Share

บทที่ 913

Author: หว่านชิงอิ๋น
ก่อนไป นางเหลือบมองฟู่เฉินหวนอย่างหมดหนทาง ฟู่เฉินหวนพยายามอดกลั้น เล็บของเขาเกือบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ และมิหันไปมองลั่วเยวี่ยอิง

ในท้ายที่สุด ลั่วเยวี่ยอิงก็ซักเสื้อผ้า แต่อาการบาดเจ็บที่มือของนางก็แย่ลงเช่นกัน

นางมิได้พูดอะไรออกมา แต่เมื่อลั่วชิงยวนนำยามา นางก็ต้องการหยิบชามยาจากมือของลั่วชิงยวน

“พี่หญิงให้ข้าทำเถิด”

นางเอื้อมมือไปหยิบมัน และทันทีที่นางแตะชามก็เจ็บจนต้องสูดหายใจลึก ๆ แล้วกดมือลงไปที่ข้อมือของตัวเอง

นางตั้งใจเผยให้เห็นแผลที่ฝ่ามืออย่างจงใจ

มีรอยมีดชัดเจน และบริเวณรอบแผลยังคงบวมและดูสาหัสมาก

ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางโดยมิพูดอะไร และเดินตรงไปป้อนยาให้จักรพรรดิสูงสุด

ใครจะรู้ว่าลั่วเยวี่ยอิงจะมิยอมรามือ “พี่หญิง ให้ข้าป้อนยาให้เสด็จพ่อเถิด”

ลั่วชิงยวนวางยาบนเก้าอี้ ยืนขึ้นและลุกจากที่นั่ง แล้วพูดอย่างเย็นชา “หากเจ้ากล้าทำยาหกใส่องค์จักรพรรดิสูงสุด ก็จงไสหัวออกไปเสีย”

ลั่วชิงยวนจงใจใช้คำพูดเพื่อยั่วยุอีกฝ่าย อยากให้ลั่วเยวี่ยอิงรีบจากไปเร็ว ๆ

ลั่วเยวี่ยอิงหยิบชามยาขึ้นมา ใช้มือที่บาดเจ็บจับช้อนอย่างระมัดระวัง แล้วป้อนยาให้จักรพรรดิสูงสุด

จักรพรรดิสูงสุดหลับตาและปิ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Lan Chowwapanun
เมื่อไหร่ลั่วเยี่ยอิงจะพบจุดจบซะที รำคาญนางร้ายตัวนี้มาก
goodnovel comment avatar
Jaruwan
จริงๆแก้ที่ต้นเหตุได้นะ ท่านอ๋องหน้าโง่ ในเมื่อเยวี่ยอิงทำให้ปวดหัวเจ็บปวด ก็ตบมันโลดเจ็บเท่าไรก็ตบไปเท่านั้น บอกมันด้วยว่าถ้าไม่หยุดก็จะตบแบบนี้ เอาแบบเราเจ็บมันก็เจ็บ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 914

    หลังจากพูดอย่างนั้น ลั่วชิงยวนก็เดินออกไปอย่างเย็นชาหัวใจของฟู่เฉินหวนตึงเครียดขึ้นมาทันที“ท่านอ๋อง...” ลั่วเยวี่ยอิงเรียกเบา ๆฟู่เฉินหวนรู้สึกราวกับว่า เชือกที่ตึงอยู่ในหัวของเขากำลังจะขาด “ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำแผล”ลั่วชิงยวนต้มยาอีกครั้ง แล้วกลับมาป้อนให้จักรพรรดิสูงสุดกว่าจะรู้ตัว เวลาก็ล่วงเข้าสู่ยามค่ำคืนเสียแล้วคืนนี้แสงจันทร์สว่างเป็นพิเศษ และลั่วชิงยวนก็นั่งลงบนพื้นโดยเอนหลังนั่งพิงเตียงแล้วเริ่มสนทนากับจักรพรรดิสูงสุด“คืนนี้หม่อมฉันจะอยู่กับพระองค์เอง ฟู่เฉินหวนคงไม่มีเวลาหรอกเพคะ”“หม่อมฉันคิดว่า ตอนนี้คงมีคนมากมายจับจ้องพระองค์กับหม่อมฉันอยู่ พระอาการของพระองค์คงมิสามารถหายได้ในระยะเวลาอันสั้น ผู้ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังผู้นี้ ต้องถูกจับตัวออกมาให้ได้เพคะ”“มิเช่นนั้น ในภายภาคหน้า เขาจะใช้วิธีการที่คล้ายกันนี้ทำร้ายพระองค์อีกครั้งเป็นแน่ และยากจะป้องกัน”“แต่หม่อมฉันมิสามารถจับตาดูพระองค์ได้ตลอดเวลา จริงใช่หรือไม่เพคะ?”จักรพรรดิสูงสุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ รู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงพยักหน้ารับ“เช่นนั้น พระองค์ก็ทรงร่วมมือกับหม่อมฉันเถิดเพคะ แล้วลากคนผู้นี

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 915

    จักรพรรดิสูงสุดมองนางอย่างเหยียดหยาม ราวกับกำลังถามว่านางกำลังดูแคลนผู้ใดอยู่ลั่วชิงยวนปล่อยม่านเตียงลง นั่งบนเก้าอี้ หลับตาเอนหลังพิงพนักพิง“วางพระทัยเถิดเพคะ หม่อมฉันจะปกป้องพระองค์เอง”ฟู่เฉินหวนจะมิออกไปโดยไม่มีเหตุผล และลั่วเยวี่ยอิงจะมิปวดท้องโดยไม่มีสาเหตุไทเฮาต้องการล่อให้ฟู่เฉินหวนออกไปเพื่อที่จะได้ลงมือในความเงียบงันก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นคนรับใช้ในวังซึ่งแต่งกายเป็นขันทีค่อย ๆ เดินเข้ามาเขาเดินอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนหลับตาอยู่ แต่ยังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เย็นเยียบและรุนแรงขันทีเดินเข้ามาใกล้เตียงจู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็พูดว่า “ถึงเวลาแล้วหรือ?”ขันทีตกใจมาก จึงก้มศีรษะลงแล้วตอบว่า “รายงานพระชายา ถึงเวลาแล้วขอรับ”“เชิญพระชายาหลบออกไปด้วยขอรับ”ทุกวันจะมีคนมาเปลี่ยนกระโถน และช่วยจักรพรรดิสูงสุดเปลี่ยนอาภรณ์แม้แต่กลางคืนก็เช่นกันลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืน แต่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้านี่ดูมิค่อยคุ้นหน้าเลยนะ ช่วงนี้ดูเหมือนจะมิเคยมาที่นี่เลย”ขันทีถอยไปสองก้าวแล้วตอบว่า “บ่าวเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว เราสับเปลี่ยนกันปฏิบัติหน้าที่ นี่เป็น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 916

    จักรพรรดิสูงสุดบนเตียงบรรทม มีด้ายเงินพันอยู่รอบคอของเขาจักรพรรดิสูงสุดหายใจมิออกจนใบหน้าแดงก่ำไปหมดลั่วชิงยวนดึงกริชออกมาจากใต้หมอนของจักรพรรดิสูงสุด และตัดด้ายเงินออกจักรพรรดิสูงสุดได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งทันใดนั้น ก็มีแมลงสีดำตัวหนึ่งคลานไปตามด้ายเงินที่ขาดด้ายเงินถูกดึงขึ้นไปอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นร่างสีทมิฬบนขอบหลังคาที่ทะลุ และเงานั้นก็มองลงมาด้วยลั่วชิงยวนมองเห็นเพียงดวงตาของอีกฝ่าย และอดมิได้ที่จะตกใจเป็นเขาแน่!คนจากแคว้นหลีคนนั้นเขามิเพียงแค่ใช้กู่ควบคุมเส้นด้ายได้ แต่ยังสามารถฆ่าคนจากระยะไกลได้อีกด้วยดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชา และกระโดดขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว เงาร่างทมิฬก็วิ่งหนีไป ลั่วชิงยวนก็ไล่ตามเขาไปทันทีอีกฝ่ายมีร่างผอมบาง ดูคล้ายสตรี แต่ขาและเท้าในยามที่ใช้วิชาตัวเบาแข็งแกร่งมากมิต่างจากบุรุษและเห็นได้ว่าเขาคุ้นเคยกับวังแห่งนี้มาก เขาหลบหนีเข้าไปยังบริเวณที่มืดไปตลอดทาง พยายามหลีกหนีให้พ้นสายตาของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนไล่ตามเขาไปอย่างสุดกำลัง มิยอมให้รอดไปได้เด็ดขาด!สำหรับจักรพรรดิสูงสุดนั้น มีฟู่เฉินหวนอยู่ด้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 917

    “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?” เซิ่งไป่ชวนถามอย่างกังวลลั่วเยวี่ยอิงกำลังจะพูด แต่ในขณะนั้น นางนึกถึงสิ่งที่น่าสะพรึงกลัววังหลวงในคืนนี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง แม้แต่สำนักหมอหลวงก็ยังดูแปลกไปด้วยทั้งหมดนี้เป็นแผนของตระกูลเหยียนแน่ ๆอำนาจของพวกเขายิ่งใหญ่มากนางจะกล้าต่อต้านพวกเขาจริงหรือ?“แม่นาง?” เซิงไป่ชวนมองดูนางอย่างงุนงง “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกสับสนอย่างมากควรบอกไปหรือไม่?หากมิพูดอะไรเลย ฟู่เฉินหวนอาจตายได้ เพราะคมมีดนั้นเกือบจะแทงโดนจุดสำคัญ!ทว่าหากพูดออกไป ฟู่เฉินหวนอาจได้รับการช่วยเหลือ และตระกูลเหยียนคงมิปล่อยนางไป!…… ภายใต้แสงจันทร์ ลั่วชิงยวนไล่ตามเงาร่างนั้น ผ่านสวนที่เต็มไปด้วยต้นท้อเมื่อลั่วชิงยวนไล่เขาจนออกจากสวนท้อ เงาร่างนั้นกลับหายไปหายไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?คงจะยังอยู่แถวนี้แน่ด้านหน้ามีตำหนักอยู่แห่งหนึ่ง รอบ ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ สภาพแวดล้อมดีมาก แต่อยู่ในส่วนที่ห่างไกลไปหน่อยลั่วชิงยวนสังเกตเห็นว่า ตำหนักแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นตำหนักเพียงแห่งเดียวในบริเวณนี้หรือว่าคนชุดดำจะหนีเข้าไปข้างในแล้ว?ลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 918

    ทารกมีกลิ่นอายชั่วร้ายจาง ๆ กระจายออกมาลั่วชิงยวนใจหายวาบทันทีนางจำได้ว่า นางได้จัดการสะสางทุกสิ่งที่เฝิงซีเคยประสบมาก่อนไปจนหมดแล้วกลิ่นอายชั่วร้ายในตัวเด็กคนนี้ มาจากที่ใดกัน?“อวี้เอ๋อร์ อย่าร้อง อย่าร้อง แม่อยู่นี่แล้ว!” เฝิงซีกล่อมลูกน้อยอย่างอ่อนโยนจากนั้นนางเตรียมจะปลดอาภรณ์เพื่อให้นมลูกทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของนางก็ชะงักไป ก่อนจะมองไปยังลั่วชิงยวน "พระชายายังมีเรื่องอื่นใดอีกหรือไม่? หากไม่มีแล้ว ท่านกลับไปเถิด"ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขออภัยที่มารบกวนท่านแล้วเพคะ”นางหันกลับและจากไปนางกำนัลส่งนางออกจากพระตำหนักชุนซานลั่วชิงยวนมองย้อนกลับไปด้วยความสงสัยในใจว่า คนชุดดำจะไปที่ใดได้อีกนอกจากเข้าไปในตำหนักชุนซาน?แต่เวลาผ่านไปนานแล้ว นางตามจับมิทันเสียแล้ว อีกคนแค่เปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็สามารถเดินไปเดินมาในวังได้ตามปกติจับตัวมิได้แล้วดังนั้นลั่วชิงยวนจึงทำได้แค่หันหลังกลับไปทางเดิมตราบใดที่จักรพรรดิสูงสุดปลอดภัย หากจักรพรรดิมิเป็นอะไร มิช้าก็เร็วไทเฮาจะต้องลงมืออีกแน่แต่การจับคนชุดดำคนนี้ อาจจะลำบากสักหน่อยขณะที่ไล่ตามมือสังหาร ลั่วชิงยวนมิได้สังเกตว่า วังหลวงเง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 919

    ”เขายังเตือนทุกคนว่า ยามกลางคืนห้ามเดินเพ่นพ่าน หากได้ยินเสียงอะไรก็ให้เพิกเฉยเสีย”“พวกเขายังใส่ยาที่ทำให้ง่วงในทุกจานด้วย หากใครกินเข้าไปก็จะง่วงนอน”“กระหม่อมรู้สึกแปลก ๆ จึงคอยระมัดระวัง มิได้กินยาและมิยอมนอน เป็นไปตามคาด กระหม่อมได้ยินเสียงของแม่นางลั่วเข้า”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“อำนาจยิ่งใหญ่ดีจริง ๆ แม้แต่สำนักหมอหลวงยังถูกควบคุมเช่นนี้ได้”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “คนที่ข้าไล่ตามไปก็หายไปเช่นกัน”แต่ฟู่เฉินหวนกล่าวว่า “ตราบใดที่คนมิเป็นไรก็ดีแล้ว”เนื่องจากเป็นเวลาดึกแล้ว ลั่วเยวี่ยอิงจึงถูกส่งไปที่เรือนด้านข้างเพื่อพักผ่อนเดิมทีเซิ่งไป่ชวนคิดจะกลับไป แต่ถูกลั่วชิงยวนรั้งเอาไว้“เจิ้งอู๋เหลียงมิอนุญาตให้ใครเดินเตร็ดเตร่ยามกลางคืน หากท่านกลับไปตอนนี้ พวกเขาต้องรู้แน่ว่าท่านไปทำอะไรมา ข้าเกรงว่าพวกเขาจะมิปล่อยท่านไป”“เหตุใดท่านมิอยู่ที่นี่ และช่วยข้าดูอาการขององค์จักรพรรดิสูงสุดเล่า?”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า “ขอรับ”ในขณะที่เซิ่งไป่ชวนไปต้มยาลั่วชิงยวนก็เดินไปที่เตียง แล้วยกม่านขึ้น จึงเห็นว่าจักรพรรดิสูงสุดยังคงลืมตาอยู่ และยังมิได้หลับไป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 920

    “เสด็จพ่อ! ท่านหายดีจริงๆ แล้ว!” ฟู่จิ่งหานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก รีบก้าวไปประคองจักรพรรดิสูงสุดแม้ว่าใบหน้าของจักรพรรดิสูงสุดจะซีดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขากลับจริงจังมาก เพียงแค่ยืนเฉย ๆ ก็ดูเต็มไปด้วยความสง่างามไทเฮาที่เดิมทีมักจะร้อนรน กลับกังวลมากจนมิกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียวขณะนั้นเอง เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ก็ดังขึ้น... “ข้าแพ้แล้ว!”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ผู้เป็นหมอมาตลอดชีวิต คิดว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาเหนือกว่าใคร และมิเชื่อว่าลั่วชิงยวนจะสามารถรักษาจักรพรรดิสูงสุดได้แต่ในขณะนี้ เมื่อเห็นจักรพรรดิสูงสุดยืนขึ้นมาได้ ก็ทำให้เขาตกใจสิ่งที่เขาทุ่มหมดหน้าตักแต่กลับยังทำมิสำเร็จ ทว่าแม่นางผู้นี้กลับทำได้!ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้น หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่โปรดอย่าลืมเดิมพันของเรา ส่งสมุนไพรที่ท่านมีทั้งหมดไปที่ตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการให้ข้าด้วยเถิด”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่พูดเสียงดัง “ข้าย่อมรักษาคำพูดแน่นอน!”"แต่การที่พระพลานามัยขององค์จักรพรรดิสูงสุดดีขึ้นมากได้เช่นนี้ ข้ายอมรับพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ!"ทุกคนรอบตัวตกตะลึง ลั่วชิงยวนเก่งกาจนัก เก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 921

    จักรพรรดิสูงสุดโกรธเล็กน้อยและต้องการยกมือขึ้น แต่ไทเฮาก็รู้สึกได้และจับมือเขาไว้แน่น ป้องกันมิให้เขาขยับพละกำลังของจักรพรรดิสูงสุดในขณะนี้ย่อมด้อยกว่าไทเฮา และเขามิสามารถเคลื่อนไหวได้เลยขุนนางทั้งหลายพากันสรรเสริญ ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อยลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนทราบเรื่องนี้ แต่พวกเขามิได้พูดอะไรมหาราชาจารย์เหยียนกล่าวว่า”เนื่องจากพระพลานามัยขององค์จักรพรรดิสูงสุดดีขึ้นแล้ว ขุนนางทั้งหลายพากันสรรเสริญ ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเลย พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการมีความดีความชอบอย่างมาก!”ขณะที่มหาราชาจารย์เหยียนพูดสิ่งนี้ เขาก็ชำเลืองมองลั่วชิงยวนอย่างมีความหมาย“ขอพระชายาโปรดพยายามรักษาองค์จักรพรรดิสูงสุดต่อไป หวังว่าการรักษาต่อจากนี้จะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น!”เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูลั่วชิงยวน ก็ฟังดูคล้ายคำขู่อย่างที่สุด“องค์จักรพรรดิสูงสุดยังทรงต้องพักผ่อน ดังนั้นพวกกระหม่อมขอทูลลาไปก่อน”“กระหม่อมขอทูลลา!”หลังจากที่มหาราชาจารย์เหยียนทำความเคารพแล้ว เขาก็หันหลังจากไปขุนนางคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันทูลลาและจากไปทีละคนในท้ายที่สุด มีองค์ชายเพียงมิกี่คนที่เหลื

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1286

    ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1285

    แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีวิชาฝ่ามือที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันของลั่วชิงยวนทำให้ฉินอี้มิทันตั้งตัว เขาถูกรัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่องจนลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมาการต่อสู้สิ้นจบลงในพริบตาเดียวหลายคนที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นมิชัด“เมื่อครู่เกิดกระไรขึ้น?”“ต่อสู้กันอยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ฉินอี้ถึงแพ้ได้เล่า?”ลั่วชิงยวนมองฉินอี้ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนวรยุทธ์ขององค์ชายใหญ่จะเป็นอย่างที่คนเขาลือกันนะเพคะ”เทียบกับคนทั่วไปแล้ว วรยุทธ์ของฉินอี้ก็ถือว่ามิได้อ่อนด้อยเลยแต่สำหรับคนที่เป็นถึงองค์ชายนั้นช่างดูอ่อนแอนักเมื่อครู่ที่ลั่วชิงยวนลองทดสอบ ดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะวรยุทธ์แบบเดียวกับที่เคยเรียนมาเมื่อก่อน และมิได้มีความก้าวหน้ามากนักเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรหากฉินอี้เพียรพยายามมากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็คงมิเป็นเช่นนี้ฉินอีจ้องนางด้วยโทสะ ดูเหมือนจะเจ็บใจที่วรยุทธ์ของตนอ่อนด้อยเกินไป ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างยิ่งบาดหูมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันพลางกำหมัดแน่น และพุ่งเข้าหาลั่วชิงยวนอย่างดุร้ายเขามิยอมพ่ายแพ้เช่นนี้หรอกแต่เขากลับมิสามารถเอาชนะลั่วชิงย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1284

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1283

    หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status