส่วนตัวเขาเองก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าบนตัวออกมา แล้วช่วยเช็ดน้ำบนใบหน้าของจวินหงคังอย่างลนลานจวินหงคังถูกเล่นงานเป็นครั้งแรก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สายต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 13

    เมื่อรับรู้ถึงปฏิกิริยาของตนเอง จวินหงคังก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้นิ้วไปที่จวินจิ๋วอิ่นด้วยความโกรธแล้วโต้แย้ง“นางอ่อนโยนและใจดี? เจอข้าแล้วยังไม่แสดงความเคารพก็พอว่า แต่แค่โบกมือก็สังหารองครักษ์สิบคนของข้า โดยที่ไม่แม้แต่จะกะพริบตา! คนใจโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าน้องเก้าไปหามาจากที่ใดกัน!”ทันทีที่จวินหงคังพูดจบ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจโดยความจนใจเสียงอ่อนเยาว์นั้นเต็มไปด้วยความจนใจและความเศร้าใจ“เฮ้อ...”ซวี่เป่าก้าวไปข้างหน้าสองก้าวด้วยสายตาเศร้าหมอง มองดูจวินหงคังที่โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ“ท่านลุงลูกหมาตกน้ำ สตรีใจดำอำมหิตที่ท่านกล่าวถึงนั้น ใช่คนที่สวมชุดสีขาว งดงามราวกับเทพธิดาใช่หรือไม่?”“บังอาจนัก! เด็กไร้มารยาทจากที่ไหนกัน ถึงกล้าพูดกับข้าเช่นนี้?”จวินหงคังเพียงมองแค่แวบเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือเด็กที่เล่าลือว่าเป็นบุตรของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่า เขามีหน้าตาคล้ายกับจวินจิ๋วอินมากเหลือเกินจริง ๆเมื่อคิดถึงสตรีอำมหิตนางนั้น เขาย่อมไม่ทำสีหน้าดี ๆ อะไรให้กับเด็กนอกคอกคนนี้อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เด็กคนนี้ถึงกับกล้าบอกเขาว่าลูกหมาตกน้ำด้วยช่างเป็นเรื่องที่ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 14

    ในยามดึกสงัด ไป๋ซวงกอดซวี่เป่าพลางพูดคุยอยู่เนิ่นนาน แต่ซวี่เป่าก็ไม่มีท่าทีง่วงนอนซวี่เป่าเล่าเรื่องราวสนุกสนานในวังหลวงให้นางฟังด้วยความตื่นเต้นดูออกว่าซวี่เป่าชื่นชอบท่านปู่กับท่านย่าที่เพิ่งได้พบกันเป็นอย่างมากหากมิใช่เพราะซวี่เป่ายืนกรานจะกลับมานอนกับนางให้ได้ เกรงว่าคืนนี้ซวี่เป่าคงไม่ได้กลับมาศีรษะน้อย ๆ ของซวี่เป่าหนุนแขนของไป๋ซวงไป๋ซวงมีรอยยิ้มที่หางตา นิ้วเรียวบางลูบไล้ท้องน้อยของเขาเบา ๆ“ซวี่เป่า ยังจำเรื่องการอยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือได้หรือไม่?”ฝ่ามือน้อย ๆ ของซวี่เป่าตบแขนของขอท่านแม่เบา ๆใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส เอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “อยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือ ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว”ซวี่เป่าพลิกตัว เอามือทั้งสองข้างเท้าคางพลางยิ้มมองท่านแม่“เรื่องที่ท่านแม่เล่าให้ซวี่เป่าฟังนั้น ซวี่เป่าจดจำไว้ในใจเสมอ ท่านแม่ ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่ ท่านย่า หรือว่าท่านพ่อ พวกเขาดีกับซวี่เป่า ดีกับท่านแม่ เป็นญาติใกล้ชิดของซวี่เป่า ซวี่เป่าย่อมเคารพรัก”ซวี่เป่ากล่าว ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึม ริมฝีปากเล็ก ๆ ก็เบะขึ้นมา“แต่ว่า หากพวกเขาทำไม่ดีกับท่านแม่หรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 15

    ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาคมกริบหันไปมองเฝิงหมัวมัวเสียงฝ่ามือที่ควรจะดังก้องกลับเงียบงัน สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเพียงเสียงร้องโหยหวนของเฝิงหมัวมัวที่ดังขึ้นแทนเพราะว่า ฝ่ามือที่นางยกขึ้นมาเมื่อครู่นี้ เมื่อสบกับสายตาของไป๋ซวงในชั่วพริบตานั้นกลับถูกแช่เย็นจนกลายเป็นน้ำแข็ง!ถึงขนาดที่ทั่วทั้งแขนเริ่มเย็นยะเยือกจนหนาวสะท้านถึงกระดูกร่างกายครึ่งซีกก็เริ่มแข็งทื่อช้า ๆ“บังอาจนัก กล้าลงมือทำร้ายคนในตำหนักเฟิ่งหลิน ใครก็ได้ จับตัวนางให้ข้า”เสียงที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามดังเข้ามา เจียงเถียนค่อย ๆ เดินเข้ามาท่ามกลางผู้คนที่ล้อมรอบนางเห็นเฝิงหมัวมัวที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแล้ว นึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจที่บุตรชายได้รับเมื่อวานทันใดนั้น โทสะในใจก็ยิ่งลุกโชนขึ้น“กล้าฆ่านางกำนันของข้า ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”ขณะที่พูด เจียงเถียนก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแค้นทันใดนั้น เหล่าทหารองครักษ์ที่ประจำการอยู่ในตำหนักเฟิ่งหลินต่างชักอาวุธและกระโจนออกมาทหารแต่ละคนมีพลังวิญญาณพลันพุ่งทะลักออกมา ดูน่าเกรงขามไม่หยุดไป๋ซวงมองเหล่าองครักษ์ที่ล้อมตัวนางไว้ มุมปากยกขึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05

บทล่าสุด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 80

    รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 79

    ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 78

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 77

    “พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 76

    ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 75

    “รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 74

    “เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 73

    จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 72

    พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ

DMCA.com Protection Status