ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็พลันตกลงมาจากท้องฟ้าเมื่อร่างนั้นแตะพื้นก็แผ่กระจายกลิ่นอายชั่วร้ายออกมาทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาก็เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและดุร้าย เขาพุ่งตัวไปที่เตียงทันทีดวงตาของลั่วชิงยวนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา สะบัดแส้ยาวที่ร่ายอักขระไว้พันรอบข้อเท้าของศัตรูแล้วดึงเขาอย่างแรงแต่ชายคนนั้นดึงดาบสั้นออกจากมือแล้วโยนมันไปทางเตียงจิตสังหารฟุ้งกระจายไปทั่วคนบนเตียงพลิกตัวไปด้านใน หลบคมดาบสั้นที่ปักลงบนเตียงได้ทันหวุดหวิดแส้ยาวในมือของลั่วชิงยวนลากเขาลงไปที่พื้น อักขระเวทนั้นร้อนมากจนอีกฝ่ายร้องครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคว้าแส้ยาวแล้วพยายามจะดึงออกเขาทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกแผดเผา แล้วบังคับแส้ยาวจนหัก อีกฝ่ายกลับดึงแส้จนขาด แล้วกระโดดขึ้นมาโจมตีที่ใบหน้าของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนขมวดคิ้วแน่น และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า บุคคลนั้นคือขันทีหนุ่มเมื่อวาน รอยแผลที่คอยังอยู่เขาเป็นศพไปแล้วแต่ในตอนนี้ ภายในร่างกายของเขามีพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งสิงอยู่พลังวิญญาณชั่วร้ายเช่นนี้ เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างน้อยยี่สิบถึงสามสิบปีเห็นจะได้นี่น่าจะเป็นสิ่ง
ลั่วชิงยวนติดตามกลิ่นไปจนสุดทางจนมาถึงด้านนอกพระตำหนักโช่วสี่แล้วนางเดินผ่านพระตำหนักโช่วสี่อย่างเงียบ ๆ และพบกับบรรยากาศอันมืดมนในสวนอันเงียบสงบด้านหลังพระตำหนักโช่วสี่ไฟของเรือนกลางสวนส่องสว่างอยู่ และลั่วชิงยวนก็เตะประตูให้เปิดออกใบหน้าของร่างที่นั่งบนเก้าอี้ซีดด้วยความตกใจ จ้องมองนางอย่างตะลึง“บังอาจ!” อีกฝ่ายตะโกนขึ้นลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ปรากฏว่าเป็นสตรีในวัยสี่สิบคนหนึ่งลั่วชิงยวนคิดอย่างรอบคอบ นางเคยเห็นสตรีนางนี้มาก่อน แต่มิเคยสังเกตอะไรมากนัก“นี่คือพระตำหนักโช่วสี่ กล้าบุกเข้ามาได้อย่างไร!”อีกฝ่ายตะโกนด้วยความโกรธแล้วรีบจะหนีทันทีดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางพุ่งเข้าไปขวางและเข้าปะทะกับอีกฝ่าย“ข้ามิสนว่าจะเป็นพระตำหนักโช่วสี่หรือไม่ ข้ามาที่นี่ในคืนนี้เพื่อจัดการกับเจ้าเท่านั้น! เจ้าหนีมิพ้นแล้ว!”เสียงของการต่อสู้ของทั้งสองดังชัดเจนเป็นพิเศษในคืนอันเงียบสงบเช่นนี้มินานก็มีคนได้ยินเสียงจึงเข้ามา“บังอาจ! ใครกล้าบุกตำหนักข้า!” เสียงอันสง่างามของไทเฮาดังมาจากด้านนอกประตูมีเสียงฝีเท้ามากมาย และมีองครักษ์หลายคนมาเมื่อไทเฮารีบเข้ามา ลั่วชิงยว
ฟู่เฉินหวนมาพร้อมกับทหารองครักษ์จำนวนมากในลักษณะก้าวร้าวเมื่อไทเฮาหันเห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดนางพูดด้วยความโกรธ “อ๋องผู้สำเร็จราชการ เจ้าคิดจะก่อกบฏหรือ?”“เจ้ากล้านำคนบุกเข้ามาในพระตำหนักโช่วสี่ได้อย่างไร เจ้ามิเห็นแก่หน้าข้าแล้วรึ?”ฟู่เฉินหวนมีใบหน้าที่เย็นชา สั่งการอย่างมิไว้หน้า “ล้อมพระตำหนักโช่วสี่ไว้ จากนี้ไปแม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็มิอนุญาตให้บินออกไป!”ไทเฮาโกรธมาก เมื่อเห็นว่าฟู่เฉินหวนสั่งให้ล้อมพระตำหนักโช่วสี่ของนาง ใบหน้าของนางก็เขียวคล้ำ “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนมิสนใจสิ่งที่ไทเฮาจะเอ่ย และตรงไปหาลั่วชิงยวนแทน “เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงสัย “เหตุใดท่านถึงมาด้วยตนเอง? แล้วองค์จักรพรรดิสูงสุดเล่า?"ฟู่เฉินหวนตอบว่า “ฟู่จิ่งหลีกำลังดูแลอยู่”ฟู่เฉินหวนพูด แล้วมองไปยังคนที่ลั่วชิงยวนจับเอาไว้ แล้วถามว่า “ใช่นางหรือ?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า หันมองกลับไปมองในเรือน “สิ่งที่อยู่ข้างในก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้”ฟู่เฉินหวนส่งคนไปตรวจค้นเรือนดังกล่าวทันทีมีการรวบรวมขวด ไห กระถางธูป และเครื่องรางของขลังจำนวนมากถูกนำออกมาเรียงบนพื้นสิ่งสำคัญ
ลั่วชิงยวนเข้าไปในห้อง และค้นหาอย่างระมัดระวังแต่ทุกสิ่งที่ควรตรวจค้นในห้องก็พบแล้วและนำออกไปแล้วลั่วชิงยวนมิพบสิ่งใดเลย และมิพบที่ซ่อนลับใด ๆ ในห้องเช่นกันตอนที่กำลังจะออกไป จู่ ๆ ก็พบว่ามีห้องเล็ก ๆ สองห้องตรงมุมสวน ซึ่งดูเหมือนครัวเล็ก ๆ หรือห้องเก็บฟืนลั่วชิงยวนเดินไปโดยมิคาดหวังอะไร และผลักประตูให้เปิดออกแต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในห้อง นางก็ได้แต่ตกใจนี่ก็เป็นห้องที่มีคนอาศัยอยู่และการจัดห้องนั้นประณีตมาก มิเหมือนห้องที่คนรับใช้อยู่ แม้แต่ห้องของต่งชูก็มิดีเท่านี้นางค้นหาทั่วห้อง และเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็ต้องตกใจจริง ๆ แล้วมีเสื้อผ้ามากมายในตู้ มันเป็นแค่ชุดชั้นใน มีทั้งสำหรับชายและหญิงมิใช่ของคนคนเดียวกัน!เป็นไปได้หรือไม่ว่า ต่งชูลอบติดต่อกับใครบางคนในวังอีก?นางยังค้นต่อไปในตู้และกล่องต่าง ๆ แล้วพบยาทา ยาหอม และยาเม็ดหลังจากตรวจสอบทีละอย่างแล้ว ก็พบว่าล้วนเป็นของที่ใช้ในการสมสู่ระหว่างชายหญิงลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ต่งชูกำลังมีความสัมพันธ์กับใครบางคนจริง ๆ!นางหยิบรองเท้าผู้ชายคู่หนึ่งขึ้นมาแล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็วต่งชูอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิด หากต่งชูปฏิเสธที
ทุกคนมองดูลั่วชิงยวนด้วยความสังสัย มิรู้ว่านางพูดอะไรกับต่งชูแต่แล้ว ก็ได้ยินเสียงต่งชูกัดฟันพูดว่า “ข้ายอมพูดแล้ว!”ทุกคนต่างตกตะลึงลั่วชิงยวนพูดอะไร ถึงสามารถงัดปากของต่งชูให้เปิดได้ในประโยคเดียว?ทั้งไทเฮาและมหาราชาจารย์เหยียนเริ่มกังวลทั้งสองมองหน้ากัน และทำได้เพียงพยายามสงบสติอารมณ์เท่านั้นทุกคนจับจ้องมองต่งชูอย่างคาดหวัง และรอคำพูดต่อไปของนางฟู่จิ่งหานตั้งตารออย่างคาดหวัง โดยรอให้ต่งชูเปิดโปงไทเฮาในเวลานั้น แม้ว่าไทเฮาจะแก้ต่าง เพื่อรักษาชีวิตคนตระกูลเหยียนทั้งหมดได้ แต่มหาราชาจารย์เหยียนจะต้องมอบอำนาจทางทหารคืนให้เขาจากนี้ไป เขาจะเป็นจักรพรรดิที่แท้จริงไม่มีใครสามารถแทรกแซงหรือควบคุมเขาได้อีก“ข้าคือคนจากแคว้นหลี ข้าเป็นคนที่ทำร้ายองค์จักรพรรดิสูงสุด ข้าเป็นคนที่หว่านเมล็ดปีกพญามัจจุราชในสวนเอง”“ข้าทำทั้งหมดนี้เพียงเพื่อแก้แค้น”ฟู่จิ่งหานถามเสียงเฉียบขาด “แก้แค้นให้ใคร?”ต่งชูเงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างหนักแน่น "พระชายาหลี!"ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา การแสดงออกของลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวใจของฟู่เฉินหวนตึงเครียด และทันใดนั้นเขาก็รู้
“เมื่อครู่ต่งชูปฏิเสธที่จะพูด เป็นลั่วชิงยวนที่พูดอะไรบางอย่างกับนาง จนทำให้นางตัดสินใจสารภาพ”“ว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็น่าสงสัย ข้าอยากรู้ว่าลั่วชิงยวนพูดอะไรกับต่งชู ถึงทำให้นางสารภาพออกมาจนหมดเปลือก”“ความสามารถเช่นนี้ การเป็นเพียงชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการดูจะเป็นการใช้คนมิคุ้มค่า น่าจะมอบตำแหน่งทางราชการให้นางจะดีกว่า”คำพูดของมหาราชาจารย์เหยียนพยายามหว่านความมิลงรอยกันระหว่างลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนอย่างมิต้องสงสัยฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว และมองดูลั่วชิงยวนด้วยสายตาที่ซับซ้อน สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยหัวใจของลั่วชิงยวนถูกแทงอย่างแรงในขณะนั้นนางต้องการอธิบาย แต่นางก็มิรู้ว่าต้องอธิบายอย่างไรนางประมาท ยังมิทันที่นางจะได้สอบสวนต่งชูให้ถ้วนถี่ กลับไปขู่ว่าจะเปิดเผยบุคคลที่อยู่เบื้องหลังนางเสียก่อนมิคาดคิดต่งชูจะแว้งกัดพระชายาหลีที่ถูกเผาทั้งเป็นไปแล้วเช่นนี้และต่งชูก็ยอมรับว่า นางมาจากแคว้นหลี พระชายาหลีถูกประหารชีวิตเพราะกลียุคในวังที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับมิถ้วน ต่งชูอ้างว่านางล้างแค้นให้พระชายาหลีและเป็นคนลงมือทำร้ายจักรพรรดิสูงสุดฟังดูมีเหตุผลทีเดียวมิพบสิ่งที่น่าสงสัยเลย
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเย็นชา “หากต่งชูมีความสัมพันธ์กับลั่วชิงยวน นางคงมิวางกับดักจนสามารถจับต่งชูได้หรอก”“หากนางต้องการฆ่าปิดปากอีกฝ่าย นางก็สามารถทำได้อย่างไร้ร่องรอย จะมิปล่อยให้เรื่องลุกลามถึงขั้นนี้”“พวกท่านเพียงอยากกล่าวหาว่าข้ามิใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะเข้าคุกเอง!”“แต่ลั่วชิงยวน มิว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้องนาง!”“นางยังต้องการรักษาเสด็จพ่อต่อไป!”หลังจากพูดอย่างนั้น ฟู่เฉินหวนโบกแขนเสื้อแล้วจากไปมหาราชาจารย์เหยียนและไทเฮาเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วพวกเขาก็มองหน้ากันและรู้สึกสบายใจมากขึ้นลั่วชิงยวนตกตะลึงเป็นฟู่เฉินหวนที่ริเริ่มจะเข้าคุกเองเพื่อมิให้นางต้องพัวพันด้วยเมื่อฟู่เฉินหวนอยู่ในคุกแล้ว มหาราชาจารย์เหยียนจะได้มิจ้องจับผิดลั่วชิงยวนอีก คืนนี้ก็ถือว่าพวกเขารอดจากเคราะห์ร้ายมาได้แล้วฟู่จิ่งหานขมวดคิ้ว พยายามจะปกป้องฟู่เฉินหวน “หากพี่สามรู้จักต่งชูจริง ๆ ไม่มีทางที่เขาจะจับต่งชูให้ข้าเช่นนี้!”มหาราชาจารย์เหยียนมิได้ร้อนรนแม้แต่น้อย ทั้งยังยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “มิว่าอย่างไร อ๋องผู้สำเร็จราชการก็เป็นฝ่ายเลือกเข้าคุกเอง เช่นนั้นก็แสดงว่า เรื่องนี้เขามิอาจห
“หงเฉิน มือของท่านเขียนหนังสือได้แล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงไร้เรี่ยวแรงเพียงนี้? แม้แต่จะกำหมัดท่านยังทำมิได้เลย”ไทเฮากล่าวอย่างเสียใจแต่ภายใต้แสงจันทร์ แสงสีเงินวาบบนข้อมือของจักรพรรดิสูงสุด และเห็นได้ชัดว่ามีเข็มปักอยู่ที่มือนั้น!ฟู่จิงหลี่ก็เห็นเช่นกัน เขาตกใจมาก “พระนาง…”ลั่วชิงยวนปิดปากของเขาทันที และทำท่าทางให้เขาเงียบตอนนี้ฟู่เฉินหวนถูกขังอยู่ในคุก องค์จักรพรรดิมิอาจปราบปรามไทเฮาเหยียนได้เลย หากไทเฮาเหยียนรู้ว่าพวกเขากำลังดักฟังอยู่ มิว่าอย่างไรนางก็จะฆ่าพวกเขาแน่ไทเฮาถอนหายใจ “หม่อมฉันรู้ว่าตอนนี้ในใจท่านมิได้คิดถึงหม่อมฉันเลย”“แต่เป็นบุตรชายท่าน อ๋องผู้สำเร็จราชการ ฟู่เฉินหวนคนนั้น”“ตอนนั้นท่านมอบตำแหน่งอ๋องผู้สำเร็จราชการให้เขา โดยมิสนคำค้านของหม่อมฉัน เพียงเพื่อจะฝึกฝนเขาให้มาต่อต้านตระกูลเหยียนของเรา”“ท่านคาดหวังในตัวเขาอย่างมาก หากมิใช่เพราะแม่ของเขาเป็นชายาปีศาจแห่งแคว้นหลี บัลลังก์นี้คงตกมิถึงมือของลูกชายหม่อมฉัน”“เมื่อเขามิอาจเป็นจักรพรรดิได้ ท่านทำให้เขาเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการเพื่อกระจายอำนาจ ท่านคำนวณได้กว้างไกลนัก”“น่าเสียดาย ที่สุดท้ายเขาก็ยังพ่า
นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก
“กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้
ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท
ฟู่เฉินหวนตกใจมองนางด้วยความประหลาดใจก่อนจะตอบว่า “ได้”“หากเจ้าอธิบายได้ชัดเจน ข้ายินดีเชื่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”ได้ยินดังนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยรีบกล่าวทันที “หม่อมฉันชื่อลั่วเหลา แท้จริงแล้วลั่วอิงคืออาจารย์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันตายไปแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของลั่วชิงยวน”“วันรุ่งขึ้นหลังจากวันแต่งงาน ลั่วชิงยวนก็ปลิดชีพตัวเอง หลังจากนั้นร่างนี้ก็มิใช่ลั่วชิงยวนอีกต่อไป แต่เป็นหม่อมฉัน ลั่วเหลา”“หม่อมฉันเป็นชาวแคว้นหลี”“ดังนั้นความสามารถที่หม่อมฉันมีจึงเป็นสิ่งที่ลั่วชิงยวนไม่มี”“เรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นหลี หม่อมฉันก็เพิ่งค้นพบตอนที่ไปเผ่านอกด่าน หลังจากที่อาจารย์ค้นพบความลับนี้ ก็พยายามค้นหาวิธีแก้ไขเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์”“เพราะหากความลับนี้รั่วไหลออกไป จะมีคนมากมายเกิดความโลภ จะทำให้ทั้งใต้หล้าประสบพบความวุ่นวาย เลือดนองแผ่นดิน”“...”ลั่วชิงยวนเล่าความลับทั้งหมดของนางให้เขาฟังโดยมิปิดบังนางรู้สึกว่าคนที่เคยเปิดใจให้กันคงจะมิทรยศกันง่าย ๆตราบใดที่นางจริงใจ มิปิดบังสิ่งใด นางก็จะได้รับการตอบสนองเช่นเดียวกันหลังจากที่นางพูดจบ ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึ
เหตุใดแคว้นหลีจึงส่งกองทัพมากะทันหันฟู่อวิ๋นโจวเอ่ยถาม “ท่านมหาปราชญ์ ท่านเชี่ยวชาญด้านนี้ พอจะทำนายผลลัพธ์ได้หรือไม่?”“ควรจะรับมืออย่างไร”ขุนนางทั้งหลายต่างมองไปที่ลั่วฉิง ลั่วฉิงไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กัดฟันกล่าวว่า “เรื่องนี้... ทำนายได้ แต่หม่อมฉันต้องการเวลาเพคะ”ฟู่อวิ๋นโจวมีสีหน้ากังวล และถามว่า “ท่านมหาปราชญ์ต้องการเวลานานเพียงใด?”ลั่วฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “สามวันเพคะ!”สิ้นคำพูดของนาง หลายคนก็แสดงความมิพอใจ“สามวันหรือ? ซีหลิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงราวพันลี้ สามวันกว่าจะบอกผลลัพธ์ จะทันการณ์ได้อย่างไร”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิได้ใช้เวลานานถึงเพียงนั้น”“ใช่ ท่านมหาปราชญ์คงจะมิค่อยมีความสามารถมากถึงเพียงนั้นกระมัง”คำพูดนี้ทำให้ลั่วฉิงหน้าซีดเผือด“สองวัน อย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองวัน!” ลั่วฉิงกัดฟันกล่าวในตอนนี้ ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “แคว้นหลีส่งกองทัพมาโดยมิทราบสาเหตุ ข้าคิดว่าตอนนี้ควรส่งคนไปเจรจากับแคว้นหลีโดยด่วน”“ระหว่างนั้นก็ส่งกองกำลังไปเสริมอย่างลับ ๆ ด้วย อย่าได้พึ่งพาแต่ผลการทำนายของท่านมหาปราชญ์”“หากผลลัพธ์ออกมาแล้ว
เมื่อเฉินชีได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินมาที่หน้าต่าง พิงกำแพงพลางกอดอก “เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นใคร?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นักบวชระดับสูง”ดวงตาของเฉินชีลุกโชนด้วยประกายร้อนแรง “อาเหลา ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะไปกับข้าแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเย่อหยิ่ง “กลับแคว้นหลีก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”“แคว้นหลีจะมีนักบวชระดับสูงได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”เฉินชียกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างนอบน้อม “อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง เฉินชีก็ยินดีทำเพื่อนักบวชระดับสูงทั้งสิ้น!”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองเขาด้วยแววตาที่ลึกล้ำถึงแม้เฉินชีจะบ้าแต่ก็มิใช้คนโง่เขลา เขาทำอะไรตามอำเภอใจแต่ก็คงมิยอมสยบต่อนางง่าย ๆ เช่นนี้การเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ทำให้นางมิค่อยเชื่อถือ“เจ้าฟังเรื่องที่ข้าจะให้เจ้าทำก่อนค่อยตอบรับก็ยังมิสาย”เฉินชีลุกขึ้นมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านนักบวชต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”“ข้าต้องการให้เจ้ายกทัพไปตีซีหลิง”“แต่ห้ามสู้รบกันจริง ๆ ห้ามทำร้ายราษฎร”เฉ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ