Share

บทที่ 119

Author: หว่านชิงอิ๋น
แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่า เมื่อถึงตอนค่ำจะได้รับข่าวของฟู่อวิ๋นโจวเสียก่อน

“พระชายา ทุกคนในตำหนักต่างพูดกันถึงเรื่องนี้ วันนี้องค์ชายห้าถูกคนทำร้ายอยู่ข้างนอก! อาการบาดเจ็บสาหัส!”

ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย "ถูกทำร้าย ได้อย่างไรกัน?"

เขาเป็นถึงองค์ชายใครจะกล้าทำอะไรองค์ชายเช่นเขา?

“ข้าได้ยินมาว่า… วันนี้ชายสูงศักดิ์กลุ่มหนึ่งกำลังนินทาพระชายา พูดจาส่อเสียดและดูหมิ่น องค์ชายห้าที่บังเอิญผ่านมาได้ยินเข้าจึงออกหน้าเถียงแทนอยู่สองสามคำ อีกฝ่ายกลับบอกว่าพระชายาก็ไม่ต่างจากองค์ชาย องค์ชายห้าทำกิริยาลับ ๆ ล่อ ๆ น่าเกลียด และเป็นชู้กับสตรีไปทั่ว”

“องค์ชายห้าโกรธจึงเริ่มลงไม้ลงมือกับพวกเขาบางคน เป็นผลให้ร่างอันอ่อนแอขององค์ชายห้าถูกคนกลุ่มนั้นทำร้ายจนลงไปกองกับพื้นลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว ว่ากันว่าพระองค์ถูกหามกลับเข้ามาในตำหนัก ด้วยอาการสาหัส ช่างน่าอนาถจริง ๆ!”

แม่นมเติ้งแทบจะทนเล่าจนจบไม่ไหว

ลั่วชิงยวนรู้สึกแย่ลงไปอีกเมื่อนางได้ยินว่า อีกฝ่ายบาดเจ็บเพราะต้องการที่จะปกป้องไม่ให้นางเสียหาย

“แม่นมเติ้ง ไปดูทีเถิดว่าอาการบาดเจ็บขององค์ชายห้าเป็นอย่างไรบ้าง”

เนื่องจากตอนนี้ค่ำมืดแล้ว นางจึงรู้สึกไ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 120

    “พระชายา… แล้วเราควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ? ก่อนหน้านี้องค์ชายห้าได้มอบโอสถให้พระชายามากมาย แต่ตอนนี้เขากำลังลำบาก...” แม่นมเติ้งแทบทนไม่ได้“เราจะทำอะไรได้เล่า?” ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเดินออกจากห้องไปนางตรงไปที่ห้องตำราของฟู่เฉินหวนทันทีนางรู้ว่าฟู่เฉินหวนจงใจปฏิเสธที่จะรักษาฟู่อวิ๋นโจวด้วยยาเพื่อบังคับให้นางนำบัวหิมะเทียนซานมาแลกเปลี่ยน นางเกรงว่าหากนางตรงไปที่เรือนทักษิณานางจะไม่อาจเข้าไปที่นั่นได้นางจึงจำเป็นต้องไปหาฟู่เฉินหวนเท่านั้น!ในห้องตำรา ร่างที่เย็นชานั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ปลายนิ้วของเขาเคาะที่จับเก้าอี้ช้า ๆ อย่างสบายใจ สีหน้าของเขาดูสงบและติดจะฟุ้งซ่านอยู่บ้างแต่ในสายตาของลั่วชิงยวน นี่เป็นท่าทางที่เย่อหยิ่งที่สุดเขาดูไม่แปลกใจเลยกับการมาถึงของนาง แถมยังไม่ถามด้วยซ้ำว่า นางมาทำอะไรที่นี่ ราวกับว่าเขารู้ทุกอย่างดีอยู่ก่อนแล้ว“เหตุใดท่านไม่ทรงยอมให้หมอกู้ใช้โอสถรักษาองค์ชายห้า ท่านอยากให้เขาตายอยู่ที่ตำหนักนี้งั้นหรือ?”น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชาฟู่เฉินหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาล้ำลึกราวกับทะเลสาบน้ำแข็ง“มาถึงที่นี่เพื่อไถ่ถามข้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 121

    เพียงแต่ เรื่องราวมิง่ายเสียขนาดนั้น ลั่วชิงยวนนั่งอยู่ภายในห้อง หนังตากระตุกแรง เดิมทีนางอยากจะวาดภาพ แต่อย่างไรก็สงบลงมิได้ จึงล้มเลิกไป“พระชายามีเรื่องรำคาญใจอะไรหรือเจ้าคะ” แม่นมเติ้งถามไถ่อย่างห่วงใย ลั่วชิงยวนเงยหน้ามองท้องฟ้าราตรีที่ไร้ซึ่งดวงดาว และกล่าวพึมพำ “คืนนี้ อาการของลั่วเยวี่ยอิงจะสาหัสขึ้น เจ้าว่า ฟู่เฉินหวนจะมีการตอบสนองอย่างไรกัน?” ลั่วชิงยวนยกมือกดหน้าอกของตนอย่างอดไม่ได้ เพื่อหวังประโลมความเจ็บใจและอาการหายใจไม่ออกของตน “ข้าเพียงรู้สึกเจ็บใจ จึงอยากจะระบาย” และอยากระบายให้กับลั่วชิงยวนคนเดิมด้วย เขาทำทุกวิธีเพื่อช่วยคนในใจ จนทำร้ายและลงมือกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจนาง มีความโกรธเคืองที่ยังปล่อยวางมิได้ ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ นางยิ่งไม่อยากให้ลั่วเยวี่ยอิงได้ใช้ชีวิตที่ดี เหตุใดทุกคนจึงต้องรังแกนางกันหมด นางไม่ได้มีชีวิตที่ดี คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดี ไม่ทันได้กล่าววาจาใด นอกเรือนมีเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดจวนตายดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าร้อนรน แม่นมเติ้งได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน นางรีบลุกขึ้นไปตรวจดูทันที ประตูเรือนถูกเตะออกด้วยแรง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 122

    ลั่วชิงยวนได้ยินจึงเผยยิ้ม เลิกคิ้วมองไปทางฟู่เฉินหวน “หม่อมฉันมอบบัวหิมะเทียนซานให้ท่านแล้วมิใช่รึ?” “ที่ท่านอ๋องต้องการมิใช่บัวหิมะ แต่เป็นชีวิตหม่อมฉันมากกว่ากระมัง?” น้ำเสียงของนางเยือกเย็น และแฝงความเยาะเย้ย น้ำเสียงและคำพูดของนางจี้ให้ฟู่เฉินหวนโกรธเข้าจริง ๆ เขายกมือฟาดไปบนใบหน้าของนางอีกหนึ่งฉาบ “ริอ่านแกล้งโง่กับข้าผู้เป็นอ๋อง! เจ้าจะบอกว่า จวนมหาราชครูให้ของปลอมกับเจ้างั้นรึ?” เลือดกลิ่นคาวหวานไหลจากมุมปากของนางทีละหยด เลือดไหลนองทำนางรู้สึกอับอาย เห็นท่าทีบ้าคลั่งของฟู่เฉินหวน นางกลับยกมุมปากขึ้นมาอย่างเย็นชา“ท่านอ๋อง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ชีวิตท่านคงใกล้จบแล้วจริง ๆ” ไอขุ่นมัวนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนรุนแรงมากยิ่งขึ้น อารมณ์แสนรุนแรง ทำเขาเสียสติโดยสิ้นเชิง รัศมีทรงพลังบนตัวเขา แทบจะคุ้มครองเขาไม่ได้แล้ว สถานการณ์แบบนี้มันย่ำแย่มาก ย่ำแย่กว่าที่นางคิดไว้เสียอีก! แต่ความโกรธของฟู่เฉินหวนยังคงเพิ่มสูงมากขึ้น หญิงผู้นี้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังคงยั่วโมโหและหาเรื่องเขาอยู่! เขาออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด “ค้น!” องครักษ์บุกเข้ามาในห้องทันที ภายใต้คำสั่งของฟู่เฉินหวน พ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 123

    คิ้วของลั่วชิงยวนกระตุก ดวงตาที่มองไปทางฟู่เฉินหวนขุ่นมัวมากยิ่งขึ้น แม้จะมีรัศมีอาฆาตมาดร้ายออกมาก็ตาม นางดึงเข็มออกมาเล่มหนึ่ง ทิ่มไปยังหลังคอของฟู่เฉินหวน ฟู่เฉินหวนล้มสลบ สีหน้าคนรอบข้างเปลี่ยนไปในทันที “เจ้าทำอะไรท่านอ๋องกัน?“ ลั่วเยวี่ยอิงตะคอกเสียงดุ ซูโหยวพยุงฟู่เฉินหวนไว้ด้วยสีหน้าตึงเครียด “ท่านทำสิ่งใดกัน!“ ลั่วชิงยวนเช็ดคราบเลือดมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ คุกเข่าจับข้อมือของฟู่เฉินหวนเพื่อตรวจดูอาการ “เจ้าดูไม่ออกงั้นหรือ ท่านอ๋องของเจ้ากำลังผิดปกติ หากมิทำเช่นนี้เขาจะสิ้นชีพ ลมปราณและโลหิตจะไหลย้อนกลับ” ชีพจรของฟู่เฉินหวน ทำนางสับสนมากจริง ๆ ราวกับไฟในกายแผดเผา หยินหยางเสียสมดุล ลมหายใจผิดจังหวะ และมีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย แต่นอกจากนี้ ร่างกายของเขากลับไม่มีปัญหาอะไรนัก เพียงแค่อาการคลุ้มคลั่งเช่นนี้ หากไฟโทสะลุกโชนถึงระดับหนึ่ง อาจคร่าชีวิตเขาได้ “ใครก็ได้ ส่งตัวท่านอ๋องกลับห้อง!“ ซูโหยวออกคำสั่งในทันที เมื่อตอนฟู่เฉินหวนถูกพยุงจากไป ลั่วเยวี่ยอิงยังคงร้องไห้อยู่ “ท่านอ๋อง…” ซูโหยวห้ามนางเอาไว้ “คุณหนูรอง ท่านอ๋องเหนื่อยแล้ว คืนนี้ให้ท่านได้พักผ่อนดี ๆ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 124

    ในสภาวะมึนงง ลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่นมากระอักเลือดครั้งหนึ่ง โชคดีที่มีเครื่องยาสมุนไพรจากท่านอาลั่วหรง บาดแผลจึงมั่นคงได้ภายในคืนนั้น เมื่อคืนหลังฟู่เฉินหวนกลับถึงห้อง ก็ได้เชิญหมอกู้มาตรวจอาการ และออกยาให้ หลังกินยาเสร็จเขาก็หลับพริ้มไป ลั่วชิงยวนนั่งกินน้ำแกงยาสมุนไพรอยู่ข้างโต๊ะ และเอ่ยอย่างสงบ “ก็เจ็บทั้งสองฝ่าย ไยต้องกังวล” เมื่อวานแม้ฟู่เฉินหวนจะลงมือกับนาง แต่ผลที่เขาได้รับจากความโกรธก็ไม่น้อยเช่นกัน หากหนักหน่วงอาจถึงขั้นตายได้ ถือว่าฟู่เฉินหวนเมื่อคืนเก็บชีวิตรอดกลับมาได้ “พระชายา อาการของท่านอ๋องยังคงหนักหน่วงเช่นเดิม ท่านไปเยี่ยมท่านอ๋องเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมเติ้งคิดว่า หากพระชายาสร้างผลงานได้ ท่านอ๋องอาจเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อพระชายาเป็นแน่ แต่ทว่า ลั่วชิงยวนกลับส่งเสียงหัวเราะ “ข้าไปแล้วมีประโยชน์อันใดเล่าม เขาคงคิดเพียงข้าประสงค์ร้าย หรือต่อให้เขาจะเชื่อว่าข้าช่วยเขา ข้าก็อาจไม่ได้รับในสิ่งที่ข้าต้องการเช่นเคย” นางร่วมมือกับฟู่เฉินหวนมิใช่เพียงครั้งสองครั้ง แต่ของของท่านแม่นาง จนทุกวันนี้ยังหาไม่เจอ นางมิอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน หลังกินน้ำแกงยาเสร็จ นางกางภาพว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 125

    อาการป่วยของท่านอ๋อง โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างสาหัส ก่อนที่อาการจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซูโหยวไม่คิดจะให้ท่านอ๋องได้เจอลั่วเยวี่ยอิง แม้ที่พระชายาพูดอาจมิใช่ความจริง แต่คอยระวังลั่วเยวี่ยอิงก็ไม่เสียหาย ไม่ได้รับข่าวสารของฟู่เฉินหวนหลายวันติดกัน ลั่วชิงยวนก็พอเดาได้ ฟู่เฉินหวนคงหนีไปรักษาตัวด้านนอกเพราะอาการสาหัสขึ้น นางออกเช้ากลับค่ำทุกวัน เพื่อหลบหน้าลั่วเยวี่ยอิง ภายในตำหนักอ๋องแสนกว้างขวาง มีเพียงลั่วเยวี่ยอิงคนเดียวที่ร้องโวยวายทั้งวัน แต่กลับไม่มีผู้ใดสนใจ …… ฟู่เฉินหวนรักษาตัวเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน และเพิ่งกลับมาก่อนงานฉลองวันเกิดมหาราชครูหนึ่งวัน คืนนี้ ลั่วเยวี่ยอิงมิกล้าร้องครวญแล้ว เพราะวันต่อมานางต้องไปเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดมหาราชครู เพียงแต่ใบหน้าของนางไม่มีวี่แววจะดีขึ้น จึงต้องไปงานโดยสวมผ้าคลุมหน้า วันนี้ลั่วชิงยวนรอให้ฟู่เฉินหวนและลั่วเยวี่ยอิงออกเดินทางก่อน แล้วนางจึงออกเดินทางคนเดียว ...... ตลาดก่อนที่จะถึงจวนมหาราชครู ครึกครื้นมากเป็นพิเศษ รถม้าของผู้มาเยือนจอดอยู่บนทางอย่างเป็นระเบียบจวนจะไม่มีที่จอด ลั่วชิงยวนเลือกที่จะลงจากรถม้าก่อน จากนั้นเด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 126

    ทุกคนมองไปตามเสียง เห็นเพียงลั่วหรงที่สวมอาภรณ์สง่ากำลังเดินเข้ามาช้า ๆ ด้วยรัศมีความกดดันแรงกล้า ลั่วหรงเดินถึงหน้าประตู มองไปทางลั่วไห่ผิงอย่างเย็นชา “ท่านอัครเสนาบดี ท่านนี้ เป็นผู้มาเยือนผู้มีเกียรติที่ข้าเชิญมา!” เมื่อลั่วหรงมองไปทางลั่วชิงยวน กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มที่แสนเป็นมิตรฉับพลัน นางดึงมือของลั่วชิงยวนไว้ลั่วชิงยวนก็ควงแขนของนางไว้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม “ท่านอา” ลั่วหรงยิ้มพลางตบหลังมือของนางเบา ๆ “ข้าบอกแล้ว งานฉลองวันนี้ เจ้ามาเข้าร่วมได้เลย! ผู้ใดก็อย่าหวังจะห้ามเจ้าทั้งนั้น!” สีหน้าของลั่วไห่ผิงตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ ผู้มาเยือนคนอื่น ๆ โดยรอบต่างก็ตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขารู้ว่า ท่านมหาราชครูไม่ถูกกับท่านอัครมหาเสนาบดีนัก และด้วยนิสัยที่เที่ยงตรงของลั่วหรง นางจึงไม่เคยมีสีหน้าดี ๆ ให้กับท่านอัครมหาเสนาบดีสักครั้งเลย ยิ่งไม่มีทางยอมให้ลูกสาวของท่านอัครมหาเสนาบดีเรียกตนว่าท่านอาแน่ แต่คำว่าท่านอาของลั่วชิงยวนที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน กลับทำสีหน้าของลั่วหรงเบิกบานราวกับบุปผา ลั่วไห่ผิงไม่รู้แม้แต่นิดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงกลายเป็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 127

    แม้ท่านมหาราชครูลั่วจะไม่ค่อยสนใจนัก แต่เขาก็ฟังจนจบอย่างใจเย็น พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงดีใจ ผู้คนส่วนมากเลือกที่จะให้ภาพวาด เมื่อเปิดออก หลากหลายลายเส้น แต่เนื้อหาภาพส่วนมากจะเป็นสาวงามคนหนึ่งกำลังจูงเด็กคนหนึ่ง แกว่งชิงช้า หยอกล้อพูดคุย หรือนอนพักผ่อนใต้ต้นไม้ ภาพต่างวาดออกมาได้ดีมาก แต่เมื่อเห็นเยอะเข้า ย่อมรู้สึกว่ามันธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องของท่านมหาราชครูแขวนภาพไว้ร้อยกว่าผืน ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสสังเกต นางอยากรู้ว่าภาพวาดที่ผู้ใดมอบให้นั้นมีปัญหา แต่นางกลับต้องตกใจ เพราะมันมีปัญหาแทบทุกภาพ! เมื่อภาพถูกกางออก จะเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังขัดขืนอยู่ในกองไฟ พวกนางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง และร้องขอความช่วยเหลืออย่างเจ็บปวด แม้เสียงจะเบา แต่แสบแก้วหูเอามาก ๆ ลั่วหรงที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของลั่วชิงยวนค่อนข้างย่ำแย่ จึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “เจ้าสังเกตเห็นอะไรรึ?” ลั่วชิงยวนแนบไปที่ข้างหูลั่วหรง เอ่ยพูดเสียงเบา “บันทึกผู้ที่มอบภาพวาดเอาไว้ เมื่อจบงานไปถามพวกเขาดูว่าผู้ใดเป็นคนวาด” ลั่วหรงพยักหน้า จากนั้นสั่งให้คนใช้ไปบันทึกทันที สมาธิของลั่วชิงยวนถูกภาพวาดและของกำ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1277

    เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1276

    “ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1275

    ฟู่เฉินหวนหาได้แปลกใจไม่ คนที่ปรากฏตัวที่นี่ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดาเขามิได้ตอบ เพราะกำลังครุ่นคิดฉินอี้พูดต่อ “คนของเฉินชีล้อมภูเขาทั้งลูกไว้แล้ว เจ้าบาดเจ็บสาหัส ออกไปเองมิได้หรอก”“มีเพียงการไปกับข้าเท่านั้น ข้าจึงจะพาเจ้าออกจากที่นี่ได้”“อีกอย่าง เจ้าก็น่าจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินชี ถึงแม้ว่าเจ้าจะรอดชีวิตออกจากภูเขาลูกนี้ก็เข้าเมืองหลวงมิได้อยู่ดี และไม่มีทางได้พบลั่วชิงยวน”“ทั่วแผ่นดินแคว้นหลี มีเพียงข้าเท่านั้นที่ช่วยเจ้าได้”ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลง “เงื่อนไขคืออะไร?”“เจ้าอุตส่าห์มาช่วยข้า คงต้องมีเงื่อนไขกระมัง”ฉินอี้ยกยิ้ม “ข้าชอบคบหากับคนฉลาด!”“สิ่งเดียวที่ข้าอยากทำ ก็คือฆ่าเฉินชี!”แววตาของฉินอี้เต็มไปด้วยจิตสังหารเฉินชีควบคุมกองทัพ มักทำอะไรตามใจชอบถึงแม้ว่าภายนอกจะเชื่อฟังราชวงศ์ แต่ความจริงแล้วเขาแทบมิยอมรับข้อบังคับของราชวงศ์ มิเคยเห็นใครอยู่ในสายตายิ่งไปกว่านั้น เขามิเคยนับถือองค์ชายผู้นี้เลย คอยแต่จะเยาะเย้ยเสมอเมื่อมีโอกาสสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในชีวิตคือ ฆ่าเฉินชี!ฟู่เฉินหวนดูออก ฉินอี้มิได้โกหกเรื่องนี้ ความเกลียดชังในดวงตาของเขาแทบจะพวยพุ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1274

    นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหลบ ทว่าหาได้มีทางหลบได้ไม่ เงาดำหลายร่างจับร่างจองนางเหวี่ยงไปมาร่างของนางราวกับใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิวไปมา ชนกำแพง ชนประตู ชนต้นไม้จนเลือดไหลออกมาดูน่าเวทนายิ่งนักมีคนหลายคนยืนดูความเคลื่อนไหวในเรือนจากในที่มืดระยะไกล แล้วต่างหัวเราะอย่างพึงพอใจ“คิดว่าจะเก่งแค่ไหนกันเชียว กล้ามาท้าทายจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดารา สุดท้ายก็ได้แค่นี้”“ความจริงนางก็มิได้เก่งหรอก มิรู้ว่าปราบสิบวายร้ายได้อย่างไร”“ส่งไปอีกสองตัว! ทรมานอีกสักรอบ อีกสองวันข้างหน้าเมื่อไปหอรักษ์ดารา นางอาจจะยอมแพ้ไป!”พูดจบ พวกเขาก็เปิดกล่องที่ผนึกด้วยยันต์แปดทิศ และกระดาษยันต์หนึ่งแผ่นก็เริ่มควบคุมสิ่งของในกล่องให้บินออกมาทันใดนั้นก็มีเท้าข้างหนึ่งยื่นออกมาเตะกล่องคว่ำสิ่งที่พุ่งออกมาทันทีนั้นส่งเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง ทำให้หลายคนตกใจพลันรีบถอยหลังหลบกันไป“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึไร!” หลายคนรีบลุกขึ้นตะโกนใส่อวี๋โหรวที่เตะกล่องคว่ำพวกเขาลุกขึ้นยืน ทุกคนตัวสูงกว่าอวี๋โหรวยิ่งทำให้อวี๋โหรวดูตัวเล็กดูน่ารังแกแต่อวี๋โหรวกลับมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชา “พอได้แล้ว!”“หากทำให้นางตาย ข้าจะดูว่าเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status