จักรพรรดิสูงสุดโกรธเล็กน้อยและต้องการยกมือขึ้น แต่ไทเฮาก็รู้สึกได้และจับมือเขาไว้แน่น ป้องกันมิให้เขาขยับพละกำลังของจักรพรรดิสูงสุดในขณะนี้ย่อมด้อยกว่าไทเฮา และเขามิสามารถเคลื่อนไหวได้เลยขุนนางทั้งหลายพากันสรรเสริญ ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติแม้แต่น้อยลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนทราบเรื่องนี้ แต่พวกเขามิได้พูดอะไรมหาราชาจารย์เหยียนกล่าวว่า”เนื่องจากพระพลานามัยขององค์จักรพรรดิสูงสุดดีขึ้นแล้ว ขุนนางทั้งหลายพากันสรรเสริญ ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเลย พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการมีความดีความชอบอย่างมาก!”ขณะที่มหาราชาจารย์เหยียนพูดสิ่งนี้ เขาก็ชำเลืองมองลั่วชิงยวนอย่างมีความหมาย“ขอพระชายาโปรดพยายามรักษาองค์จักรพรรดิสูงสุดต่อไป หวังว่าการรักษาต่อจากนี้จะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น!”เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูลั่วชิงยวน ก็ฟังดูคล้ายคำขู่อย่างที่สุด“องค์จักรพรรดิสูงสุดยังทรงต้องพักผ่อน ดังนั้นพวกกระหม่อมขอทูลลาไปก่อน”“กระหม่อมขอทูลลา!”หลังจากที่มหาราชาจารย์เหยียนทำความเคารพแล้ว เขาก็หันหลังจากไปขุนนางคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันทูลลาและจากไปทีละคนในท้ายที่สุด มีองค์ชายเพียงมิกี่คนที่เหลื
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็พลันตกลงมาจากท้องฟ้าเมื่อร่างนั้นแตะพื้นก็แผ่กระจายกลิ่นอายชั่วร้ายออกมาทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาก็เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและดุร้าย เขาพุ่งตัวไปที่เตียงทันทีดวงตาของลั่วชิงยวนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา สะบัดแส้ยาวที่ร่ายอักขระไว้พันรอบข้อเท้าของศัตรูแล้วดึงเขาอย่างแรงแต่ชายคนนั้นดึงดาบสั้นออกจากมือแล้วโยนมันไปทางเตียงจิตสังหารฟุ้งกระจายไปทั่วคนบนเตียงพลิกตัวไปด้านใน หลบคมดาบสั้นที่ปักลงบนเตียงได้ทันหวุดหวิดแส้ยาวในมือของลั่วชิงยวนลากเขาลงไปที่พื้น อักขระเวทนั้นร้อนมากจนอีกฝ่ายร้องครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคว้าแส้ยาวแล้วพยายามจะดึงออกเขาทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกแผดเผา แล้วบังคับแส้ยาวจนหัก อีกฝ่ายกลับดึงแส้จนขาด แล้วกระโดดขึ้นมาโจมตีที่ใบหน้าของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนขมวดคิ้วแน่น และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า บุคคลนั้นคือขันทีหนุ่มเมื่อวาน รอยแผลที่คอยังอยู่เขาเป็นศพไปแล้วแต่ในตอนนี้ ภายในร่างกายของเขามีพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งสิงอยู่พลังวิญญาณชั่วร้ายเช่นนี้ เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างน้อยยี่สิบถึงสามสิบปีเห็นจะได้นี่น่าจะเป็นสิ่ง
ลั่วชิงยวนติดตามกลิ่นไปจนสุดทางจนมาถึงด้านนอกพระตำหนักโช่วสี่แล้วนางเดินผ่านพระตำหนักโช่วสี่อย่างเงียบ ๆ และพบกับบรรยากาศอันมืดมนในสวนอันเงียบสงบด้านหลังพระตำหนักโช่วสี่ไฟของเรือนกลางสวนส่องสว่างอยู่ และลั่วชิงยวนก็เตะประตูให้เปิดออกใบหน้าของร่างที่นั่งบนเก้าอี้ซีดด้วยความตกใจ จ้องมองนางอย่างตะลึง“บังอาจ!” อีกฝ่ายตะโกนขึ้นลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ปรากฏว่าเป็นสตรีในวัยสี่สิบคนหนึ่งลั่วชิงยวนคิดอย่างรอบคอบ นางเคยเห็นสตรีนางนี้มาก่อน แต่มิเคยสังเกตอะไรมากนัก“นี่คือพระตำหนักโช่วสี่ กล้าบุกเข้ามาได้อย่างไร!”อีกฝ่ายตะโกนด้วยความโกรธแล้วรีบจะหนีทันทีดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางพุ่งเข้าไปขวางและเข้าปะทะกับอีกฝ่าย“ข้ามิสนว่าจะเป็นพระตำหนักโช่วสี่หรือไม่ ข้ามาที่นี่ในคืนนี้เพื่อจัดการกับเจ้าเท่านั้น! เจ้าหนีมิพ้นแล้ว!”เสียงของการต่อสู้ของทั้งสองดังชัดเจนเป็นพิเศษในคืนอันเงียบสงบเช่นนี้มินานก็มีคนได้ยินเสียงจึงเข้ามา“บังอาจ! ใครกล้าบุกตำหนักข้า!” เสียงอันสง่างามของไทเฮาดังมาจากด้านนอกประตูมีเสียงฝีเท้ามากมาย และมีองครักษ์หลายคนมาเมื่อไทเฮารีบเข้ามา ลั่วชิงยว
ฟู่เฉินหวนมาพร้อมกับทหารองครักษ์จำนวนมากในลักษณะก้าวร้าวเมื่อไทเฮาหันเห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดนางพูดด้วยความโกรธ “อ๋องผู้สำเร็จราชการ เจ้าคิดจะก่อกบฏหรือ?”“เจ้ากล้านำคนบุกเข้ามาในพระตำหนักโช่วสี่ได้อย่างไร เจ้ามิเห็นแก่หน้าข้าแล้วรึ?”ฟู่เฉินหวนมีใบหน้าที่เย็นชา สั่งการอย่างมิไว้หน้า “ล้อมพระตำหนักโช่วสี่ไว้ จากนี้ไปแม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็มิอนุญาตให้บินออกไป!”ไทเฮาโกรธมาก เมื่อเห็นว่าฟู่เฉินหวนสั่งให้ล้อมพระตำหนักโช่วสี่ของนาง ใบหน้าของนางก็เขียวคล้ำ “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนมิสนใจสิ่งที่ไทเฮาจะเอ่ย และตรงไปหาลั่วชิงยวนแทน “เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงสัย “เหตุใดท่านถึงมาด้วยตนเอง? แล้วองค์จักรพรรดิสูงสุดเล่า?"ฟู่เฉินหวนตอบว่า “ฟู่จิ่งหลีกำลังดูแลอยู่”ฟู่เฉินหวนพูด แล้วมองไปยังคนที่ลั่วชิงยวนจับเอาไว้ แล้วถามว่า “ใช่นางหรือ?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า หันมองกลับไปมองในเรือน “สิ่งที่อยู่ข้างในก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้”ฟู่เฉินหวนส่งคนไปตรวจค้นเรือนดังกล่าวทันทีมีการรวบรวมขวด ไห กระถางธูป และเครื่องรางของขลังจำนวนมากถูกนำออกมาเรียงบนพื้นสิ่งสำคัญ
ลั่วชิงยวนเข้าไปในห้อง และค้นหาอย่างระมัดระวังแต่ทุกสิ่งที่ควรตรวจค้นในห้องก็พบแล้วและนำออกไปแล้วลั่วชิงยวนมิพบสิ่งใดเลย และมิพบที่ซ่อนลับใด ๆ ในห้องเช่นกันตอนที่กำลังจะออกไป จู่ ๆ ก็พบว่ามีห้องเล็ก ๆ สองห้องตรงมุมสวน ซึ่งดูเหมือนครัวเล็ก ๆ หรือห้องเก็บฟืนลั่วชิงยวนเดินไปโดยมิคาดหวังอะไร และผลักประตูให้เปิดออกแต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง นางก็ได้แต่ตกใจนี่ก็เป็นห้องที่มีคนอาศัยอยู่และการจัดห้องนั้นประณีตมาก มิเหมือนห้องที่คนรับใช้อยู่ แม้แต่ห้องของต่งชูก็มิดีเท่านี้นางค้นหาทั่วห้อง และเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็ต้องตกใจจริง ๆ แล้วมีเสื้อผ้ามากมายในตู้ มันเป็นแค่ชุดชั้นใน มีทั้งสำหรับชายและหญิงมิใช่ของคนคนเดียวกัน!เป็นไปได้หรือไม่ว่า ต่งชูลอบติดต่อกับใครบางคนในวังอีก?นางยังค้นต่อไปในตู้และกล่องต่าง ๆ แล้วพบยาทา ยาหอม และยาเม็ดหลังจากตรวจสอบทีละอย่างแล้ว ก็พบว่าล้วนเป็นของที่ใช้ในการสมสู่ระหว่างชายหญิงลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ต่งชูกำลังมีความสัมพันธ์กับใครบางคนจริง ๆ!นางหยิบรองเท้าผู้ชายคู่หนึ่งขึ้นมาแล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็วต่งชูอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิด หากต่งชูปฏิเสธที
ทุกคนมองดูลั่วชิงยวนด้วยความสังสัย มิรู้ว่านางพูดอะไรกับต่งชูแต่แล้ว ก็ได้ยินเสียงต่งชูกัดฟันพูดว่า “ข้ายอมพูดแล้ว!”ทุกคนต่างตกตะลึงลั่วชิงยวนพูดอะไร ถึงสามารถงัดปากของต่งชูให้เปิดได้ในประโยคเดียว?ทั้งไทเฮาและมหาราชาจารย์เหยียนเริ่มกังวลทั้งสองมองหน้ากัน และทำได้เพียงพยายามสงบสติอารมณ์เท่านั้นทุกคนจับจ้องมองต่งชูอย่างคาดหวัง และรอคำพูดต่อไปของนางฟู่จิ่งหานตั้งตารออย่างคาดหวัง โดยรอให้ต่งชูเปิดโปงไทเฮาในเวลานั้น แม้ว่าไทเฮาจะแก้ต่าง เพื่อรักษาชีวิตคนตระกูลเหยียนทั้งหมดได้ แต่มหาราชาจารย์เหยียนจะต้องมอบอำนาจทางทหารคืนให้เขาจากนี้ไป เขาจะเป็นจักรพรรดิที่แท้จริงไม่มีใครสามารถแทรกแซงหรือควบคุมเขาได้อีก“ข้าคือคนจากแคว้นหลี ข้าเป็นคนที่ทำร้ายองค์จักรพรรดิสูงสุด ข้าเป็นคนที่หว่านเมล็ดปีกพญามัจจุราชในสวนเอง”“ข้าทำทั้งหมดนี้เพียงเพื่อแก้แค้น”ฟู่จิ่งหานถามเสียงเฉียบขาด “แก้แค้นให้ใคร?”ต่งชูเงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างหนักแน่น "พระชายาหลี!"ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา การแสดงออกของลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวใจของฟู่เฉินหวนตึงเครียด และทันใดนั้นเขาก็รู้
“เมื่อครู่ต่งชูปฏิเสธที่จะพูด เป็นลั่วชิงยวนที่พูดอะไรบางอย่างกับนาง จนทำให้นางตัดสินใจสารภาพ”“ว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็น่าสงสัย ข้าอยากรู้ว่าลั่วชิงยวนพูดอะไรกับต่งชู ถึงทำให้นางสารภาพออกมาจนหมดเปลือก”“ความสามารถเช่นนี้ การเป็นเพียงชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการดูจะเป็นการใช้คนมิคุ้มค่า น่าจะมอบตำแหน่งทางราชการให้นางจะดีกว่า”คำพูดของมหาราชาจารย์เหยียนพยายามหว่านความมิลงรอยกันระหว่างลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนอย่างมิต้องสงสัยฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว และมองดูลั่วชิงยวนด้วยสายตาที่ซับซ้อน สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยหัวใจของลั่วชิงยวนถูกแทงอย่างแรงในขณะนั้นนางต้องการอธิบาย แต่นางก็มิรู้ว่าต้องอธิบายอย่างไรนางประมาท ยังมิทันที่นางจะได้สอบสวนต่งชูให้ถ้วนถี่ กลับไปขู่ว่าจะเปิดเผยบุคคลที่อยู่เบื้องหลังนางเสียก่อนมิคาดคิดต่งชูจะแว้งกัดพระชายาหลีที่ถูกเผาทั้งเป็นไปแล้วเช่นนี้และต่งชูก็ยอมรับว่า นางมาจากแคว้นหลี พระชายาหลีถูกประหารชีวิตเพราะกลียุคในวังที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับมิถ้วน ต่งชูอ้างว่านางล้างแค้นให้พระชายาหลีและเป็นคนลงมือทำร้ายจักรพรรดิสูงสุดฟังดูมีเหตุผลทีเดียวมิพบสิ่งที่น่าสงสัยเลย
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเย็นชา “หากต่งชูมีความสัมพันธ์กับลั่วชิงยวน นางคงมิวางกับดักจนสามารถจับต่งชูได้หรอก”“หากนางต้องการฆ่าปิดปากอีกฝ่าย นางก็สามารถทำได้อย่างไร้ร่องรอย จะมิปล่อยให้เรื่องลุกลามถึงขั้นนี้”“พวกท่านเพียงอยากกล่าวหาว่าข้ามิใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะเข้าคุกเอง!”“แต่ลั่วชิงยวน มิว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้องนาง!”“นางยังต้องการรักษาเสด็จพ่อต่อไป!”หลังจากพูดอย่างนั้น ฟู่เฉินหวนโบกแขนเสื้อแล้วจากไปมหาราชาจารย์เหยียนและไทเฮาเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วพวกเขาก็มองหน้ากันและรู้สึกสบายใจมากขึ้นลั่วชิงยวนตกตะลึงเป็นฟู่เฉินหวนที่ริเริ่มจะเข้าคุกเองเพื่อมิให้นางต้องพัวพันด้วยเมื่อฟู่เฉินหวนอยู่ในคุกแล้ว มหาราชาจารย์เหยียนจะได้มิจ้องจับผิดลั่วชิงยวนอีก คืนนี้ก็ถือว่าพวกเขารอดจากเคราะห์ร้ายมาได้แล้วฟู่จิ่งหานขมวดคิ้ว พยายามจะปกป้องฟู่เฉินหวน “หากพี่สามรู้จักต่งชูจริง ๆ ไม่มีทางที่เขาจะจับต่งชูให้ข้าเช่นนี้!”มหาราชาจารย์เหยียนมิได้ร้อนรนแม้แต่น้อย ทั้งยังยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “มิว่าอย่างไร อ๋องผู้สำเร็จราชการก็เป็นฝ่ายเลือกเข้าคุกเอง เช่นนั้นก็แสดงว่า เรื่องนี้เขามิอาจห
ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได
แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีวิชาฝ่ามือที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันของลั่วชิงยวนทำให้ฉินอี้มิทันตั้งตัว เขาถูกรัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่องจนลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมาการต่อสู้สิ้นจบลงในพริบตาเดียวหลายคนที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นมิชัด“เมื่อครู่เกิดกระไรขึ้น?”“ต่อสู้กันอยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ฉินอี้ถึงแพ้ได้เล่า?”ลั่วชิงยวนมองฉินอี้ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนวรยุทธ์ขององค์ชายใหญ่จะเป็นอย่างที่คนเขาลือกันนะเพคะ”เทียบกับคนทั่วไปแล้ว วรยุทธ์ของฉินอี้ก็ถือว่ามิได้อ่อนด้อยเลยแต่สำหรับคนที่เป็นถึงองค์ชายนั้นช่างดูอ่อนแอนักเมื่อครู่ที่ลั่วชิงยวนลองทดสอบ ดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะวรยุทธ์แบบเดียวกับที่เคยเรียนมาเมื่อก่อน และมิได้มีความก้าวหน้ามากนักเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรหากฉินอี้เพียรพยายามมากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็คงมิเป็นเช่นนี้ฉินอีจ้องนางด้วยโทสะ ดูเหมือนจะเจ็บใจที่วรยุทธ์ของตนอ่อนด้อยเกินไป ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างยิ่งบาดหูมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันพลางกำหมัดแน่น และพุ่งเข้าหาลั่วชิงยวนอย่างดุร้ายเขามิยอมพ่ายแพ้เช่นนี้หรอกแต่เขากลับมิสามารถเอาชนะลั่วชิงย
ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ
หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ
เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห
“โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา
ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม
“สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน
“ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร