Share

บทที่ 125

Author: หว่านชิงอิ๋น
อาการป่วยของท่านอ๋อง โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างสาหัส ก่อนที่อาการจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซูโหยวไม่คิดจะให้ท่านอ๋องได้เจอลั่วเยวี่ยอิง

แม้ที่พระชายาพูดอาจมิใช่ความจริง แต่คอยระวังลั่วเยวี่ยอิงก็ไม่เสียหาย

ไม่ได้รับข่าวสารของฟู่เฉินหวนหลายวันติดกัน ลั่วชิงยวนก็พอเดาได้ ฟู่เฉินหวนคงหนีไปรักษาตัวด้านนอกเพราะอาการสาหัสขึ้น

นางออกเช้ากลับค่ำทุกวัน เพื่อหลบหน้าลั่วเยวี่ยอิง

ภายในตำหนักอ๋องแสนกว้างขวาง มีเพียงลั่วเยวี่ยอิงคนเดียวที่ร้องโวยวายทั้งวัน แต่กลับไม่มีผู้ใดสนใจ

……

ฟู่เฉินหวนรักษาตัวเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน และเพิ่งกลับมาก่อนงานฉลองวันเกิดมหาราชครูหนึ่งวัน

คืนนี้ ลั่วเยวี่ยอิงมิกล้าร้องครวญแล้ว เพราะวันต่อมานางต้องไปเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดมหาราชครู

เพียงแต่ใบหน้าของนางไม่มีวี่แววจะดีขึ้น จึงต้องไปงานโดยสวมผ้าคลุมหน้า

วันนี้ลั่วชิงยวนรอให้ฟู่เฉินหวนและลั่วเยวี่ยอิงออกเดินทางก่อน แล้วนางจึงออกเดินทางคนเดียว

......

ตลาดก่อนที่จะถึงจวนมหาราชครู ครึกครื้นมากเป็นพิเศษ รถม้าของผู้มาเยือนจอดอยู่บนทางอย่างเป็นระเบียบจวนจะไม่มีที่จอด

ลั่วชิงยวนเลือกที่จะลงจากรถม้าก่อน จากนั้นเด
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 126

    ทุกคนมองไปตามเสียง เห็นเพียงลั่วหรงที่สวมอาภรณ์สง่ากำลังเดินเข้ามาช้า ๆ ด้วยรัศมีความกดดันแรงกล้า ลั่วหรงเดินถึงหน้าประตู มองไปทางลั่วไห่ผิงอย่างเย็นชา “ท่านอัครเสนาบดี ท่านนี้ เป็นผู้มาเยือนผู้มีเกียรติที่ข้าเชิญมา!” เมื่อลั่วหรงมองไปทางลั่วชิงยวน กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มที่แสนเป็นมิตรฉับพลัน นางดึงมือของลั่วชิงยวนไว้ลั่วชิงยวนก็ควงแขนของนางไว้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม “ท่านอา” ลั่วหรงยิ้มพลางตบหลังมือของนางเบา ๆ “ข้าบอกแล้ว งานฉลองวันนี้ เจ้ามาเข้าร่วมได้เลย! ผู้ใดก็อย่าหวังจะห้ามเจ้าทั้งนั้น!” สีหน้าของลั่วไห่ผิงตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ ผู้มาเยือนคนอื่น ๆ โดยรอบต่างก็ตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขารู้ว่า ท่านมหาราชครูไม่ถูกกับท่านอัครมหาเสนาบดีนัก และด้วยนิสัยที่เที่ยงตรงของลั่วหรง นางจึงไม่เคยมีสีหน้าดี ๆ ให้กับท่านอัครมหาเสนาบดีสักครั้งเลย ยิ่งไม่มีทางยอมให้ลูกสาวของท่านอัครมหาเสนาบดีเรียกตนว่าท่านอาแน่ แต่คำว่าท่านอาของลั่วชิงยวนที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน กลับทำสีหน้าของลั่วหรงเบิกบานราวกับบุปผา ลั่วไห่ผิงไม่รู้แม้แต่นิดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงกลายเป็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 127

    แม้ท่านมหาราชครูลั่วจะไม่ค่อยสนใจนัก แต่เขาก็ฟังจนจบอย่างใจเย็น พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงดีใจ ผู้คนส่วนมากเลือกที่จะให้ภาพวาด เมื่อเปิดออก หลากหลายลายเส้น แต่เนื้อหาภาพส่วนมากจะเป็นสาวงามคนหนึ่งกำลังจูงเด็กคนหนึ่ง แกว่งชิงช้า หยอกล้อพูดคุย หรือนอนพักผ่อนใต้ต้นไม้ ภาพต่างวาดออกมาได้ดีมาก แต่เมื่อเห็นเยอะเข้า ย่อมรู้สึกว่ามันธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องของท่านมหาราชครูแขวนภาพไว้ร้อยกว่าผืน ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสสังเกต นางอยากรู้ว่าภาพวาดที่ผู้ใดมอบให้นั้นมีปัญหา แต่นางกลับต้องตกใจ เพราะมันมีปัญหาแทบทุกภาพ! เมื่อภาพถูกกางออก จะเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังขัดขืนอยู่ในกองไฟ พวกนางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง และร้องขอความช่วยเหลืออย่างเจ็บปวด แม้เสียงจะเบา แต่แสบแก้วหูเอามาก ๆ ลั่วหรงที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของลั่วชิงยวนค่อนข้างย่ำแย่ จึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “เจ้าสังเกตเห็นอะไรรึ?” ลั่วชิงยวนแนบไปที่ข้างหูลั่วหรง เอ่ยพูดเสียงเบา “บันทึกผู้ที่มอบภาพวาดเอาไว้ เมื่อจบงานไปถามพวกเขาดูว่าผู้ใดเป็นคนวาด” ลั่วหรงพยักหน้า จากนั้นสั่งให้คนใช้ไปบันทึกทันที สมาธิของลั่วชิงยวนถูกภาพวาดและของกำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 128

    สิ่งที่ตามมา คือเสียงหัวเราะกระหึ่ม “ฮ่า ๆ ๆ ๆ วาดได้ครึ่งหนึ่งก็เอามางั้นเหรอ?” “นี่มันประหลาดเกินไป ข้ามิเคยเจอของกำนัลที่ประหลาดเช่นนี้มาก่อน” ภายใต้เสียงหัวเราะ มีคนขำพร้อมพูดกับลั่วไห่ผิง “ท่านอัครมหาเสนาบดีลั่ว ลูกสาวท่านนี่น่าสนใจจริง ๆ ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านถึงมิให้นางเข้าร่วมงานฉลองวันเกิด ช่างน่าขายหน้าเสียจริง” สีหน้าลั่วไห่ผิงมืดครึ้ม ฝ่ามือกำเป็นหมัดแน่น วันนี้ลั่วชิงยวนตั้งใจมาเพื่อให้เขาเสียหน้างั้นหรือ! ลูกทรพี! ลั่วเยวี่ยอิงมองการกระทำเช่นนี้ของลั่วชิงยวน ในใจกลับรู้สึกได้ใจ นังโง่นี่คิดอะไรกัน ให้ภาพวาดก็ให้ภาพวาดสิ เหตุใดจึงให้ภาพวาดที่ไม่สมบูรณ์ รนหาที่ตายจริง ๆ ! “ท่านพ่อ ข้าบอกแล้ว ไม่ควรให้ท่านพี่กลับตำหนักอ๋อง ท่านพ่อดูนาง ทำตระกูลเราขายหน้าเสียจริง!” ลั่วเยวี่ยอิงบ่นอย่างอึดอัด ลั่วไห่ผิงเองก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาไม่ควรให้ลั่วชิงยวนกลับตำหนักอ๋องจริง ๆ ลูกทรพี! ทำหูทวนลมกับคำพูดเขาเสียหมด ดูเหมือนว่าหลังจากวันนี้ เขาจะต้องหารือกับท่านอ๋อง ให้ท่านเขียนหนังสือหย่า เพื่อหย่าลั่วชิงยวนเสีย แม้การที่ลั่วชิงยวนถูกหย่า จะทำให้เขาเสียหน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 129

    แต่แล้วประโยคของท่านมหาราชครูในวินาทีต่อมา กลับทำผู้คนตะลึงยิ่งกว่า! เขาพูดกับลั่วชิงยวนด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “ภาพนี้ ให้ข้าได้หรือไม่?” ทุกคนต่างมีสีหน้างุนงง นี่มิใช่ของกำนัลที่ให้ท่านมหาราชครูลั่วอยู่แล้วงั้นหรือ? อีกอย่างนี่เป็นเพียงภาพวาดเท่านั้น! แต่ลั่วชิงยวนเข้าใจความหมายท่านมหาราชครูลั่วจะสื่อ เขาอยากได้ทุกอย่างที่อยู่ในภาพนั้น นางเผยยิ้มอ่อนโยน “เจ้าค่ะ นี่เป็นของกำนัลที่จะมอบให้ท่านปู่มหาราชครูอยู่แล้ว! เพียงแค่ท่านต้องการชม ก็จะสามารถชมภาพนี้ได้ตลอดเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินประโยคนี้ มหาราชครูลั่วพยักหน้าดีใจ สายตาที่มองลั่วชิงยวนเอ็นดูขึ้นมาทันที “ได้ เจ้าหนู ขอบคุณที่มอบของกำนัลที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้ปู่! ปู่ชอบมากเลย!” สิ้นประโยคนี้ รอบด้านดังเป็นเสียงซุบซิบขึ้น ท่านมหาราชครูยอมรับลั่วชิงยวนเป็นหลานสาวแล้วงั้นหรือ? หลายปีมานี้ ลั่วเยวี่ยอิงไปเยี่ยมท่านมหาราชครูที่จวนหลายครั้ง แม้จะได้เจอกับท่านมหาราชครูลั่วบ้าง แต่เขากลับไม่เคยเหลียวแลนางมาก่อน ยิ่งไม่ต้องว่าเรื่องการยอมรับนางเป็นหลานสาวเลย! ลั่วชิงยวนมีสิทธิ์อะไรกัน!? เพียงแค่ภาพวาดผืนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรได้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 130

    “ท่านปู่มหาราชครูรู้หรือไม่เหตุใดท่านจึงติดอยู่ในฝันร้าย?” ท่านมหาราชครูลั่วมองภาพวาดตามสายตาของนาง รู้สึกสงสัย “เจ้ารู้งั้นรึ?” ลั่วชิงยวนดึงภาพผืนหนึ่งมาไว้บนโต๊ะ จากนั้นดึงกระดาษยันต์ออกมาใบหนึ่ง แปะไว้ตรงมุมของภาพวาด อ๊าก… เสียงร้องทรมานดังขึ้นในหูของท่านมหาราชครูลั่ว ภาพแม่ลูกที่กำลังหยอกล้อกันใต้ต้นไม้ กลายเป็นภาพแม่ลูกตะเกียกตะกายอยู่ในกองเพลิง และกำลังร้องเสียงโหยหวนทันที ท่านมหาราชครูตกใจจนลำตัวสั่นคลอน หลุดมือโยนภาพวาดทิ้งทันที เสียงระแวงของเขาสั่นคลอนเล็กน้อย “นี่มันคือสิ่งใดกัน?” ลั่วชิงยวนเก็บภาพขึ้นมาอย่างสงบ ม้วนและไว้ด้านข้าง “มิเพียงแค่ผืนนี้ แต่ภาพทุกผืนในห้องนี้ต่างเป็นเช่นนี้หมดเจ้าค่ะ!“ “นี่คือต้นเหตุที่ท่านฝันร้ายทุกคืน!” สิ้นเสียง สีหน้าของท่านมหาราชครูลั่วเปลี่ยนไปฉับพลัน ตระหนักถึงสิ่งที่ลั่วชิงยวนต้องการจะสื่อทันขวัญ “มีคนจงใจทำเช่นนี้งั้นรึ?!“ ท่านมหาราชครูลั่วตกตะลึง สีหน้าของเขาย่ำแย่ ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ข้าดูออกตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นท่านปู่มหาราชครูดูมิค่อยอยากจะสนใจข้านัก ข้าจึงมิได้ถามถึงเรื่องนี้อีก ภาพวาดเหล่านี้ ทางท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 131

    ลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย เห็นลั่วอวิ๋นสี่บุกเข้ามาบุ่มบ่ามเช่นนี้ ท่านมหาราชครูทำหน้าตึงทันที สีหน้าของเขาย่ำแย่ ตำหนิจริงจัง “อวิ๋นสี่! เจ้าไม่มีความเป็นสาวเป็นแซ่แต่นิด!” “ท่านปู่ ลั่วชิงยวนคิดจะมาประจบตระกูลเรา ท่านจะเชื่อคำพูดของนางมิได้นะเจ้าคะ!“ น้ำเสียงของลั่วอวิ๋นสี่ร้อนรน ตั้งแต่รู้ว่าลั่วชิงยวนได้รับความไว้วางใจจากท่านแม่ นางก็โกรธจนล้มป่วยไปหลายวัน ไม่คิดว่าลั่วชิงยวนจะมาหลอกท่านปู่ของนางต่อ! สีหน้าของท่านมหาราชครูลั่วย่ำแย่มากยิ่งขึ้น ลุกขึ้นติด่าอย่างเข้มงวด “กลับห้องของเจ้าเสีย!” “ท่านปู่!” ลั่วอวิ๋นสี่กระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง “กลับไป!” สีหน้าท่านมหาราชครูลั่วมืดครึ้ม ลั่วอวิ๋นสี่กระทืบเท้าเพิ่มหลายที และหมุนร่างจากไป นางไม่มีความกล้าที่จะขัดคำสั่งท่านปู่ ลั่วอวิ๋นสี่วิ่งจากไป ท่านมหาราชครูถอนหายใจทีหนึ่ง “เจ้าเด็กนี่ น่ากังวลที่สุด! เพราะแม่ของนางเข้มงวดไปงั้นหรือ? จึงทำให้นางนิสัยดื้อรั้นเช่นนี้” ”ยิ่งมิให้ทำสิ่งใดนางยิ่งอยากทำ ยิ่งมิให้นางคบหากับลั่วเยวี่ยอิง นางกลับยิ่งเข้าหา” ได้ยินดังนี้ ลั่วชิงยวนจึงรู้ แม้ท่านปู่มหาราชครูจะมิได้สนใจเรื่องภายน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 132

    ลั่วชิงยวนเผยยิ้ม และยื่นภาพวาดให้กับท่านมหาราชครูลั่ว “ท่านปู่ ในภาพวาดที่ได้รับมาในวันนี้ มีเพียงของท่านอ๋องที่ไม่มีปัญหา ฉะนั้นไม่ต้องเผาก็ได้” อย่างไรนี่ก็เป็นของขวัญที่ฟู่เฉินหวนเตรียมให้กับท่านมหาราชครูด้วยความตั้งใจ ท่านมหาราชครูกางภาพออก พยักหน้าทีหนึ่ง “ได้ อย่างไรก็เป็นน้ำใจของท่านอ๋อง ในเมื่อไม่มีปัญหาก็เก็บไว้เถอะ” มองดูภาพผืนนั้น ในใจของท่านมหาราชครูเองก็รู้สึกตื้นตัน เขากล่าวพึมพำ “ภาพของผู้คนมากมาย มีเพียงภาพที่เขาให้นั้นไม่มีปัญหา” ประโยคแฝงความนัย เมื่อได้ยินในหูของคนที่อยู่นอกประตู กลับกลายเป็นความหมายอื่น แววตาของฟู่เฉินหวนเยือกเย็น เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ลั่วชิงยวนตั้งใจงั้นหรือ? เขากำหมัดแน่น และหันหลังจากไป ลั่วชิงยวนเองก็ฟังออกว่าในประโยคของท่านมหาราชครูมีความนัยแฝงอยู่ จึงรีบพูดอธิบาย “ท่านปู่ ภาพนี้เป็นภาพที่ท่านอ๋องวาดเองกับมือ เขาพกติดตัวไว้ตลอด ดังนั้นจึงไม่ถูกผู้อื่นฉวยโอกาสเจ้าค่ะ” ได้ยินดังนี้ ท่านมหาราชครูไขว้มือไว้ด้านหลัง มองนางอย่างไม่ใส่ใจทีหนึ่ง “ยัยหนูนี่ เข้าข้างท่านอ๋องของเจ้าเพียงนี้เชียว ข้าพูดหรือว่าข้าสงสัยเขา?” “แม้เจ้าเด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 133

    ท่านมหาราชครูได้ยินก็ขมวดคิ้ว “แม่เจ้าหรือ…” “ข้าเจอหน้าไม่บ่อยนัก จึงจำมิได้ เพียงแต่นางเป็นหญิงสาวที่ดีมาก ๆ ตอนนั้นข้ายังคิด เป็นบุญอะไรของลั่วไห่ผิงกัน จึงได้แต่งกับคนอย่างแม่ของเจ้า” “เพียงแต่ข้ามิได้หาสู่กับแม่ของเจ้า จึงจำมิค่อยได้แล้ว” ได้ยินดังนี้ นัยน์ตาของลั่วชิงยวนเผยแววผิดหวัง “บอกตรง ๆ ว่า ความสามารถเหล่านี้ของข้า ศึกษามาจากตำราที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ เพียงแต่ข้าเรียนรู้มาได้เพียงผิวเผิน” นางพูดจบ ท่านมหาราชครูยิ่งรู้สึกฉงน “ที่แท้แม่ของเจ้ารู้เรื่องพวกนี้นี่เอง” “มิน่าล่ะ!” “ข้าก็ว่าเจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนว่าในจวนอัคมหาเสนาบดีมีผู้เก่งกาจ” พูดจบ เขาตบไปที่ไหล่ของลั่วชิงยวน “หลายปีมานี้เจ้าเองก็ลำบากมาไม่น้อย จากนี้ไปหากลั่วไห่ผิงรังแกเจ้าอีก เจ้าก็มาหาข้า เดี๋ยวข้าผู้เป็นปู่จะช่วยเจ้าเอง!“ ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านปู่!” พูดจบก็ตะโกนสั่งด้านนอก “เรียกลั่วไห่ผิงเข้ามา!” ลั่วชิงยวนชะงัก จากนั้นเดินเข้าห้องตามท่านมหาราชครู ท่านมหาราชครูค่อย ๆ นอนผิงบนเก้าอี้ จากนั้นก็พูดกับลั่วชิงยวน “นั่งลงสิ” ลั่วไห่

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1284

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1283

    หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1277

    เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1276

    “ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status