Share

บทที่ 16  

Author: ซูเหยียน
last update Last Updated: 2024-11-05 14:57:54
ซวี่เป่าซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจวินฉงอย่างว่าง่าย ในมือยังอุ้มกล่องอาหารที่เตรียมไว้ให้ท่านแม่

เมื่อจวินฉงเห็นภาพสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วตำหนัก ซากศพและเศษอวัยวะที่เกลื่อนเต็มพื้น

เขาหันสายตาไปมองสตรีที่จวินจิ๋วอิ่นปกป้องอยู่ในอ้อมกอด

สูงโปร่งอรชร รูปโฉมเจิดจรัส

แววตาเยียบเย็นราวมิใช่ปุถุชน เปล่งความน่าเกรงขามที่ทำให้คนยากจะเข้าใกล้

ในมือของนางยังกุมกระบี่เสินอิ่นที่เปล่งรัศมีสีทองแวววาว

เสียงกระบี่ยังคงกระเพื่อม กังวานอยู่ในอากาศอย่างแผ่วเบา

เมื่อเจียงเถียนเห็นจวินฉงมาแล้ว ก็รีบร้องไห้มาที่เบื้องหน้าของเขา

จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ

“ฝ่าบาท ต้องทรงให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ แม่นางน้อยผู้นี้ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ถึงกับทำการเข่นฆ่าในตำหนักเฟิ่งหลิน ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยเพคะ!”

เจียงเถียนร้องไห้กระซิกกระซิก หยาดน้ำตาพรมหน้าดั่งดอกสาลี่ในสายฝน ทำให้ผู้บนเห็นเกิดความสงสาร

โดยเฉพาะกระโปรงที่เปรอะเปื้อนเลือดตัวนั้น ยังมีรอยเลือดที่หลงเหลืออยู่บนแก้ม

ยิ่งทำให้นางดูเปราะบางช่วยตนเองไม่ได้ ทั้งน้อยใจ ทั้งเศร้าโศก

กล้าลงมือในวังหลวง ในใจของจวินฉงก็ไม่พอใจเช่นกัน

ทว่า ทันทีที่สีหน้าเขาเคร่งขรึมลงเพียงเล็กน้อย ก็เห็นเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความน้อยใจ

ทันใดนั้น ความโมโหที่มีอยู่เพียงนิดในใจก็สูญสลายไปในทันที

“เหตุใดเจ้าจึงลงมือสังหารผู้คน?”

จวินฉงมิได้สนใจเจียงเถียน แต่หันหน้าไปมองไป๋ซวงแทน

แม้น้ำเสียงจะเย็นชา ทว่าไม่มีเจตนาตำหนิ

เมื่อไป๋ซวงมองซวี่เป่าที่อยู่ในอ้อมกอดของจวินฉง ในใจก็บังเกิดความอดทนเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยอย่างหาได้ยาก

“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาจะฆ่าข้า ข้าย่อมต้องโต้ตอบอยู่แล้ว!”

ไป๋ซวงผลักแขนของจวินจิ๋วอิ่นออกราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ยอบตัวสั้นๆ คารวะจวินฉงครั้งหนึ่ง

เมื่อเห็นไป๋ซวงทำความเคารพเขา แม้จะไม่ถูกธรรมเนียมทั้งหมด แต่ก็ไม่ถ่อมตนไม่ต่อต้าน

สีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย

จวินฉงจึงอดพิจารณานางเพิ่มไม่ได้

เขารู้ว่า เป็นนางที่ช่วยจิ๋วอิ่นไว้

และก็เป็นนาง ที่ช่วยคุ้มครองคนตลอดทางจนปลอดภัยกลับมา

พลังวิญญาณของนางสูงส่งล้ำลึกเป็นอย่างมาก ในมือยังกุมกระบี่เสินอิ่นไว้อีก

สตรีเช่นนี้จึงจะคู่ควรยืนเคียงข้างกายของจิ๋วอิ่น

ยังไม่นับที่นางให้กำเนิดซวี่เป่า เด็กน้อยที่แสนวิเศษคนนี้อีก

สายตาที่จวินฉงมองนาง จึงเมตตาขึ้นมาหลายส่วนอย่างอดไม่ได้

จากนั้น เขาก็หัวไปมองเจียงเถียนที่ร้องไห้อย่างน่าเวทนาอยู่ด้านข้าง

“ฮองเฮา เหตุใดเจ้าต้องพยายามสังหารพระชายาขององค์ชายเก้า”

คำพูดประโยคนี้ กลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม

และถือเป็นการยอมรับ ฐานะและตำแหน่งของไป๋ซวงไปในตัว

เจียงเถียนย่อมฟังออกได้ถึงความแตกต่างในน้ำเสียงของจวินฉง โทสะที่เป็นปมในใจจึงยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก

นางสะกดความไม่ยินยอมในใจลงไปอย่างยากลำบาก แหงนหน้าขึ้นมองจวินฉงอย่างน้อยใจ

“ฝ่าบาท เป็นนางที่ลงมือสังหารเฝิงหมัวมัวก่อน หลังเข้ามาในตำหนักเฟิ่งหลินชัด ๆ หม่อมฉันจึงสั่งให้องครักษ์ลงมือจับคนเพราะความโมโห”

“ฮองเฮาทรงมีโรคทางสายตาหรือ? คนที่ฆ่าเฝิงหมัวมัว คือองครักษ์หลวงชัด ๆ เหตุใดจึงโยนความผิดให้ข้าเล่า”

ไป๋ซวงเปิดปากพูดอย่างเย็นชา เก็บกระบี่เสินอิ่นลงในกำไลหยก จากนั้นชี้ไปที่ศพของเฝิงหมัวมัวที่อยู่ไม่ไกล

“ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัย เฝิงหมัวมัวผู้นั้นตายเพราะถูกพลังกดดันจนอวัยวะภายในแหลกสลาย และเมื่อครู่ที่ร่วมกันใช้พลังกดดัน ก็คือองครักษ์หลวง”

“ช่างวาจาเราะร้ายคมคาย แก้ตัวเก่งนัก”

เจียงเถียนมองไป๋ซวงอย่างเกรี้ยวกราด โมโหจนดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ

“หากมิใช่เพราะเจ้าแช่แข็งเฝิงหมัวมัวก่อน จะเกิดเรื่องในภายหลังตามมาได้อย่างไร?”

“ยายเฒ่านั่นไม่แยกแยะเหตุผล พึ่งเจอหน้าก็คิดจบลงมือตบข้า ที่ข้าไม่ได้ฆ่านางเดี๋ยวนั้น ก็ถือเป็นการไว้หน้าฮองเฮาแล้ว”

“ช่างโอหังเหลือเกิน!”

เจียงเถียนโมโหจนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง นางไม่เคยเห็นผู้ที่ผยองเช่นนี้มาก่อน

นางหันหน้าไปมองจวินฉงด้วยความโมโห

“ฝ่าบาท หรือเพราะองค์จะปล่อยให้นางหยิ่งผยอง ไร้เหตุผลต่อไปเช่นนี้หรือเพคะ? ที่นี่คือตำหนักเฟิ่งหลิน นางพกอาวุธ สังหารองครักษ์หลวง นี่มิใช่ความผิดที่มีโทษถึงตายหรือเพคะ?”

“ฮองเฮาอย่าได้กล่าวเกินจริงนัก!”

ในที่สุดจวินฉงก็เอ่ยปาก ในดวงตามีวี่แววของโทสะเล็กน้อย

“ข้ารับใช้ของเจ้ากล้าล่วงเกินชายาองค์ชายเก้า นางลงมือสั่งสอนก็เป็นเรื่องสมควร แต่เจ้าไม่ควรสั่งให้องครักษ์หลวงไปสังหารชายาองค์ชายเก้า และตอนที่นางนำกระบี่เสินอิ่นออกมา ยิ่งไม่ควรใช้องครักษ์ลับมาหมายจะสังหารนาง”

เมื่อจวินฉงพูดถึงตรงนี้ ความเย็นชาในดวงตาก็ยิ่งรุนแรง

“กระบี่เสินอิ่นได้เลือกนายแล้ว ต่อให้ถูกคนแย่งชิงไป ก็ไม่อาจใช้ได้ ตำแหน่งฮ่องเต้นี้ของข้า ผู้ใดต้องการก็จงใช้ความใช้ความสามารถของตน มาแย่งชิงอย่างสง่าผ่าเผย แต่หากให้ข้ารู้ว่า มีผู้ใดจิตใจคิดคด ทำร้ายพี่น้อง ข้าก็จะดับฝันในการชิงบัลลังก์ของมันผู้นั้นซะ”

จวินฉงกล่าวจบ ก็อุ้มซวี่เป่าหมุนกายจากไป

ในตอนที่หมุนตัวจากไปนั้น ก็เอ่ยปากกล่าวกับไป๋ซวงเบา ๆ ว่า

“ในเมื่อมาแล้ว ก็ไปกินอาหารเที่ยงเป็นเพื่อนข้าเถิด”

ซวี่เป่ารู้ว่าท่านแม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ขยิบตาให้ไป๋ซวงอย่างเบิกบาน

มือน้อย ๆ แอบชี้ไปที่กล่องอาหาร บอกท่านแม่ว่าเขาเอาน้ำแกงไก่มาด้วยแล้ว

ไป๋ซวงไม่ได้สนใจเจียงเถียน นางรีบตามจวินฉงกับบุตรชายไปทันที

จวินจิ๋วอิ่นมองเจียงเถียนที่โมโหจนตัวสั่น คุกเข่าดวงตาแดงก่ำอยู่กลางตำหนัก

เขาค่อย ๆ ยอบตัวลง เผยรอยยิ้มที่ทำให้คนขนลุกไปทั่วร่างออกมา

“หากท่านยังอยากเป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์อีกสักหลายปี ก็ไปบอกลูกชายของท่าน ให้เขาทำตัวสงบเสงี่ยมเก็บหางให้ดี ไม่เช่นนั้น ต่อให้เขามีเก้าหางคุ้มชีวิต ข้าก็จะค่อย ๆ ใช้มีดตัดหางของเขาออกทีละหาง แล้วเอากะโหลกของเขาไปแขวนไว้บนคานของตำหนักเฟิ่งหลิน”

จวินจิ๋วอิ่นยื่นมือออกมาทำท่าปาดคอ พร้อมหัวเราะออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม

หลังจวินจิ๋วอิ่นจากไป เจียงเถียนทั้งโมโหทั้งโกรธ

นางนั่งพังพาบลงกับพื้นหินชนวนในตำหนัก สองมือจิกพื้นอย่างแรง จนเกิดเสียงเสียดสีที่แหลมบาดหู

“จวินจิ๋วอิ่น! ช้าเร็วข้าต้องฆ่าเจ้าแน่!”

เหอะ ๆ…

ให้อาศัยความสามารถของตนไปแย่งชิงหรือ!

มีใครไม่รู้บ้างว่า หัวใจของจวินฉงเอนเอียงไปทางผู้ใด?

ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวินจิ๋วอิ่น มีครั้งใดบ้างที่เขาไม่เข้าข้างจวินจิ๋วอิ่น

บัดนี้ สตรีบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง

สังหารองครักษ์มากเพียงนั้นในตำหนักเฟิ่งหลินของนาง ทว่าท้ายที่สุดนางกลับกลายเป็นผู้ผิด!

รอไปก่อนเถอะ คอยดูว่าผู้ใดจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย…

ในตำหนักเฉาเยวี่ย จีหรงได้ให้คนเตรียมอาหารเที่ยงไว้เรียบร้อยแล้ว

เห็นจวินฉงอุ้มซวี่เป่าเดินเข้ามา โดยมีจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงติดตามอยู่ด้านหลัง

ก็เดินหัวเราะเข้าไป ยิ้มให้ไป๋ซวง

“ซวงเอ๋อร์มาแล้วหรือ ซวี่เป่าบอกว่าเจ้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย แม่ให้คนเตรียมไว้บางส่วนแล้ว รีบมาชิมดูเร็ว”

“ขอบพระทัยพระสนมเอก”

ไป๋ซวงขอบคุณอย่างเกรงใจ แต่จีหรงกลับแกล้งตีมือนางเบาๆ ด้วยความโมโห

“พระสนมเอกอะไรกัน เรียกเสด็จแม่สิ อยู่กับแม่ยังจะต้องเกรงใจอะไรอีก”

ความเป็นมิตรที่แสนกระตือรือร้นของจีหรง ทำให้ไป๋ซวงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง

นางชินกับการตัวคนเดียวแล้ว!

เมื่อก่อน ต้องข้ามไปทำภารกิจตรวจสอบในมิติต่างๆ อย่างไม่หยุดหย่อน

ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาอยู่ในสถานที่ที่ใช้ชีวิตไปอย่างเอื่อยเฉื่อยได้ จากนั้นก็อยู่ในภูเขาหลิงอิ่นกับซวี่เป่ามาอีกสี่ปี

จีหรงในตอนนี้อบอุ่นเป็นมิตรจนนางทำตัวไม่ถูก

แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านความเป็นมิตรของจีหรง แต่ในใจยังรู้สึกอบอุ่นอย่างมากด้วย

นางไม่ได้ตอบ ทว่ามุมปากยกขี้นเป็นรอยยิ้มบางๆ เดินตามจีหรงไปนั่งลงที่โต๊ะ

ซวี่เป่าเทน้ำแกงไก่ในกล่องอาหารออกมา ในตอนนั้นเอง กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่วห้อง

แม้แต่จวินฉงและจีหรงก็อดสูดไอร้อนนั้นเข้าไปหลายครั้งไม่ได้

“นี่เป็นน้ำแกงไก่ที่ผู้ใดทำกัน เหตุใดจึงได้หอมถึงเพียงนี้”

จีหรงพูดพลางอดเอ่ยปากชมไม่ได้

ซวี่เป่าตักใส่ชามเล็ก ๆ แล้ววางลงเบื้องหน้าของจีหรง พูดด้วยเสียงนุ่มนิ่มว่า

“นี่เป็นของที่ซวี่เป่าปรุงเพิ่มด้วยตัวเองเลยนะ พ่อครัวที่จวนของท่านพ่อ ฝีมือยังสู้ซวี่เป่าไม่ได้เลย”

ซวี่เป่ามีท่าทางแสนจะภาคภูมิใจ เขากำลังรอคำชมของท่านย่าอยู่

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงจีหรง แม้แต่จวินฉงก็หัวเราะออกมา

พวกเขาไม่เชื่อว่า เจ้าตัวเล็กที่อายุน้อยเพียงนี้ จะทำอาหารเป็น

“ถูกแล้ว ซวี่เป่าของเราเก่งที่สุดเลย”

คำชมที่ไม่ได้มาจากใจ ทำให้ซวี่เป่ารู้สึกหมดไฟในฉับพลัน

“พวกท่านไม่เชื่อซวี่เป่าหรือ?”

ซวี่เป่ารู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง เขากระโดดลงมาจากเก้าอี้ตัวน้อย เมื่อคว้ามือของจวินจิ๋วอิ่นได้ ก็มุ่งหน้าเดินออกไปทันที…

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 17  

    ในตำหนักของจีหรง มีห้องครัวเล็กอยู่ ในเวลานี้ ซวี่เป่ากำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวเล็ก บริเวณหน้าเตา จวินจิ๋วอิ่นกำลังหาเก้าอี้ม้านั่งตัวเล็ก ๆ มาให้เขาอย่างคุ้นชิน ซวี่เป่าเหยียบอยู่บนม้านั่งไม้ตัวน้อย ด้านหนึ่งตวัดกระบวยขนาดใหญ่ อีกด้านก็เติมเครื่องปรุงชนิดต่างๆ ลงไปไม่หยุด ท่าทางที่แสนชำนาญนั่น ทำให้จวินฉงและจีหรงปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจ “ซวี่เป่าทำอาหารเป็นจริง ๆ หรือ?” จีหรงแอบสะกิดแขนของจวินจิ๋วอิ่นอย่างอดไม่ได้ จวินจิ๋วอิ่นพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจเป็นที่สุด และกล่าวชมอย่างไม่ตระหนี่แม้แต่น้อยประโยคหนึ่งว่า “รสชาติยอดเยี่ยมเป็นที่สุดด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของจีหรงพลันเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมแล้ว จวินจิ๋วอิ่นเป็นคนที่พิถีพิถันอย่างมาก จะให้เขาชมว่ารสชาติเลิศล้ำได้ เทียบกับการขึ้นสวรรค์แล้วยังยากกว่าเสียอีก เดิมจีหรงยังคิดในใจว่า คำชมนี้น่าจะมาจากการที่จวินจิ๋วอิ่นหลงลูกมากเกินไป แต่เมื่อกลิ่นหอมนั่นลอยมา นางก็รู้ว่าตนเองผิดไปแล้ว กลิ่นหอมที่เย้ายวนนั่น แม้แต่จวินฉงก็ยังต้องแอบกลืนน้ำลาย เมื่ออาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อย จวินฉงและจีหรงพลันไม่สนใจสิ่งอื่

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 18  

    ไป๋ซวงขมวดคิ้วแน่น ในตอนที่แส้อยู่ห่างจากตัวนางครึ่งแขน ก็ยื่นมือออกไปจับหางแส้ไว้แน่น ความเยียบเย็นสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากมือนาง แส้ที่กำลังสร้างพายุหมุน พลันแข็งค้างอย่างกะทันหัน ตัวแส้เริ่มเปล่งแสงวูบวาบ ภายในชั่วพริบตา แส้ก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อไป๋ซวงออกแรงดึงไปด้านหลัง ผู้ถือแซ่ที่อยู่ทางนั้นก็ถูกลากเข้ามาในร้าน “บังอาจ” สตรีที่งดงามนางหนึ่ง สวมชุดที่ทอลายจากแพรไหมอันหรูหรา ซวนเซเข้ามาด้านใน ใบหน้าของนางประดับด้วยความโมโห ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายเยียบเย็น ไป๋ซวงแค่นเสียงเย็น โยนแส้ในมือทิ้งอย่างดูแคลน ทว่าในเสี้ยววินาทีที่นางปล่อยมือ ทั่วทั้งตัวแส้ก็แตกออกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วน ตกสู่พื้นดังเกรียวกราว! “เจ้ากล้าทำลายแส้ของข้า?” สตรีนางนั้นโมโหยิ่งกว่าเดิม หยิบกระบี่ยาวด้ามหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ จากนั้นก็ลอยตัวขึ้นอีกครั้ง แม้ไป๋ซวงจะไม่อยากสร้างปัญหา แต่ก็ไม่กลัวจะมีปัญหาเช่นกัน ในเมื่อมีคนมาวอนขอความเจ็บปวดถึงที่ นางย่อมไม่มีทางยั้งมือ กระบวนท่าของสตรีนางนั้นดุร้ายอย่างมาก มุ่งโจมตีจุดอ่อนของคนโดยเฉพาะ เมื่อไป๋ซวงเห็นเช่นนั้น ดวงตาก็เคร่งขรึมลงเรื่

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 19  

    เมื่อจวินจิ๋วอิ่นเห็นเช่นนั้น ก็รีบเบี่ยงตัวหลบทันที บ่าวรับใช้ข้างกายหนิงเซวียนเห็นเช่นนั้น ก็รีบก้าวเข้าไปประคองนาง จวินจิ๋วอิ่นรีบเดินไปเบื้องหน้าไป๋ซวง ชูนิ้วขึ้นฟ้า สาบานด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าสาบานว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางแม้แต่น้อย!” พูดจบ เขาก็มองไป๋ซวงอย่างระมัดระวัง “นี่เป็นเรื่องของท่านกับนาง ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!” ไป๋ซวงพูดจบก็ไม่สนใจอีกแล้วสาวท้าจากไป จวินจิ๋วอิ่นเห็นเช่นนั้น ก็รีบตามติดไปทันที หนิงเซวียนมองเขาอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็ร้องตะโกนออกมาอย่างขมขื่น “พี่ชายเก้า เหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้? เซวียนเอ๋อร์มีที่ใดที่สู้หญิงป่าเถื่อนนางนั้นไม่ได้กัน?” เมื่อจวินจิ๋วอิ่นได้ยินดังนั้น ก็จะชะงักฝีเท้าลงทันที เขาหันมามองหนิงเซวี่ยนที่ดูน่าเวทนาราวดอกสาลี่ในสายฝน “หญิงป่าเถื่อน?” ความโกรธที่ถูกซ่อนลงไปเพราะได้เห็นไป๋ซวงพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง และในยามนี้ ได้ไหลบ่าออกมาอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้อีกต่อไป เขาโบกมืออย่างกริ้วโกรธ พลังวิญญาณสายหนึ่งพุ่งออกไป ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนอง หนิงเซวียนที่แบกแขนขาดข้างหนึ่งไว้ก็ถูกเขาซัดกระเด็นออกไปทันที ร่างขอ

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 20  

    แม้แต่ซวี่เป่าก็ไม่สนใจแล้ว! หากไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากอย่างมาก เขาคงไม่มีทางทำใจแยกห่างจากซวี่เป่าแน่ ประกอบเรื่องที่เขาบาดเจ็บสาหัสจนตกลงไปในเขาหลิงอิ่น และการถูกไล่สังหารตลอดเส้นทางที่กลับมาเมืองหลวง แม้เขาจะไม่เอ่ยปากพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ไป๋ซวงรู้ว่า เขามิใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบง่าย ๆ! ในเมื่อจวินจิ๋วอิ่นไม่พูด ไป๋ซวงก็ไม่อยากจะรู้ เพราะถึงอย่างไรเมื่อสิบวันที่ตกลงกับซวี่เป่าไว้จบลง นางก็จะพาซวี่เป่าจากเมืองหลวงไป จวินจิ๋วอิ่นเห็นไป๋ซวงกินอย่างมีความสุข ก็นั่งลงที่ข้างกายของนางโดยไม่สนใจสิ่งอื่นบ้าง “สามเดือนก่อน เสด็จพ่อได้รับสารลับจากชายแดน มีคนต้องสงสัยว่าสมคบคิดกับแคว้นเป่ยเซิ่ง เพื่อทำให้เกิดสงครามที่ชายแดน ดังนั้นจึงส่งข้าไปที่ชายแดนอย่างลับ ๆ เพื่อสืบหาความจริง” เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชายแดน จวินฉงไม่วางใจคนอื่น จึงส่งจวินจิ๋วอิ่นไปแอบตรวจสอบอย่างลับๆ ส่วนข่าวที่เดิมลับเฉพาะอย่างมากนี้ กลับถูกคนทำให้รั่วไหลออกไป ดังนั้น นับตั้งแต่ที่จวินจิ๋วอิ่นออกจากเมืองหลวง ก็ถูกไล่สังหารไปตลอดทาง หากไม่ใช่พลังวิญญาณและวรยุทธ์ของเขาสูงส่ง

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 21  

    สี่ปี่ก่อนตอนที่พบกับจวินจิ๋วอิ่นครั้งแรก เป็นตอนที่ไป๋ซวงอ่อนแอที่สุด การไล่ล่าของทั้งฝ่ายธรรมและอธรรม ทำให้นางต้องใช้พลังวิญญาณไปเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ อาวุธลับที่ซัดใส่นางพวกนั้น ล้วนอาบยาสวาทฤทธิ์รุนแรงไว้ นางไม่ระวังถูกอาวุธลับเข้า จากนั้นยาสวาทก็เริ่มออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ไป๋ซวงไม่ต้องการตกอยู่ในเงื้อมมือของวิญญูชนจอมปลอมพวกนั้น ไม่อยากกลายเป็นเครื่องมือให้พวกเขาใช้ระบายอารมณ์และนำไปโอ้อวด ดังนั้น จึงกระโดดหน้าผาเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง ที่โชคดีก็คือ ระหว่างที่อยู่กลางอากาศ นางถูกกิ่งไม้ขวางไว้ครู่หนึ่ง และในตอนที่ตกลงมานั้น ก็เกือบกระแทกใส่จวินจิ๋วอิ่น เพื่อช่วยชีวิตตนเอง จวินจิ๋วอิ่นจึงรับนางไว้ และด้วยเหตุนั้น อาการบาดเจ็บภายในของจวินจิ๋วอิ่นจึงร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ จวินจิ๋วอิ่นไม่รู้ว่า คนที่เขาช่วยไว้ คือนางที่วิญญาณทะลุมิติมา ตอนที่ไป๋ซวง เจ้าของร่างเดิมตกลงมาแล้วถูกกิ่งไม้ขวางไว้ นางก็ตายอย่างอนาถไปแล้ว ส่วนตัวนางที่ถูกยาสวาททรมานจนสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว ยังจะมีทางเลือกใดอีก เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน คนทั้งสองก็นึกถึงเร

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 22  

    “เจ้ารู้หรือไม่ว่า นางมารนั่นฆ่าคนของตระกูลไป๋ของเราไปเท่าใด? ในเมื่อนางไม่ตาย ข้าผู้เป็นประมุขตระกูล ก็จะแก้แค้นแทนลูกหลานตระกูลไป๋ที่ตายไปเอง ไป๋หงหย่วน ข้าจะต้องทำให้ไป๋ซวงมีชีวิตอยู่ในสภาพเลวร้ายยิ่งกว่าพวกเจ้าเป็นหมื่นเท่า ” ภาพเหตุการณ์ที่ไป๋ซวงใช้เลือดล้างตระกูลไป๋ ปรากฏขึ้นในสมองของชายชุดครามอีกครั้ง เขาเป็นไป๋เส้าเจี๋ย ผู้เดียวที่รอดจากเหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูลในครั้งนั้น  เพราะท่านพ่อได้ผลักเขาเข้าไปในห้องลับด้วยความแตกตื่น แม้เขาจะไม่ได้เห็นไป๋ซวงฆ่าคนด้วยตาตนเอง ทว่าเขาได้เห็นสภาพที่เลวร้ายที่สุดหลังตระกูลไป๋ถูกฆ่าล้างตระกูล แขนและขาที่ตัดขาด ซากศพที่ไม่สมบูรณ์เกลื่อนไปทั่วลาน โลหิตแทบจะนองรวมกันเป็นสายน้ำ ที่แช่ทั้งเรือนไว้ ไป๋เส้าเจี๋ยก้าวเข้าหาไป๋หงหย่วนอย่างช้า ๆ มองเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาไม่หยุด จากจุดที่กระดูกสะบักถูกแทงจนทะลุ ในไม่ช้า ก็ทำให้พื้นใต้ร่างของเขาเปียกโชกไปหมด เขาจ้องไปที่ไป๋หงหย่วนอย่างอำมหิต ใช้นิ้วบีบคางของเขาไว้อย่างรุนแรง “ไม่เพียงแค่ไป๋ซวง ยังมีไป๋เฉินกับเจ้า ข้าจะจับพวกเจ้าแต่ละคนไปตอกตะปูไว้หน้าหลุมศพของบรรพบุรุษสกุลไป๋ ให้พวกเจ้าไ

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 23  

    ผู้ที่มาแจ้งข่าวคือหลิ่วกงกง ขันทีที่อยู่ข้างกายจวินฉง เมื่อได้จวินจิ๋วอิ่นได้ยินเช่นนั้น ก็รีบลากไป๋ซวงขึ้นรถม้าที่ใช้เข้าวังทันที ระหว่างทาง ฟังหลิ่วกงกงเล่าว่า ซวี่เป่าผลักบุตรชายที่เกิดจากพระชายาขององค์ชายใหญ่ ลงมาจากภูเขาจำลองในอุทยาน เพิ่งเดินเข้าไปในอุทยานหลวง ไป๋ซวงก็ได้ยินเสียงร้องดังด้วยความเจ็บปวดอย่างมากดังเป็นระยะ มีทั้งของเด็กและของสตรี “เสด็จแม่ เจ็บจังเลยพ่ะย่ะค่ะ เซวียนเอ๋อร์ใกล้จะตายแล้วใช่หรือไม่!” “เสวียนเอ๋อร์เป็นเด็กดีนะลูก หมอหลวงกำลังตรวจอาการให้เจ้า อีกประเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” ผู้เป็นเด็กน้อยร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ส่วนฝ่ายสตรีก็ร้องไห้อย่างอดกลั้นและปวดใจ ไป๋ซวงอดเร่งฝีเท้าไม่ได้ หมอหลวงผู้นั้นเพิ่งวางมือลงข้างเท้าของเด็กชายเบาๆ ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด เด็กชายผู้นั้นก็ร้องไห้อย่างน่าสงสารยิ่งกว่าเดิมแล้ว “เจ็บ เสด็จแม่ข้าเจ็บ” “องค์ชายน้อยเซวียน มือของข้ายังไม่ได้สัมผัสถูกบาดแผลของท่านเลย ท่านโปรดอดทนสักหน่อยเถิด” “ไม่เอา เจ้าหมอไม่ได้ความ ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว!” จวินอวิ๋นเซวียนด้านหนึ่งร้องไห้ อีกด้านก็ชี้มือด่าทอหมอหลวง ราวกับนั่นยังไม่เ

    Last Updated : 2024-11-05
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 24  

    นางคุกเข่าลงต่อหน้าจวินฉง หลั่งน้ำตาลงมาเป็นสาย “เสด็จพ่อ พระองค์ก็ทรงได้ยินแล้วว่า เป็นซวี่เป่าจงใจผลักเซวียนเอ๋อร์ลงมาจากภูเขาจำลอง เขาต้องการฆ่าเซวียนเอ๋อร์ ขอเสด็จพ่อทรงตัดสินด้วยเพคะ” จวินฉงก็คิดไม่ถึงว่า จะเป็นซวี่เป่าที่ผลักคนลงมาจากภูเขาจำลองจริงๆ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็จินตนาการไม่ออกว่า ซวี่เป่าที่สดใส ไร้เดียงสา น่ารัก และเปี่ยมไปด้วยมีชีวิตชีวา จะทำเรื่องที่เกินขอบเขตไปมากเช่นนี้ พระชายารุ่ยเห็นจวินฉงเกิดความลังเลขึ้นมา ก็รีบร้องทุกข์ต่อทันที “เสด็จพ่อ ซวี่เป่าเพิ่งอายุยังน้อยก็จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้ว จะต้องเป็นเพราะเมื่อก่อนไม่ได้รับการอบรมที่ดีแน่ ในเมื่อบัดนี้ ซวี่เป่าเข้าวังมาแล้ว ก็ขอเสด็จพ่อโปรดเพิ่มการอบรมสั่งสอน เพื่อป้องกันไม่ให้ในอนาคต เขาเดินทางผิดจนไม่อาจแก้ไขด้วยเถิดเพคะ” เมื่อพระชายารุ่ยกล่าวจบ จวินฉงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงของไป๋ซวงดังมาอย่างเย็นชา “พระชายารุ่ยทรงดูแลบุตรของท่านก็พอแล้ว ส่วนอนาคตของซวี่เป่าจะเป็นอย่างไร เรื่องนั้นก็ไม่ขอรบกวนให้พระชายารุ่ยมากังวลแล้ว” เมื่อไป๋ซวงกล่าวจบ ข้ารับใช้ในวังก็เปิดทางให้นางทันที เมื่อซวี

    Last Updated : 2024-11-05

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 80

    รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 79

    ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 78

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 77

    “พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 76

    ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 75

    “รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 74

    “เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 73

    จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 72

    พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ

DMCA.com Protection Status