แชร์

บทที่ 125

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อาการป่วยของท่านอ๋อง โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างสาหัส ก่อนที่อาการจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซูโหยวไม่คิดจะให้ท่านอ๋องได้เจอลั่วเยวี่ยอิง

แม้ที่พระชายาพูดอาจมิใช่ความจริง แต่คอยระวังลั่วเยวี่ยอิงก็ไม่เสียหาย

ไม่ได้รับข่าวสารของฟู่เฉินหวนหลายวันติดกัน ลั่วชิงยวนก็พอเดาได้ ฟู่เฉินหวนคงหนีไปรักษาตัวด้านนอกเพราะอาการสาหัสขึ้น

นางออกเช้ากลับค่ำทุกวัน เพื่อหลบหน้าลั่วเยวี่ยอิง

ภายในตำหนักอ๋องแสนกว้างขวาง มีเพียงลั่วเยวี่ยอิงคนเดียวที่ร้องโวยวายทั้งวัน แต่กลับไม่มีผู้ใดสนใจ

……

ฟู่เฉินหวนรักษาตัวเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน และเพิ่งกลับมาก่อนงานฉลองวันเกิดมหาราชครูหนึ่งวัน

คืนนี้ ลั่วเยวี่ยอิงมิกล้าร้องครวญแล้ว เพราะวันต่อมานางต้องไปเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดมหาราชครู

เพียงแต่ใบหน้าของนางไม่มีวี่แววจะดีขึ้น จึงต้องไปงานโดยสวมผ้าคลุมหน้า

วันนี้ลั่วชิงยวนรอให้ฟู่เฉินหวนและลั่วเยวี่ยอิงออกเดินทางก่อน แล้วนางจึงออกเดินทางคนเดียว

......

ตลาดก่อนที่จะถึงจวนมหาราชครู ครึกครื้นมากเป็นพิเศษ รถม้าของผู้มาเยือนจอดอยู่บนทางอย่างเป็นระเบียบจวนจะไม่มีที่จอด

ลั่วชิงยวนเลือกที่จะลงจากรถม้าก่อน จากนั้นเด
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 126

    ทุกคนมองไปตามเสียง เห็นเพียงลั่วหรงที่สวมอาภรณ์สง่ากำลังเดินเข้ามาช้า ๆ ด้วยรัศมีความกดดันแรงกล้า ลั่วหรงเดินถึงหน้าประตู มองไปทางลั่วไห่ผิงอย่างเย็นชา “ท่านอัครเสนาบดี ท่านนี้ เป็นผู้มาเยือนผู้มีเกียรติที่ข้าเชิญมา!” เมื่อลั่วหรงมองไปทางลั่วชิงยวน กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มที่แสนเป็นมิตรฉับพลัน นางดึงมือของลั่วชิงยวนไว้ลั่วชิงยวนก็ควงแขนของนางไว้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม “ท่านอา” ลั่วหรงยิ้มพลางตบหลังมือของนางเบา ๆ “ข้าบอกแล้ว งานฉลองวันนี้ เจ้ามาเข้าร่วมได้เลย! ผู้ใดก็อย่าหวังจะห้ามเจ้าทั้งนั้น!” สีหน้าของลั่วไห่ผิงตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ ผู้มาเยือนคนอื่น ๆ โดยรอบต่างก็ตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขารู้ว่า ท่านมหาราชครูไม่ถูกกับท่านอัครมหาเสนาบดีนัก และด้วยนิสัยที่เที่ยงตรงของลั่วหรง นางจึงไม่เคยมีสีหน้าดี ๆ ให้กับท่านอัครมหาเสนาบดีสักครั้งเลย ยิ่งไม่มีทางยอมให้ลูกสาวของท่านอัครมหาเสนาบดีเรียกตนว่าท่านอาแน่ แต่คำว่าท่านอาของลั่วชิงยวนที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน กลับทำสีหน้าของลั่วหรงเบิกบานราวกับบุปผา ลั่วไห่ผิงไม่รู้แม้แต่นิดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงกลายเป็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 127

    แม้ท่านมหาราชครูลั่วจะไม่ค่อยสนใจนัก แต่เขาก็ฟังจนจบอย่างใจเย็น พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงดีใจ ผู้คนส่วนมากเลือกที่จะให้ภาพวาด เมื่อเปิดออก หลากหลายลายเส้น แต่เนื้อหาภาพส่วนมากจะเป็นสาวงามคนหนึ่งกำลังจูงเด็กคนหนึ่ง แกว่งชิงช้า หยอกล้อพูดคุย หรือนอนพักผ่อนใต้ต้นไม้ ภาพต่างวาดออกมาได้ดีมาก แต่เมื่อเห็นเยอะเข้า ย่อมรู้สึกว่ามันธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องของท่านมหาราชครูแขวนภาพไว้ร้อยกว่าผืน ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสสังเกต นางอยากรู้ว่าภาพวาดที่ผู้ใดมอบให้นั้นมีปัญหา แต่นางกลับต้องตกใจ เพราะมันมีปัญหาแทบทุกภาพ! เมื่อภาพถูกกางออก จะเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังขัดขืนอยู่ในกองไฟ พวกนางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง และร้องขอความช่วยเหลืออย่างเจ็บปวด แม้เสียงจะเบา แต่แสบแก้วหูเอามาก ๆ ลั่วหรงที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของลั่วชิงยวนค่อนข้างย่ำแย่ จึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “เจ้าสังเกตเห็นอะไรรึ?” ลั่วชิงยวนแนบไปที่ข้างหูลั่วหรง เอ่ยพูดเสียงเบา “บันทึกผู้ที่มอบภาพวาดเอาไว้ เมื่อจบงานไปถามพวกเขาดูว่าผู้ใดเป็นคนวาด” ลั่วหรงพยักหน้า จากนั้นสั่งให้คนใช้ไปบันทึกทันที สมาธิของลั่วชิงยวนถูกภาพวาดและของกำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 128

    สิ่งที่ตามมา คือเสียงหัวเราะกระหึ่ม “ฮ่า ๆ ๆ ๆ วาดได้ครึ่งหนึ่งก็เอามางั้นเหรอ?” “นี่มันประหลาดเกินไป ข้ามิเคยเจอของกำนัลที่ประหลาดเช่นนี้มาก่อน” ภายใต้เสียงหัวเราะ มีคนขำพร้อมพูดกับลั่วไห่ผิง “ท่านอัครมหาเสนาบดีลั่ว ลูกสาวท่านนี่น่าสนใจจริง ๆ ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านถึงมิให้นางเข้าร่วมงานฉลองวันเกิด ช่างน่าขายหน้าเสียจริง” สีหน้าลั่วไห่ผิงมืดครึ้ม ฝ่ามือกำเป็นหมัดแน่น วันนี้ลั่วชิงยวนตั้งใจมาเพื่อให้เขาเสียหน้างั้นหรือ! ลูกทรพี! ลั่วเยวี่ยอิงมองการกระทำเช่นนี้ของลั่วชิงยวน ในใจกลับรู้สึกได้ใจ นังโง่นี่คิดอะไรกัน ให้ภาพวาดก็ให้ภาพวาดสิ เหตุใดจึงให้ภาพวาดที่ไม่สมบูรณ์ รนหาที่ตายจริง ๆ ! “ท่านพ่อ ข้าบอกแล้ว ไม่ควรให้ท่านพี่กลับตำหนักอ๋อง ท่านพ่อดูนาง ทำตระกูลเราขายหน้าเสียจริง!” ลั่วเยวี่ยอิงบ่นอย่างอึดอัด ลั่วไห่ผิงเองก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาไม่ควรให้ลั่วชิงยวนกลับตำหนักอ๋องจริง ๆ ลูกทรพี! ทำหูทวนลมกับคำพูดเขาเสียหมด ดูเหมือนว่าหลังจากวันนี้ เขาจะต้องหารือกับท่านอ๋อง ให้ท่านเขียนหนังสือหย่า เพื่อหย่าลั่วชิงยวนเสีย แม้การที่ลั่วชิงยวนถูกหย่า จะทำให้เขาเสียหน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 129

    แต่แล้วประโยคของท่านมหาราชครูในวินาทีต่อมา กลับทำผู้คนตะลึงยิ่งกว่า! เขาพูดกับลั่วชิงยวนด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “ภาพนี้ ให้ข้าได้หรือไม่?” ทุกคนต่างมีสีหน้างุนงง นี่มิใช่ของกำนัลที่ให้ท่านมหาราชครูลั่วอยู่แล้วงั้นหรือ? อีกอย่างนี่เป็นเพียงภาพวาดเท่านั้น! แต่ลั่วชิงยวนเข้าใจความหมายท่านมหาราชครูลั่วจะสื่อ เขาอยากได้ทุกอย่างที่อยู่ในภาพนั้น นางเผยยิ้มอ่อนโยน “เจ้าค่ะ นี่เป็นของกำนัลที่จะมอบให้ท่านปู่มหาราชครูอยู่แล้ว! เพียงแค่ท่านต้องการชม ก็จะสามารถชมภาพนี้ได้ตลอดเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินประโยคนี้ มหาราชครูลั่วพยักหน้าดีใจ สายตาที่มองลั่วชิงยวนเอ็นดูขึ้นมาทันที “ได้ เจ้าหนู ขอบคุณที่มอบของกำนัลที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้ปู่! ปู่ชอบมากเลย!” สิ้นประโยคนี้ รอบด้านดังเป็นเสียงซุบซิบขึ้น ท่านมหาราชครูยอมรับลั่วชิงยวนเป็นหลานสาวแล้วงั้นหรือ? หลายปีมานี้ ลั่วเยวี่ยอิงไปเยี่ยมท่านมหาราชครูที่จวนหลายครั้ง แม้จะได้เจอกับท่านมหาราชครูลั่วบ้าง แต่เขากลับไม่เคยเหลียวแลนางมาก่อน ยิ่งไม่ต้องว่าเรื่องการยอมรับนางเป็นหลานสาวเลย! ลั่วชิงยวนมีสิทธิ์อะไรกัน!? เพียงแค่ภาพวาดผืนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรได้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 130

    “ท่านปู่มหาราชครูรู้หรือไม่เหตุใดท่านจึงติดอยู่ในฝันร้าย?” ท่านมหาราชครูลั่วมองภาพวาดตามสายตาของนาง รู้สึกสงสัย “เจ้ารู้งั้นรึ?” ลั่วชิงยวนดึงภาพผืนหนึ่งมาไว้บนโต๊ะ จากนั้นดึงกระดาษยันต์ออกมาใบหนึ่ง แปะไว้ตรงมุมของภาพวาด อ๊าก… เสียงร้องทรมานดังขึ้นในหูของท่านมหาราชครูลั่ว ภาพแม่ลูกที่กำลังหยอกล้อกันใต้ต้นไม้ กลายเป็นภาพแม่ลูกตะเกียกตะกายอยู่ในกองเพลิง และกำลังร้องเสียงโหยหวนทันที ท่านมหาราชครูตกใจจนลำตัวสั่นคลอน หลุดมือโยนภาพวาดทิ้งทันที เสียงระแวงของเขาสั่นคลอนเล็กน้อย “นี่มันคือสิ่งใดกัน?” ลั่วชิงยวนเก็บภาพขึ้นมาอย่างสงบ ม้วนและไว้ด้านข้าง “มิเพียงแค่ผืนนี้ แต่ภาพทุกผืนในห้องนี้ต่างเป็นเช่นนี้หมดเจ้าค่ะ!“ “นี่คือต้นเหตุที่ท่านฝันร้ายทุกคืน!” สิ้นเสียง สีหน้าของท่านมหาราชครูลั่วเปลี่ยนไปฉับพลัน ตระหนักถึงสิ่งที่ลั่วชิงยวนต้องการจะสื่อทันขวัญ “มีคนจงใจทำเช่นนี้งั้นรึ?!“ ท่านมหาราชครูลั่วตกตะลึง สีหน้าของเขาย่ำแย่ ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ข้าดูออกตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นท่านปู่มหาราชครูดูมิค่อยอยากจะสนใจข้านัก ข้าจึงมิได้ถามถึงเรื่องนี้อีก ภาพวาดเหล่านี้ ทางท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 131

    ลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย เห็นลั่วอวิ๋นสี่บุกเข้ามาบุ่มบ่ามเช่นนี้ ท่านมหาราชครูทำหน้าตึงทันที สีหน้าของเขาย่ำแย่ ตำหนิจริงจัง “อวิ๋นสี่! เจ้าไม่มีความเป็นสาวเป็นแซ่แต่นิด!” “ท่านปู่ ลั่วชิงยวนคิดจะมาประจบตระกูลเรา ท่านจะเชื่อคำพูดของนางมิได้นะเจ้าคะ!“ น้ำเสียงของลั่วอวิ๋นสี่ร้อนรน ตั้งแต่รู้ว่าลั่วชิงยวนได้รับความไว้วางใจจากท่านแม่ นางก็โกรธจนล้มป่วยไปหลายวัน ไม่คิดว่าลั่วชิงยวนจะมาหลอกท่านปู่ของนางต่อ! สีหน้าของท่านมหาราชครูลั่วย่ำแย่มากยิ่งขึ้น ลุกขึ้นติด่าอย่างเข้มงวด “กลับห้องของเจ้าเสีย!” “ท่านปู่!” ลั่วอวิ๋นสี่กระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง “กลับไป!” สีหน้าท่านมหาราชครูลั่วมืดครึ้ม ลั่วอวิ๋นสี่กระทืบเท้าเพิ่มหลายที และหมุนร่างจากไป นางไม่มีความกล้าที่จะขัดคำสั่งท่านปู่ ลั่วอวิ๋นสี่วิ่งจากไป ท่านมหาราชครูถอนหายใจทีหนึ่ง “เจ้าเด็กนี่ น่ากังวลที่สุด! เพราะแม่ของนางเข้มงวดไปงั้นหรือ? จึงทำให้นางนิสัยดื้อรั้นเช่นนี้” ”ยิ่งมิให้ทำสิ่งใดนางยิ่งอยากทำ ยิ่งมิให้นางคบหากับลั่วเยวี่ยอิง นางกลับยิ่งเข้าหา” ได้ยินดังนี้ ลั่วชิงยวนจึงรู้ แม้ท่านปู่มหาราชครูจะมิได้สนใจเรื่องภายน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 132

    ลั่วชิงยวนเผยยิ้ม และยื่นภาพวาดให้กับท่านมหาราชครูลั่ว “ท่านปู่ ในภาพวาดที่ได้รับมาในวันนี้ มีเพียงของท่านอ๋องที่ไม่มีปัญหา ฉะนั้นไม่ต้องเผาก็ได้” อย่างไรนี่ก็เป็นของขวัญที่ฟู่เฉินหวนเตรียมให้กับท่านมหาราชครูด้วยความตั้งใจ ท่านมหาราชครูกางภาพออก พยักหน้าทีหนึ่ง “ได้ อย่างไรก็เป็นน้ำใจของท่านอ๋อง ในเมื่อไม่มีปัญหาก็เก็บไว้เถอะ” มองดูภาพผืนนั้น ในใจของท่านมหาราชครูเองก็รู้สึกตื้นตัน เขากล่าวพึมพำ “ภาพของผู้คนมากมาย มีเพียงภาพที่เขาให้นั้นไม่มีปัญหา” ประโยคแฝงความนัย เมื่อได้ยินในหูของคนที่อยู่นอกประตู กลับกลายเป็นความหมายอื่น แววตาของฟู่เฉินหวนเยือกเย็น เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ลั่วชิงยวนตั้งใจงั้นหรือ? เขากำหมัดแน่น และหันหลังจากไป ลั่วชิงยวนเองก็ฟังออกว่าในประโยคของท่านมหาราชครูมีความนัยแฝงอยู่ จึงรีบพูดอธิบาย “ท่านปู่ ภาพนี้เป็นภาพที่ท่านอ๋องวาดเองกับมือ เขาพกติดตัวไว้ตลอด ดังนั้นจึงไม่ถูกผู้อื่นฉวยโอกาสเจ้าค่ะ” ได้ยินดังนี้ ท่านมหาราชครูไขว้มือไว้ด้านหลัง มองนางอย่างไม่ใส่ใจทีหนึ่ง “ยัยหนูนี่ เข้าข้างท่านอ๋องของเจ้าเพียงนี้เชียว ข้าพูดหรือว่าข้าสงสัยเขา?” “แม้เจ้าเด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 133

    ท่านมหาราชครูได้ยินก็ขมวดคิ้ว “แม่เจ้าหรือ…” “ข้าเจอหน้าไม่บ่อยนัก จึงจำมิได้ เพียงแต่นางเป็นหญิงสาวที่ดีมาก ๆ ตอนนั้นข้ายังคิด เป็นบุญอะไรของลั่วไห่ผิงกัน จึงได้แต่งกับคนอย่างแม่ของเจ้า” “เพียงแต่ข้ามิได้หาสู่กับแม่ของเจ้า จึงจำมิค่อยได้แล้ว” ได้ยินดังนี้ นัยน์ตาของลั่วชิงยวนเผยแววผิดหวัง “บอกตรง ๆ ว่า ความสามารถเหล่านี้ของข้า ศึกษามาจากตำราที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ เพียงแต่ข้าเรียนรู้มาได้เพียงผิวเผิน” นางพูดจบ ท่านมหาราชครูยิ่งรู้สึกฉงน “ที่แท้แม่ของเจ้ารู้เรื่องพวกนี้นี่เอง” “มิน่าล่ะ!” “ข้าก็ว่าเจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนว่าในจวนอัคมหาเสนาบดีมีผู้เก่งกาจ” พูดจบ เขาตบไปที่ไหล่ของลั่วชิงยวน “หลายปีมานี้เจ้าเองก็ลำบากมาไม่น้อย จากนี้ไปหากลั่วไห่ผิงรังแกเจ้าอีก เจ้าก็มาหาข้า เดี๋ยวข้าผู้เป็นปู่จะช่วยเจ้าเอง!“ ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านปู่!” พูดจบก็ตะโกนสั่งด้านนอก “เรียกลั่วไห่ผิงเข้ามา!” ลั่วชิงยวนชะงัก จากนั้นเดินเข้าห้องตามท่านมหาราชครู ท่านมหาราชครูค่อย ๆ นอนผิงบนเก้าอี้ จากนั้นก็พูดกับลั่วชิงยวน “นั่งลงสิ” ลั่วไห่

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1099

    ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1098

    ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1097

    “พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1096

    “องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งว่าการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ต้องการให้ท่านอ๋องคัดเลือกผู้มีความสามารถ จึงอนุญาตให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปชมการประลองได้พ่ะย่ะค่ะ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่เฉินหวนรับพระราชโองการมาดู แล้วพบว่าเป็นพระราชโองการจริงจิ่นชูมองแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปด้วย เหตุใดจึงมิเห็นพระชายารองหรือเพคะ?”ยามนี้ลั่วเยวี่ยอิงรู้ข่าวการประลองยุทธ์แล้ว นางส่งเสียงโวยวายอยากไปด้วยอยู่หน้าประตู “ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องเพคะ! พาหม่อมฉันไปด้วยเถิดเพคะ!”จิ่นชูได้ยินเสียงนี้แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องอย่าลืมพระชายารองนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “การประลองยุทธ์มิเกี่ยวกับนาง นางมิจำเป็นต้องไปก็ได้”จิ่นชูถามด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านอ๋องจะขัดต่อพระราชโองการหรือเพคะ?”คำพูดนี้ทำให้ฟู่เฉินหวนจำต้องพาลั่วเยวี่ยอิงไปด้วยเพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือพระราชโองการมหาราชาจารย์เหยียนเพิ่งลาออก ตระกูลเหยียนกำลังตกต่ำ หากเขาขัดพระราชโองการในเวลานี้ก็จะดูเหมือนอวดดี มิเคารพองค์จักรพรรดิฟู่เฉินหวนสบตากับลั่วชิงยวน ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าครั้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1095

    ฟู่เฉินหวนตกใจเมื่อได้ฟังถ้อยคำของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนอธิบาย “หม่อมฉันได้คำนวณดูแล้ว เหตุการณ์วุ่นวายในแคว้นเทียนเชวียกำลังจะอุบัติขึ้น เริ่มต้นจากทางทิศใต้เพคะ”“และเมืองฉินก็ตั้งอยู่ทางทิศใต้พอดี!”“ตระกูลเหยียนรุ่งเรืองมาจากเมืองฉิน มีอิทธิพลสูงส่งยิ่งนัก การที่มหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับไปยังเมืองฉินอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีอำนาจมืดใหญ่หลวงซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเพคะ”เมื่อฟู่เฉินหวนก็ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม“เช่นนั้นก็แสดงว่าตาแก่ผู้นี้จะเริ่มแผนการแล้วสินะ”กล่าวจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ “ชิงยวน ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันไป “ขอบใจหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ?”“ขอบใจเจ้าที่บอกเรื่องสำคัญเช่นนี้แก่ข้า”ลั่วชิงยวนถามด้วยความสงสัย “แล้วท่านจะทำอย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นชา “เมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งแล้วออกจากเมืองหลวง เช่นนั้นก็อย่าให้เขากลับมาได้อีกเลย!”ลั่วชิงยวนก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้มีเพียงมหาราชาจารย์เหยียนสิ้นชีพลงเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะสงบลงได้“หม่อมฉันจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1094

    ฟู่เฉินหวนเก็บขนมกุ้ยฮวาไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดปลอบโยน “มิเป็นอะไร รอชิมฝีมือหัวหน้าพ่อครัวเถิด”ดูเหมือนจะมิถูกใจ ถึงแม้เขาจะเรียนรู้จากหัวหน้าพ่อครัว แต่รสชาติก็ยังแตกต่างออกไป ดูเหมือนต้องฝึกฝนให้มากขึ้นลั่วชิงยวนเห็นความผิดหวังในสายตาของเขา จึงยกยิ้มหวานแล้วพูดว่า “หวานมาก! อร่อยมากเพคะ!”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ ใจชายหนุ่มก็รู้สึกหวั่นไหว จึงอดมิได้ที่จะประคองหน้าลั่วชิงยวนแล้วจุมพิตถึงแม้จะรู้ว่านางอาจจะปลอบใจเขา แต่เพียงเห็นรอยยิ้มของนางเขาก็สุขใจมากแล้วหัวหน้าพ่อครัวมองไปทางอื่น ทำเป็นมิเห็นในมิช้า อาหารและขนมก็ถูกยกมาอย่างต่อเนื่องทั้งสองกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขจนดึกดื่นเมื่อออกจากหอหมื่นสุข ลั่วชิงยวนอิ่มจนแทบจะเดินมิไหวฟู่เฉินหวนจับมือลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า “เดินเล่นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวข้าค่อยส่งเจ้ากลับ”ลั่วชิงยวนเรอเบา ๆ “ท่านตั้งใจจะทำให้หม่อมฉันอ้วนขึ้นหรือเไร หากหม่อมฉันอ้วนเหมือนเดิม ท่านก็จะดีใจใช่หรือไม่เพคะ?”ฟู่เฉินหวนอุ้มนางขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าฉลาดมาก”“ท่าน!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นฟู่เฉินหวนจับมือน

DMCA.com Protection Status