Share

บทที่ 520

Author: หูเทียนเสี่ยว
“ เจ้าสำนัก ” เฮยหลิงพูดด้วยเสียงต่ำ

"อืม"เจี่ยงเทียนซิงตอบและพูดอย่างเบา ๆ "เจ้าไปได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าเป็นคนอิสระแล้ว"

มีความงุนงงเล็กน้อยในสายตาของเฮยหลิง แต่เขาไม่รู้สึกแปลกใจเลย

เจี่ยงเทียนซิงมองเขา และทันใดนั้น เขามีความคิดหนึ่ง "ตอนที่เจ้าบ้าคลั่ง เจ้ารู้เรื่องไหม"

ดวงตาอันสีดำของเฮยหลิงเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย "จำได้ทุกเรื่อง"

เจี่ยงเทียนซิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตกใจมาก

เขาแค่พยักหน้าและพูดว่า "พอดี ข้าไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม เจ้าเป็นคนอิสระแล้ว แล้วส่วนทำไมเจ้าถึงเป็นคนอิสระได้ ข้าไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน"

ดวงตาของเฮยหลิงกะพริบอีกครั้ง และดวงตาของเขาซึ่งยังค่อนข้างว่างเปล่า ดูเหมือนจะมีสมาธิในทันใดนั้น

"ข้าเข้าใจแล้ว" เฮยหลิงกล่าว "ขอบคุณเจ้าสำนักที่คอยดูแลข้ามาตลอด ข้าขอลาก่อนขอรับ"

เจี่ยงเทียนซิงพยักหน้า เขามองเฮยหลิงเดินจากไป แล้วพูดว่า "แม้ว่าบุคคลนั้นจะต่อสู้อย่างดุเดือด แต่จริง ๆ แล้วนางเป็นคนใจอ่อน หากเจ้าไม่มีที่ไปจริง ๆ เจ้าไปหานางก็ได้ ... "

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของเฮยหลิงก็หยุดลง ราวกับว่าเจี่ยงเทียนซิงพูดถึงเรื่องที่เขาก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 521

    อันที่จริง ต่อให้ไม่มีใครพึ่งพาได้ จั๋วซือหรานก็ไม่เคยกลัวมาก่อนนางมีชีวิตมาแล้วสองชาติ ไม่ว่าจะขุมพลังเมื่อตอนไหน ก็ล้วนเป็นความสามารถและฝีมือของตนเองทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดเลยแต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นซือคงเจาหมิ่นกับซือคงอวี้ที่ก่อเรื่องวุ่นวายนี้ขึ้นจั๋วซือหรานราวกับเป็นเครื่องจักรอนันต์อย่างไรอย่างนั้น ทำงานต่อกันไปถึงสองวันแต่เหล็กตีไปมันก็รู้สึกอ่อนล้า ไหนจะเรื่องที่นางก็เป็นแค่ร่างกายเนื้อ...แม้จะไม่ถึงกับทนไม่ไหว นั่งนั้นมีนิสัยที่จะแบกเรื่องทั้งหมดเอาไว้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ว่าพอด้านหลังมีคนที่คอยประคองบ่านางให้ยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ตอนที่กลิ่นหอมเย็นชื่นใจที่คุ้นเคยลอยเข้ามาในลมหายใจนางจั๋วซือหรานก็ยังรู้สึกได้ถึงความสงบใจ“ท่านอ๋อง...” จั๋วซือหรานเรียกขึ้นแผ่วเบา ผ่อนลมหายใจออกมา พิงหลังเอนเข้าไปยังหน้าอกกว้างแผ่นหนึ่ง“เรื่องที่ตลาดมืด เรียบร้อยแล้วหรือยัง?” เสียงทุ้มต่ำทรงเส่น่ห์ดังขึ้นมาที่ข้างหูนาง“อืม” จั๋วซือหรานขานรับเสียงต่ำมาคำหนึ่ง ส่วนใหญ่น่าจะเพราะเหนื่อยล้า ดังนั้นอันที่จริงจั๋วซือหรานเองก็ยังไม่ทันสังเกต ว่าเสียงของตนเองอ่อนหวานจนดูเหมือนอ้อนไปแล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 522

    ก่อนหน้านี้ตอนที่เฟิงเหยียนคลุมผ้าให้ก็ไม่ทันสังเกตขณะนี้ หลังจากที่เขาคลุมผ้าให้กับหญิงสาวในอ้อมกอดแล้ว แขนท่อนหนึ่งของเขาก็โผล่ออกมานอกผ้าคลุมทหารหลายคนเห็นเพียงชายเสื้อสีดำของเขา ส่วนมือของเขากลับไม่เห็นอะไรที่น่าสงสัยแต่ตอนที่ในชายเสื้อเห็นผิวหนังของข้อมือวับแวมออกมา ภาพนั้นก็น่าสะพรึงเอามากๆบาดแผลสีดำไหม้ปรากฏขึ้นต่อเนื่อง ดูโหดร้ายน่ากลัว ราวกับเคยถูกเผาไหม้มาอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นขณะที่หายใจ ยังมีสัญลักษณ์ลายดอกไม้สีทึบหลั่งทะลักขึ้นมาราวกับมีพลังฟื้นฟูที่มหัศจรรย์บางอย่าง ทำให้บาดแผลที่ดำไหม้แต่เดิมที หลังจากสัญลักษณ์ลายดอกไม้นี้หลั่งทะลักขึ้นมา ก็หายเป็นปกติแล้วสลายไปแต่รอยไหม้ที่โหดร้ายเพียงไม่นานก็ปรากฎขึ้นอีก ฟื้นฟูและหายไปอีกครั้งขณะที่หายใจ...เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาเดิมที แค่จะให้เหล่าทหารรู้สึกว่าแปลกประหลาดเท่านั้น ไม่ได้จะให้รู้สึกสะพรึงกลัวขนาดนี้แต่ทหารเหล่านี้ก็นึกออกทันที ว่าบาดแผลเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็น่าจะกระตุ้นความเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นมาบ้างแต่ชายหนุ่มหลอเหล่าตรงหน้าคนนี้ สีหน้าบนใบหน้ากลับไม่เปลี่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่523

    เหล่าทหารหลายคนเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าใจเป็นพิเศษ“ดังนั้นคนเมื่อครู่...คือซื่อจื่อแห่งตระกูลเฟิงหรือ?”“แต่ข้าได้ยินมาว่า หลังจากที่การหมั้นหมายของตระกูลเฟิงและแม่นางจิ่วแล้วถูกยกเลิกไปแล้ว ก็ไม่ได้มีการเกี่ยวดองกันอีกเลยมาตลอดนี่”“ใช่เลย เหมือนว่าของหมั้นเองก็ส่งไปแล้ว แต่เหมือนตระกูลเฟิงจะไม่ยอมเลือกวันเสียที และไม่ยอมประกาศต่อภายนอกด้วย”“หลังจากนั้นในเมืองหลวงก็มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นสินะ? เรื่องของตระกูลจั๋ว เรื่องของตระกูลเหยียน ราคาวัตถุดิบยาเพิ่มขึ้น สองตระกูลทะเลาะกันแตกหัก...แล้วยังเรื่องโรคระบาดครั้งนี้อีก”ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในใจทหารหลายคนก็เข้าใจแล้ว ว่าชายหนุ่มหล่อเหลาที่ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นวาบคนนั้น น่าจะเป็นซื่อจื่อจากตระกูลเฟิง“ได้ยินมานานแล้วว่าซื่อจื่อตระกูลเฟิงมีนิสัยเย็นชา ไม่เห็นใจไม่เมตตาไม่เข้าใจความรู้สึกของใคร ปฏิเสธคนอื่นราวกับอยู่ห่างไกลกันพันลี้”“แต่ว่า สำหรับแม่นาวจิ่วกลับอ่อนโยนเสียเหลือเกิน...”พวกเขาเองก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมบนมือของเฟิ่งเหยียนถึงได้มีบาดแผลที่ประหลาดขนาดนั้นถึงอย่างไรนั่นก็เป็นตระกูลเฟิง แม้จะไม่ใช่ว่าทุกคนท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 524

    “กลิ่นอายที่คุ้นเคย พอได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าเจ้ามา” จั๋วซือหรานพูดต่อ “แต่ก่อนหน้าก็เหมือนจะไม่ชัดเจนขนาดนี้ ทว่าข้าเองก็ไม่คิดมาก ตอนที่เตรียมจะหลับ จู่ๆ ปฏิกิริยามันก็เข้ามาเอง”ดวงตาที่ดูไม่กระฉับกระเฉงเพราะง่วงของจั๋วซือหราน ในที่สุดก็ปิดขึ้นมา เหลือบมองไปทางเฟิงเหยียนอย่างเกียจคร้าน“นั่นเป็นกลิ่นสุราน้ำเต้าใช่ไหม?” จั๋วซือหรานมองเฟิงเหยียน“อืม” เฟิงเหยียนเองก็มองนางและไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า จั๋วซือหรานเห็นประกายอ่อนโยนวาบผ่านไปในดวงตาของเขาจากนั้นก็ได้ยินเฟิงเหยียนถามขึ้น “ความรู้เกี่ยวกับยาการแพทย์ของเจ้าร้ายกาจเสียขนาดนั้น ก่อนหน้านี้คิดไม่ออกเลยหรือว่านั่นเป็นกลิ่นสุราน้ำเต้า? ก่อนหน้านี้เจ้าคิดว่าเป็นอะไร”ริมฝีปากของจั๋วซือหรานเบ้ไปเล็กน้อยก่อนหน้านี้นางไม่มีปฏิกิริยาจริงๆ รู้สึกมาตลอดว่ากลิ่นบนตัวชายคนนี้หอมจริงๆ“สรุปคือ ต้องดื่มสุราน้ำเต้าแค่ไหน กลิ่นอายถึงจะเข้มข้นชัดเจนขนาดนี้ล่ะ” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วถามขึ้นบนสีหน้าเฟิงเหยียนยังคงไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร มีประโยชน์ก็พอแล้ว นอนเถอะ”จั๋วซือหรานไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่บอกนางเลิกคิ้วขึ้นเล็ก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 525

    ไม่ว่านางจะดูเด็ดเดี่ยวไม่อ่อนข้อต่อภายนอกเพียงใด จะดูดื้อรั้นไม่ยอมใครสักแค่ไหน แต่อันที่จริงในใจ เกี่ยวกับเรื่องสัมพันธ์ชายหญิง...อันที่จริงนางก็ไม่มีประสบการณ์ชาติที่แล้วก็เป็นแค่หญิงโสดไม่มีคนรักจนกระทั่งตายส่วนชาตินี้ เพราะตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างมีอิสรเสรี จึงไม่คิดจะยึดติดกับอะไรมากมายนักดังนั้นคนที่หล่อเหลาฟ้าประทานไม่มีใครเทียมอย่างท่านอ๋องนี่ จั๋วซือหรานจึงรู้สึกกระหายอยากมาตั้งแต่แรกหรือก็คือ ในเมื่อตัดสินใจจะอิสระเสรีแล้ว แล้วยังกระหายอยากกับความหล่อเหลาหุ่นดีของอีกฝ่าย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะเป็นอะไรสิอยากจูบก็จูบ เหมือนจะไม่มีอะไรที่ไม่ได้นี่นาแต่พอจะทำอะไรแบบนั้น ก็เหมือนจะยังหวาดๆ อยู่บ้างทว่า เฟิงเหยียนก็เหมือนจะแค่แหย่นางเล่นเท่านั้น อันที่จริงไม่ได้คิดจะทำอะไรนางหรอกพอเห็นนางค้านกลับคอแข็งเช่นนี้ เขากระทั่งยัง...พยักหน้าตามใจให้เสียด้วยเขาบีบคางของนาง พยักหน้า “อืม ไม่กลัวสินะ”ในเส้นเสียงมีความแหบพร่าอยู่ แต่ในน้ำเสียงกลับไม่ได้เปลี่ยนไปแปลงไปเท่าใดนัก เหมือนจะไม่ค่อยแตกต่างกับช่วงเวลาปกติ แต่ก็ประหลาด มันทำให้คนที่ได้ยิน...รู้สึกว่าต้องอ่อนโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 526

    จั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ท่าทางของทั้งสองคนเวลานี้มันจะมากเกินไปหน่อยแล้ว สาเหตุจากเพราะเมื่อครู่เพิ่งกอดจูบกันไปตอนนี้ เฟิงเหยียนนอนอยู่ข้างตัวนางใกล้กันมาก ไหล่ของนางสามารถรู้สึกได้ถึงกล้ามมัดไหล่ของเฟิงเหยียนได้ยิ่งไปกว่านั้น ความใกล้ขนาดนี้...เฟิงเหยียนหมุนตามองมา จั๋วซือหรานจึงรู้สึกว่า ลมหายใจของเขารดลงมาบนใบหน้า ราวกับพัวกันเข้ามาในลมหายใจของตนเอง“อื๋อ? อื๋อ?” จั๋วซือหรานยังตั้งตัวไม่ได้ ส่งเสียงสงสัยออกมาสองคำเฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น “ช่วงนี้ ข้าไม่มีที่จะอยู่แล้ว”จั๋วซือหรานตกตะลึงนางกระพริบตาปริบ จากนั้นก็กระพริบตาปริบๆ อีกจู่ๆ ก็เข้าใจความหมายของเฟิงเหยียนขึ้นมาจั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “เพราะข้าไม่ค่อยแน่ใจ ดังนั้นจึงอยากจะถามท่านอ๋องเสียหน่อย...อยากจะพักอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” “是。” นางมองดวงตาเฟิงเหยียน เฟิงเหยียนเองก็มองนาง จากนั้นจึงพยักหน้า “ใช่”จั๋วซือหรานมึนงง “หรือก็คือ..จะอยู่กับข้าที่นี่?”“ใช่” เฟิงเหยียนพยักหน้าอีกครั้ง “ข้าไม่มีที่ไหนที่จะไปได้แล้ว”หญิงสาวคนนี้ ปกติหยิ่งทะนงองอาจ จะใครก็ไม่อาจมาข่มเหงนางได้ดูแล้วเหมือนไม่กลัวฟ้ากลัวดิน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 527

    เฟิงเหยียนเอียงตามองไปพอเห็นใบหน้าหลับของจั๋วเสียวจิ่ว ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ ว่าหญิงสาวคนนี้งดงามเหลือเกินเฟิงเหยียนอันที่จริงก็รู้ว่าตนเองจำหน้าใครไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจำใครไม่ได้เลย แต่บางครั้งเพียงแค่พบหน้ากันแล้วก็ผ่านไป จึงขี้เกียจจะไปจดจำรูปร่างหน้าตาแต่ต่อให้คนแบบเขา ก็ยังต้องยอมรับ ว่าจั๋วเสียวจิ่วคนนี้ มีใบหน้าที่ไม่ว่าจะยอมหรือไม่ยอมจดจำ แต่เพียงมองแค่แวบเดียว ความงามนั้นก็ราวกับประทับลงไปในความทรงจำของสมองแล้วตอนที่ยังตื่นดี ก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมแกมโกงอยู่หน่อยๆ งดงามเป็นพิเศษ และพอหลังจากหลับไป สองตาที่มีประกายเฉลียวฉลาดนั้นหลับลง ขนตาเรียวยาว ก็ราวกับปีกผีเสื้อหุบคลุมลงมาอย่างไรอย่างนั้น มีรอยดำเป็นวงบริเวณเบ้าตาดูเป็นความงามที่สงบเยือกเย็นเฟิงเหยียนเอียงตามอง หญิงสาวเช่นนี้ อายุก็ยังไม่มากยังหน้าตางดงามเสียขนาดนี้ ราวกับเป็นดอกไม้บนกิ่งที่เปราะบางอ่อนแอที่สุด พร้อมที่จะถูกเด็ดดอมไปทุกเมื่อ ใครจะคิดถึงว่าในกระดูกกลับเป็นดอกไม้งามอหังการ มีหนามแหลมพิษงอกยาวยื่นอยู่ ไม่ว่าใครที่อยากจะข่มเหงนาง ก็ต้องจ่ายออกมาด้วยเลือดทั้งสิ้นยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวคนนี้ ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 528

    “โรคระบาดจะมาแล้ว นางรับผิดชอบไหวหรือ!”“รีบเปิด รีบเปิดร้าน!”“ข้าต้องการซื้อยา ข้าจะซื้อยา!”เหยียนหยี่หลิงยืนอยู่หน้าประตูศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนที่ปิดสนิท ตาหรุบต่ำ สีหน้าบนใบหน้ายังคงมีท่าทีรู้สึกลำบากใจแต่ในดวงตาที่หรุบต่ำนั้น กลับมีประกายขบขันอยู่เหยียนหยี่หลิงคิดถึงแขกคนสำคัญที่จู่ๆ ก็มาหานางเมื่อเช้าแม้เหยียนหยี่หลิงจะไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าองค์หญิงเจาหมิ่นทำไมจู่ๆ จึงมาหานางแต่เช้าขนาดนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้แจ้งกล่าว แต่แอบเข้ามาพบอีกด้วยเหยียนหยี่หลิงมองออก ว่าองค์หญิงคนนี้ก็เหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แม้บนใบหน้าจะมีรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบก็ตามแต่ก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนไม่ค่อยจะดีใจเท่าไรนักหลังจากนั้น องค์หญิงเจาหมิ่นก็ให้ตำรับยานางมาหนึ่งตำรับ และบอกกับนางว่า...“ในเมืองหลวงจะมีโรคระบาดปรากฏ นี่คือตำรับยาที่เอามารักษาโรคระบาดนั้น”“เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะจั๋วจิ่วก่อนหน้านี้ ตระกูลเหยียนของพวกเจ้าเสียหายไปไม่น้อย ถ้ามีตำรับยานี้ โรคระบาดที่ว่า ไม่แน่ว่าพวกเจ้าอาจจะกู้ชื่อเสียงกับความเสียหายกลับมาได้บางส่วน”เหยียนหยี่หลิงจำได้ว่าตนเองตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจ ถ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1121

    "เจ้า...เจ้าคือจั๋วซือหรานหรือ?" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าถามยืนยันขึ้นมา"ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยังคงนั่งอยู่ มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเย็ฯชาบางทีคงเป็นเพราะหญิงสาวหน้าตาดีมักทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายความระแวดระวังลงดังนั้นหลังจากที่คนสำนักเมฆาวารีเข้ามา สีหน้ากับน้ำเสียงจึงไม่ได้ดุดันแบบก่อนหน้านี้ ฟังแล้วเหมือนจะสงบลงมาระดับหนึ่งเพียงแต่ว่า ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนือกว่าและเย่อหยิ่ง"เจ้าเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องไปมีเรื่องกับตระกูลด้วย? คิดไม่ตกแล้วหรือไรกัน" คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสำนักเมฆาวารีขมวดคิ้วถาม ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจอย่างชัดเจนกระทั่งยื่นข้อเสนอกับจั๋วซือหรานขึ้นมา "พวกเราเองก็ไม่อยากจะต้องทำให้หญิงสาวคนหนึ่งลำบากใจ ขอแค่เจ้าไปขอโทษเหอจื้อหย่วนดีดี พวกเราจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงฟังออกไม่ยากว่าหงุดหงิด เอ่ยกันตัวเองว่า "ดูท่าพวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนสำคัญของสำนักเมฆาวารีสินะ""อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารีกลุ่มนี้ เหมือนยังไม่เข้าใจความหมายจั๋วซือหราน เหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานรู้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1120

    เดิมทีเพราะรู้สึกว่านางจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาอีก ดังนั้นเลยคิดจะอยู่ต่ออีกหน่อยไม่นึกว่านางจะไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆทั้งคืนก็หน้าซีดเป็นระยะๆ หลังจากที่เขาไปช่วยให้ทุเลาแล้ว ผ่านไปพักหนึ่งก็กลับมาขาวซีดอีกจนตอนที่ฟ้าเริ่มสาง สีหน้านางในที่สุดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเขามองขอบฟ้าที่เริ่มสาง มองใบหน้านางที่ในที่สุดก็ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงถอนใจโล่งออกมาได้เสียทีตอนนี้จึงออกมาจากในห้องก่อนที่เขาจะก้าวออกไป หญิงสาวบนเตียงก็ลืมตาพญาหงส์คู่งามนั้นขึ้นดวงตางดงามเจิดจ้าราวดวงดารา มุมปากเองก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซนจากนั้นจึงกอดห้าห่มไว้แน่น หลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทราจั๋วซือหรานหลับอย่างสบาย ตอนที่ตื่นขึ้นมา เวลาก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้วเจิ้นเจียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอก น้ำเสียงมีความกังวล "แม่นาง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"จั๋วซือหรานค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ขานรับเสียงแผ่ว "อืม...ไม่เป็นไร""เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี"หลังจั๋วซือหรานตื่นนอน สภาพก็ยังพอไหว พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปโถงหน้ากินอาหารจากนั้นจึงถามเจิ้นเจียงขึ้นคำหนึ่ง "กองหนุนของตระกูลเหอมาถึงหรือยัง?""ยังเลยขอรับ" เจิ้นเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1119

    น่าจะเพราะคิดว่าเช่นนี้จะไม่ถูกพบเข้ากระมังจั๋วซือหรานแค่รู้สึกว่า...ถ้าตอนนี้นางลืมตาขึ้นมา คงจะน่าดูชมเลยทีเดียวแต่แมงมุมน้อยก็เอ่ยขึ้นข้างๆ ว่า "นายท่าน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ข้างๆ ท่าน ท่านจะลืมตาขึ้นมาหรือ?"จั๋วซือหรานหยุดคิดไปครู่หนึ่ง "ไม่ล่ะ"แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขินหรือกลัวอะไร ก็แค่เพราะนางเป็นคนที่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียได้เท่านั้นเรื่องด่วนที่นางต้องทำตอนนี้ คือเพื่อรับมือกับสำนักเมฆาวารีถ้าหากตอนนี้ลืมตาขึ้นมา แล้วเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเขาขึ้นมา ไม่แน่อาจจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องที่กองหนุนของสำนักเมฆาวารีกำลังจะมาถึงก็ได้ไหนจะเรื่อง..."แบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ" จั๋วซือหรานยิ้มตาหยี "เขาไม่ใช่ว่าชอบแสดงนักหรือไง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเล่นด้วยจนจบเลย ดูว่าเขาจะแสดงได้ถึงตอนไหน จะแสดงได้นานแค่ไหน"จะว่าอย่างไรดี...?พูดได้แค่ว่า...สู้กับเฟิงเหยียน มันสนุกเสียจริงฮ่าๆ!จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีบอกกับราชาแมงมุมหน้าผี "แต่ว่า แมงมุมน้อยเจ้าตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป สภาพของข้าฟื้นฟูแล้ว จัดการหุ่นเชิดความมืดนี่ต่อได้แล้ว"ขณะเดียวกัน ภายในห้องเงามืดร่างนั้น คอยซ่อนอยู่ใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1118

    แต่พอออกมาจากปากของนาง ก็ทำให้เขาไม่มีความคิดเช่นนั้นขึ้นมาอย่างประหลาดและปันอวิ๋นเองก็ทำตามสิ่งที่จั๋วซือหรานคาดหวัง ชี้แนะถึงระบบของวิชากู่และวิชาหุ่นเชิดแก่นางจั๋วซือหรานเองก็ฉลาดเฉลียว เรียนอะไรก็เข้าใจไปหมดคนเราไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไปพอเทียบมาเช่นนี้ แล้วคิดไปถึงศิษย์พวกนั้นในหุบเขาหมื่นพิษ ก็เหมือนมีแต่พวกหัวแข็งออกมาคนแล้วคนเล่าและคืนนี้ ตอนที่จั๋วซือหรานพักผ่อน เงาดำร่างหนึ่ง ก็แอบเข้ามาในห้องการเคลื่อนไหวก็ดูลึกลับผิดปกติ ทักษะการเคลื่อนไหวใช้งานถึงขีดสุด กระทั่งคนระดับจั๋วซือหราน ก็ยังไม่อาจสังเกตได้ในทันทีและขณะเดียวกัน จั๋วซือหรานก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องหุ่นเชิดความมืดในมิติของนางพวกก้อนเนื้อกับเหล่าสัตว์ประหลาด ก็ล้วนสังเกตได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดนี้มีกลิ่นอายที่เย็นเยียบมากจริงๆถ้าแค่ชั่วขณะหนึ่งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าสัมผัสกับมันอยู่ตลอดเวลา สภาพของจั๋วซือหรานเองก็ต้องถูกผลกระทบไปบ้าง"...นายท่าน ช่างมันดีกว่าไหม ไม่น่าจะต้องรีบร้อนในตอนนี้ ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว" ราชาแมงมุมหน้าผีเตือนเสียงต่ำขึ้นมาข้างๆจั๋วซือหรานพอได้ยินก็แหงนตายิ้มให้มัน จา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1117

    ที่จั๋วซือหรานไม่รู้ก็คือ การคงอยู่ของพิษกู่ร้อยไหม จุดเริ่มต้นของมัน คือปันอวิ๋นคิดจะเสริมแกร่งการควบคุมของวิชาหุ่นเชิดหวังว่าจะค้นคว้าสิ่งที่มีพลังมากกว่าหุ่นเชิดความมืดออกมาได้แต่ว่า...กลับล้มเหลว"...พิษกู่ร้อยไหมเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวเท่านั้น" ปันอวิ๋นเอ่ย "ตั้งแต่แรกเริ่ม เป้าหมายของข้าคือหวังว่าจะสามารถทำให้วิชากู่กับวิชาหุ่นเชิดรวมกันได้ในระดับหนึ่ง เกื้อกูลกันจนยกระดับพลังการควบคุมได้"และไม่ต้องไปเอาคนเป็นมาหลอมเป็นหุ่นเชิดอีก เอาจริงๆ กระบวนการนั้นมันค่อนข้างแย่เลยทีเดียวถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสพสุขกับการสังหารเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องจงใจนำออกมาพูดก็ได้ กลับจะดูใจแคบจนเกินไปจั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "สิ่งล้มเหลวที่เจ้าหุบเขาพูด คงไม่ได้หมายถึงพวกหนอนกู่ร้อยไหมหลายตัวนั้นของข้าหรอกใช่ไหม?"ปันอวิ๋นแหงนตามองนาง "พวกมันนั่นล่ะ""เจ้าพูดถึงพวกมันแบบนี้ พวกมันจะรู้สึกแย่เอานะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า "พวกมันมีคุณสมบัติที่พิเศษ ข้าหลอมสกัดออกมาจากแมลงกู่ใยไหม เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1116

    "นั่นเพราะความทรงจำที่ไม่สมประกอบของเขาล้วนเคียดแค้นชิงชังเจ้ากระมัง ดังนั้นพอได้ยินเสียงของเจ้าถึงได้ทนไม่ไหว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าเห็นหน้าเขาแล้วก็เข็ดฟันสุดๆ ดังนั้นก็เหมือนกันนั่นล่ะ" จากนั้นนางก็ยิ้มตาโค้งให้ปันอวิ๋น "ดังนั้นเจ้าหุบเขาโปรดให้อภัยด้วย"นางวางดาบยาวลงข้างๆ แล้วจึงนั่งยองลงมา มองไปยังหุ่นเชิดความมืดบนพื้น"ดูแล้ว...ก็ไม่ได้น่าเกลียดจริงๆ" จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายที่ปันอวิ๋นพูดไว้ว่าพอเห็นหุ่นเชิดความมืดก็ดูออกว่าเป็นของสำนักเมฆาวารีขึ้นมาแล้วเพราะว่า...พูดแบบนี้แล้วกันหุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของสำนักเมฆาวารี มองแล้วก็เหมือนกับผีดิบแต่หุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของปันอวิ๋น มองแล้วคล้ายกับซือคงอวี้ที่ป่วยหนักจั๋วซือหรานยิ่งรู้สึกสนใจกับวิชาหุ่นเชิดขึ้นไปอีกนางหยิบอักขระคำสาปหุ่นเชิดความมืดสำนักเมฆาวารีที่ตนเองคัดลอกออกมา นำมาเปรียบเทียบอย่างละเอียดกับอักขระคำสาปบนตลับหุ่นเชิดของปันอวิ๋น"เหมือนจะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกันจริงๆ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นตอบ "อักขระคำสาปของปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนทุกคนล้วนมีจุดที่แตกต่าง แต่แกนกลางนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1115

    ใบหน้านี้ จั๋วซือหรานยังสามารถมองออกได้ในทันทียิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางเรียกชื่อเขาออกมา...แม้ว่าเขาจะเป็นหุ่นเชิดความมืดไปแล้ว แต่ก็เหมือนว่ายังมีปฏิกิริยากับชื่อนี้อยู่...หรืออาจจะ มีปฏิกิริยากับเสียงของนางอาจจะเพราะชิงชังนางอย่างมากกระมัง?สรุปคือ จั๋วซือหรานสัมผัสได้ ว่าการโจมตีของเขาเฉียบคมขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว พลิกข้อมือ ดาบยาวในมือชักออกดังเสียงดัง "เคร้ง..."จากนั้นแสงดาบก็แทบจะจ้าแยงตา!นี่เป็นสิ่งที่ปันอวิ๋นคาดการณ์ไม่ถึงเพราะปันอวิ๋นคิดอยู่ตลอด ว่าวิชาแพทย์วิชาพิษวิชากู่ กระทั่งการควบคุมสัตว์ของนางนั้นโดดเด่นมาก แต่ในด้านทักษะยุทธ์ แม้จะไม่ถึงกับอ่อนแอแต่บางทีอาจจะยังด้อยกว่าทักษะด้านอื่นๆ อยู่ถึงอย่างไร มนุษย์ก็ย่อมมีจุดอ่อนเสมอสายอาชีพอย่างแพทย์ ปรมาจารย์พิษ ปรมาจารย์กู่ ปรมาจารย์เชิดหุ่นต่อให้จะรุนแรงแค่ไหน การต่อสู้ระยะประชิดก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่แต่ที่คิดไม่ถึงคือ จั๋วซือหรานในตอนนี้กลับไม่ได้มีความอ่อนแอแบบที่แพทย์คนหนึ่งควรมีเลยหลังจากที่เห็นนางพลิกข้อมือ แล้วมีดาบยาวส่งเสียงวูมขึ้นมาพลังของนางก็เปลี่ยนไปฉับพลัน!หญิงสาวงดงามที่ดูไม่มีพิษภัย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1114

    ตอนที่ลุกขึ้นยืนก็มีข้อสรุปขึ้นมา "วิชาของสำนักเมฆาวารีหรือ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็เลิกคิ้ว ยิ้มตาโค้ง "ดูเหมือนเจ้าจะเป็นวิชาหุ่นเชิดสินะ!"ปันอวิ๋นเอียงตาเหล่มองนาง "ที่เจ้าจงใจวางไว้แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อจะดทสอบว่าข้าเป็นจริงหรือเปล่าไม่ใช่เรอะ"จั๋วซือหรานก็มีความหมายนี้อยู่จริงๆ ตอนนี้ถูกปันอวิ๋นจี้เข้ามา นางก็ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดนางหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าเจ้าไม่เป็น พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลาบนวิชาหุ่นเชิดอีก"แต่ในเมื่อปันอวิ๋นเป็น...จั๋วซือหรานถามขึ้น "ทำไมถึงมองออกว่าเป็นวิชาของสำนักเมฆาวารี? ข้าดึงตะปูวิญญาณกับห่วงวิญญาณทิ้งไปแล้ว...""ง่ายมาก" ปันอวิ๋นยกมุมปาก รอยยิ้มดูแล้วมีความประชดประชันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เพ่งเป้ามาทางจั๋วซือหรานบนความรู้สึก ดูคล้ายจะเพ่งไปทางสำนักเมฆาวารีมากกว่าปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "มีแค่สำนักเมฆาวารีที่เท่านั้นจะทำได้ระดับต่ำแบบนี้ อักขระคำสาปบนตัวก็ขาดความสมบูรณ์แบบ แต่ว่านี่็เป็นลักษณะของทางสำนักเมฆาวารี พวกเขาชอบเน้นไปที่พลานุภาพของหุ่นเชิดความมืด รู้สึกแค่ว่า ถ้าให้คนอื่นมองปราดเดียวแล้วรู้ว่าเป็นหุ่นเชิดความมืด ก็สามารถข่มขู่ฝ่ายตรง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status