Share

บทที่ 98

Author: ฉินอันอัน
แขกคนอื่นๆ ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา คนละคำสองคำเช่นกัน

“นั่นสิ กลับมาหาครอบครัว พิธีรับญาติยังไม่ทันเสร็จ ศาลบรรพบุรุษก็ไหม้ขึ้นมาแล้ว คุณหนูใหญ่ผู้นี้ คงมิใช่สิ่งอัปมงคลอะไรหรอกนะ?”

“หรืออาจไปโดนของสกปรกอะไรเข้าก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้น จะบังเอิญถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ล้วนเข้าไปถึงหูของนางหวัง

นางหวังโมโหจนปวดท้อง จึงหันไปถลึงตาใส่ชีหยวนอย่างไม่ปรานี

ผู้คนต่างกังวลใจ และมีความคิดเห็นมากมาย เวลานี้ สายตาที่สตรีบางคนในกลุ่มนี้มองชีหยวน เริ่มไม่ปกติขึ้นมาแล้ว

สายตาขององค์หญิงใหญ่ทอดลงบนตัวชีหยวน เมื่อเห็นนางสงบมั่นคง มิได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ก็อดชื่นชมอยู่ในใจก่อนมิได้

เรื่องอื่นยังไม่พูดถึง การที่อายุเท่านี้ก็มีความสุขุมใจเย็นเช่นนี้ได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง

นางมองไปยังสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้า ถามนางเบาๆ ว่า “เจ้าไม่กลัวหรือ?”

ชีหยวนเงยหน้าขึ้นมามองนางแล้วยิ้มออกมา ในตอนที่นางยิ้มออกมานั้น ดวงตาของนางสุกสกาวราวกับดวงดาว จากนั้น นางก็กะพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “เมื่อไม่ได้ทำผิดอันใด ย่อมมิกลัวผีร้ายมาเคาะประตู หม่อมฉันไม่กลัวดอกเพคะ”

แม่นมเจียงและอ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 99

    ไฟที่ไหม้อยู่ในศาลบรรพบุรุษ ทำให้แขกในเรือนส่วนหน้ากว่าครึ่งแสดงความเจตจำนงที่จะไปช่วยไปดับไฟเพราะไม่ว่าอย่างไร เมื่อมาเป็นแขกที่จวนของผู้อื่นแล้วพบเรื่องแบบนี้เข้า จะเอาแต่นั่งเป็นห่วงโดยไม่ทำสิ่งใด ก็ออกจะไม่เหมาะนักทว่า ท่านโหวผู้เฒ่ากับชีเจิ้น จะให้แขกเหรื่อทั้งหลายไปได้อย่างไร?ต่างพากันรีบหยุดพวกเขาไว้ บอกว่าคนจากกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครและหน่วยลาดตระเวนล้วนมากันแล้ว อีกไม่นานก็จะสามารถดับไฟได้แล้วและในความเป็นจริง สิ่งที่ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นพูดก็ถูกต้องอย่างมาก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครและหน่วยลาดตระเวน ก็ร่วมมือกันดับไฟลงได้จริงๆทั้งท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้น ล้วนพากันถอนใจอย่างโล่งอกโดยเฉพาะท่านผู้เฒ่าที่ถามออกมาทันทีว่า สถานการณ์เป็นเช่นใดแล้ว? ป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษไม่เป็นไรกระมัง?”หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา นั่นก็จะเป็นเรื่องชวนให้หดหู่อย่างแท้จริงชีเจิ้นรีบเชิญผู้บัญชาการของกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครเข้ามา ผลคือ ทันทีที่ใต้เท้าหยวนเข้ามาก็กล่าวว่า “ท่านโหวเพลิงไหม้ของพวกในครั้งนี้ มิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ”......หมายความว่าอย่างใดก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 100

    ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เกาเจียก็รีบเร่งฝีเท้าเข้ามาปลอบประโลมนางหวัง “ฮูหยิน ไฟด้านหน้าถูกดับลงหมดแล้วเจ้าค่ะ ยามนี้ไม่มีปัญหาใดแล้วเจ้าค่ะ!”ขอบคุณฟ้าดิน!นางหวังพนมมือขึ้นท่องชื่อองค์พระอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เชิญองค์หญิงใหญ่ให้ไปชมการแสดงงิ้วที่เรือนด้านหน้าองค์หญิงใหญ่มองชีหยวนอย่างอบอุ่น พลางตบหัวของชีหยวนเบาๆ “ช่างเถอะ ข้ามิได้ฟังงิ้วมานานหลายสิบปีแล้ว ยามนี้ ไม่มีความสนใจต่อสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว เมื่อมาเยือนและได้พบกับสาวน้อยผู้นี้แล้ว ก็ให้จบเพียงเท่านี้เถิดนี่หมายความว่าจะจากไปแล้วลู่ฮูหยินเม้มปาก รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ช่างให้เกียรติยัยเด็กนี่เหลือเกิน ก็ไม่รู้ว่าที่แท้เด็กผู้นี้มีสิ่งใดพิเศษกันแน่หานเยว่เอ๋อร์กลับขมวดคิ้วเบาๆเพลิงไหม้ในครั้งนี้รุนแรงถึงเพียงนี้ องค์หญิงใหญ่กลับไม่ทรงรู้สึกว่า นี่เป็นความอัปมงคลที่ชีหยวนนำพามาเลยหรือ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ภรรยาของหลิวจงก็กลับมาจากด้านนอกอีกครั้ง นางกล่าวกับนางหวังเบาๆ ว่า “ฮูหยิน ท่านโหวให้เชิญคุณหนูใหญ่และคุณหนูหานไปทางนั้นสักรอบเจ้าค่ะ”อะไรนะ?นางหวังตกตะลึง มองไปที่หานเยว่เอ๋อร์อย่างไม่คาดคิดอยู่บ้าง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 101  

    หานเยว่เอ๋อถลึงตาจ้องชิงซงอย่างไม่อยากเชื่อ หากว่ามีมีดสักเล่มอยู่ในมือตอนนี้ นางคงถือมีดเล่มนั้นแทงชิงซงให้ตายโดยไม่ลังเลไปแล้วจริง ๆ สวะ ชั้นต่ำ! เขาวางเพลิงเสร็จแล้ว จะหลบหนีไปเลยก็ย่อมได้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเจอตัวอยู่แล้ว แต่เขามิเพียงถูกจับได้ บัดนี้ยังลากตนเองไปรับเคราะห์ด้วยอีก! นางร่ำไห้ทันที “ท่านลุง ข้าจะบังอาจได้อย่างไรเจ้าคะ?!” แขกเหรื่อจำนวนมากล้วนอยู่กันพร้อมหน้า ยิ่งไปกว่านั้นชีหยวนก็กำลังมองอยู่ด้านข้าง หานเยว่เอ๋อตัดสินใจคุกเข่าลงกับพื้นทันที พลางคลานเข่าไปหาชีเจิ้น คว้าเสื้อคลุมของชีเจิ้นไว้และร่ำไห้คร่ำครวญ “ท่านลุง บิดาของข้าตายในสมรภูมิ เพื่อจะฮุบเอารางวัลและที่ดินของบิดาข้าไป บรรดาญาติพี่น้องในตระกูลคนอื่น ๆ ล้วนอยากจะกินเลือดกินเนื้อข้าทั้งสิ้นเจ้าค่ะ…” สีหน้าของทุกคนต่างดูค่อนข้างเหลืออด งานเลี้ยงพบญาติครั้งนี้ ชีเจิ้นเชิญคนจากในกองทัพมาด้วยไม่น้อย ถึงอย่างไรตัวเขาเองก็มีศักดิ์ฐานะอยู่ในกองทัพ สหายสนิทจำนวนไม่น้อยบัดนี้ยังคงรับราชการอยู่ในกองทัพเช่นกัน และคนเหล่านี้โดยส่วนมากล้วนรู้จักกับบิดาของหานเยว่เอ๋อ ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ด้วยว่าเหตุใด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 102  

    ภายในห้องของนางมีสิ่งที่มิอาจให้ผู้ใดเห็นได้อยู่จริง ๆ ท่านโหวผู้เฒ่าสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ก็ประสานมือคำนับต่อทุกคน และกล่าวอย่างขึงขังจริงจัง “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ ในวันนี้ต้องขออภัยทุกท่าน ที่ทำให้ทุกท่านต้องมาทนเห็นเรื่องวุ่นวายแล้ว ด้วยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศาลบรรพบุรุษตระกูล และรากฐานกิจการของบรรพชน ข้าจึงจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบละเอียดยิ่งขึ้นสักหน่อย” ชายชรากล่าวอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ชี้ให้เห็นว่าเรื่องใหญ่เกินไป มิอาจมองข้ามข้อสงสัยเล็กน้อยใด ๆ ได้ทั้งสิ้น และทุกคนก็มิได้มีข้อโต้แย้งใดจะเอ่ยออกมา ผู้คนล้วนแต่ออกปากว่าเห็นด้วย “เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องธรรมดา” ท่านโหวผู้เฒ่าประสานมือทำความเคารพอีกครั้ง “ข้าขอให้สัตย์ปฏิญาณ ณ ที่แห่งนี้ หากบ่าวรับใช้ในเรือนจงใจป้ายความผิด ปรักปรำแม่นางหาน ข้าจะขอคุกเข่าก้มกราบขอโทษนางด้วยตนเอง และจะเตรียมพิธีวิวาห์ให้นางประหนึ่งเป็นหลานสาวของตนเอง!” พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว แก้ปัญหาเช่นนี้ใครก็หาข้อตำหนิไม่ได้ ทุกคนล้วนมองหานเยว่เอ๋อด้วยท่าทางครุ่นคิด หานเยว่เอ๋อกระวนกระวายจนแม้แต่โลหิตในกายยังเหมือนถูกแช่แข็งไปด้วย สายลมใน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 103  

    หานเยว่เอ๋อแทบจะเสียสติไปแล้ว! วันนี้มันวันวิปโยคอะไรกัน อุบายทั้งหมดล้วนไม่เป็นไปตามความคิดของนางเลยสักอย่าง ชิงซงวางเพลิงสร้างความวุ่นวายเอิกเกริกใหญ่โตแล้ว แต่กลับมาแว้งกัดใส่ร้ายตนเอง ยืนกรานหนักแน่นว่าตนเองเป็นคนสั่งให้เขาไปวางเพลิง! แล้วชีเจิ้นยังสั่งให้คนไปรื้อค้นตรวจสอบห้องของนางด้วย จดหมายเหล่านี้… นางเอื้อมมือไปหยิบกระดาษจดหมายขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ทันทีที่ได้อ่านดวงตาก็เบิกโพลงทันที ร้องเสียงหลงอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ไม่! นี่ข้าไม่ได้เขียน! นี่ไม่ใช่จดหมายที่ข้าเขียน!” นางคว้าขึ้นมาอ่านทีละใบ ตกใจจนหน้าถอดสี เป็นไปได้อย่างไร? จดหมายเหล่านี้นางทำลายทิ้งไปหมดแล้ว นางมั่นใจว่าตัวนางเองได้ทำลายมันทิ้งไปหมดแล้ว! ถูกหลิวจงค้นเจอได้อย่างไร? หลิวจงไปเอามาจากไหน? ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ มีแค่นางกับท่านอ๋องเท่านั้นที่รู้! ต่อให้มีใครบางคนต้องการจะให้ร้ายนาง ก็ไม่ควรรู้รายละเอียดเหล่านี้ มิหนำซ้ำยังรู้ละเอียดถึงเพียงนี้ด้วย ไม่จริง เป็นไปไม่ได้! หลังท่านโหวผู้เฒ่าอ่านจดหมายเหล่านั้นด้วยความเงียบขรึมจบแล้ว ก็มองหานเยว่เอ๋อนิ่ง ๆ “พวกข้าทั้งครอบครัวปฏิ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 104  

    นางเริ่มรับรู้ได้รางๆ ว่าเรื่องทุกอย่างมันอยู่นอกเหนือการควบคุมไปหมดแล้ว ชิงซงแผดเสียงร่ำไห้ออกมา “แม่นางหานกล่าวว่า วางเพลิงเผาศาลบรรพบุรุษแล้ว ก็จะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมา เมื่อถึงยามนั้นนางจะรีบบุกเข้าไปนำป้ายวิญญาณบรรพบุรุษออกมา และคนทั้งตระกูลจะต้องเคารพนางสรรเสริญนาง! และเมื่อถึงยามนั้นคุณหนูใหญ่ก็จะกลายเป็นดาววิปโยคขอรับ และในตระกูลจะต้องเลือกให้นางได้แต่งแก่ท่านอ๋องฉีเท่านั้นขอรับ!” สีหน้าของเสนาบดีหลูพลันแปลกประหลาดขึ้นมา สีหน้าของทุกคนที่มองไปยังหานเยว่เอ๋อล้วนดูแปลกประหลาดและลึกซึ้งขึ้น ทำคุณบูชาโทษจริง ๆ เลี้ยงดูด้วยอาหารเครื่องดื่มชั้นดีเพียงนั้น ทั้งที่ควรจะได้มิตรไมตรี กลับได้ศัตรูคู่อาฆาตออกมาแทน เพื่อหาเหตุผลให้ได้สมรสกับอ๋องฉี ต้องทำถึงขั้นวางเพลิงเผาศาลบรรพบุรุษของคนอื่นเชียวหรือ นางคิดออกมาได้อย่างไร! หลักฐานแน่นหนาดุจขุนเขา ไม่มีทางโต้แย้งได้แล้ว ท่านโหวผู้เฒ่าโกรธจนหน้าสั่น “ใครก็ได้! ใครก็ได้! ในเมื่อนางกับอ๋องฉีต่างมีจิตใจเชื่อมสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนจดหมายสื่อรักกันแล้ว พวกข้าก็มิบังอาจขอให้นางอยู่ต่อในตระกูลได้อีก!” เขาหัวเราะอย่างขมขื่น

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 105  

    อ๋องฉีรู้สึกมีเสียงระเบิดดังก้องอยู่ในหัว ถึงขั้นคิดว่าตนเองคงหูฝาดไปแล้ว เขาไม่รอให้ขันทีสวีขยับมือ ก็เดินมาถึงหน้าประตูด้วยตนเองก่อนจะกระชากประตูเปิดดังโครม ถามด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “เจ้าว่าอย่างไรนะ?” จินเป่าไม่กล้าแม้แต่เงยหน้ามองสีหน้าของท่านอ๋องตนเอง ตัวเย็นวาบขึ้นมา เอ่ยปากชี้แจงอย่างระมัดระวังด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ทะ…ท่านอ๋อง หย่งผิงโหว หย่งผิงโหวนำตัวแม่นางหานมาส่งด้วยตนเองแล้วพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้กำลังรออยู่ที่ประตูใหญ่ของจวนพวกเรา…” อ๋องฉีแยกตัวออกมาปลูกจวนนอกเขตวัง และจวนอ๋องของเขาก็ยังอิงตามระบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ใกล้กับจวนองค์หญิงและอ๋ององค์อื่น ๆ ทั้งหมดล้วนอยู่ใกล้เขตวังหลวง อย่างเช่นอ๋องโจว อ๋องอู๋ก็อยู่ข้างจวนเขาและอยู่ตรงข้ามจวนเขา และถัดไปอีกหน่อยก็เป็นจวนขององค์หญิงอีกหลายพระองค์ ดังนั้นก็หมายความว่า เรื่องที่ชีเจิ้นพาตัวหานเยว่เอ๋อมาที่หน้าประตูใหญ่ อีกไม่นาน ก็ต้องถูกลือไปทั่วแล้ว! “บังอาจ!” อ๋องฉีไม่สนแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตำหนิจินเป่าด้วยเสียงกราดเกรี้ยวว่า “เจ้าพวกสวะ! ไม่รู้จักพาคนเข้ามาด้านในก่อนหรือ?!” ต่อให้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่การที

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 106  

    นี่คิดจะทำอะไรกันแน่!? ลำพังแค่คิดว่าทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนถูกอ๋องฉีจับตาดูอยู่ เขาก็รู้สึกครั่นคร้ามขึ้นมาแล้ว เขาเองก็เคยลังเลว่าเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องเล็กลงได้ และจะหายไปในที่สุดหรือไม่ แต่ชีหยวนเตือนเขาแล้ว ขณะนั้นมีคนอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก บรรดาแขกเหรื่อต่างรู้แล้วว่าสาเหตุที่ไฟไหม้ศาลบรรพบุรุษขึ้นมาก็เป็นเพราะหานเยว่เอ๋อ และรู้ด้วยว่าหานเยว่เอ๋อและอ๋องฉีเขียนจดหมายส่งถึงกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ตระกูลชีอยากจะกดมันลงไปปิดไว้ให้มิดชิดสักเพียงใด ก็กดมันลงไปไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตระกูลชีจะพยายามกดมันลงได้สำเร็จแล้ว ถึงกระนั้นตนเองก็ต้องอดทนกลืนความเจ็บช้ำไว้อยู่ดี แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง อ๋องฉีเขาจะเชื่อหรือ? เขาจะเชื่อหรือว่าตระกูลชีจะไร้ซึ่งความรู้สึกโกรธแค้น? ในเมื่อทางไหนก็ไม่เป็นผลดีแล้ว เช่นนั้นเหตุใดไม่บีบให้อีกฝ่ายยอมแพ้ก่อนเสียเลยเล่า? พวกเขาตระกูลชีก็มิใช่ผลพลับอ่อนที่จะยอมให้ใครมาบีบเล่นก็ได้! เขาผลักหานเยว่เอ๋อไปด้านหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ท่านอ๋อง ถ้อยคำนี้ควรจะเป็นข้าน้อยมากกว่าที่ถาม! ข้าน้อยต้องการถามว่

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 196  

    กลับกัน นางมีความเก่งกาจโดดเด่นมาโดยตลอดจนเรียกว่าแข่งกับองค์หญิงลั่วชวนในทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งการเล่นตีคลีก็เช่นกัน งานแข่งตีคลีครั้งนี้ นับเป็นการลงสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการหลังพิธีปักปิ่นของพวกนางสองคน ทั้งคู่ต่างแบ่งกลุ่มมาก่อนเรียบร้อยแล้ว บัดนี้หลิ่วหมิงจูกำเริบเสิบสานไร้ความยำเกรง ในสายตาขององค์หญิงลั่วชวนมองแล้วชัดเจนว่าจงใจยั่วโทสะอย่างไม่ต้องสงสัย หลิ่วหมิงจูกลั้วหัวเราะเสียงเบา: “ชนะข้า? องค์หญิง หากท่านคิดอยากจะชนะข้า…ชนะคนอื่นให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด” สีหน้าของนางดูราบเรียบ เอ่ยด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม: “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชีแห่งจวนหย่งผิงโหว ได้รับการชี้แนะอบรมโดยตรงจากองค์หญิงใหญ่ ฝีมือการขี่อาชาเรียกว่าโดดเด่นไม่เป็นรอง หากองค์หญิงสามารถเอาชนะนางได้ ข้าก็จะยอมรับความพ่ายแพ้ โดยที่ไม่ต้องแข่งขัน เช่นนั้นเป็นอย่างไร?” แต่ไหนแต่ไรมาองค์หญิงใหญ่โปรดปรานการเล่นตีคลีเป็นที่สุด แม้แต่บรรดาพระเชษฐาอย่างอ๋องโจวและอ๋องอู๋ยังไม่สามารถเอาชนะนางได้ ดังนั้นได้ยินหลิ่วหมิงจูเอ่ยเช่นนี้ขึ้น องค์หญิงลั่วชวนก็ขมวดคิ้วขึ้นและโพล่งถามออกไปทันใด: “ใครกัน?

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 195  

    งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจวมิได้จัดขึ้นที่จวนอ๋องโจวจริง ๆ ทว่าจัดที่เรือนพักนอกเมืองของจวนอ๋องโจว ซึ่งอยู่นอกเขตเมืองหลวง และต่อให้จวนในเมืองหลวงจะใหญ่โตกว้างขวางสักเพียงใด ทว่าจะสร้างสนามตีคลีขึ้นสักหนึ่งสนามนั้นก็ค่อนข้างลำบากเกินไปอยู่ดี แต่กับนอกเขตเมืองหลวงนั้นแตกต่างกัน สนามตีคลีของจวนอ๋องโจวใหญ่จนน่าอัศจรรย์ใจ อีกทั้งรอบข้างยังสร้างที่นั่งซึ่งมีลักษณะเป็นขั้นบันไดไล่ขึ้นไปจากต่ำไปสูง เพื่อให้ผู้ชมสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในสนามแข่งขันได้จากทุกทิศทาง ตอนที่ฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปถึง บรรยากาศในงานยังไม่เร่าร้อนคึกคัก นางพาชีหยวนไปกล่าวทักทายพระชายาโจวก่อน พระชายาโจวกำลังยุ่ง อันที่จริงเหตุผลที่ส่งเทียบเชิญให้ตระกูลชี พูดตามตรงแล้วก็เป็นเพราะว่าเห็นแก่หน้าฮูหยินซื่อจื่อฉู่กั๋วกงซึ่งเป็นพี่สาวผู้พี่ของนางต่างหาก และแน่นอนว่านางไม่มีความจำเป็นจะต้องลดเกียรติลงไปสนทนากับชีหยวนด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เองกระทั่งฮูหยินรองชีทำความเคารพแล้ว นางไม่แม้แต่มองให้ชัดเจนด้วยซ้ำว่าชีหยวนรูปโฉมโนมพรรณเป็นอย่างไร เพียงแต่อมยิ้มพลางเอ่ยกับฮูหยินรองชีว่า: “พวกเด็ก ๆ ต่างอยู่ในตำหนักเถาฮวาอู้ที่ลาน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 194  

    เซียวอวิ๋นถิงจ้องมองชีหยวนอยู่ครู่ใหญ่: “ไฉนชีวิตเจ้าจะต้องต่ำต้อยไร้ค่า?” ในน้ำเสียงของเขาเจือด้วยโทสะที่ปกปิดไม่มิด นั่นกลับทำให้ชีหยวนที่ตอนแรกยังอยู่ในความตื่นเต้นฮึกเหิมสงบลง นางลูบปอยผมของตนเองที่หลุดลงมาอย่างสุขุมเยือกเย็น: “ข้าน้อยพูดผิดไปแล้ว ขอบคุณท่านอ๋องที่ชี้แนะ ข้าน้อยจะจดจำใส่ใจเจ้าค่ะ” นางสำนึกผิดรวดเร็วเพียงนี้ ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุผลใดโทสะแต่เดิมที่ไม่รู้มาจากไหนของเซียวอวิ๋นถิงกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมา ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ประโยคนั้นที่ว่าชีวิตต่ำต้อยหนึ่งชีวิตของข้า กลับทำให้สายใยบางอย่างในใจของเขาสั่นไหวขึ้นมา ความรู้สึกอึดอัดแล่นพล่านอยู่ภายในใจของเขา ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง พลางจ้องชีหยวนและกล่าวว่า: “เจ้าอย่าเอาตัวไปเสี่ยงอันตราย หากมีเรื่องอันใด ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้” ชีหยวนไม่ตอบกลับ เรื่องราวในชาตินี้ไม่มีอะไรแน่นอน พึ่งพิงขุนเขาขุนเขาก็อาจจะถล่มลงมา สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพิงได้ มีเพียงตนเอง เพียงแต่เรื่องแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปโต้เถียงกับผู้ใดอีกแล้ว นางยิ้มพลางกล่าวขอบคุณในน้ำใจและความหวังดีของเซียวอวิ๋นถิง จากนั้นค่อยเล่าข้อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 193  

    เซียวอวิ๋นถิงขมวดคิ้วพลางจ้องมองชีหยวนซึ่งอยู่ตรงหน้า เห็นนางยังผงกศีรษะ ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “ที่แห่งนั้นไม่เหมาะกับเจ้า!” กลัวว่าชีหยวนจะคิดเรื่องนี้ง่ายดายเกินไป เซียวอวิ๋นถิงจึงเอ่ยปากแนะนำด้วยเสียงเคร่งขรึม: “พูดถึงอ๋องโจว ก็เป็นท่านปู่น้อยของข้า เขาเป็นพี่น้องร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเสด็จปู่ของข้า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งนัก และด้วยเหตุผลนี้ พระธิดาของเขาจึงได้รับความรักความโปรดปรานเป็นที่สุด นับแต่เยาว์วัยก็ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงลั่วชวนแล้ว อีกทั้งยังได้รับการเลี้ยงดูในวังหลวงโดยไทเฮาด้วย” ชีหยวนเพียงส่งเสียงอืมรับคำ นางรู้อยู่แล้ว “องค์หญิงที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาอย่างสูงศักดิ์เลิศล้ำเช่นนี้ ในสายตาในหัวใจยอมรับได้เพียงแค่พวกนางกันเองเท่านั้น” เซียวอวิ๋นถิงกลัวว่าชีหยวนจะไม่เข้าใจ ก็อธิบายคำพูดเมื่อครู่ให้ชัดเจนกระจ่างขึ้นอีกหน่อย: “ข้าบอกเจ้าง่าย ๆ แล้วกัน บรรดาดรุณีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง สามารถแบ่งคร่าว ๆ ออกมาได้ห้าลำดับขั้น ลำดับขั้นแรก แน่นอนว่าต้องเป็นเหล่าองค์หญิงของราชสำนักอย่างเช่นองค์หญิงลั่วชวน องค์หญิงเสียนหนิงกลุ่มนั้น ส่วนอั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 192  

    นางไม่พูดมากไปกว่านี้แล้ว เพียงแต่บอกให้พวกชีเจิ้นและท่านโหวผู้เฒ่าวางใจ มีลูกหลานที่มีความสามารถเก่งกาจเกินไปก็มิใช่เรื่องน่ายินดีอะไรนัก เพราะเมื่อใดที่เราอยากเป็นผู้ตัดสินใจบ้างก็เป็นเรื่องที่ยากมากเกินไปจริง ๆ ทั้งท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี หนนี้กลับเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่รู้สึกยินดีอย่างถึงที่สุด: “ให้น้าสะใภ้รองของเจ้าพาเจ้าไปสิ! ข้าจะให้คนไปตัดอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เจ้า เมื่อถึงยามนั้นเจ้าจงเที่ยวเล่นให้เบิกบานใจ” เที่ยวเล่นให้เบิกบานใจ… ชีเจิ้นคล้ายจะเอ่ยบางอย่างแต่ชะงักไป ชีหยวนกลับผุดยิ้มพลางกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าชี จากนั้นก็หยัดกายขึ้นและกลับไปที่หอหมิงเยว่ ครั้นกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เหลียนเฉียวมารออยู่หน้าประตูเรือนได้พักหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นนางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะสืบเท้าเดินเข้าไปหาอย่างรีบร้อน: “คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!” จากนั้นก็กดเสียงลงเอ่ยว่า: “ท่านอ๋องอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” นางแทบจะตกใจตายให้ได้เลยจริง ๆ ก่อนหน้าตอนที่นางเข้าไปในห้อง ครั้นเห็นเซียวอวิ๋นถิงนั่งอยู่ข้างหน้าต่างในตอนนั้น ก็เกือบจะตกใจตายแล้ว ช่วงนี้มันอย่าง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 191  

    ครั้นได้รับเทียบเชิญ คนทั้งตระกูลชีต่างรู้สึกประหลาดใจและไม่มั่นใจเล็กน้อย สาเหตุเพราะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นในสกุลโจว ดังนั้นระยะนี้ชีฟางอวิ๋นจึงต้องพำนักอยู่ที่เรือนมารดามาตลอด พอได้ยินข่าวนี้ก็เผลอมองชีหยวนหลายครั้งอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็แอบกระซิบถามฮูหยินผู้เฒ่าชีว่า: “ท่านแม่ พี่หยวนนางเป็น…” เป็นใครมาจากไหนกันแน่? เรื่องที่ทำไมตอนนี้ทุกคนในตระกูลชีถึงยอมรับกลาย ๆ ว่านางเป็นผู้นำบังไม่เท่าไร ทว่าเหตุใดแม้กระทั่งบรรดาบุคคลผู้มีชื่อเสียงนอกเรือนยังพากันให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้อีก? งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว ใช่ว่าจวนหย่งผิงโหวจะไม่เคยได้รับเทียบเชิญมาก่อนเสียเมื่อไร ทว่าแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยระบุเจาะจงชัดเจนว่าเชิญผู้ใดอย่างเช่นตอนนี้ แบบนี้จะไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ? ชีหยวนเพิ่งจะกลับมาได้เพียงไม่นาน ตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในเมืองหลวงมีใครบ้างเกรงว่ายังรู้จักไม่ครบเสียด้วยซ้ำไป นับดูให้ดีแล้วที่ออกไปเยี่ยมเยียนเป็นแขกก็มีเพียงตระกูลเซี่ยงตระกูลเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเป็นการไปที่มิใช่เรื่องน่ายินดี แวะไปเพียงครู่เดียวก็กลับแล้ว จวนอ๋องโจวมีเหตุผลใดถึงต้องเจาะจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 190

    เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่หลิ่วก็โกรธจัด: “งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว เจ้าไม่ต้องไป!”หลิ่วหมิงจูกังวลใจทันที: “ทำไมล่ะ?! ข้าเตรียมตัวมาครึ่งปีแล้ว ข้าต้องไปให้ได้!”ทุกปีในฤดูหนาว นอกจากงานชุมนุมดอกไม้ของบรรดาจวนขุนนางแล้ว งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว เป็นงานที่ผู้คนในเมืองหลวงเฝ้ารอมากที่สุดราชวงศ์นี้ยกย่องทักษะด้านการต่อสู้ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้หย่งชางยังเป็นอ๋องอยู่ พระองค์ก็โปรดปรานการเล่นตีคลีอย่างมาก นายว่าขี้ข้าพลอย หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว บรรดาอ๋องทั้งหลายก็เล่นตีคลีคล้อยตามพระองค์ การแข่งตีคลีจึงกลายเป็นกระแสนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงหญิงชาย การได้แสดงฝีมือและโดดเด่นในสนามแข่งของจวนอ๋องโจวถือเป็นความภาคภูมิใจที่สุดหลิ่วหมิงจูเริ่มฝึกขี่ม้าตั้งแต่อายุสิบสองปี และฝึกฝนการเล่นตีคลีมาโดยตลอด ทว่าสองปีที่ผ่านมา นางยังอายุน้อย จึงได้เล่นอย่างไม่เต็มที่ เป็นแค่ตัวสำรอง ปีนี้นางรอคอยมานานจนกระทั่งอายุครบวัยปักปิ่น และนางยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มบุตรสาวขุนนาง นางจะพลาดงานนี้ไปได้อย่างไร?ฮูหยินใหญ่หลิ่วกำลังจะพูดต่อ แต่หลิ่วจิง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 189

    หลิ่วจิงหงพยักหน้า ยิ้มพร้อมกล่าวให้บิดาของตนวางใจ: “ลูกมีแผนการในใจแล้วขอรับ”ต่างจากลูกหลานขุนนางทั่วไป ส่วนใหญ่พอรุ่นที่สองก็มักอาศัยเกียรติยศของบรรพบุรุษกินสมบัติเก่า แต่สำหรับหลิ่วจิงหง เขายืนหยัดอยู่ในแวดวงขุนนางด้วยความสามารถของตนเองตระกูลหลิ่วของพวกเขาเป็นขุนนาง และยังเป็นพระญาติชั้นนอก เพราะเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานอย่างมาก สถานะของตระกูลหลิ่วจึงสูงส่งยิ่งขึ้นกล่าวโดยทั่วไปแล้ว ตำแหน่งขุนนางที่ได้มาจากพระมาหกรุณาธิคุณ ล้วนใช้คำว่าเฉิงเอิน (รับพระมหากรุณาธิคุณ) เป็นคำนำหน้าตำแหน่ง เช่น ตระกูลของฮองเฮาเฝิงก็มีตำแหน่ง “เฉิงเอินโหว”แต่ตระกูลหลิ่วกลับได้เป็นจวนฉู่กั๋วกง สาเหตุหนึ่งมาจากพระสนมหลิ่วได้รับความโปรดปรานอย่างมาก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพราะความสามารถของหลิ่วจิงหงเอง หลิ่วจิงหงเป็นคนมีพรสวรรค์ เขาสามารถทำดินปืนได้ ในอดีตเมื่อครั้งอยู่ฝูเจี้ยน เขาเติบโตเข้าออกจวนอ๋อง เรียกอ๋องหมิ่น ซึ่งก็คือฮ่องเต้หย่งชางในปัจจุบันว่า “พี่เขย” ตั้งแต่เด็กเรียกได้ว่าหลิ่วจิงหงมีทั้งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น กับฮ่องเต้หย่งชาง และความสามารถอันโดดเด่นดังนั้น ตอนนี้เขาจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 188

    เมื่อเขาเดินออกไป คนเฝ้าประตูก็เข้าไปรายงานท่านผู้เฒ่าหลิ่วทำเสียงฮึดฮัด: “ไร้ประโยชน์สิ้นดี มีแต่ทำเรื่องเสียหาย! เจ้าเองก็เถอะ ไฉนถึงเลียนแบบสตรีไปได้?”คนที่เขาหมายถึงย่อมไม่พ้นบุตรชายของตน ผู้สืบทอดของจวนฉู่กั๋วก๋ง หลิ่วจิงหงหลิ่วจิงหงหัวเราะเบาๆ นั่งอยู่ตรงข้ามเขาอย่างสง่างาม: “ก็คิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นคนเคยใช้งานมาก่อน อีกอย่างเขาก็เป็นญาติเกี่ยวดองกับจวนหย่งผิงโหว เลยช่วยพูดแทนสักสองสามคำ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะไร้ความสามารถเพียงนี้?”ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถสร้างปัญหาให้จวนหย่งผิงโหวได้ ยังทำอะไรตระกูลชีไม่ได้เลยสักนิด ซ้ำร้ายยังทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเสียอีกท่านผู้เฒ่าหลิ่วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี: “เจ้าต้องระวังให้มาก คนประเภทนี้ พบเจอเรื่องราวมามากจึงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หากตระกูลโจวเกิดเรื่องขึ้นจริง ก็จะพูดอะไรไม่ควรพูดออกมา”นี่คือกำลังเตือนเขาถึงเรื่องราวในตอนนั้นหลิ่วจิงหงเข้าใจดี ยื่นมือรินน้ำชาให้ท่านผู้เฒ่า: “ท่านก็วางใจเถิด ลูกไม่ใช่คนโง่เยี่ยงนั้น เขาไม่มีโอกาสอีกแล้ว”กล่าวจบก็หัวเราะเยาะ: “พูดไปท่านอาจไม่เชื่อ ไอ้คนโง่นี่ ตอนเราปูทางให้เข้าไปทำงานในกรมทหารม้าในตอน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status