“จึงได้ช่วยให้เรารอดพ้นจากความตายหนีรอดออกมาได้”“พี่หญิงได้รับบาดเจ็บเพราะข้า มีไข้สูงติดต่อกันหลายวันจนเกือบเสียชีวิต แต่ขณะที่พี่หญิงหมดสติก็เอ่ยสั่งเสียอย่างหนักแน่น มิให้หมอแจ้งความจริงแก่เสด็จพ่อและเสด็จแม่”“สาเหตุพี่หญิงได้รับบาดเจ็บจึงถูกปกปิดไว้”“เพื่อช่วยให้ข้ารอดพ้นจากการลงโทษ”“ภายหลังที่พี่หญิงสิ้นชีพ ข้าเกือบจะตามไปด้วยแล้ว”“เสด็จพ่อบอกข้าว่า มีนักบวชผู้ทรงฤทธิ์สามารถช่วยพี่หญิงให้ฟื้นคืนชีพได้”“ดังนั้นจึงมีหล่างชิ่นมา”“เสด็จพ่อกล่าวว่า นางคือพี่หญิงที่ฟื้นคืนชีพแล้ว เพียงแต่สูญเสียความทรงจำในวัยเยาว์ไป ข้าจึงเชื่อ”“ถึงแม้ว่านิสัยของนางจะเปลี่ยนไป แต่ข้าก็ยังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะชดเชยและทำดีกับนาง”“อาจเป็นเพราะข้าหลอกตัวเองเพื่อลดความรู้สึกผิดในใจของตัวข้าเองมาโดยตลอด”น้ำเสียงของหล่างมู่หนักอึ้งเมื่อลั่วชิงยวนได้ฟังจบก็รู้สึกตกตะลึงในใจดังนั้นหล่างชิ่นจึงมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของราชาเผ่านอกด่าน การปรากฏตัวของนางเป็นเพียงการหลอกลวงของราชาเผ่านอกด่าน เพื่อเป็นกำลังใจให้หล่างมู่มีชีวิตอยู่ต่อไปจึงมิน่าแปลกใจที่หล่างมู่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน มิได้คิด
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจยิ่งนัก “หมายความว่าอย่างไร?”หล่างมู่ครุ่นคิดแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เผ่านอกด่านของเรานั้น นอกจากเผ่าที่ท่านเห็นแล้วยังมีเผ่าเร่ร่อนอีกหลายเผ่า พวกเขามิได้ยอมสวามิภักดิ์และมิเชื่อฟังคำสั่งของเรา”“ดังนั้นจึงมักจะโจมตีผู้คนของแคว้นเทียนเชวียที่ชายแดนเพื่อแย่งชิงเสบียง”“หล่างชิ่นก็เคยทำเช่นนั้นมาแล้ว”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉินเชียนหลี่ปักหลักอยู่ที่เมืองผิงหนิงและต่อสู้กับหล่างชิ่นหลายร้อยครั้ง หล่างชิ่นน่าจะหลงรักฉินเชียนหลี่ แต่ก็เกลียดชังเขาด้วยเช่นกัน”“นางมองฉินเชียนหลี่เป็นคู่ต่อสู้ ต้องการพิชิตเขาให้ได้ แต่ฉินเชียนหลี่มีจิตใจที่เข้มแข็ง มิยอมจำนน”“ด้วยความหลงใหลจนบ้าคลั่ง นางจึงร่วมมือกับตระกูลเหยียนด้วยเป้าหมายเพียงเพื่อจับฉินเชียนหลี่”“ข้าเคยได้ยินนางพูดกับฉินเชียนหลี่ว่า หากเขายอมสวามิภักดิ์ หล่างชิ่นจะรับเขาเป็นสามี เพียงแต่เขาต้องละทิ้งความคิดที่จะกลับไปแคว้นเทียนเชวีย”“แต่ฉินเชียนหลี่มิยอมตกลง ดังนั้นนางจึงลงโทษฉินเชียนหลี่อย่างโหดร้าย”“เป็นหล่างชิ่นเองที่เสนอแนะต่อเสด็จพ่อว่าให้โจมตีแคว้นเทียนเชวีย นางรบเร้าเสด็จพ่อมา
พระราชวังหลังหนึ่ง! มิใช่พระราชวังที่โอ่อ่าตระการตาเหมือนในแคว้นเทียนเชวีย แต่เป็นพระราชวังที่เงียบสงบและงดงามราวกับภาพวาด คล้ายคลึงกับที่พำนักที่อาจารย์เคยอาศัยอยู่มากอย่างมิน่าเชื่อ! แม้กระทั่งการจัดวางสิ่งของ ภาพเขียนและของสะสมต่าง ๆ ก็เหมือนกันทุกประการ เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว ความรู้สึกคุ้นเคยที่หายไปนานก็ทำให้ใจของลั่วชิงยวนหวั่นไหว อารมณ์ที่ซับซ้อนหลั่งไหลออกมา“ดูเหมือนว่าที่นี่จะสร้างมานานแล้วสินะ”ราชาเผ่านอกด่านกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะเอามือไพล่หลัง “ที่นี่คือที่ที่พ่อสร้างให้นาง นางกล่าวว่า นี่คือรูปลักษณ์ของบ้านนางในแคว้นหลี”“ในอดีต นางได้เสียสละเพื่อพ่อมากมาย พ่อเกรงว่านางจะคิดถึงบ้านจนเศร้าใจ จึงสร้างที่นี่ให้เหมือนกับบ้านเดิมของนางทุกประการ”“การจัดวางสิ่งของ แม้กระทั่งโต๊ะและเก้าอี้ ล้วนเป็นฝีมือของพ่อเอง”ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก “ฝีมือของท่านหรือ?”“ท่านกับนางมีความสัมพันธ์เช่นไรกัน?”“หรือว่านางตามท่านมา...”ดวงตาของราชาเผ่านอกด่านฉายแววเศร้าหมองขณะกล่าวด้วยความเสียใจ “หากจะกล่าวว่าไม่มีความรู้สึกรักเลยก็เป็นเท็จ หากปราศจากความรู้สึกรัก เราจะยอมท
“บัดนี้ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย พวกเขาต้องการให้ข้าออกไปจากเผ่านอกด่าน” “ข้ามิปรารถนาจะยื้อยุด แต่สุดท้ายผลแห่งความทุ่มเทนานหลายปีก็สูญเปล่า” “วันนี้ข้ากระทำการบางอย่างที่อาจนำมาซึ่งความเสียใจ แต่เพื่อกระบี่งูวิญญาณ ข้ามิอาจสนใจได้มากนัก” “ข้าล่อหลอกหล่างมู่ให้เข้าสู่หุบเขาอสูร หยวนหนิงจึงตามไปช่วยเหลือเขา...”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หล่างมู่เข้าไปในหุบเขาอสูรและหยวนหนิงตามไปช่วย ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของอาจารย์ นั่นหมายความว่าสิ่งที่หล่างมู่กล่าวไว้เป็นความจริง หยวนหนิงจึงสิ้นชีพ และอาจารย์ทำข้อตกลงกับราชาเผ่านอกด่านเพื่อชุบชีวิตหยวนหนิงแลกกับกระบี่งูวิญญาณต่อมาเป็นเรื่องราวหลายปีต่อมา อาจารย์ออกจากเผ่านอกด่านไปพร้อมกับกระบี่งูวิญญาณ แต่กลับมาอีกครั้งหลังจากนั้นหลายปี ข้อความบนกระดาษเขียนไว้ว่า “ข้าทำตามที่สัญญาไว้กับเจ้าแล้ว หยวนหนิงจะฟื้นคืนชีพในมิช้า แต่อาคมนี้เป็นการฝืนลิขิตสวรรค์ ย่อมต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล” “นางอาจมีชีวิตอยู่มิถึงสิบเจ็ดปี และในที่สุดข้าก็จะต้องเผชิญกับหายนะจากสวรรค์” “ข้าจะไปยังแคว้นเทียนเชวียเพื่อเลี้ยงดูนางให้เติบใหญ่
เมื่อมองไปที่ยาเม็ดบนโต๊ะ นางก็ลองหยิบขึ้นมาดม กลิ่นยาแรงมาก แต่ดมแล้วก็มิรู้ว่าใช้ทำอะไร ลั่วเยวี่ยอิงกินยาเม็ดในกล่องก่อนหน้านี้ไปแล้ว นางคิดว่าความลับของอาจารย์ซ่อนอยู่ในกล่อง มิใช่อยู่ในยาเม็ด แต่ในกล่องนี้ก็มียาเม็ดเช่นเดียวกัน มันเป็นสิ่งสำคัญหรือไม่? นางจึงเก็บยาเม็ดไว้ เพราะยาเม็ดนี้อาจใช้ประโยชน์ได้หลังออกจากพระราชวัง นางเห็นราชาเผ่านอกด่านนั่งอยู่ใต้ต้นไม้บนเนินเขา เงาร่างโดดเดี่ยวและอ่อนแอ ดูอ้างว้างมาก บัดนี้เมื่อรู้ถึงอีกอัตลักษณ์หนึ่งของตนเอง ลั่วชิงยวนกลับมิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร แต่ราชาเผ่านอกด่านเป็นฝ่ายเห็นนางก่อน จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ออกมารวดเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ? สิ่งที่เจ้าสงสัย ได้คำตอบแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนเดินไปนั่งลงด้วย“หลังจากที่ท่านมอบกระบี่งูวิญญาณให้ลั่วอิงแล้ว ท่านเคยพบกับนางอีกหรือไม่?” ราชาเผ่านอกด่านส่ายหน้าด้วยความเสียใจ “มิได้พบอีกเลย นางคงเกลียดพ่อแล้วจึงมิได้กลับมาอีกเลย” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่ามีห้องลับในวัง?” ราชาเผ่านอกด่านตอบว่า “รู้ แต่พ่อมิเคยเข้าไป” “เหตุใดหรือ?” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว รา
ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น เหล่าสตรีล้อมกองไฟเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะก้องกังวานไปทั่วหล่างมู่เดินเข้ามาพร้อมช่อดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ “ข้าขอถวายแด่ท่านราชินีผู้ทรงเกียรติ”ลั่วชิงยวนรับดอกไม้พลางอมยิ้ม “หล่างมู่ เมื่อพิธีเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะมอบบัลลังก์ให้เจ้า”รอยยิ้มบนใบหน้าของหล่างมู่แข็งค้าง “พี่หญิง ข้าจะคอยช่วยเหลือท่าน ท่านมิจำเป็นต้องมอบบัลลังก์ให้ข้าหรอกขอรับ”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ “แต่ข้าจะต้องกลับไปยังแคว้นเทียนเชวีย ข้าจะอยู่ที่นี่ตลอดไปมิได้”“หากท่านจะไปก็ไปเถิดขอรับ ไม่มีผู้ใดขัดขวางท่านได้”“แต่ท่านมิควรมอบตำแหน่งนี้ให้ข้า นี่เป็นตำแหน่งของท่านขอรับ!” หล่างมู่กล่าวอย่างจริงจังขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะเอ่ยปาก จู่ ๆ เหยี่ยนหลัวก็รีบวิ่งมา “ท่านราชาต้องการพบกับองค์หญิงหยวนหนิงพ่ะย่ะค่ะ”ลั่วชิงยวนจึงได้สติและสังเกตเห็นว่าราชาเผ่านอกด่านได้ออกมาแล้ว นางตามเหยี่ยนหลัวไปยังห้องหนึ่ง แล้วพบราชาเผ่านอกด่านนอนอยู่บนเตียง ร่างกายอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด“ท่านเป็นอะไรไป?” ลั่วชิงยวนรีบจะตรวจชีพจรให้ทันที แต่ราชาเผ่านอกด่านกลับผลักมือของนางออก “
“เสด็จพ่อ!”ลั่วชิงยวนและเหยี่ยนหลัวรีบเข้าไปในห้อง แต่คนบนเตียงกลับสิ้นลมหายใจไปแล้วหล่างมู่ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเศร้าโศกอยู่ข้างเตียง เหยี่ยนหลัวคุกเข่าลงลั่วชิงยวนสับสน ราชาเผ่านอกด่านสิ้นใจไปแล้วในคืนที่มอบบัลลังก์ให้แก่นางหลังจากหล่างมู่ร้องไห้แล้ว เขาก็ลุกขึ้นกล่าวว่า “เสด็จพ่อบอกว่าควรปิดบังข่าวการจากไปของท่านไว้สักระยะหนึ่ง”“หลังจากจากไปแล้วให้ฝังร่างไว้ที่นอกวังบนภูเขา”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึง นอกวังบนภูเขาหรือ? ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งวาระสุดท้าย ท่านก็ยังคงคิดถึงลั่วอิงเนื่องจากการจากไปของราชาเผ่านอกด่าน ลั่วชิงยวนจึงต้องล่าช้าไปอีกหลายวัน รอจนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธีฝังศพแล้วจึงจะไปยังสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้ในวันฝังศพ พญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่านอกด่านก็มาส่งด้วยเช่นกัน มาเกาะอยู่บนแขนของลั่วชิงยวน มองดูหลุมฝังศพของราชาเผ่านอกด่านลั่วชิงยวนใช้ปลายนิ้วลูบมันเบา ๆ “เจ้าเกือบจะกลายเป็นทูตส่งวิญญาณแล้วหรือ?”มันกะพริบตา แล้วเอียงคอมองที่น่าแปลกคือ หลังจากฝังศพราชาเผ่านอกด่านแล้ว ลั่วชิงยวนก็กลับเมือง แต่พญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงติดตามนางไปด้วย บินว
ขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะลงไปช่วยเหลือหล่างมู่ จู่ ๆ นกอินทรีก็บินมาเกาะแขนของนางอีกครั้ง แล้วดึงแขนเสื้อของนางไว้ลั่วชิงยวนตบมันออกไป “เจ้าตัวนี้นี่ มิช่วยก็อย่ามาขวางทางข้า” ลั่วชิงยวนกระโดดเข้าร่วมการต่อสู้ คมดาบสะท้อนแสงจันทร์เปล่งประกายในความมืดมิด เลือดสาดกระจายไปทั่ว นกอินทรีที่ถูกลั่วชิงยวนตบจนกระเด็นไปร้องเสียงแหลมดังก้องไปทั่ว เสียงนั้นแหลมคมราวกับจะทะลุโสตประสาท ทรงพลังยิ่งนัก ทันใดนั้น เสียงหมาป่าตัวหนึ่งหอนก็ดังขึ้นอีกครั้ง แล้วฝูงหมาป่าก็เริ่มล่าถอยไปแล้ว! ลั่วชิงยวนและหล่างมู่ยังคงจับมือกันแน่น เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด มือทั้งสองสั่นเทา การล่าถอยอย่างฉับพลันของฝูงหมาป่าทำให้ทั้งสองตะลึงงัน คิดว่าจะเป็นการต่อสู้ที่นองเลือดอันยาวนาน แต่กลับจบลงอย่างรวดเร็ว “เป็นเพราะพญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์” หล่างมู่เงยหน้ามองนกอินทรีที่กำลังบินวนเวียนอยู่ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่เปื้อนเลือด ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “มันศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ...” นกอินทรีบินกลับมาเกาะอยู่บนแขนของลั่วชิงยวนอีกครั้ง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลั่วชิงยวนเห็นว่ามันราวกับกำลังเช