Share

บทที่ 913

Author: หว่านชิงอิ๋น
ก่อนไป นางเหลือบมองฟู่เฉินหวนอย่างหมดหนทาง ฟู่เฉินหวนพยายามอดกลั้น เล็บของเขาเกือบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ และมิหันไปมองลั่วเยวี่ยอิง

ในท้ายที่สุด ลั่วเยวี่ยอิงก็ซักเสื้อผ้า แต่อาการบาดเจ็บที่มือของนางก็แย่ลงเช่นกัน

นางมิได้พูดอะไรออกมา แต่เมื่อลั่วชิงยวนนำยามา นางก็ต้องการหยิบชามยาจากมือของลั่วชิงยวน

“พี่หญิงให้ข้าทำเถิด”

นางเอื้อมมือไปหยิบมัน และทันทีที่นางแตะชามก็เจ็บจนต้องสูดหายใจลึก ๆ แล้วกดมือลงไปที่ข้อมือของตัวเอง

นางตั้งใจเผยให้เห็นแผลที่ฝ่ามืออย่างจงใจ

มีรอยมีดชัดเจน และบริเวณรอบแผลยังคงบวมและดูสาหัสมาก

ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางโดยมิพูดอะไร และเดินตรงไปป้อนยาให้จักรพรรดิสูงสุด

ใครจะรู้ว่าลั่วเยวี่ยอิงจะมิยอมรามือ “พี่หญิง ให้ข้าป้อนยาให้เสด็จพ่อเถิด”

ลั่วชิงยวนวางยาบนเก้าอี้ ยืนขึ้นและลุกจากที่นั่ง แล้วพูดอย่างเย็นชา “หากเจ้ากล้าทำยาหกใส่องค์จักรพรรดิสูงสุด ก็จงไสหัวออกไปเสีย”

ลั่วชิงยวนจงใจใช้คำพูดเพื่อยั่วยุอีกฝ่าย อยากให้ลั่วเยวี่ยอิงรีบจากไปเร็ว ๆ

ลั่วเยวี่ยอิงหยิบชามยาขึ้นมา ใช้มือที่บาดเจ็บจับช้อนอย่างระมัดระวัง แล้วป้อนยาให้จักรพรรดิสูงสุด

จักรพรรดิสูงสุดหลับตาและปิ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Lan Chowwapanun
เมื่อไหร่ลั่วเยี่ยอิงจะพบจุดจบซะที รำคาญนางร้ายตัวนี้มาก
goodnovel comment avatar
Jaruwan
จริงๆแก้ที่ต้นเหตุได้นะ ท่านอ๋องหน้าโง่ ในเมื่อเยวี่ยอิงทำให้ปวดหัวเจ็บปวด ก็ตบมันโลดเจ็บเท่าไรก็ตบไปเท่านั้น บอกมันด้วยว่าถ้าไม่หยุดก็จะตบแบบนี้ เอาแบบเราเจ็บมันก็เจ็บ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 914

    หลังจากพูดอย่างนั้น ลั่วชิงยวนก็เดินออกไปอย่างเย็นชาหัวใจของฟู่เฉินหวนตึงเครียดขึ้นมาทันที“ท่านอ๋อง...” ลั่วเยวี่ยอิงเรียกเบา ๆฟู่เฉินหวนรู้สึกราวกับว่า เชือกที่ตึงอยู่ในหัวของเขากำลังจะขาด “ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำแผล”ลั่วชิงยวนต้มยาอีกครั้ง แล้วกลับมาป้อนให้จักรพรรดิสูงสุดกว่าจะรู้ตัว เวลาก็ล่วงเข้าสู่ยามค่ำคืนเสียแล้วคืนนี้แสงจันทร์สว่างเป็นพิเศษ และลั่วชิงยวนก็นั่งลงบนพื้นโดยเอนหลังนั่งพิงเตียงแล้วเริ่มสนทนากับจักรพรรดิสูงสุด“คืนนี้หม่อมฉันจะอยู่กับพระองค์เอง ฟู่เฉินหวนคงไม่มีเวลาหรอกเพคะ”“หม่อมฉันคิดว่า ตอนนี้คงมีคนมากมายจับจ้องพระองค์กับหม่อมฉันอยู่ พระอาการของพระองค์คงมิสามารถหายได้ในระยะเวลาอันสั้น ผู้ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังผู้นี้ ต้องถูกจับตัวออกมาให้ได้เพคะ”“มิเช่นนั้น ในภายภาคหน้า เขาจะใช้วิธีการที่คล้ายกันนี้ทำร้ายพระองค์อีกครั้งเป็นแน่ และยากจะป้องกัน”“แต่หม่อมฉันมิสามารถจับตาดูพระองค์ได้ตลอดเวลา จริงใช่หรือไม่เพคะ?”จักรพรรดิสูงสุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ รู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงพยักหน้ารับ“เช่นนั้น พระองค์ก็ทรงร่วมมือกับหม่อมฉันเถิดเพคะ แล้วลากคนผู้นี

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 915

    จักรพรรดิสูงสุดมองนางอย่างเหยียดหยาม ราวกับกำลังถามว่านางกำลังดูแคลนผู้ใดอยู่ลั่วชิงยวนปล่อยม่านเตียงลง นั่งบนเก้าอี้ หลับตาเอนหลังพิงพนักพิง“วางพระทัยเถิดเพคะ หม่อมฉันจะปกป้องพระองค์เอง”ฟู่เฉินหวนจะมิออกไปโดยไม่มีเหตุผล และลั่วเยวี่ยอิงจะมิปวดท้องโดยไม่มีสาเหตุไทเฮาต้องการล่อให้ฟู่เฉินหวนออกไปเพื่อที่จะได้ลงมือในความเงียบงันก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นคนรับใช้ในวังซึ่งแต่งกายเป็นขันทีค่อย ๆ เดินเข้ามาเขาเดินอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนหลับตาอยู่ แต่ยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เย็นเยียบและรุนแรงขันทีเดินเข้ามาใกล้เตียงจู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็พูดว่า “ถึงเวลาแล้วหรือ?”ขันทีตกใจมาก จึงก้มศีรษะลงแล้วตอบว่า “รายงานพระชายา ถึงเวลาแล้วขอรับ”“เชิญพระชายาหลบออกไปด้วยขอรับ”ทุกวันจะมีคนมาเปลี่ยนกระโถน และช่วยจักรพรรดิสูงสุดเปลี่ยนอาภรณ์แม้แต่กลางคืนก็เช่นกันลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืน แต่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้านี่ดูมิค่อยคุ้นหน้าเลยนะ ช่วงนี้ดูเหมือนจะมิเคยมาที่นี่เลย”ขันทีถอยไปสองก้าวแล้วตอบว่า “บ่าวเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว เราสับเปลี่ยนกันปฏิบัติหน้าที่ นี่เป็น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 916

    จักรพรรดิสูงสุดบนเตียงบรรทม มีด้ายเงินพันอยู่รอบคอของเขาจักรพรรดิสูงสุดหายใจมิออกจนใบหน้าแดงก่ำไปหมดลั่วชิงยวนดึงกริชออกมาจากใต้หมอนของจักรพรรดิสูงสุด และตัดด้ายเงินออกจักรพรรดิสูงสุดได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งทันใดนั้น ก็มีแมลงสีดำตัวหนึ่งคลานไปตามด้ายเงินที่ขาดด้ายเงินถูกดึงขึ้นไปอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นร่างสีทมิฬบนขอบหลังคาที่ทะลุ และเงานั้นก็มองลงมาด้วยลั่วชิงยวนมองเห็นเพียงดวงตาของอีกฝ่าย และอดมิได้ที่จะตกใจเป็นเขาแน่!คนจากแคว้นหลีคนนั้นเขามิเพียงแค่ใช้กู่ควบคุมเส้นด้ายได้ แต่ยังสามารถฆ่าคนจากระยะไกลได้อีกด้วยดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชา และกระโดดขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว เงาร่างทมิฬก็วิ่งหนีไป ลั่วชิงยวนก็ไล่ตามเขาไปทันทีอีกฝ่ายมีร่างผอมบาง ดูคล้ายสตรี แต่ขาและเท้าในยามที่ใช้วิชาตัวเบาแข็งแกร่งมากมิต่างจากบุรุษและเห็นได้ว่าเขาคุ้นเคยกับวังแห่งนี้มาก เขาหลบหนีเข้าไปยังบริเวณที่มืดไปตลอดทาง พยายามหลีกหนีให้พ้นสายตาของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนไล่ตามเขาไปอย่างสุดกำลัง มิยอมให้รอดไปได้เด็ดขาด!สำหรับจักรพรรดิสูงสุดนั้น มีฟู่เฉินหวนอยู่ด้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 917

    “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?” เซิ่งไป่ชวนถามอย่างกังวลลั่วเยวี่ยอิงกำลังจะพูด แต่ในขณะนั้น นางนึกถึงสิ่งที่น่าสะพรึงกลัววังหลวงในคืนนี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง แม้แต่สำนักหมอหลวงก็ยังดูแปลกไปด้วยทั้งหมดนี้เป็นแผนของตระกูลเหยียนแน่ ๆอำนาจของพวกเขายิ่งใหญ่มากนางจะกล้าต่อต้านพวกเขาจริงหรือ?“แม่นาง?” เซิงไป่ชวนมองดูนางอย่างงุนงง “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกสับสนอย่างมากควรบอกไปหรือไม่?หากมิพูดอะไรเลย ฟู่เฉินหวนอาจตายได้ เพราะคมมีดนั้นเกือบจะแทงโดนจุดสำคัญ!ทว่าหากพูดออกไป ฟู่เฉินหวนอาจได้รับการช่วยเหลือ และตระกูลเหยียนคงมิปล่อยนางไป!…… ภายใต้แสงจันทร์ ลั่วชิงยวนไล่ตามเงาร่างนั้น ผ่านสวนที่เต็มไปด้วยต้นท้อเมื่อลั่วชิงยวนไล่เขาจนออกจากสวนท้อ เงาร่างนั้นกลับหายไปหายไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?คงจะยังอยู่แถวนี้แน่ด้านหน้ามีตำหนักอยู่แห่งหนึ่ง รอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ สภาพแวดล้อมดีมาก แต่อยู่ในส่วนที่ห่างไกลไปหน่อยลั่วชิงยวนสังเกตเห็นว่า ตำหนักแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นตำหนักเพียงแห่งเดียวในบริเวณนี้หรือว่าคนชุดดำจะหนีเข้าไปข้างในแล้ว?ลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 918

    ทารกมีกลิ่นอายชั่วร้ายจาง ๆ กระจายออกมาลั่วชิงยวนใจหายวาบทันทีนางจำได้ว่า นางได้จัดการสะสางทุกสิ่งที่เฝิงซีเคยประสบมาก่อนไปจนหมดแล้วกลิ่นอายชั่วร้ายในตัวเด็กคนนี้ มาจากที่ใดกัน?“อวี้เอ๋อร์ อย่าร้อง อย่าร้อง แม่อยู่นี่แล้ว!” เฝิงซีกล่อมลูกน้อยอย่างอ่อนโยนจากนั้นนางเตรียมจะปลดอาภรณ์เพื่อให้นมลูกทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของนางก็ชะงักไป ก่อนจะมองไปยังลั่วชิงยวน "พระชายายังมีเรื่องอื่นใดอีกหรือไม่? หากไม่มีแล้ว ท่านกลับไปเถิด"ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขออภัยที่มารบกวนท่านแล้วเพคะ”นางหันกลับและจากไปนางกำนัลส่งนางออกจากพระตำหนักชุนซานลั่วชิงยวนมองย้อนกลับไปด้วยความสงสัยในใจว่า คนชุดดำจะไปที่ใดได้อีกนอกจากเข้าไปในตำหนักชุนซาน?แต่เวลาผ่านไปนานแล้ว นางตามจับมิทันเสียแล้ว อีกคนแค่เปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็สามารถเดินไปเดินมาในวังได้ตามปกติจับตัวมิได้แล้วดังนั้นลั่วชิงยวนจึงทำได้แค่หันหลังกลับไปทางเดิมตราบใดที่จักรพรรดิสูงสุดปลอดภัย หากจักรพรรดิมิเป็นอะไร มิช้าก็เร็วไทเฮาจะต้องลงมืออีกแน่แต่การจับคนชุดดำคนนี้ อาจจะลำบากสักหน่อยขณะที่ไล่ตามมือสังหาร ลั่วชิงยวนมิได้สังเกตว่า วังหลวงเง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 919

    ”เขายังเตือนทุกคนว่า ยามกลางคืนห้ามเดินเพ่นพ่าน หากได้ยินเสียงอะไรก็ให้เพิกเฉยเสีย”“พวกเขายังใส่ยาที่ทำให้ง่วงในทุกจานด้วย หากใครกินเข้าไปก็จะง่วงนอน”“กระหม่อมรู้สึกแปลก ๆ จึงคอยระมัดระวัง มิได้กินยาและมิยอมนอน เป็นไปตามคาด กระหม่อมได้ยินเสียงของแม่นางลั่วเข้า”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“อำนาจยิ่งใหญ่ดีจริง ๆ แม้แต่สำนักหมอหลวงยังถูกควบคุมเช่นนี้ได้”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “คนที่ข้าไล่ตามไปก็หายไปเช่นกัน”แต่ฟู่เฉินหวนกล่าวว่า “ตราบใดที่คนมิเป็นไรก็ดีแล้ว”เนื่องจากเป็นเวลาดึกแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงจึงถูกส่งไปที่เรือนด้านข้างเพื่อพักผ่อนเดิมทีเซิ่งไป่ชวนคิดจะกลับไป แต่ถูกลั่วชิงยวนรั้งเอาไว้“เจิ้งอู๋เหลียงมิอนุญาตให้ใครเดินเตร็ดเตร่ยามกลางคืน หากท่านกลับไปตอนนี้ พวกเขาต้องรู้แน่ว่าท่านไปทำอะไรมา ข้าเกรงว่าพวกเขาจะมิปล่อยท่านไป”“เหตุใดท่านมิอยู่ที่นี่ และช่วยข้าดูอาการขององค์จักรพรรดิสูงสุดเล่า?”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า “ขอรับ”ในขณะที่เซิ่งไป่ชวนไปต้มยาลั่วชิงยวนก็เดินไปที่เตียง แล้วยกม่านขึ้น จึงเห็นว่าจักรพรรดิสูงสุดยังคงลืมตาอยู่ และยังมิได้หลับไป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 920

    “เสด็จพ่อ! ท่านหายดีจริงๆ แล้ว!” ฟู่จิ่งหานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก รีบก้าวไปประคองจักรพรรดิสูงสุดแม้ว่าใบหน้าของจักรพรรดิสูงสุดจะซีดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขากลับจริงจังมาก เพียงแค่ยืนเฉย ๆ ก็ดูเต็มไปด้วยความสง่างามไทเฮาที่เดิมทีมักจะร้อนรน กลับกังวลมากจนมิกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียวขณะนั้นเอง เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ก็ดังขึ้น... “ข้าแพ้แล้ว!”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ผู้เป็นหมอมาตลอดชีวิต คิดว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาเหนือกว่าใคร และมิเชื่อว่าลั่วชิงยวนจะสามารถรักษาจักรพรรดิสูงสุดได้แต่ในขณะนี้ เมื่อเห็นจักรพรรดิสูงสุดยืนขึ้นมาได้ ก็ทำให้เขาตกใจสิ่งที่เขาทุ่มหมดหน้าตักแต่กลับยังทำมิสำเร็จ ทว่าแม่นางผู้นี้กลับทำได้!ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้น หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่โปรดอย่าลืมเดิมพันของเรา ส่งสมุนไพรที่ท่านมีทั้งหมดไปที่ตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการให้ข้าด้วยเถิด”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่พูดเสียงดัง “ข้าย่อมรักษาคำพูดแน่นอน!”"แต่การที่พระพลานามัยขององค์จักรพรรดิสูงสุดดีขึ้นมากได้เช่นนี้ ข้ายอมรับพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ!"ทุกคนรอบตัวตกตะลึง ลั่วชิงยวนเก่งกาจนัก เก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 921

    จักรพรรดิสูงสุดโกรธเล็กน้อยและต้องการยกมือขึ้น แต่ไทเฮาก็รู้สึกได้และจับมือเขาไว้แน่น ป้องกันมิให้เขาขยับพละกำลังของจักรพรรดิสูงสุดในขณะนี้ย่อมด้อยกว่าไทเฮา และเขามิสามารถเคลื่อนไหวได้เลยขุนนางทั้งหลายพากันสรรเสริญ ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อยลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนทราบเรื่องนี้ แต่พวกเขามิได้พูดอะไรมหาราชาจารย์เหยียนกล่าวว่า”เนื่องจากพระพลานามัยขององค์จักรพรรดิสูงสุดดีขึ้นแล้ว ขุนนางทั้งหลายพากันสรรเสริญ ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเลย พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการมีความดีความชอบอย่างมาก!”ขณะที่มหาราชาจารย์เหยียนพูดสิ่งนี้ เขาก็ชำเลืองมองลั่วชิงยวนอย่างมีความหมาย“ขอพระชายาโปรดพยายามรักษาองค์จักรพรรดิสูงสุดต่อไป หวังว่าการรักษาต่อจากนี้จะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น!”เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูลั่วชิงยวน ก็ฟังดูคล้ายคำขู่อย่างที่สุด“องค์จักรพรรดิสูงสุดยังทรงต้องพักผ่อน ดังนั้นพวกกระหม่อมขอทูลลาไปก่อน”“กระหม่อมขอทูลลา!”หลังจากที่มหาราชาจารย์เหยียนทำความเคารพแล้ว เขาก็หันหลังจากไปขุนนางคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันทูลลาและจากไปทีละคนในท้ายที่สุด มีองค์ชายเพียงมิกี่คนที่เหลื

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1208

    ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1207

    ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1206

    ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1205

    เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1204

    เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1203

    ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status