Share

บทที่ 14

Author: ซูเหยียน
last update Last Updated: 2024-11-05 14:57:54
ในยามดึกสงัด ไป๋ซวงกอดซวี่เป่าพลางพูดคุยอยู่เนิ่นนาน แต่ซวี่เป่าก็ไม่มีท่าทีง่วงนอน

ซวี่เป่าเล่าเรื่องราวสนุกสนานในวังหลวงให้นางฟังด้วยความตื่นเต้น

ดูออกว่าซวี่เป่าชื่นชอบท่านปู่กับท่านย่าที่เพิ่งได้พบกันเป็นอย่างมาก

หากมิใช่เพราะซวี่เป่ายืนกรานจะกลับมานอนกับนางให้ได้ เกรงว่าคืนนี้ซวี่เป่าคงไม่ได้กลับมา

ศีรษะน้อย ๆ ของซวี่เป่าหนุนแขนของไป๋ซวง

ไป๋ซวงมีรอยยิ้มที่หางตา นิ้วเรียวบางลูบไล้ท้องน้อยของเขาเบา ๆ

“ซวี่เป่า ยังจำเรื่องการอยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือได้หรือไม่?”

ฝ่ามือน้อย ๆ ของซวี่เป่าตบแขนของขอท่านแม่เบา ๆ

ใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส เอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ

“อยู่ใกล้ฮ่องเต้เหมือนอยู่ใกล้เสือ ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว”

ซวี่เป่าพลิกตัว เอามือทั้งสองข้างเท้าคางพลางยิ้มมองท่านแม่

“เรื่องที่ท่านแม่เล่าให้ซวี่เป่าฟังนั้น ซวี่เป่าจดจำไว้ในใจเสมอ ท่านแม่ ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่ ท่านย่า หรือว่าท่านพ่อ พวกเขาดีกับซวี่เป่า ดีกับท่านแม่ เป็นญาติใกล้ชิดของซวี่เป่า ซวี่เป่าย่อมเคารพรัก”

ซวี่เป่ากล่าว ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึม ริมฝีปากเล็ก ๆ ก็เบะขึ้นมา

“แต่ว่า หากพวกเขาทำไม่ดีกับท่านแม่หรือซวี่เป่า เช่นนั้นพวกเขาก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า คนแปลกหน้าย่อมไม่มีโอกาสทำร้ายซวี่เป่าและท่านแม่ได้!”

ไป่ซวงไม่คิดเลยว่าเสียงอ่อนเยาว์เช่นนั้นของซวี่เป่าจะสามารถเอ่ยวาจาอย่างมีเหตุผลเช่นนี้ได้

ยามนั้น ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

สองมือกอดซวี่เป่าไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะส่ายศีรษะและหอมแก้มของซวี่เป่า

“ท่านแม่ จั๊กจี้...”

ซวี่เป่าขยับตัวไปมาไม่หยุด แขนขาเล็ก ๆ มุดเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋ซวง

ไป่ซวงถูกเขาจั๊กจี้ จนหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที

เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขนั้นดังมาจากในห้อง

จวินจิ๋วอิ่นเอามือไพล่หลัง ยืนอยู่ด้านนอกประตู

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความคาดหวัง

แต่ในใจกลับมีความกังวลเล็กน้อย

เขารู้มาตลอดว่าซวี่เป่ากับไป๋ซวงนั้นมีความผูกพันกันมาก

และรู้ว่าซวี่เป่าเป็นเด็กที่โตเกินวัย

ความคิดของเขาฉลาดเกินกว่าเด็กในวัยเดียวกัน

แต่ไม่รู้เลยว่า ในใจของซวี่เป่านั้นจะรู้สึกต่อเขาเช่นนี้...

แยกความรักและความเกลียดชังอย่างชัดเจน!

ถ้าไม่ใช่ท่านพ่อ!

เช่นนั้นก็เป็นคนแปลกหน้า!

ดูเหมือนว่าเขายังต้องพยายามต่อไป

ด้วยเหตุนี้ เช้าวันถัดมา จวินจิ๋วอิ่นจึงเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่รุ่งสาง แล้วมารออยู่ที่หน้าประตูเรือน

ไป๋ซวงจูงมือซวี่เป่าเพิ่งเดินออกจากหน้าประตูห้องนอน ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นเฝ้าหน้าประตูเรือนโดยที่ถือกล่องอาหารไว้ในมือ

“ท่านพ่อ”

ซวี่เป่าปล่อยมือไป๋ซวง แล้ววิ่งไปหาจวินจิ๋วอิ่นด้วยความดีใจ

จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น จึงรีบโยนกล่องอาหารให้มู่ซือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วยื่นมือออกไปรับซวี่เป่า

เป็นตามที่คาดไว้ ซวี่เป่ากระโดดขึ้นครั้งเดียว ก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของจวินจิ๋วอิ่น

“อรุณสวัสดิ์ขอรับ”

ซวี่เป่ายิ้มหวาน แล้วหอมแก้มของจวินจิ๋วอิ่น

จวินจิ๋วอิ่นชินกับวิธีการทักทายของซวี่เป่าแล้ว จึงตอบกลับโดยเลียนแบบเขา

“ซวี่เป่า อรุณสวัสดิ์”

จากนั้นเขาก็หอมซวี่เป่าหนึ่งที ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ไป๋ซวงที่เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ

“ฮูหยิน อรุณสวัสดิ์”

ไป๋ซวงเพียงส่งเสียงอืมอย่างเฉยชา ถือเป็นการตอบรับ

จวินจิ๋วอิ่นไม่ถือสาสักนิดเดียว แต่จับมือไป๋ซวงอย่างกระตือรือร้น แล้วพาไปที่ห้องอาหาร

“ฮูหยินชอบดื่มน้ำแกงไก่ป่าต้มหน่อไม้ที่สุดมิใช่หรือ? เมื่อคืนข้าตั้งใจให้คนไปหาไก่ป่า แล้วต้มน้ำแกงให้เสร็จตั้งแต่เช้า ฮูหยินลองชิมดูสิว่าเป็นรสชาติที่เจ้าโปรดปรานหรือไม่?”

“ท่านอ๋องเก้าช่างใส่ใจ”

ไป่ซวงยังคงมีสีหน้าเย็นชาและเฉยเมย

แม้ว่าจวินจิ๋วอิ่นจะสง่างามดั่งต้นไม้ใหญ่ตระหง่านต้านลม และมีรูปโฉมหล่อเหลาราวกับพานอัน

แต่ไป๋ซวงไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับเขามากเกินไป อีกสิบวัน นางก็จะพาซวี่เป่าจากไปแล้ว

เมื่อทั้งสามคนมาถึงห้องอาหาร จวินจิ๋วอินถึงค่อยวางซวี่เป่าลง

“พระชายา ท่านลองชิมสิ น้ำแกงไก่ชามนี้ท่านอ๋องทุ่มแรงไปมาก! กังวลว่าจะต้มนำแกงไก่นานเกินไปจนส่งผลกระทบต่อรสชาติ อีกทั้งยังกลัวว่าจะเย็นจนสูญเสียรสชาติ ดังนั้นหลังจากต้มน้ำแกงไก่เสร็จ พระองค์จึงใส่ไว้ในกล่องอาหารเก็บความร้อนนี้ แล้วพกติดตัวไว้”

มู่ซือกล่าวจบ ก็เทน้ำแกงไก่ป่าต้มหน่อไม้จากในกล่องอาหารเองกับมือ ให้ทุกคนคนละชาม ไอร้อนลอยขึ้นมา

นอกจากนี้ ยังมีอาหารเลิศรสครบครันอีกสิบกว่าอย่างจัดเตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร

เมื่อวานนี้ถูกจวินหงคังก่อกวน ไป๋ซวงแทบไม่ได้กินอาหารเย็นอะไรเลย

ท้องว่างมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่เกรงใจเช่นกัน ยกน้ำแกงไก่ขึ้นมาซดหนึ่งอึก

ทันทีที่น้ำแกงไก่เข้าไปในปาก ไป๋ซวงก็ขมวดคิ้ว

แต่ไป๋ซวงไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใด แต่กลืนน้ำแกงไก่ในปากลงไป แล้วค่อย ๆ วางน้ำแกงไก่ลงบนโต๊ะ

“เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ถูกปากหรือ?”

จวินจิ๋วอิ่นสังเกตเห็นการขมวดคิ้วเพียงแวบเดียวของไป๋ซวง จึงรีบเอ่ยถามขึ้น

เมื่อซวี่เป่าได้ยินเช่นนั้นก็ยกน้ำแกงไก่ขึ้นมาซดหนึ่งคำ

จากนั้น เขาก็วางน้ำแกงไก่ลง

“ท่านแม่ ท่านรอข้าสักครู่”

เขาพูดพลางลุกขึ้นยืน จูงมือจวินจิ๋วอิ่นเดินออกไป

“ท่านพ่อ ขอยืมใช้ห้องครัวของท่านนะขอรับ”

แม้จวินจิ๋วอิ่นไม่รู้ว่าซวี่เป่าต้องการทำอะไร แต่เมื่อบุตรชายต้องการ เขาย่อมนำทางอย่างมีตวามสุข

ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องครัว

ห้องครัวที่นี่มีความสูงอยู่ระดับปกติ

แต่สำหรับซวี่เป่าแล้ว มันสูงไปหน่อยจริง ๆ

ซวี่เป่าดมกลิ่น แล้วเดินมาที่หน้าเตาอันหนึ่ง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าเพื่อมองเข้าไปในหม้อ

“ท่านพ่อ หยิบม้านั่งเล็ก ๆ มาทีขอรับ”

ซวี่เป่าก้มหน้าเอาสิ่งของออกมาจากในถุงเก็บของไปด้วย พลางสั่งจวินจิ๋วอิ่นไปด้วย

บรรดาคนในห้องครัว ต่างพากันตกใจจนคุกเข่ากันหมดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองตั้งนานแล้ว

จวินจิ๋วอิ่นได้ยินคำสั่งจากบุตรชายก็รีบหาม้านั่งเล็ก ๆ มาให้ทันที แล้ววางไว้ข้าง ๆ ซวี่เป่า

ซวี่เป่าขึ้นไปยืนอยู่บนม้านั่งอย่างคล่องแคล่ว เปิดฝาออก แล้วหยิบเม็ดยาสีขาวจากในขวดสีขาวใบเล็กใส่ลงไปในหม้อ

ต่อมาก็ถือทัพพีอันใหญ่แล้วคนแรง ๆ

จากนั้นก็ใช้ทัพพีที่ใหญ่กว่าหน้าของเขาตักน้ำแกงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจ่ออยู่ข้าง ๆ ริมฝีปากลองชิมอย่างระมัดระวัง

“ระวังร้อน...”

จวินจิ๋วอิ่นเห็นเพียงทัพพี แต่มองไม่เห็นใบหน้าของซวี่เป่าเลย จึงอดไม่ได้ที่จะเตือนให้เขาระวัง

ซวี่เป่ากลับวางทัพพีลง แล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ

“เสร็จแล้ว แต่ยังขาดไฟอีกนิด”

ซวี่เป่าพูดพลางลงจากม้านั่งเล็ก ๆ จากนั้นยื่นมือออกไป เปลวไฟลุกโชนขึ้นในฝ่ามือทันที

เปลวไฟร้อนแรงนั้นห้อมล้อมก้นหม้ออย่างนุ่มนวล

ผ่านไปเพียงครู่ ซวี่เป่าจึงปล่อยมือลง ยิ้มจนดวงตาโค้ง

“เร็วเข้า รีบยกน้ำแกงไก่ไปให้ท่านแม่ในตอนที่ยังร้อนอยู่”

เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยินเช่นนั้นก็หยิบกล่องอาหารที่เตรียมมาทันที

แต่เพิ่งวางเสร็จ ก็เห็นมู่ซือรีบร้อนเข้ามา

“ท่านอ๋อง พระชายาถูกคนของฮองเฮาพาตัวไปแล้ว!”

“ว่าไงนะ!”

เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เย็นเยียบลงทันที

ซวี่เป่ายิ่งโกรธจัด กอดกล่องอาหารแล้วเดินออกไป

“ท่านแม่ยังไม่ได้กินข้าวเลย ซวี่เป่าต้องนำข้าวไปให้ท่านแม่”

ขณะที่เดิน มือเล็ก ๆ ก็กำหมัด

เขาไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นฮองเฮาหรือไม่ ไม่ว่าใครก็ทำให้ท่านแม่ของเขาท้องหิวไม่ได้

จวินจิ๋วอิ่นที่อยู่ข้างหลังแผ่รังสีอำมหิตออกมาจากทั่วร่าง

ดีมาก!

การต่อสู้ครั้งนี้ ในที่สุดก็ถึงตาเปิดเผยเสียทีแล้วหรือ?

เจียงเถียน หลังจากวันนี้ ท่านจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้แน่นอน

กดขี่ข่มเหงเขาเพื่อภาพรวม เขาพอจะทนได้!

แต่รังแกฮูหยินและบุตรชายของเขา ก็อย่าโทษเขาที่โหดเหี้ยมอำมหิต

ไป๋ซวงนั่งรถม้ามาที่วังหลวงกับองครักษ์ที่เจียงเถียนส่งมา

ตลอดทาง ไป๋ซวงสงบนิ่งมาก

ไม่ร้องไห้โวยวาย ไม่ดิ้นรนแต่อย่างใด

เหล่าองครักษ์ที่เดิมทีได้รับมอบหมายให้ควบคุมตัวไป๋ซวงต่างมองหน้ากัน

ไม่ใช่ว่านางเก่งกาจมาก สังหารองครักษ์สิบคนขององค์ชายสามในลมหายใจเดียวหรอกหรือ?

แล้วทำไมตอนนี้ นางกลับดูเหมือนสาวน้อยที่มือไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่?

หากไม่ใช่เพราะบรรยากาศเย็นเยียบรอบตัวของนาง ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจเชื่อมโยงนางกับการเข่นฆ่าทหารองครักษ์ได้เลย

ไป๋ซวงหลับตาพักผ่อน ในใจไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

ก็แค่วังหลวงเท่านั้น!

ถ้านางไม่ต้องการมา จะมีใครกล้าบังคับนางได้หรือ?

นางก็แค่อยากเห็นสถานที่ที่ทำให้บุตรชายของนางเต็มไปด้วยความ ตื่นเต้นเท่านั้นเอง

ไม่นานนัก ไป๋ซวงก็ถูกพามาถึงหน้าประตูตำหนักเฟิ่งหลิน

เฝิงหมัวมัวรออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว สีหน้าของนางเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและเหยียดหยาม

เมื่อเห็นไป๋ซวงเดินเชิดเข้ามา ไม่แม้แต่จะมองตน

นางก็โกรธจัดทันที ยกมือขึ้นหมายจะตบไป๋ซวง

“เจ้าเด็กต่ำต้อยรนหาที่ตาย ตำหนักเฟิ่งหลินนี้มิใช่ที่ที่เจ้าจะมาทำตัวอวดดีได้!”

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 15

    ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็นชา ดวงตาคมกริบหันไปมองเฝิงหมัวมัวเสียงฝ่ามือที่ควรจะดังก้องกลับเงียบงัน สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเพียงเสียงร้องโหยหวนของเฝิงหมัวมัวที่ดังขึ้นแทนเพราะว่า ฝ่ามือที่นางยกขึ้นมาเมื่อครู่นี้ เมื่อสบกับสายตาของไป๋ซวงในชั่วพริบตานั้นกลับถูกแช่เย็นจนกลายเป็นน้ำแข็ง!ถึงขนาดที่ทั่วทั้งแขนเริ่มเย็นยะเยือกจนหนาวสะท้านถึงกระดูกร่างกายครึ่งซีกก็เริ่มแข็งทื่อช้า ๆ“บังอาจนัก กล้าลงมือทำร้ายคนในตำหนักเฟิ่งหลิน ใครก็ได้ จับตัวนางให้ข้า”เสียงที่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามดังเข้ามา เจียงเถียนค่อย ๆ เดินเข้ามาท่ามกลางผู้คนที่ล้อมรอบนางเห็นเฝิงหมัวมัวที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแล้ว นึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจที่บุตรชายได้รับเมื่อวานทันใดนั้น โทสะในใจก็ยิ่งลุกโชนขึ้น“กล้าฆ่านางกำนันของข้า ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”ขณะที่พูด เจียงเถียนก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแค้นทันใดนั้น เหล่าทหารองครักษ์ที่ประจำการอยู่ในตำหนักเฟิ่งหลินต่างชักอาวุธและกระโจนออกมาทหารแต่ละคนมีพลังวิญญาณพลันพุ่งทะลักออกมา ดูน่าเกรงขามไม่หยุดไป๋ซวงมองเหล่าองครักษ์ที่ล้อมตัวนางไว้ มุมปากยกขึ

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 16  

    ซวี่เป่าซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจวินฉงอย่างว่าง่าย ในมือยังอุ้มกล่องอาหารที่เตรียมไว้ให้ท่านแม่ เมื่อจวินฉงเห็นภาพสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วตำหนัก ซากศพและเศษอวัยวะที่เกลื่อนเต็มพื้น เขาหันสายตาไปมองสตรีที่จวินจิ๋วอิ่นปกป้องอยู่ในอ้อมกอด สูงโปร่งอรชร รูปโฉมเจิดจรัส แววตาเยียบเย็นราวมิใช่ปุถุชน เปล่งความน่าเกรงขามที่ทำให้คนยากจะเข้าใกล้ ในมือของนางยังกุมกระบี่เสินอิ่นที่เปล่งรัศมีสีทองแวววาว เสียงกระบี่ยังคงกระเพื่อม กังวานอยู่ในอากาศอย่างแผ่วเบา เมื่อเจียงเถียนเห็นจวินฉงมาแล้ว ก็รีบร้องไห้มาที่เบื้องหน้าของเขา จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ “ฝ่าบาท ต้องทรงให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ แม่นางน้อยผู้นี้ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ถึงกับทำการเข่นฆ่าในตำหนักเฟิ่งหลิน ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยเพคะ!” เจียงเถียนร้องไห้กระซิกกระซิก หยาดน้ำตาพรมหน้าดั่งดอกสาลี่ในสายฝน ทำให้ผู้บนเห็นเกิดความสงสาร โดยเฉพาะกระโปรงที่เปรอะเปื้อนเลือดตัวนั้น ยังมีรอยเลือดที่หลงเหลืออยู่บนแก้ม ยิ่งทำให้นางดูเปราะบางช่วยตนเองไม่ได้ ทั้งน้อยใจ ทั้ง

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 17  

    ในตำหนักของจีหรง มีห้องครัวเล็กอยู่ ในเวลานี้ ซวี่เป่ากำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวเล็ก บริเวณหน้าเตา จวินจิ๋วอิ่นกำลังหาเก้าอี้ม้านั่งตัวเล็ก ๆ มาให้เขาอย่างคุ้นชิน ซวี่เป่าเหยียบอยู่บนม้านั่งไม้ตัวน้อย ด้านหนึ่งตวัดกระบวยขนาดใหญ่ อีกด้านก็เติมเครื่องปรุงชนิดต่างๆ ลงไปไม่หยุด ท่าทางที่แสนชำนาญนั่น ทำให้จวินฉงและจีหรงปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจ “ซวี่เป่าทำอาหารเป็นจริง ๆ หรือ?” จีหรงแอบสะกิดแขนของจวินจิ๋วอิ่นอย่างอดไม่ได้ จวินจิ๋วอิ่นพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจเป็นที่สุด และกล่าวชมอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อยประโยคหนึ่งว่า “รสชาติยอดเยี่ยมเป็นที่สุดด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของจีหรงพลันเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมแล้ว จวินจิ๋วอิ่นเป็นคนที่พิถีพิถันอย่างมาก จะให้เขาชมว่ารสชาติเลิศล้ำได้ เทียบกับการขึ้นสวรรค์แล้วยังยากกว่าเสียอีก เดิมจีหรงยังคิดในใจว่า คำชมนี้น่าจะมาจากการที่จวินจิ๋วอิ่นหลงลูกมากเกินไป แต่เมื่อกลิ่นหอมนั่นลอยมา นางก็รู้ว่าตนเองผิดไปแล้ว กลิ่นหอมที่เย้ายวนนั่น แม้แต่จวินฉงก็ยังต้องแอบกลืนน้ำลาย เมื่ออาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อย จวินฉงและจีหรงพลันไม่สนใจสิ่งอื่

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 18  

    ไป๋ซวงขมวดคิ้วแน่น ในตอนที่แส้อยู่ห่างจากตัวนางครึ่งแขน ก็ยื่นมือออกไปจับหางแส้ไว้แน่น ความเยียบเย็นสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากมือนาง แส้ที่กำลังสร้างพายุหมุน พลันแข็งค้างอย่างกะทันหัน ตัวแส้เริ่มเปล่งแสงวูบวาบ ภายในชั่วพริบตา แส้ก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อไป๋ซวงออกแรงดึงไปด้านหลัง ผู้ถือแซ่ที่อยู่ทางนั้นก็ถูกลากเข้ามาในร้าน “บังอาจ” สตรีที่งดงามนางหนึ่ง สวมชุดที่ทอลายจากแพรไหมอันหรูหรา ซวนเซเข้ามาด้านใน ใบหน้าของนางประดับด้วยความโมโห ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายเยียบเย็น ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็น โยนแส้ในมือทิ้งอย่างดูแคลน ทว่าในเสี้ยววินาทีที่นางปล่อยมือ ทั่วทั้งตัวแส้ก็แตกออกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วน ตกสู่พื้นดังเกรียวกราว! “เจ้ากล้าทำลายแส้ของข้า?” สตรีนางนั้นโมโหยิ่งกว่าเดิม หยิบกระบี่ยาวด้ามหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ จากนั้นก็ลอยตัวขึ้นอีกครั้ง แม้ไป๋ซวงจะไม่อยากสร้างปัญหา แต่ก็ไม่กลัวจะมีปัญหาเช่นกัน ในเมื่อมีคนมาวอนขอความเจ็บปวดถึงที่ นางย่อมไม่มีทางยั้งมือ กระบวนท่าของสตรีนางนั้นดุร้ายอย่างมาก มุ่งโจมตีจุดอ่อนของคนโดยเฉพาะ เมื่อไป๋ซวงเห็นเช่นนั้น ดวงตาก็เคร่งขรึมลงเรื่

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 19  

    เมื่อจวินจิ๋วอิ่นเห็นเช่นนั้น ก็รีบเบี่ยงตัวหลบทันที บ่าวรับใช้ข้างกายหนิงเซวียนเห็นเช่นนั้น ก็รีบก้าวเข้าไปประคองนาง จวินจิ๋วอิ่นรีบเดินไปเบื้องหน้าไป๋ซวง ชูนิ้วขึ้นฟ้า สาบานด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าสาบานว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางแม้แต่น้อย!” พูดจบ เขาก็มองไป๋ซวงอย่างระมัดระวัง “นี่เป็นเรื่องของท่านกับนาง ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!” ไป๋ซวงพูดจบก็ไม่สนใจอีกแล้วสาวท้าจากไป จวินจิ๋วอิ่นเห็นเช่นนั้น ก็รีบตามติดไปทันที หนิงเซวียนมองเขาอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็ร้องตะโกนออกมาอย่างขมขื่น “พี่ชายเก้า เหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้? เซวียนเอ๋อร์มีที่ใดที่สู้หญิงป่าเถื่อนนางนั้นไม่ได้กัน?” เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยินดังนั้น ก็จะชะงักฝีเท้าลงทันที เขาหันมามองหนิงเซวี่ยนที่ดูน่าเวทนาราวดอกสาลี่ในสายฝน “หญิงป่าเถื่อน?” ความโกรธที่ถูกซ่อนลงไปเพราะได้เห็นไป๋ซวงพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง และในยามนี้ ได้ไหลบ่าออกมาอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้อีกต่อไป เขาโบกมืออย่างกริ้วโกรธ พลังวิญญาณสายหนึ่งพุ่งออกไป ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนอง หนิงเซวียนที่แบกแขนขาดข้างหนึ่งไว้ก็ถูกเขาซัดกระเด็นออกไปทันที ร่างขอ

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 20  

    แม้แต่ซวี่เป่าก็ไม่สนใจแล้ว! หากไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากอย่างมาก เขาคงไม่มีทางทำใจแยกห่างจากซวี่เป่าแน่ ประกอบเรื่องที่เขาบาดเจ็บสาหัสจนตกลงไปในเขาหลิงอิ่น และการถูกไล่สังหารตลอดเส้นทางที่กลับมาเมืองหลวง แม้เขาจะไม่เอ่ยปากพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ไป๋ซวงรู้ว่า เขามิใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบง่าย ๆ! ในเมื่อจวินจิ๋วอิ่นไม่พูด ไป๋ซวงก็ไม่อยากจะรู้ เพราะถึงอย่างไรเมื่อสิบวันที่ตกลงกับซวี่เป่าไว้จบลง นางก็จะพาซวี่เป่าจากเมืองหลวงไป จวินจิ๋วอิ่นเห็นไป๋ซวงกินอย่างมีความสุข ก็นั่งลงที่ข้างกายของนางโดยไม่สนใจสิ่งอื่นบ้าง “สามเดือนก่อน เสด็จพ่อได้รับสารลับจากชายแดน มีคนต้องสงสัยว่าสมคบคิดกับแคว้นเป่ยเซิ่ง เพื่อทำให้เกิดสงครามที่ชายแดน ดังนั้นจึงส่งข้าไปที่ชายแดนอย่างลับ ๆ เพื่อสืบหาความจริง” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชายแดน จวินฉงไม่วางใจคนอื่น จึงส่งจวินจิ๋วอิ่นไปแอบตรวจสอบอย่างลับๆ ส่วนข่าวที่เดิมลับเฉพาะอย่างมากนี้ กลับถูกคนทำให้รั่วไหลออกไป ดังนั้น นับตั้งแต่ที่จวินจิ๋วอิ่นออกจากเมืองหลวง ก็ถูกไล่สังหารไปตลอดทาง หากไม่ใช่พลังวิญญาณและวรยุทธ์ของเขาสูงส่ง

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 21  

    สี่ปี่ก่อนตอนที่พบกับจวินจิ๋วอิ่นครั้งแรก เป็นตอนที่ไป๋ซวงอ่อนแอที่สุด การไล่ล่าของทั้งฝ่ายธรรมและอธรรม ทำให้นางต้องใช้พลังวิญญาณไปเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ อาวุธลับที่ซัดใส่นางพวกนั้น ล้วนอาบยาสวาทฤทธิ์รุนแรงไว้ นางไม่ระวังถูกอาวุธลับเข้า จากนั้นยาสวาทก็เริ่มออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ไป๋ซวงไม่ต้องการตกอยู่ในเงื้อมมือของวิญญูชนจอมปลอมพวกนั้น ไม่อยากกลายเป็นเครื่องมือให้พวกเขาใช้ระบายอารมณ์และนำไปโอ้อวด ดังนั้น จึงกระโดดหน้าผาเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง ที่โชคดีก็คือ ระหว่างที่อยู่กลางอากาศ นางถูกกิ่งไม้ขวางไว้ครู่หนึ่ง และในตอนที่ตกลงมานั้น ก็เกือบกระแทกใส่จวินจิ๋วอิ่น เพื่อช่วยชีวิตตนเอง จวินจิ๋วอิ่นจึงรับนางไว้ และด้วยเหตุนั้น อาการบาดเจ็บภายในของจวินจิ๋วอิ่นจึงร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ จวินจิ๋วอิ่นไม่รู้ว่า คนที่เขาช่วยไว้ คือนางที่วิญญาณทะลุมิติมา ตอนที่ไป๋ซวง เจ้าของร่างเดิมตกลงมาแล้วถูกกิ่งไม้ขวางไว้ นางก็ตายอย่างอนาถไปแล้ว ส่วนตัวนางที่ถูกยาสวาททรมานจนสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ยังจะมีทางเลือกใดอีก เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน คนทั้งสองก็นึกถึงเร

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 22  

    “เจ้ารู้หรือไม่ว่า นางมารนั่นฆ่าคนของตระกูลไป๋ของเราไปเท่าใด? ในเมื่อนางไม่ตาย ข้าผู้เป็นประมุขตระกูล ก็จะแก้แค้นแทนลูกหลานตระกูลไป๋ที่ตายไปเอง ไป๋หงหย่วน ข้าจะต้องทำให้ไป๋ซวงมีชีวิตอยู่ในสภาพเลวร้ายยิ่งกว่าพวกเจ้าเป็นหมื่นเท่า ” ภาพเหตุการณ์ที่ไป๋ซวงใช้เลือดล้างตระกูลไป๋ ปรากฏขึ้นในสมองของชายชุดครามอีกครั้ง เขาเป็นไป๋เส้าเจี๋ย ผู้เดียวที่รอดจากเหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูลในครั้งนั้น  เพราะท่านพ่อได้ผลักเขาเข้าไปในห้องลับด้วยความแตกตื่น แม้เขาจะไม่ได้เห็นไป๋ซวงฆ่าคนด้วยตาตนเอง ทว่าเขาได้เห็นสภาพที่เลวร้ายที่สุดหลังตระกูลไป๋ถูกฆ่าล้างตระกูล แขนและขาที่ตัดขาด ซากศพที่ไม่สมบูรณ์เกลื่อนไปทั่วลาน โลหิตแทบจะนองรวมกันเป็นสายน้ำ ที่แช่ทั้งเรือนไว้ ไป๋เส้าเจี๋ยก้าวเข้าหาไป๋หงหย่วนอย่างช้า ๆ มองเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาไม่หยุด จากจุดที่กระดูกสะบักถูกแทงจนทะลุ ในไม่ช้า ก็ทำให้พื้นใต้ร่างของเขาเปียกโชกไปหมด เขาจ้องไปที่ไป๋หงหย่วนอย่างอำมหิต ใช้นิ้วบีบคางของเขาไว้อย่างรุนแรง “ไม่เพียงแค่ไป๋ซวง ยังมีไป๋เฉินกับเจ้า ข้าจะจับพวกเจ้าแต่ละคนไปตอกตะปูไว้หน้าหลุมศพของบรรพบุรุษสกุลไป๋ ให้พวกเจ้าไ

    Last Updated : 2024-11-05

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 80

    รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 79

    ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 78

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 77

    “พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 76

    ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 75

    “รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 74

    “เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 73

    จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 72

    พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ

DMCA.com Protection Status