แชร์

บทที่ 123

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
คิ้วของลั่วชิงยวนกระตุก ดวงตาที่มองไปทางฟู่เฉินหวนขุ่นมัวมากยิ่งขึ้น แม้จะมีรัศมีอาฆาตมาดร้ายออกมาก็ตาม

นางดึงเข็มออกมาเล่มหนึ่ง ทิ่มไปยังหลังคอของฟู่เฉินหวน

ฟู่เฉินหวนล้มสลบ

สีหน้าคนรอบข้างเปลี่ยนไปในทันที

“เจ้าทำอะไรท่านอ๋องกัน?“ ลั่วเยวี่ยอิงตะคอกเสียงดุ

ซูโหยวพยุงฟู่เฉินหวนไว้ด้วยสีหน้าตึงเครียด “ท่านทำสิ่งใดกัน!“

ลั่วชิงยวนเช็ดคราบเลือดมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ คุกเข่าจับข้อมือของฟู่เฉินหวนเพื่อตรวจดูอาการ “เจ้าดูไม่ออกงั้นหรือ ท่านอ๋องของเจ้ากำลังผิดปกติ หากมิทำเช่นนี้เขาจะสิ้นชีพ ลมปราณและโลหิตจะไหลย้อนกลับ”

ชีพจรของฟู่เฉินหวน ทำนางสับสนมากจริง ๆ

ราวกับไฟในกายแผดเผา หยินหยางเสียสมดุล ลมหายใจผิดจังหวะ และมีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย

แต่นอกจากนี้ ร่างกายของเขากลับไม่มีปัญหาอะไรนัก

เพียงแค่อาการคลุ้มคลั่งเช่นนี้ หากไฟโทสะลุกโชนถึงระดับหนึ่ง อาจคร่าชีวิตเขาได้

“ใครก็ได้ ส่งตัวท่านอ๋องกลับห้อง!“ ซูโหยวออกคำสั่งในทันที

เมื่อตอนฟู่เฉินหวนถูกพยุงจากไป ลั่วเยวี่ยอิงยังคงร้องไห้อยู่ “ท่านอ๋อง…”

ซูโหยวห้ามนางเอาไว้ “คุณหนูรอง ท่านอ๋องเหนื่อยแล้ว คืนนี้ให้ท่านได้พักผ่อนดี ๆ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Thitaya
So much fun
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 124

    ในสภาวะมึนงง ลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่นมากระอักเลือดครั้งหนึ่ง โชคดีที่มีเครื่องยาสมุนไพรจากท่านอาลั่วหรง บาดแผลจึงมั่นคงได้ภายในคืนนั้น เมื่อคืนหลังฟู่เฉินหวนกลับถึงห้อง ก็ได้เชิญหมอกู้มาตรวจอาการ และออกยาให้ หลังกินยาเสร็จเขาก็หลับพริ้มไป ลั่วชิงยวนนั่งกินน้ำแกงยาสมุนไพรอยู่ข้างโต๊ะ และเอ่ยอย่างสงบ “ก็เจ็บทั้งสองฝ่าย ไยต้องกังวล” เมื่อวานแม้ฟู่เฉินหวนจะลงมือกับนาง แต่ผลที่เขาได้รับจากความโกรธก็ไม่น้อยเช่นกัน หากหนักหน่วงอาจถึงขั้นตายได้ ถือว่าฟู่เฉินหวนเมื่อคืนเก็บชีวิตรอดกลับมาได้ “พระชายา อาการของท่านอ๋องยังคงหนักหน่วงเช่นเดิม ท่านไปเยี่ยมท่านอ๋องเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมเติ้งคิดว่า หากพระชายาสร้างผลงานได้ ท่านอ๋องอาจเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อพระชายาเป็นแน่ แต่ทว่า ลั่วชิงยวนกลับส่งเสียงหัวเราะ “ข้าไปแล้วมีประโยชน์อันใดเล่าม เขาคงคิดเพียงข้าประสงค์ร้าย หรือต่อให้เขาจะเชื่อว่าข้าช่วยเขา ข้าก็อาจไม่ได้รับในสิ่งที่ข้าต้องการเช่นเคย” นางร่วมมือกับฟู่เฉินหวนมิใช่เพียงครั้งสองครั้ง แต่ของของท่านแม่นาง จนทุกวันนี้ยังหาไม่เจอ นางมิอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน หลังกินน้ำแกงยาเสร็จ นางกางภาพว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 125

    อาการป่วยของท่านอ๋อง โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างสาหัส ก่อนที่อาการจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซูโหยวไม่คิดจะให้ท่านอ๋องได้เจอลั่วเยวี่ยอิง แม้ที่พระชายาพูดอาจมิใช่ความจริง แต่คอยระวังลั่วเยวี่ยอิงก็ไม่เสียหาย ไม่ได้รับข่าวสารของฟู่เฉินหวนหลายวันติดกัน ลั่วชิงยวนก็พอเดาได้ ฟู่เฉินหวนคงหนีไปรักษาตัวด้านนอกเพราะอาการสาหัสขึ้น นางออกเช้ากลับค่ำทุกวัน เพื่อหลบหน้าลั่วเยวี่ยอิง ภายในตำหนักอ๋องแสนกว้างขวาง มีเพียงลั่วเยวี่ยอิงคนเดียวที่ร้องโวยวายทั้งวัน แต่กลับไม่มีผู้ใดสนใจ …… ฟู่เฉินหวนรักษาตัวเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน และเพิ่งกลับมาก่อนงานฉลองวันเกิดมหาราชครูหนึ่งวัน คืนนี้ ลั่วเยวี่ยอิงมิกล้าร้องครวญแล้ว เพราะวันต่อมานางต้องไปเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดมหาราชครู เพียงแต่ใบหน้าของนางไม่มีวี่แววจะดีขึ้น จึงต้องไปงานโดยสวมผ้าคลุมหน้า วันนี้ลั่วชิงยวนรอให้ฟู่เฉินหวนและลั่วเยวี่ยอิงออกเดินทางก่อน แล้วนางจึงออกเดินทางคนเดียว ...... ตลาดก่อนที่จะถึงจวนมหาราชครู ครึกครื้นมากเป็นพิเศษ รถม้าของผู้มาเยือนจอดอยู่บนทางอย่างเป็นระเบียบจวนจะไม่มีที่จอด ลั่วชิงยวนเลือกที่จะลงจากรถม้าก่อน จากนั้นเด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 126

    ทุกคนมองไปตามเสียง เห็นเพียงลั่วหรงที่สวมอาภรณ์สง่ากำลังเดินเข้ามาช้า ๆ ด้วยรัศมีความกดดันแรงกล้า ลั่วหรงเดินถึงหน้าประตู มองไปทางลั่วไห่ผิงอย่างเย็นชา “ท่านอัครเสนาบดี ท่านนี้ เป็นผู้มาเยือนผู้มีเกียรติที่ข้าเชิญมา!” เมื่อลั่วหรงมองไปทางลั่วชิงยวน กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มที่แสนเป็นมิตรฉับพลัน นางดึงมือของลั่วชิงยวนไว้ลั่วชิงยวนก็ควงแขนของนางไว้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม “ท่านอา” ลั่วหรงยิ้มพลางตบหลังมือของนางเบา ๆ “ข้าบอกแล้ว งานฉลองวันนี้ เจ้ามาเข้าร่วมได้เลย! ผู้ใดก็อย่าหวังจะห้ามเจ้าทั้งนั้น!” สีหน้าของลั่วไห่ผิงตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ ผู้มาเยือนคนอื่น ๆ โดยรอบต่างก็ตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขารู้ว่า ท่านมหาราชครูไม่ถูกกับท่านอัครมหาเสนาบดีนัก และด้วยนิสัยที่เที่ยงตรงของลั่วหรง นางจึงไม่เคยมีสีหน้าดี ๆ ให้กับท่านอัครมหาเสนาบดีสักครั้งเลย ยิ่งไม่มีทางยอมให้ลูกสาวของท่านอัครมหาเสนาบดีเรียกตนว่าท่านอาแน่ แต่คำว่าท่านอาของลั่วชิงยวนที่ดังขึ้นอย่างชัดเจน กลับทำสีหน้าของลั่วหรงเบิกบานราวกับบุปผา ลั่วไห่ผิงไม่รู้แม้แต่นิดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงกลายเป็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 127

    แม้ท่านมหาราชครูลั่วจะไม่ค่อยสนใจนัก แต่เขาก็ฟังจนจบอย่างใจเย็น พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงดีใจ ผู้คนส่วนมากเลือกที่จะให้ภาพวาด เมื่อเปิดออก หลากหลายลายเส้น แต่เนื้อหาภาพส่วนมากจะเป็นสาวงามคนหนึ่งกำลังจูงเด็กคนหนึ่ง แกว่งชิงช้า หยอกล้อพูดคุย หรือนอนพักผ่อนใต้ต้นไม้ ภาพต่างวาดออกมาได้ดีมาก แต่เมื่อเห็นเยอะเข้า ย่อมรู้สึกว่ามันธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องของท่านมหาราชครูแขวนภาพไว้ร้อยกว่าผืน ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสสังเกต นางอยากรู้ว่าภาพวาดที่ผู้ใดมอบให้นั้นมีปัญหา แต่นางกลับต้องตกใจ เพราะมันมีปัญหาแทบทุกภาพ! เมื่อภาพถูกกางออก จะเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังขัดขืนอยู่ในกองไฟ พวกนางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง และร้องขอความช่วยเหลืออย่างเจ็บปวด แม้เสียงจะเบา แต่แสบแก้วหูเอามาก ๆ ลั่วหรงที่อยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของลั่วชิงยวนค่อนข้างย่ำแย่ จึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “เจ้าสังเกตเห็นอะไรรึ?” ลั่วชิงยวนแนบไปที่ข้างหูลั่วหรง เอ่ยพูดเสียงเบา “บันทึกผู้ที่มอบภาพวาดเอาไว้ เมื่อจบงานไปถามพวกเขาดูว่าผู้ใดเป็นคนวาด” ลั่วหรงพยักหน้า จากนั้นสั่งให้คนใช้ไปบันทึกทันที สมาธิของลั่วชิงยวนถูกภาพวาดและของกำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 128

    สิ่งที่ตามมา คือเสียงหัวเราะกระหึ่ม “ฮ่า ๆ ๆ ๆ วาดได้ครึ่งหนึ่งก็เอามางั้นเหรอ?” “นี่มันประหลาดเกินไป ข้ามิเคยเจอของกำนัลที่ประหลาดเช่นนี้มาก่อน” ภายใต้เสียงหัวเราะ มีคนขำพร้อมพูดกับลั่วไห่ผิง “ท่านอัครมหาเสนาบดีลั่ว ลูกสาวท่านนี่น่าสนใจจริง ๆ ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านถึงมิให้นางเข้าร่วมงานฉลองวันเกิด ช่างน่าขายหน้าเสียจริง” สีหน้าลั่วไห่ผิงมืดครึ้ม ฝ่ามือกำเป็นหมัดแน่น วันนี้ลั่วชิงยวนตั้งใจมาเพื่อให้เขาเสียหน้างั้นหรือ! ลูกทรพี! ลั่วเยวี่ยอิงมองการกระทำเช่นนี้ของลั่วชิงยวน ในใจกลับรู้สึกได้ใจ นังโง่นี่คิดอะไรกัน ให้ภาพวาดก็ให้ภาพวาดสิ เหตุใดจึงให้ภาพวาดที่ไม่สมบูรณ์ รนหาที่ตายจริง ๆ ! “ท่านพ่อ ข้าบอกแล้ว ไม่ควรให้ท่านพี่กลับตำหนักอ๋อง ท่านพ่อดูนาง ทำตระกูลเราขายหน้าเสียจริง!” ลั่วเยวี่ยอิงบ่นอย่างอึดอัด ลั่วไห่ผิงเองก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาไม่ควรให้ลั่วชิงยวนกลับตำหนักอ๋องจริง ๆ ลูกทรพี! ทำหูทวนลมกับคำพูดเขาเสียหมด ดูเหมือนว่าหลังจากวันนี้ เขาจะต้องหารือกับท่านอ๋อง ให้ท่านเขียนหนังสือหย่า เพื่อหย่าลั่วชิงยวนเสีย แม้การที่ลั่วชิงยวนถูกหย่า จะทำให้เขาเสียหน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 129

    แต่แล้วประโยคของท่านมหาราชครูในวินาทีต่อมา กลับทำผู้คนตะลึงยิ่งกว่า! เขาพูดกับลั่วชิงยวนด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “ภาพนี้ ให้ข้าได้หรือไม่?” ทุกคนต่างมีสีหน้างุนงง นี่มิใช่ของกำนัลที่ให้ท่านมหาราชครูลั่วอยู่แล้วงั้นหรือ? อีกอย่างนี่เป็นเพียงภาพวาดเท่านั้น! แต่ลั่วชิงยวนเข้าใจความหมายท่านมหาราชครูลั่วจะสื่อ เขาอยากได้ทุกอย่างที่อยู่ในภาพนั้น นางเผยยิ้มอ่อนโยน “เจ้าค่ะ นี่เป็นของกำนัลที่จะมอบให้ท่านปู่มหาราชครูอยู่แล้ว! เพียงแค่ท่านต้องการชม ก็จะสามารถชมภาพนี้ได้ตลอดเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินประโยคนี้ มหาราชครูลั่วพยักหน้าดีใจ สายตาที่มองลั่วชิงยวนเอ็นดูขึ้นมาทันที “ได้ เจ้าหนู ขอบคุณที่มอบของกำนัลที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้ปู่! ปู่ชอบมากเลย!” สิ้นประโยคนี้ รอบด้านดังเป็นเสียงซุบซิบขึ้น ท่านมหาราชครูยอมรับลั่วชิงยวนเป็นหลานสาวแล้วงั้นหรือ? หลายปีมานี้ ลั่วเยวี่ยอิงไปเยี่ยมท่านมหาราชครูที่จวนหลายครั้ง แม้จะได้เจอกับท่านมหาราชครูลั่วบ้าง แต่เขากลับไม่เคยเหลียวแลนางมาก่อน ยิ่งไม่ต้องว่าเรื่องการยอมรับนางเป็นหลานสาวเลย! ลั่วชิงยวนมีสิทธิ์อะไรกัน!? เพียงแค่ภาพวาดผืนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรได้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 130

    “ท่านปู่มหาราชครูรู้หรือไม่เหตุใดท่านจึงติดอยู่ในฝันร้าย?” ท่านมหาราชครูลั่วมองภาพวาดตามสายตาของนาง รู้สึกสงสัย “เจ้ารู้งั้นรึ?” ลั่วชิงยวนดึงภาพผืนหนึ่งมาไว้บนโต๊ะ จากนั้นดึงกระดาษยันต์ออกมาใบหนึ่ง แปะไว้ตรงมุมของภาพวาด อ๊าก… เสียงร้องทรมานดังขึ้นในหูของท่านมหาราชครูลั่ว ภาพแม่ลูกที่กำลังหยอกล้อกันใต้ต้นไม้ กลายเป็นภาพแม่ลูกตะเกียกตะกายอยู่ในกองเพลิง และกำลังร้องเสียงโหยหวนทันที ท่านมหาราชครูตกใจจนลำตัวสั่นคลอน หลุดมือโยนภาพวาดทิ้งทันที เสียงระแวงของเขาสั่นคลอนเล็กน้อย “นี่มันคือสิ่งใดกัน?” ลั่วชิงยวนเก็บภาพขึ้นมาอย่างสงบ ม้วนและไว้ด้านข้าง “มิเพียงแค่ผืนนี้ แต่ภาพทุกผืนในห้องนี้ต่างเป็นเช่นนี้หมดเจ้าค่ะ!“ “นี่คือต้นเหตุที่ท่านฝันร้ายทุกคืน!” สิ้นเสียง สีหน้าของท่านมหาราชครูลั่วเปลี่ยนไปฉับพลัน ตระหนักถึงสิ่งที่ลั่วชิงยวนต้องการจะสื่อทันขวัญ “มีคนจงใจทำเช่นนี้งั้นรึ?!“ ท่านมหาราชครูลั่วตกตะลึง สีหน้าของเขาย่ำแย่ ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ข้าดูออกตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นท่านปู่มหาราชครูดูมิค่อยอยากจะสนใจข้านัก ข้าจึงมิได้ถามถึงเรื่องนี้อีก ภาพวาดเหล่านี้ ทางท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 131

    ลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย เห็นลั่วอวิ๋นสี่บุกเข้ามาบุ่มบ่ามเช่นนี้ ท่านมหาราชครูทำหน้าตึงทันที สีหน้าของเขาย่ำแย่ ตำหนิจริงจัง “อวิ๋นสี่! เจ้าไม่มีความเป็นสาวเป็นแซ่แต่นิด!” “ท่านปู่ ลั่วชิงยวนคิดจะมาประจบตระกูลเรา ท่านจะเชื่อคำพูดของนางมิได้นะเจ้าคะ!“ น้ำเสียงของลั่วอวิ๋นสี่ร้อนรน ตั้งแต่รู้ว่าลั่วชิงยวนได้รับความไว้วางใจจากท่านแม่ นางก็โกรธจนล้มป่วยไปหลายวัน ไม่คิดว่าลั่วชิงยวนจะมาหลอกท่านปู่ของนางต่อ! สีหน้าของท่านมหาราชครูลั่วย่ำแย่มากยิ่งขึ้น ลุกขึ้นติด่าอย่างเข้มงวด “กลับห้องของเจ้าเสีย!” “ท่านปู่!” ลั่วอวิ๋นสี่กระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง “กลับไป!” สีหน้าท่านมหาราชครูลั่วมืดครึ้ม ลั่วอวิ๋นสี่กระทืบเท้าเพิ่มหลายที และหมุนร่างจากไป นางไม่มีความกล้าที่จะขัดคำสั่งท่านปู่ ลั่วอวิ๋นสี่วิ่งจากไป ท่านมหาราชครูถอนหายใจทีหนึ่ง “เจ้าเด็กนี่ น่ากังวลที่สุด! เพราะแม่ของนางเข้มงวดไปงั้นหรือ? จึงทำให้นางนิสัยดื้อรั้นเช่นนี้” ”ยิ่งมิให้ทำสิ่งใดนางยิ่งอยากทำ ยิ่งมิให้นางคบหากับลั่วเยวี่ยอิง นางกลับยิ่งเข้าหา” ได้ยินดังนี้ ลั่วชิงยวนจึงรู้ แม้ท่านปู่มหาราชครูจะมิได้สนใจเรื่องภายน

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1099

    ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1098

    ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1097

    “พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1096

    “องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งว่าการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ต้องการให้ท่านอ๋องคัดเลือกผู้มีความสามารถ จึงอนุญาตให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปชมการประลองได้พ่ะย่ะค่ะ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่เฉินหวนรับพระราชโองการมาดู แล้วพบว่าเป็นพระราชโองการจริงจิ่นชูมองแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปด้วย เหตุใดจึงมิเห็นพระชายารองหรือเพคะ?”ยามนี้ลั่วเยวี่ยอิงรู้ข่าวการประลองยุทธ์แล้ว นางส่งเสียงโวยวายอยากไปด้วยอยู่หน้าประตู “ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องเพคะ! พาหม่อมฉันไปด้วยเถิดเพคะ!”จิ่นชูได้ยินเสียงนี้แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องอย่าลืมพระชายารองนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “การประลองยุทธ์มิเกี่ยวกับนาง นางมิจำเป็นต้องไปก็ได้”จิ่นชูถามด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านอ๋องจะขัดต่อพระราชโองการหรือเพคะ?”คำพูดนี้ทำให้ฟู่เฉินหวนจำต้องพาลั่วเยวี่ยอิงไปด้วยเพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือพระราชโองการมหาราชาจารย์เหยียนเพิ่งลาออก ตระกูลเหยียนกำลังตกต่ำ หากเขาขัดพระราชโองการในเวลานี้ก็จะดูเหมือนอวดดี มิเคารพองค์จักรพรรดิฟู่เฉินหวนสบตากับลั่วชิงยวน ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าครั้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1095

    ฟู่เฉินหวนตกใจเมื่อได้ฟังถ้อยคำของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนอธิบาย “หม่อมฉันได้คำนวณดูแล้ว เหตุการณ์วุ่นวายในแคว้นเทียนเชวียกำลังจะอุบัติขึ้น เริ่มต้นจากทางทิศใต้เพคะ”“และเมืองฉินก็ตั้งอยู่ทางทิศใต้พอดี!”“ตระกูลเหยียนรุ่งเรืองมาจากเมืองฉิน มีอิทธิพลสูงส่งยิ่งนัก การที่มหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับไปยังเมืองฉินอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีอำนาจมืดใหญ่หลวงซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเพคะ”เมื่อฟู่เฉินหวนก็ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม“เช่นนั้นก็แสดงว่าตาแก่ผู้นี้จะเริ่มแผนการแล้วสินะ”กล่าวจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ “ชิงยวน ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันไป “ขอบใจหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ?”“ขอบใจเจ้าที่บอกเรื่องสำคัญเช่นนี้แก่ข้า”ลั่วชิงยวนถามด้วยความสงสัย “แล้วท่านจะทำอย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นชา “เมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งแล้วออกจากเมืองหลวง เช่นนั้นก็อย่าให้เขากลับมาได้อีกเลย!”ลั่วชิงยวนก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้มีเพียงมหาราชาจารย์เหยียนสิ้นชีพลงเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะสงบลงได้“หม่อมฉันจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1094

    ฟู่เฉินหวนเก็บขนมกุ้ยฮวาไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดปลอบโยน “มิเป็นอะไร รอชิมฝีมือหัวหน้าพ่อครัวเถิด”ดูเหมือนจะมิถูกใจ ถึงแม้เขาจะเรียนรู้จากหัวหน้าพ่อครัว แต่รสชาติก็ยังแตกต่างออกไป ดูเหมือนต้องฝึกฝนให้มากขึ้นลั่วชิงยวนเห็นความผิดหวังในสายตาของเขา จึงยกยิ้มหวานแล้วพูดว่า “หวานมาก! อร่อยมากเพคะ!”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ ใจชายหนุ่มก็รู้สึกหวั่นไหว จึงอดมิได้ที่จะประคองหน้าลั่วชิงยวนแล้วจุมพิตถึงแม้จะรู้ว่านางอาจจะปลอบใจเขา แต่เพียงเห็นรอยยิ้มของนางเขาก็สุขใจมากแล้วหัวหน้าพ่อครัวมองไปทางอื่น ทำเป็นมิเห็นในมิช้า อาหารและขนมก็ถูกยกมาอย่างต่อเนื่องทั้งสองกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขจนดึกดื่นเมื่อออกจากหอหมื่นสุข ลั่วชิงยวนอิ่มจนแทบจะเดินมิไหวฟู่เฉินหวนจับมือลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า “เดินเล่นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวข้าค่อยส่งเจ้ากลับ”ลั่วชิงยวนเรอเบา ๆ “ท่านตั้งใจจะทำให้หม่อมฉันอ้วนขึ้นหรือเไร หากหม่อมฉันอ้วนเหมือนเดิม ท่านก็จะดีใจใช่หรือไม่เพคะ?”ฟู่เฉินหวนอุ้มนางขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าฉลาดมาก”“ท่าน!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นฟู่เฉินหวนจับมือน

DMCA.com Protection Status