อ๋องฉีรู้สึกมีเสียงระเบิดดังก้องอยู่ในหัว ถึงขั้นคิดว่าตนเองคงหูฝาดไปแล้ว เขาไม่รอให้ขันทีสวีขยับมือ ก็เดินมาถึงหน้าประตูด้วยตนเองก่อนจะกระชากประตูเปิดดังโครม ถามด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “เจ้าว่าอย่างไรนะ?” จินเป่าไม่กล้าแม้แต่เงยหน้ามองสีหน้าของท่านอ๋องตนเอง ตัวเย็นวาบขึ้นมา เอ่ยปากชี้แจงอย่างระมัดระวังด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ทะ…ท่านอ๋อง หย่งผิงโหว หย่งผิงโหวนำตัวแม่นางหานมาส่งด้วยตนเองแล้วพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้กำลังรออยู่ที่ประตูใหญ่ของจวนพวกเรา…” อ๋องฉีแยกตัวออกมาปลูกจวนนอกเขตวัง และจวนอ๋องของเขาก็ยังอิงตามระบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ใกล้กับจวนองค์หญิงและอ๋ององค์อื่น ๆ ทั้งหมดล้วนอยู่ใกล้เขตวังหลวง อย่างเช่นอ๋องโจว อ๋องอู๋ก็อยู่ข้างจวนเขาและอยู่ตรงข้ามจวนเขา และถัดไปอีกหน่อยก็เป็นจวนขององค์หญิงอีกหลายพระองค์ ดังนั้นก็หมายความว่า เรื่องที่ชีเจิ้นพาตัวหานเยว่เอ๋อมาที่หน้าประตูใหญ่ อีกไม่นาน ก็ต้องถูกลือไปทั่วแล้ว! “บังอาจ!” อ๋องฉีไม่สนแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตำหนิจินเป่าด้วยเสียงกราดเกรี้ยวว่า “เจ้าพวกสวะ! ไม่รู้จักพาคนเข้ามาด้านในก่อนหรือ?!” ต่อให้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่การที
นี่คิดจะทำอะไรกันแน่!? ลำพังแค่คิดว่าทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนถูกอ๋องฉีจับตาดูอยู่ เขาก็รู้สึกครั่นคร้ามขึ้นมาแล้ว เขาเองก็เคยลังเลว่าเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องเล็กลงได้ และจะหายไปในที่สุดหรือไม่ แต่ชีหยวนเตือนเขาแล้ว ขณะนั้นมีคนอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก บรรดาแขกเหรื่อต่างรู้แล้วว่าสาเหตุที่ไฟไหม้ศาลบรรพบุรุษขึ้นมาก็เป็นเพราะหานเยว่เอ๋อ และรู้ด้วยว่าหานเยว่เอ๋อและอ๋องฉีเขียนจดหมายส่งถึงกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ตระกูลชีอยากจะกดมันลงไปปิดไว้ให้มิดชิดสักเพียงใด ก็กดมันลงไปไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตระกูลชีจะพยายามกดมันลงได้สำเร็จแล้ว ถึงกระนั้นตนเองก็ต้องอดทนกลืนความเจ็บช้ำไว้อยู่ดี แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง อ๋องฉีเขาจะเชื่อหรือ? เขาจะเชื่อหรือว่าตระกูลชีจะไร้ซึ่งความรู้สึกโกรธแค้น? ในเมื่อทางไหนก็ไม่เป็นผลดีแล้ว เช่นนั้นเหตุใดไม่บีบให้อีกฝ่ายยอมแพ้ก่อนเสียเลยเล่า? พวกเขาตระกูลชีก็มิใช่ผลพลับอ่อนที่จะยอมให้ใครมาบีบเล่นก็ได้! เขาผลักหานเยว่เอ๋อไปด้านหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ท่านอ๋อง ถ้อยคำนี้ควรจะเป็นข้าน้อยมากกว่าที่ถาม! ข้าน้อยต้องการถามว่
คนที่มามุงดูรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางฝูงชนอ๋องฉีมองเห็นใบหน้าซึ่งดูคุ้นเคยอยู่หลายคน เหล่านั้นล้วนเป็นบ่าวรับใช้ของจวนอ๋องอู๋ และจวนอ๋องโจว จะยอมให้เหตุการณ์ความวุ่นวายยาวนานไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาได้แต่จำใจเอ่ยปากอย่างเยือกเย็น “มีเรื่องอันใด หย่งผิงโหวไม่สู้เข้ามาคุยกันให้ชัดเจนในจวนของข้าดีกว่า!” เขาควรจะให้ชีเจิ้นเข้ามาคุยกันในจวนตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าชีเจิ้นน่าจะไม่ยอมตกปากรับคำก็เถิด บัดนี้เรื่องราวยิ่งลุกลามใหญ่โตเกินไปแล้วจริง ๆ ชีเจิ้นแค่นเสียงฮึ่มออกมาอย่างเย็นชา ก็จะเอ่ยวาจาถากถางว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยมิบังอาจ! ที่ข้าน้อยเดินทางมาครั้งนี้ เพราะอยากจะคุยกับท่านอ๋องให้ชัดเจน แม่นางคนนี้มีความผูกพันลึกซึ้งกับท่านอ๋อง มีอะไรก็เล่าให้ฟังทั้งหมด! แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างอาหารในแต่ละมื้อ ขนมหวานของว่างของแต่ละมื้อในหนึ่งวันนั้นมีอะไรบ้างล้วนรายงานต่อท่านอ๋องครบถ้วนทุกกระบวน ข้าน้อยรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก!” ทุกคนพลันส่งเสียงเกรียวกราวทันที หา แม่นางหานเยว่เอ๋อคนนี้ทำเกินไปแล้วกระมัง? ไม่เชื่อใจตระกูลชีมากเพียงนี้เชียวหรือ? คนเขาหนึ่งวันสามมื้อกินอะไรบ้างแค่เรื
ในเมื่อโปรดปรานแม่นางคนนี้เพียงนั้น ก็ควรจะต้องแสดงท่าทางโปรดปรานเอ็นดูออกมาด้วยมิใช่หรือ? หานเยว่เอ๋อเย็นเยียบไปทั้งตัว นางมองอ๋องฉีด้วยสายตาอ้อนวอน ขอบตาแดงก่ำใครเห็นก็ต้องสงสาร อ๋องฉีสีหน้ามืดครึ้มจนน่าพรั่นพรึง มองหานเยว่เอ๋อปราดหนึ่ง เขาก็กัดฟันกรอด ๆ ชีเจิ้นพาหานเยว่เอ๋อมาทิ้งหน้าประตูใหญ่ของจวนเขาต่อหน้าคนจำนวนมากมายเพียงนั้นในเมืองหลวง และยังประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเขามีสัมพันธ์ส่วนตัวกับหานเยว่เอ๋อ หากว่าเขาไม่รับหานเยว่เอ๋อเข้าไปในจวนแล้ว น้ำลายจากปากชาวบ้านคงท่วมท้นจนอ๋องอย่างเขาจมน้ำตายได้แน่ ๆ วันรุ่งขึ้นเมื่อผู้ตรวจการเข้าทูลรายงานน้ำลายคงปลิวว่อน ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อคนเข้าจวนของเขามาแล้ว จะให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมิได้เป็นอันขาด หากสังหารให้ตาย คนทั้งโลกจะพากันคิดว่าท่านอ๋องอย่างเขาเริ่มต้นด้วยความหลงจบลงด้วยการทอดทิ้ง และสังหารคนปิดปาก! ช่างเลวทรามขาดคุณธรรมอย่างถึงที่สุด! จวนหย่งผิงโหวเลวทรามยิ่งนัก! เขาไม่อยากมองต่อแม้สายตาเดียว หมุนตัวและกลับเข้าไปในจวนอ๋องทันที ขันทีสวีส่งสายตาให้จินเป่า ทันใดนั้นจินเป่าก็สั่งให้คนไปพาหานเยว่เอ๋อและเหลียนเอ๋อร์เข้ามา
หานเยว่เอ๋อหน้าซีดเผือด ในใจทั้งเคียดแค้นและรู้สึกหวาดกลัวชีหยวน แม่นางคนนี้แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก! นางร้องไห้พลางอธิบายกับอ๋องฉี “ท่านอ๋อง จดหมายเหล่านี้ หม่อมฉันมิได้เป็นคนเขียนเองเพคะ! ไม่ใช่หม่อมฉันเลยเพคะ!” อ๋องฉีได้ยินเช่นนั้น ก็นำจดหมายเหล่านั้นที่จินเป่าเพิ่งเก็บเข้ามาเมื่อครู่ทั้งหมดมากางบนโต๊ะทรงพระอักษร ก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “นี่คือลายมือของเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย” หานเยว่เอ๋อสะดุ้งเฮือกในใจ กลัวว่าอ๋องฉีจะรู้สึกว่านางปราศจากความรอบคอบถึงได้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น ก็รีบอธิบายด้วยความร้อนใจทันที “ท่านอ๋อง จดหมายเหล่านี้ข้ามิได้เป็นคนเขียนจริง ๆ เพคะ เป็นชีหยวนเพคะที่ปลอมแปลงขึ้นมา!” การเคลื่อนไหวของอ๋องฉีพลันชะงักไป ได้ยินความเช่นนั้นก็หรี่ตามองหานเยว่เอ๋อ “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าชีหยวนเป็นปลอมแปลงขึ้นมา?” มองจากข้อมูลที่หานเยว่เอ๋อส่งมาเมื่อก่อนหน้านี้ นางยังมั่นใจว่าชีหยวนมิใช่คนที่เก่งกาจมีความสามารถอะไร หานเยว่เอ๋อขยี้ตา “ท่านอ๋อง ตราประทับลัญจกรบนนี้ นางสามารถมองออกได้ในแวบเดียวและเป็นคนท้วงติงหย่งผิงโหวและโหวผู้เฒ่าด้วยเพคะ! ตอนแรกแม้แต่หย่งผ
บัดนี้ชีเจิ้นกลับมาจากพาตัวหานเยว่เอ๋อไปส่ง นางขมวดคิ้วพลางถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านโหว หานเยว่เอ๋อมีความสัมพันธ์ลับกับอ๋องฉีมานานแล้วจริงหรือเจ้าคะ…” ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความผิดหวังขมขื่นปะปนกัน อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเมื่อก่อนที่อ๋องฉีเคยพยายามเอาอกเอาใจชีจิ่นอยู่หลายครั้งหลายครา คล้ายกับว่าชีจิ่นพิเศษกว่าคนอื่น ก็สบถด่าในใจขึ้นมาด้วยความเหลืออด บุรุษไม่เคยมีที่ดีเลยสักคน! เคราะห์ดีชีจิ่นไม่ต้องแต่งกับอ๋องฉีแล้ว มิเช่นนั้นใครจะรู้ว่าต้องประสบพบเจอเคราะห์กรรมแบบใดบ้าง! ชีเจิ้นส่งเสียงตอบรับในลำคอ แต่พูดถึงหานเยว่เอ๋อขึ้นมาสีหน้าเขายังคงย่ำแย่เหมือนเคย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงขรึมขึ้นว่า “นับจากนี้ไปห้ามมีผู้ใดตระกูลเราเอ่ยถึงหานเยว่เอ๋อผู้นี้ขึ้นมาอีกเป็นอันขาด แล้วก็ยังมีอีกเรื่อง จงไปตรวจสอบพวกบ่าวรับใช้ที่ก่อนหน้านี้เคยสมคบกับหานเยว่เอ๋อทั้งหมด ใครสมควรขายก็ขายออกไป ใครสมควรส่งตัวไปที่บ้านนอกกันดารก็ส่งตัวมันไปให้พ้น อย่าให้มันผู้ใดปรากฏตัวอยู่ในเรือนอีก!” นางหวังตอบรับตามคำสั่งของเขา ชีเจิ้นหยัดกายขึ้นยืน “ข้าจะไปหาท่านพ่อเพื่อบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อสักหน่อย เจ
คำพูดนี้ขององค์หญิงใหญ่มิใช่เจตนาพูดให้รู้สึกตื่นกลัวราชวงศ์ต้าโจวมีความเข้มงวดยิ่งในการควบคุมเรื่องลี้ลับหรือพวกมนต์ดำในหมู่ราษฎรหากใครผู้ใดในหมู่ราษฎรพรางเป็นเทพแสร้งเป็นผี แอบอ้างเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋น ทางศาลจะถือว่าผู้นั้นเป็นปีศาจ และเผาผู้นั้นให้ตายเพื่อเป็นการตักเตือนราษฎรคำพูดที่ชีหยวนพูดออกมาเหล่านี้ เพียงพอที่จะทำให้นางตายได้เป็นร้อยครั้งเมื่อลองคิดดู เซียวอวิ๋นถิงพบว่านางไม่ย่างเท้าออกจากเรือน แต่กลับรู้เรื่องของเมืองเจียงซีได้ รวมถึงครั้งนี้ ถึงกับสามารถลากตัวหานเยว่เอ๋อที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลฉีออกมาได้อีก ก็ทำให้รู้สึกคล้อยตาม มองชีหยวนอย่างเฉยเมย: “แค่พึ่งสิ่งเหล่านี้หรือ?”ชีหยวนไม่ได้รีบร้อน มือทั้งสองกุมถ้วยไว้ เม้มริมฝีปาก: “หากองค์หญิงและท่านอ๋องยังต้องการให้หม่อมฉันพิสูจน์มากกว่านี้ เช่นนั้น หม่อมฉันทราบว่าเหตุใดอ๋องฉีจึงจงใจซื้อตัวหานเยว่เอ๋อ และให้นางแทรกซึมอยู่ในจวนหย่งผิงโหว ข้อนี้ จะใช้เป็นหลักฐานว่าหม่อมฉันแตกต่างจากคนทั่ว ๆ ไปได้หรือไม่เพคะ?”ความหวังในใจขององค์หญิงใหญ่ ที่ถูกจุดประกายด้วยซาลาเปาแป้งมันเทศในตอนแรกค่อยๆ หายไปเพราะนางเลอะเลือนเอง โลกนี
ชีหยวนรู้สึกสับสนในใจที่นางรู้เรื่องเหล่านี้ จะว่าไปแล้วเป็นเพราะนางเคยติดตามเซียวอวิ๋นถิงในชาติก่อน เซียวอวิ๋นถิงเป็นคนสั่งให้นางไปสืบหาความจริงเรื่องนี้ในตอนนั้น อ๋องฉีแต่งงานกับชีจิ่น ได้ทราบเบาะแสของพระชายาหลิ่วจากชีเจิ้น จากนั้นเขาก็ชิงตัดหน้าไปรับพระชายาหลิ่วสองแม่ลูกมาควบคุมไว้ ให้พระชายาหลิ่วให้การเป็นพยานว่าฮองเฮาเฝิงเป็นฮองเฮาชั่ว ใช้ทุกวิถีทาง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขึ้นเป็นฮองเฮา ถึงขนาดไม่ลังเลที่จะปองร้ายภรรยาคนแรกของอ๋องหมิ่นเรื่องราวลุกลามบานปลายเป็นอย่างยิ่ง ราษฎรยังคงติฉินนินทาเฉินซื่อเหม่ย ที่ทอดทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากหลังจากที่เขาร่ำรวยแล้วไม่สามารถด่าฮ่องเต้ได้ แต่ก็สามารถด่าฮองเฮาชั่วได้ถูกหรือไม่?ฎีกาที่เรียกร้องให้ลงโทษฮองเฮาเฝิงถูกถวายไปที่บนโต๊ะของฮ่องเต้หย่งชางทีละฉบับฮ่องเต้หย่งชางทรงรู้สึกไม่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่งอีกทั้งรัชทายาทยังถูกลอบสังหารด้วยเนื่องจากฮองเฮาเฝิงปวดร้าวพระทัยอย่างมาก พระนางจึงได้สวรรคตตามไปโดยไม่คาดคิดด้วยเช่นกันเชื้อสายของรัชทายาทกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคนไปในทันที รัชทายาทขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างไม่ถูกต้อง นับประสาอะไรกับพระนั
หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี
อาภรณ์ชุดใหม่ในเรือนตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ปีนี้นับเป็นปีที่หาได้ยากที่เหล่าดรุณีสกุลสวีจะได้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ออกไปเที่ยวชมพระโพธิสัตว์ สกุลสวีทั้งเบื้องบนเบื้องล่างต่างปีติยินดี แม้แต่ฮูหยินสวีก็ยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ทั้งตัว ในปีนี้นางสวมเสื้อนวมสองชั้นที่ทำจากผ้าไหมฝูกวงซึ่งเป็นแบบที่ทันสมัยที่สุด ข้างนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมขนนกยูง มองแล้วดูหรูหราเจิดจ้าจับตา เดิมทีนางรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย ก่อนออกจากเรือนยังถึงขั้นถามสวีฮว่านขึ้นมาเป็นพิเศษว่า “วันนี้เป็นวันที่สาม ต้องขึ้นเขาไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ จุดธูปทอนน้ำมัน ทว่าก็มีบรรดาสตรีผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พวกเราแต่งกายเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ?” หลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดาสตรีในสกุลสวีได้ชื่อว่ามัธยัสถ์เรียบง่ายมาตลอด แต่กระนั้นก็ไม่มีใครดูถูกดูแคลนพวกนาง ใครต่างก็รู้ว่าในเมืองหลวงสวีฮว่านขึ้นชื่อว่าสุจริตมือสะอาด งานเลี้ยงของคนอื่น งานสังสรรค์สุราของคนอื่น เขาไม่เคยไปร่วมเลยสักครา เพราะไปกินของคนอื่น ย่อมเลี่ยงไม่ได้ต้องเชิญคนอื่นมากินเลี้ยงตอบแทนกลับในภายหลัง ใต้เท้าสวีเคร่งครัดในความสุจร
“ไม่!” ชีหยวนส่ายหน้า มองเซียวอวิ๋นถิงตรง ๆ พลางถามว่า “ท่านอ๋อง หากต้องให้คนอื่นมาพูดแทนท่านปู่และท่านพ่อของข้าน้อย ตรงกันข้าม ขอให้คนของท่านยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจท่านพ่อและท่านปู่ของข้าน้อยด้วยดีกว่า!” เหล่าจ้าวคิดในใจ นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? คุณหนูใหญ่สกุลชีเสียสติไปแล้วหรือ?! ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ในทันที การลักลอบค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกขายชาติให้อริศัตรูถือเป็นแผนการอันชั่วช้าเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ เหตุผลที่ผู่อู๋ย่งทำเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็สามารถทำให้สกุลชีสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชางนับจากนี้ไปตลอดกาล แม้ภายหลังจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอแล้วก็ตาม ทว่าหากว่า หากว่าชีหยวนถูกลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และคนในราชสำนักล้วนพากันรุมโจมตีสกุลชี หวังทำลายสกุลชีให้สิ้นซากไป ทว่าต่อมากลับได้ค้นพบความลับในภายหลังว่าเงินตำลึงจำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนไว้ในเรือนเช่าของสกุลสวี ไหนจะคนเหล่านั้นที่เซียวอวิ๋นถิงได้ส่งไปที่จี้โจวแล้วด้วย… เช่นนั้นในตอนนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตอื
ตอนที่นางกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เซียวอวิ๋นถิงคอยอยู่บนชั้นสองแล้ว เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเดินกลับเรือนของตนเอง ชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ก็มิได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งลง และเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น “ข้าน้อยจัดการสังหารสวีซินเฉียวแล้ว เขามิได้เปิดเผยข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์” หนนี้เหล่าจ้าวแอบติดตามมาด้วย วิชายุทธ์ของเหล่าจ้าวนับว่าเลิศล้ำ ดังนั้นต่อให้จะอยู่ห่างไกล เขาก็สามารถได้ยินบทสนทนาของคุณหนูใหญ่สกุลชี มิหนำซ้ำ… ยังพูดอย่างฉะฉานมั่นใจในเหตุผลมากเสียด้วย ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เขามุ่นหัวคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนแอบติดตามเจ้า” อำนาจของขันทีผู้ใหญ่ประจำกรมขันทีราชพิธีมิใช่เล่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เสื้อแพรยังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ กล่าวได้ว่า นับแต่เสี้ยวขณะที่ชีหยวนถูกลอบสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในกำมือของพวกเขาหมดแล้ว ชีหยวนเปล่งเสียงรับคำเบา ๆ สีหน้าท่าทางสงบสุขุมยิ่งนัก “ข้าน้อยทราบแล้ว ดังนั้นหลังจากข้าน้อยสังหารสวีซินเฉียว พวกเขาจะคิดว่าอย่างไร?” จะคิดว่าอย่างไรหร
คนเรายามที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ก็มักจะเผลอใช้ความคิดฟุ้งซ่านมากลบเกลื่อนความหวาดกลัวและความตกใจของตนเองเสมอ ชีหยวนเผากริชด้วยไฟจนร้อนจัด ก่อนจะดึงหน้านิ่งและเสียบมันเข้าไปที่กระดูกสะบักซ้ายของสวีซินเฉียว จนแทงทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าหนนี้สวีซินเฉียวแม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ ทรุดลงกับพื้นทั้งร่างสั่นเทาและชักกระตุก ดวงตาฉายประกายหวาดกลัว ชีหยวนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างเรียบเฉยและส่งยิ้มให้สวีซินเฉียวพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้าสวี ท่านจะไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของคนในสกุล ท่านจะไม่พูดก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันอีกครั้งในยุทธจักรเถิด” นางเอ่ยพลาง ก็ส่ายเทียนไขในมือของตนเองไปมา “ข้าจะส่งท่านเดินทางครั้งสุดท้าย เผาท่านไม่ให้เหลือซาก จะได้ประหยัดแม้กระทั่งโลงศพด้วย ถือเป็นการทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อชาวบ้านจี้โจวไปด้วย” ชาวหว่าล่ารุกรานเข้ามาทุกปี ชาวบ้านในที่แห่งนั้นเผชิญหายนะทุกข์ทรมานกันไปแล้วตั้งเท่าใด?! พวกเขาโหดร้ายป่าเถื่อน บุรุษถูกสังหารทันที ส่วนสตรีและเด็กก็กวาดต้อนกลับไปยังทุ่งหญ
และทันทีที่ผ้าขี้ริ้วถูกดึงออกมาจากในปาก สวีซินเฉียวไม่แม้แต่จะหยุดชะงักก็อ้าปากหมายจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที แต่ชัดเจนว่าความรวดเร็วของชีหยวนยังเร็วกว่าเขามาก เขายังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียง ชีหยวนก็จัดการยัดผ้าขี้ริ้วกลับเข้าไปในปากของเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วแล้ว และที่ยัดเข้าไปคราวนี้ก็ลึกยิ่งกว่าคราวก่อน แทบจะจุกเข้าไปถึงด้านในลำคอของสวีซินเฉียว ทำให้สวีซินเฉียวถึงขั้นพะอืดพะอมพยายามสำรอกออกมาหลายครั้ง ระดับความตื่นรู้ของคนหนึ่งคน เทียบเท่ากับระดับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ สำหรับสวีซินเฉียวในยามนี้ก็นับเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อใดที่สตรีตรงหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาน้ำลายหนึ่งหยดของนางคือตะปูหนึ่งดอก หากไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้ว นางจะแสดงความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดออกมา ชีหยวนผุดยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาและปักกลับไปที่มวยผมดังเดิม จากนั้นค่อยแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางขยับข้อมือไปมา “ใต้เท้าสวี ดูท่านสิ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าคะ? คนที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ” เอ่ยพลาง นางก็เลื่อนมือข้างหนึ่งไปปิดปากสวีซินเฉียวไว
แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท
กลางดึก ของขวัญหลากสีสันที่ได้รับในคืนวันปีใหม่กองเต็มโถงบุปผา ทั้งห้องสวีฮว่านมองแวบเดียวก็ขมวดคิ้ว “ใครเป็นคนส่งของโจ่งแจ้งขนาดนี้?”สวีซินเฉียวเดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางหัวเราะ “อารอง เป็นข้าเอง! หลานมิใช่เพิ่งกลับมาจากจี้โจวหรือ? ก็เลยตั้งใจเอาของมาคำนับท่านอารองโดยเฉพาะขอรับ”สีหน้าของสวีฮว่านไม่ได้ดูดีขึ้นเลย พอเห็นเขาก็ตวาดเสียงดังทันที “เจ้าคนสารเลว! เจ้าคิดว่านี่เป็นที่ไหนกัน? คิดว่าเจ้าตัวเองเป็นใคร? ตำแหน่งผู้ตรวจการเมือง มันเด่นขนาดนั้น ยังไม่รู้เหรอว่ามีคนจับตาดูอยู่เท่าไหร่? เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเจ้ารับสินบนไปมากแค่ไหน?!” สวีซินเฉียวทำปากเบะทันที สีหน้าดูเหมือนน้อยใจ “ท่านอารอง อย่างน้อยก็ท่านช่วยดูของที่หลานเอามาก่อนเถอะ! เมืองจี้โจวน่ะ อะไรที่ไม่ค่อยมี แต่หนังสัตว์นั้นหลากหลายเยอะสุด หลานกลับมาทั้งที จะเอาของฝากมาฝากท่านอาสะใภ้ กับพวกน้อง ๆ สักหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่สมควรไม่ใช่หรือไร? ใครจะมาตำหนิได้ล่ะ?”ว่าแล้ว เขาก็หัวเราะระรื่น พลางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ว่าไปแล้ว ท่านอา เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี นี่ไม่ใช่เพราะท่านอาช่วยเชื่อมโยงให้หลานได้
เมื่อเห็นว่าชีหยวนยังเงียบอยู่ เซียวอวิ๋นถิงก็เอ่ยขึ้นก่อน “พวกเขาเป็นครอบครัวทหารตระกูลชีแน่นอน และตลอดหลายปีมานี้ก็มีการติดต่อกับเผ่าหว่าล่าจริง ลักลอบค้าขายเหล็กเถื่อนกับเผ่าหว่าล่า พวกท่านแน่ใจหรือว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย?!”ชีเจิ้นไม่สนแล้วว่าคนตรงหน้าคือพระราชนัดดา “พวกเราจะไปทำเรื่องโง่ๆ ทำลายตนเองแบบนั้นได้ยังไง?! ตั้งแต่ไหนแต่ไร แคว้นเรากับเผ่าหว่าล่าก็เป็นศัตรูกันมานาน ญาติพี่น้องของเรากี่คนแล้วที่ต้องตายในมือของเผ่าหว่าล่า เราจะไปสมคบคิดกับพวกมันได้ยังไง?!”สีหน้าของท่านโหวผู้เฒ่าชีซีดขาวราวกับเถ้าถ่านเรื่องคราวนี้เล่นงานเขาจนตั้งตัวไม่ทันจริง ๆจะจัดการยังไงดี? จะทำอย่างไรดีกันแน่?จะติดสินบนเจ้าเมืองทงโจว หม่าเซวียนไหม?ไม่ได้ เรื่องนี้ทำแบบนั้นไม่ได้เบื้องหลังคนพวกนั้นวางแผนมาอย่างดี แสดงว่าจ้องเล่นงานพวกเขาเต็มที่แล้วถ้าให้หม่าเซวียนช่วยกลบเรื่อง จะยิ่งกลายเป็นหลักฐานมัดตัวว่าตระกูลเราสมคบขายชาติครั้งนี้ ดูยังไง ก็เป็นกับดักตายชัด ๆ!เซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเบา ๆ “คดีนี้ อย่างช้าบ่ายนี้ถูกส่งไปถึงมือกรมยุทธนาการ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมยุทธนาการ ยังไง